ณ ชั้นสองของวังผ่านภาในูเาไป่หลิง
“นี่คือน้ำตาิญญา์หรือ?” หนิงเทียนมองหยดน้ำที่มีบางอย่างเคลือบไว้ ซึ่งภายในมีเศษพืชที่ค่อนข้างลึกลับ
ชิงผีซานพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่าประมาทเล่า นี่เป็หนึ่งในสิบสมบัติหายากของูเาไป่หลิง ทุกพันปีเ้าแห่งจิติญญาตา์จะสร้างหยดน้ำตาิญญา์ได้เพียงหนึ่งหยดเท่านั้น สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนดวงตาทางกายภาพเป็ดวงตาแห่งจิติญญาได้ นับเป็สิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้อย่างแท้จริง!”
“วิเศษขนาดนั้นเชียวหรือ? ขอข้าลองหน่อยสิ”
ทันทีที่หนิงเทียนยื่นมือออกมา ชิงผีซานก็หยุดเขาไว้
“การใช้น้ำตาิญญา์นั้นมีความเฉพาะเจาะจงอย่างยิ่ง ไม่อาจให้มันััิัของเ้าได้ ต้องหยอดเข้าตาโดยตรง ยามนี้เ้าจงเบิกตาให้กว้าง อย่ากระพริบตาเล่า”
น้ำตาิญญา์ที่ถูกเคลือบอยู่แยกออกเป็สองส่วนกลางอากาศ และหยดน้ำทั้งสองหยดก็พุ่งเข้าดวงตาของหนิงเทียนตามการสะบัดนิ้วของชิงผีซาน
“รีบใช้ทักษะดวงเนตรแล้วหลับตาลง” ชิงผีซานแนะนำ และหนิงเทียนก็ทำตามอย่างรวดเร็ว
พลันความรู้สึกแสบร้อนที่รุนแรงก็กัดกร่อนดวงตาของเขา จนเขาต้องกรีดร้องด้วยความเ็ป
“ผ่อนคลาย สงบสติอารมณ์ ความแสบร้อนเป็กระบวนการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จงใช้ทักษะดวงเนตรอย่างสุดกำลัง”
หนิงเทียนใและโกรธมาก แต่เขาทำได้เพียงเลือกที่จะเชื่อในตัวชิงผีซานเท่านั้น เขากระตุ้นยุทธศาสตร์ครอง์และทักษะเก้าเนตร์อย่างดุเดือด จากเนตรกลั่นกรองไปถึงม่านตาคู่ และไปสู่เนตรเสน่ห์ นอกจากนี้แผนที่จิติญญาทั้งเจ็ดในร่างก็ยังตื่นขึ้นมา แหล่งกำเนิดชีวิตหลั่งไหลเข้าสู่ดวงตาพร้อมด้วยสิ่งบำรุงจิติญญามากมาย ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งก้านธูปความรู้สึกแสบร้อนในดวงตาจึงค่อยๆ ลดลง และสิ่งที่ตามมาก็คือความเยือกเย็นที่ไม่อาจพรรณนาได้
ดวงตาของหนิงเทียนเปลี่ยนไปจากดวงตาทางกายภาพของมนุษย์เป็ดวงตาจิติญญา นี่คือการทำให้บริสุทธิ์ซึ่งต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงของเส้นลมปราณ วิวัฒนาการของทุกส่วนในร่างกาย และการปรับปรุงสายเืที่เกี่ยวข้องกับหลายๆ ด้าน
ความมหัศจรรย์ของยุทธศาสตร์ครอง์ การเสริมความแข็งแกร่งของดวงตาโดยกายาสุวรรณะนิรันดร์ และทักษะเก้าเนตร์ล้วนทำให้หนิงเทียนสามารถเปลี่ยนแปลงดวงตาจิติญญาได้อย่างสมบูรณ์
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” ชิงผีซานมองหนิงเทียนอย่างตื่นเต้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หนิงเทียนลืมตาขึ้น พลันมีเส้นสายหลายชั้นซ้อนทับกันเหมือนวังวน และสีรูม่านตาของเขาก็เปลี่ยนไปจากก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“ดวงตาจิติญญาระดับห้า!” ชิงผีซานจ้องตาของหนิงเทียนก่อนจะเห็นลวดลายทางจิติญญาห้าระดับ ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจมาก
หนิงเทียนรู้สึกว่าทัศนวิสัยของตนชัดเจนขึ้น แม้ไม่เปิดใช้ทักษะดวงเนตร การมองเห็นของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าถึงสิบเท่า และหลังจากเปิดใช้ทักษะดวงเนตรแล้ว ผลลัพธ์ก็ยิ่งน่ากลัวมากกว่าเดิม
