“แค่ก….”
ในตอนนั้นเองที่ด้านนอกมีเสียงไอดังมา
การเคลื่อนไหวของมือเฉินเนี้ยนหรานนั้นเฉียบแหลมมาก นางเพียงแค่ชะงักไปครู่เดียวก่อนจะโยนโคลนทิ้ง แล้วค่อยประสานมือต้อนรับกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง
เดิมทีพี่สะใภ้ฟางกับผู้ใหญ่บ้านยืนอยู่ด้านนอก อ่า... ทำไมผู้ใหญ่บ้านถึงได้มาได้ถูกเวลาเช่นนี้กันนะ?
เฉินเนี้ยนหรานเหงื่อแตกพลั่ก
เพียงแต่ สายตาที่ผู้ใหญ่บ้านกับพี่สะใภ้ฟางมองมาที่นาง นั่นคือสายตาอะไรกัน?
ทำไมผู้ใหญ่บ้านถึงได้ทำราวกับเห็นแม่เสือตัวใหญ่อย่างไรอย่างนั้น แถมพี่สะใภ้ฟางก็ทำราวกับได้เห็นสิ่งแปลกใหม่
เฉินเนี้ยนหรานไม่ยอมรับเด็ดขาด ปฏิกิริยาของพวกเขาเหนือความคาดหมายมาก นั่นเป็เพราะการกระทำโหดร้ายของตัวนางเองเมื่อครู่….
“อะแฮ่ม…” หัวหน้าหมู่บ้านกระแอมไอออกมาอีกครั้ง ก่อนจะวางมาดทำท่าทางจริงจังของผู้ใหญ่บ้านขึ้นมา “ข้าได้ยินเสียงของพวกเ้าดังมาแต่ไกล ทะเลาะวิวาทเื่อะไรกันหรือ?”
พี่สะใภ้ฟางค่อยๆ เดินเข้ามาหานางพร้อมยกมือขึ้นป้องปากพูด “วันนี้ข้าชวนผู้ใหญ่บ้านมาทานอาหารด้วยกัน ได้ยินเสียงทะเลาะจากในเรือนของพวกเ้ามาแต่ไกล พวกเรายังกินข้าวกันไม่ทันเสร็จก็รีบวิ่งมาดูว่าเกิดเื่อะไรขึ้น จ้าวชุนฮวาทำไมเ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า? ตอนนี้คือเวลากินข้าวนะ เ้าคงไม่ได้ออกมากินข้าวที่นี่หรอกใช่หรือไม่?”
พี่สะใภ้ฟางเป็คนตลกอยู่ทีเดียว หลิวซื่อ [1] คนนี้ปกติแล้วเป็คนที่ขี้เหนียวมาก
แถมไม่ว่าอะไรก็ชอบยึดความประหยัดเอาไว้ก่อน ที่น่าโมโหที่สุดก็คือที่นาที่อยู่ใกล้กับเรือนของนาง สตรีผู้นี้ก็เอาจอบเอาพลั่วมาขุดใช้
มีอยู่หลายครั้ง ทั้งๆ ที่นางแค่ถางหญ้า แต่กลับกลายเป็ไปขุดที่นาของอีกฝ่ายไปเสีย เพราะเื่หยุมหยิมแบบนี้ทำให้แม่นางฟางกับสตรีผู้นี้ทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง
เพียงแต่วันนี้เื่ที่ทำให้คนคิดไม่ถึงก็คือ จ้าวชุนฮวาที่มีชื่อเสียงด้านปากร้ายมาตลอด กลับถูกเฉินเนี้ยนหรานผู้ตัวเล็กนิดเดียวจัดการเสียอยู่หมัด
โดยการใช้กองโคลนโยนไปใส่ แม่นางฟางเห็นแล้วก็รู้สึกคลายความโกรธลงมาได้พอสมควร
เพียงแต่แม่นางฟางก็โกรธแทนเฉินเนี้ยนหราน จะต้องรู้ว่าเื่ในวันนี้ผู้ใหญ่บ้านเองก็เห็นแล้ว แค่ก... เื่นี้น่ะ ผู้ใหญ่บ้านเขาจะปกป้องคนผิดหรือไม่?
“ท่านลุง ท่านจะต้องเข้าข้างข้านะ” จ้าวชุนฮวาพอเห็นผู้ใหญ่บ้านมาก็เหมือนเห็นดาวช่วยชีวิต ร้องไห้พุ่งเข้าไปหา
กลิ่นเหม็นที่อยู่บนร่างของนางก็ลอยเข้าสู่จมูกของผู้ใหญ่บ้านเข้าเต็มปอด
ทำเอาเขาถึงกับสำลัก
มารดาเอ๊ย หมาบ้านผู้ใดกัน ก็ไม่รู้ว่ากินอะไรแล้วไม่ย่อย เหม็นจะตายอยู่แล้ว!