ม่านตาของหนิงเทียนกำลังเปลี่ยนสี ม่านตาเพลิงด้านซ้ายและม่านตาสุวรรณด้านขวากลายเป็ม่านตาสองสี โดยมีลวดลายทางจิติญญาพุ่งออกมาจากรูม่านตา พร้อมยืดหดตัวอย่างน่ามหัศจรรย์
ด้วยการใช้ดวงตาเสน่ห์ บุคลิกทั้งหมดของหนิงเทียนก็เปลี่ยนไป ดวงตาของเขาเป็เหมือนวังวนซึ่งสามารถกลืนิญญาและสร้างผลทางจิติญญาในการล่อลวงิญญามาได้
เมื่อลองเปิดใช้เก้าเนตร์ ดวงตาของหนิงเทียนก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ ทักษะกล่อมเกลาทัศนียภาพซึ่งเป็เก้าเนตร์ระดับสี่ก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาทันที
ในสายตาของหนิงเทียน ระดับรูปแบบทางจิติญญากำลังฟื้นคืนและเปิดใช้โดยพลังิญญา
รูปแบบจิติญญารูปแบบแรกสอดคล้องกับเนตรกลั่นกรองแห่งทักษะเก้าเนตร์ รูปแบบจิติญญาที่สองสอดคล้องกับม่านตาคู่ รูปแบบจิติญญาที่สามสอดคล้องกับเนตรเสน่ห์ และขณะนี้รูปแบบจิติญญาที่สี่ก็กำลังตื่นขึ้นอย่างเต็มที่
วังวนทั้งเจ็ดรอบกายของหนิงเทียนกำลังกลืนกินพลังิญญาอย่างดุเดือด นับเป็การจัดหาทรัพยากรสำหรับการบ่มเพาะของเขาด้วย
น้ำตาิญญา์มอบดวงตาจิติญญาให้หนิงเทียน และทักษะเก้าเนตร์ยังสามารถทะลุทะลวงเข้าสู่ระดับสี่ได้ ซึ่งไม่ใช่เื่น่าประหลาดใจสำหรับหนิงเทียน
“เ้าโชคดีมากนะเด็กน้อย คนอื่นๆ ที่ใช้น้ำตาิญญา์ล้วนได้รับดวงตาจิติญญาระดับสี่ทั้งนั้น แต่เ้ากลับได้รับดวงตาจิติญญาระดับห้าในคราแรก ช่างประหลาดเหลือเกิน!”
“ประหลาดอย่างไร?”
ชิงผีซานกล่าวว่า “เ้าแห่งจิติญญาตา์เป็อสูริญญาระดับห้า น้ำตาิญญา์หนึ่งหยดที่ผลิตทุกๆ พันปีสามารถเปลี่ยนดวงตามนุษย์ให้เป็ดวงตาจิติญญาได้ และโดยปกติแล้วอสูริญญาต่ำกว่าระดับห้าหรือผู้บำเพ็ญต่ำกว่าขอบเขตเหนือเมฆาจะได้รับดวงตาจิติญญาระดับที่สี่ ทว่ารูม่านตาของเ้ากลับมีห้าชั้น สถานการณ์เช่นนี้ควรเกิดขึ้นกับยอดฝีมือขอบเขตเหนือเมฆาเท่านั้น เช่นนี้จะไม่ให้ประหลาดใจได้อย่างไร?”
ดวงตาญาณทิพย์ของหนิงเทียนได้รับการขัดเกลาั้แ่แรกแล้ว ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นชิงผีซานซึ่งอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนผ่านเป็เถาวัลย์เขียว ทั้งยังสามารถมองเห็นโครงสร้างและกลิ่นอายในร่าง รวมถึงสมบัติลับที่ได้จากการบ่มเพาะของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้ม่านตาเพลิงของหนิงเทียนสามารถระบุรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอสูริญญาระดับสี่ได้ แต่ไม่สามารถมองผ่านเสื้อผ้าและเืเนื้อจนเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นภายในร่างกายของคู่ต่อสู้เช่นนี้ได้
“ทำไมเ้าถึงมองข้าเช่นนั้นเล่าเด็กน้อย? รูปแบบทางจิติญญาทั้งสี่ในรูม่านตาของเ้าเห็นอะไร?” ชิงผีซานร้องด้วยน้ำเสียงประหลาด เขาตื่นตระหนกทันทีเมื่อถูกมองผ่านและไม่หลงเหลือความลับใดๆ
“ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากดูว่าเ้าโกหกหรือไม่?” หนิงเทียนหัวเราะเบาๆ เมื่อทักษะม่านตาของเขามากัน รูปแบบจิติญญาในดวงตาก็หายไปทันที จากนั้นม่านตาของเขาก็กลับมาเป็ปกติ
ชิงผีซานถามอย่างประหลาดใจว่า “เ้าสามารถมองออกเมื่อผู้อื่นโกหกเช่นนั้นหรือ?”
“เ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
“เ้าตัวแสบ กล้าดีอย่างไรมาหลอกข้า?”
“ชิ้นส่วนเหล็กสีดำในร่างกายของเ้าคืออะไร?” เมื่อเห็นชิงผีซานยกมือขึ้น หนิงเทียนก็เปลี่ยนเื่อย่างรวดเร็ว
ชิงผีซานกรีดร้องแล้วมองหนิงเทียนด้วยความประหลาดใจ “เ้าเห็นมันหรือ?”
“ใช่ บอกข้าเร็วว่ามันคืออะไร?”
“ออกไปให้ห่างจากข้า อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ!” ชิงผีซานทำหน้าราวเห็นผี เขาหันหลังกลับและอยากจะจากไปทันที
“ไม่ไปดูชั้นสามหน่อยหรือ?” หนิงเทียนโน้มน้าวให้ชิงผีซานหันกลับมา
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟันแล้วพูดว่า “ข้าสามารถพาเ้าขึ้นไปได้ แต่อย่ามายุ่งกับลูกรักของข้า”
“นั่นเป็สมบัติแบบใดกัน?”
“ข้าจะไม่บอกเ้าแน่นอน!”
...
สภาพแวดล้อมบนชั้นสามของวังผ่านภานั้นคล้ายกับชั้นสอง ทั้งยังมีหน้าต่างเชื่อมต่อมิติที่เปิดอยู่เช่นกัน
บนชั้นสามยังคงมีลานประลองโบราณตั้งอยู่ มันล้อมรอบด้วยอสูริญญา ิญญาอาวุธ และผู้คนมากมายที่เฝ้าดูการต่อสู้
เหนือลานประลองแห่งนี้คือทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ แสงดาวระยิบระยับล้วนเปล่งพลังประหลาดไม่หยุดหย่อน
“ชั้นสองคือผลึกิญญาหยวน แล้วชั้นสามคือสิ่งใด?”
“ผลึกิญญาดารา เป็สิ่งที่เหลืออยู่หลังการตายของปรมาจารย์ซิงซิวขอบเขตเหนือเมฆา มันมีมรดกของการบรรลุถึงระดับสูงสุดอยู่ในนั้น ผู้บำเพ็ญซิงซิวได้รับอนุญาตให้ท้าทายที่นี่ได้ กฎก็ไม่ต่างจากชั้นสอง หากชนะจะสามารถนำผลึกิญญาดาราออกไปได้”
หนิงเทียนจ้องมองเวที บนศิลาจารึกชัยชนะปรากฏอักขระคำว่า “สี่สิบเก้า” ซึ่งบ่งบอกว่าผู้บำเพ็ญซิงซิวคนนี้ชนะสี่สิบเก้าครั้งติดต่อกันแล้ว
คนผู้นั้นเป็ชายสวมหน้ากากอินทรี ซึ่งกำลังห้ำหั่นกับั์หินอยู่
ั์หินตนนี้สูงประมาณสามจั้ง ทั่วทั้งร่างเป็สีฟ้าอ่อน มันเป็ิญญาแปลกประหลาดซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสี่
ซิงซิวใต้หน้ากากอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตเปลี่ยนผ่าน เขาควบแน่นแสงดาวรอบตัวแล้วเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของดวงดาวบนฟากฟ้า พร้อมสร้างเป็อาณาเขติญญาลึกลับ พลังการต่อสู้ของเขารุนแรงมาก เขาทุบั์หินจนมันร้องคำรามและถอยกลับไปทีละก้าว
“สวมหน้ากากอีกแล้ว เขาคงไม่ใช่ปรมาจารย์ในระดับสูงสุดอีกคนหรอกนะ?”
หนิงเทียนและชิงผีซานมองหน้ากัน ทั้งคู่รู้สึกว่าความเป็ไปได้นี้มีสูงมาก
ผู้บำเพ็ญมนุษย์ส่วนใหญ่ที่กล้าเข้ามาเยือนวังผ่านภาในูเาไป่หลิงล้วนมีแรงจูงใจซ่อนเร้น แล้วพวกเขาจะกล้าท้าทายได้อย่างไรหากตนไม่มีความสามารถมากพอ?
หนิงเทียนใช้ทักษะดวงเนตรสังเกตชายสวมหน้ากากหน้าอินทรี ก่อนจะพบว่าหน้ากากนั้นสามารถปิดกั้นมุมมองของทักษะดวงเนตรได้ “หน้ากากของเขาประหลาดยิ่งนัก เขามีสมบัติลับที่สามารถรบกวนทักษะดวงเนตรของข้าได้”
ชิงผีซานถามว่า “เ้าไม่เห็นอะไรเลยหรือ?”
หนิงเทียนพยายามใช้ดวงตาจิติญญาอย่างสุดความสามารถ รูปแบบจิติญญาทั้งสี่ในรูม่านตาของเขาถูกกระตุ้นอย่างเต็มกำลัง ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เห็นภาพบางส่วน “ชีพจรดาราของเขาไม่ธรรมดาเลย ราวกับดาราจักรที่ประกอบด้วยดวงดาวนับอนันต์ ทั้งยังประกอบด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว”
การแสดงออกของชิงผีซานเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก่อนที่เขาจะถามด้วยความประหลาดใจ “นั่นคือชีพจรดารา์ในตำนานหรือ? ถ้าเป็เช่นนั้นเขาย่อมเป็ปรมาจารย์สูงสุดอย่างแน่นอน”
หนิงเทียนเงยหน้ามองผลึกิญญาดาราเหนือลานประลองก่อนจะถามอย่างสงสัย “สำหรับผู้บำเพ็ญระดับสูงสุดที่ยอมรับคำท้า ผลึกิญญาดาราเหล่านี้มีพลังดึงดูดต่อพวกเขาจริงๆ หรือ?”
ชิงผีซานกล่าวว่า “มีผู้บำเพ็ญซิงซิวไม่ถึงหนึ่งพันคน น่าจะประมาณแปดร้อยคนที่เสียชีวิตในูเาไป่หลิง พวกเขาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงดินแดนหยวนซิง ผู้ยิ่งใหญ่บางคนจึงมาพร้อมกับความลับบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ตายที่นี่ ความลับเ่าั้จึงสูญหายไป”
“แล้วผลึกิญญาดาราที่ปรมาจารย์เหลือทิ้งไว้จะยังสามารถรักษาความทรงจำในชีวิตของเขาได้หรือ?”
“ไม่สมบูรณ์ แต่จะเก็บไว้ได้บางส่วน ไป ขึ้นไปและฝึกฝนทักษะของเ้าเถอะ”
ขณะนี้ั์หินถูกกระแทกออกจากลานประลองแล้ว มันได้แต่ปล่อยเสียงคำรามอย่างไม่เต็มใจ
“ขึ้นไปจะมีประโยชน์อะไร?”
หนิงเทียนไม่สะทกสะท้าน นั่นเป็ถึงปรมาจารย์สูงสุด ย่อมไม่ใช่เื่ง่ายที่จะเอาชนะได้
“โอกาสประมือกับปรมาจารย์รุ่นเยาว์เช่นนี้หาได้ยาก และไม่อาจหาได้จากภายนอก”
“มาทำสิ่งที่เป็เป็รูปธรรมกันเถิด เช่น สมบัติล้ำค่าสิบอันดับแรกของูเาไป่หลิง”
“เ้าเด็กหน้าเหม็น! เหตุใดเ้าไม่ไปหาเองเล่า?”
“ถ้ามันล้ำค่าเกินก็ลืมมันไปเสียเถอะ ข้าจะไปชั้นสี่!” หนิงเทียนหันหลังกลับและกำลังจะจากไป แต่ก็ถูกชิงผีซานรั้งไว้
“เ้ามันใจร้าย! หากเ้าชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าจะให้ผลไม้ิญญาแก่เ้าหนึ่งผล!”
“ผลไม้ิญญามีประโยชน์อย่างไร? มันเป็อันดับต้นๆ ในสิบสมบัติล้ำค่าหรือไม่?”
“ผลไม้ิญญาช่วยส่งเสริมการเติบโตของพืชและช่วยให้ขอบเขตก้าวหน้า นับเป็สมบัติหายากอันดับเก้า”
“แล้วน้ำตาิญญา์อยู่อันดับใด?”
“อันดับห้า”
“เช่นนี้ข้าไม่เสียเปรียบหรือ?”
ชิงผีซานกัดฟันด้วยความโกรธ “เ้าจะเสียอะไรเล่า? เ้าได้ขัดเกลาทักษะของตนและได้รับผลประโยชน์ไปพร้อมๆ กัน เ้ากำลังใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้อยู่เข้าใจหรือไม่?”
“นั่นสินะ เช่นนั้นข้าจะลองดูก็ได้” หนิงเทียนหัวเราะเบาๆ พร้อมสวมหน้ากากแล้วเดินไปยังลานประลอง ก่อนที่ชิงผีซานจะคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“มีคนสวมหน้ากากมาอีกคนแล้ว! อีกทั้งยังอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกด้วยซ้ำ เขาสิ้นคิดหรือเปล่า?”
“ทำไมจะต้องให้ความสนใจกับพวกที่พรางเป็เทพแสร้งเป็ผีด้วย[1]”
“ไม่สำคัญว่าจะอยู่ในขอบเขตใด ขอเพียงมีความกล้าที่จะขึ้นสู่สังเวียนก็พอแล้ว”
บรรดาผู้ชมต่างพูดถึงหนิงเทียน ขณะที่ชิงผีซานก็แผดเสียงและเริ่มการพนันซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้ชมจำนวนมาก
หนิงเทียนก้าวเข้ามาในลานประลองและจ้องมองชายสวมหน้ากากอินทรี “เ้าชื่ออะไร?”
“อินทรีเหิน” เสียงเ็าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง เขามองหนิงเทียนอย่างเหยียดหยามพร้อมเชิดหน้าขึ้นโดยไม่คิดสนใจหนิงเทียนอีก
“ข้าพฤกษา์ผู้ทุบตีซิงซิวเหยียบย่ำหยวนซิว ทั้งยังกวาดล้างปรมาจารย์ในใต้หล้า เป็หนึ่งเดียวในแปดทิศแห่ง์และผืนดิน!”
อินทรีเหินยังคงไม่สนใจและปรายตามองหนิงเทียนด้วยสายตาดูแคลน
“เ้าคิดอย่างไรบ้างกับการคุยโม้ของข้า?” หนิงเทียนเปลี่ยนเื่อย่างฉับพลัน ซึ่งทำให้ผู้ชมทุกคนตกตะลึง
“เ้าเด็กคนนี้ล้อเราเล่นหรือ?”
คำสาปแช่งมากมายเกิดขึ้นในหมู่ผู้ชม ดวงตาของอินทรีเหินบนลานประลองก็เริ่มมืดมนทันทีเมื่อเขารู้ว่าหนิงเทียนจงใจยั่วยุตนเอง
“นี่จะเป็ครั้งสุดท้ายในชีวิตที่เ้าจะได้คุยโว!” น้ำเสียงของอินทรีเหินแหลมคมราวกับใบมีด ทั้งลานประลองสั่นไหวและรูปแบบทางจิติญญานับไม่ถ้วนก็พันรอบร่างกาย ทำให้ขอบเขตของเขาดิ่งลง
“กล่าวเช่นนี้คงมั่นใจมากสินะ เ้ากำลังเตือนข้าว่าอย่าแสดงความเมตตาในภายหลังและควรทุบตีเ้าให้ตายใช่หรือไม่?”
อินทรีเหินค่อนข้างโกรธเกรี้ยว เ้าหนูผู้นี้รนหาที่ตายยิ่งนัก!
ดวงตาของชิงผีซานเป็ประกายขึ้นทันทีท่ามกลางกลุ่มผู้ชม เขาจ้องมองสมบัติที่กำลังเข้าสู่การเดิมพันตาเป็มัน จากนั้นก็ะโบอกหนิงเทียนว่า “ได้เวลาเริ่มแล้ว!”
---------------------------------------
[1] พรางเป็เทพแสร้งเป็ผีด้วย (装神弄鬼) หมายถึง การหลอกลวง การเล่นละครตบตา การฉ้อโกง หรือการใช้เล่ห์เหลี่ยม คล้ายสำนวน “ลิงหลอกเ้า” ในภาษาไทย