“เอาล่ะ เอาล่ะ มีอะไรก็พูดกันดีๆ ไม่จำเป็ต้องทำท่าทางเหมือนจะฆ่าบิดามารดากันแบบนั้น”
จ้าวชุนฮวายืนนิ่ง ก่อนจะเล่าเื่ออกมา
“ไก่ของข้าถูกฆ่าตายในเรือนของพวกนาง บอกจะให้เงินชดเชย แต่ว่าสตรีคนนี้ให้ข้าแค่สองร้อยห้าสิบ ข้าจึงพูดทฤษฎีให้นางฟัง แต่ใครจะรู้ว่านางจะใช้โคลนปาใส่ข้า! ฮือ ผู้ใหญ่บ้านเ้าคะ เมื่อครู่ท่านก็เห็นแล้ว แม่นั่น... ฟางซื่อ เ้าเองก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ พวกเ้า พวกเ้าจะต้องเข้าข้างข้านะ! ฮือ ต่อไปข้าคงไม่มีหน้าไปสู้คนเขาแล้ว”
หลิวซื่อคนนี้พูดไปก็ทำท่าทางเหมือนจะตายเอาให้ได้
ท่าทางเช่นนั้น ราวกับหากผู้ใหญ่บ้านไม่รักษาความยุติธรรมให้นาง นางก็จะตายต่อหน้าทุกคน
ตอนที่ผู้ใหญ่บ้านกำลังจะเอ่ยปากพูด พี่สะใภ้ฟางกลับกลอกตาใส่ นางเท้าเอว “เอ๋ ข้าเห็นอะไรนะ? ข้าเห็นอะไรเอ๋ย? ข้าเห็นเพียงแค่เ้าล้มลงกับพื้น พอลุกขึ้นมา หน้าเ้าก็มีขี้หมาเต็มหน้าแล้ว”
ผู้ใหญ่บ้านได้ยินก็ถึงกับทำหน้าอึ้งไป คิดไม่ถึงเลยว่าฟางซื่อจะกล้าโกหกตอนกลางวันแสกๆ
แถมยังต่อหน้าเขาด้วย!
แต่เฉินเนี้ยนหรานกลับสนุกขึ้นมาแล้ว พี่สะใภ้ฟางคนนี้เป็คนที่เก่งจริงๆ
พี่สะใภ้ฟางโกหกคนเดียวยังไม่พอ ยังลากผู้ใหญ่บ้านเข้าไปเอี่ยวด้วย
“ผู้ใหญ่บ้านเ้าคะ ท่านเองก็เห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าหลิวซื่อล้มลงไปกับพื้นเองน่ะ ข้าเห็นท่าทางของนางลุกขึ้นมา เหมือนกับจะทำร้ายน้องเฉินเนี้ยนหราน ไอ๊หยา ข้าว่านะหลิวซื่อ อย่างไรเ้าก็เป็พี่ อย่างไรก็แก่กว่าเฉินเนี้ยนหรานที่เพิ่งจะมาใหม่ได้ไม่นาน เหตุใดถึงเป็คนที่โตกว่าแต่กลับทำร้ายคนที่เด็กกว่าอย่างนี้เล่า ผู้ใหญ่บ้าน เื่แบบนี้ผู้ใหญ่จะต้องยับยั้งเอาไว้นะเ้าคะ”
“ท่านเป็ผู้ใหญ่บ้าน ท่านไม่สามารถปล่อยเื่แบบนี้ให้มันลุกลามใหญ่โตขึ้นไปใช่หรือไม่เ้าคะ?”
ฟางซื่อคนนี้วาจาช่างคมกริบเสียจริง หากไม่ใช่เพราะว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ถูกต้องล่ะก็ เฉินเนี้ยนหรานอยากจะปรบมือให้กับนางจริงๆ
เจ๋งจริงๆ โกหกได้หน้าไม่แดง แถมยังพูดได้ดูน่าเชื่อถือราวกับเข้าใจเื่นั้นอย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว
สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านคนนั้นถึงกับกระอักกระอ่วน เขากระแอมออกมาเบาๆ มองหลิวซื่อที่ิญญาหลุดออกไปแล้ว “ข้าว่านะหลิวซื่อ ไก่ของเ้าวิ่งไปเข้าเรือนคนอื่นเขา เดิมทีมันก็เสียมารยาทมากอยู่แล้ว แต่โชคดีที่เ้ามาเจอเฉินเนี้ยนหรานที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาใหม่ ทั้งยังเป็คนที่มีเหตุผล ถึงได้จ่ายค่าชดเชยให้เ้าด้วยราคาที่สูงมาจากเดิมห้าสิบอีแปะ เ้ายังคิดจะเอาอะไรอีกหรือ? รีบรับเงินแล้วกลับเรือนไปเถิด หากยังมาทะเลาะให้ขายหน้าต่อ ข้าจะให้สามีเ้ามาลากกลับไป”
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรผู้ใหญ่บ้านก็เป็ความยุติธรรมของหมู่บ้าน เขาพูดขนาดนี้แล้ว แม้หลิวซื่อจะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม รู้สึกน้อยใจเพียงใด แต่ก็ทำได้แค่คำรามออกมาสองที ก่อนสุดท้ายจะถูกสามีของนางรีบมาลากกลับไปอย่างรวดเร็ว
คืนนั้นทั้งครอบครัวก็ได้กินเนื้อไก่หอมๆ ทำให้ความรู้สึกไม่ดียามเจอเื่ร้ายๆ ของสามพี่น้องจางลงไปเยอะเลยทีเดียว
โดยเฉพาะน้องหกปากยัดเนื้อไก่หอมๆ เข้าไปพลาง ร้องพึมพำออกมาอย่างพอใจพลาง “ท่านพี่ ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าจ่ายเกินไปห้าสิบอีแปะก็ไม่ถือว่าเป็อะไร อย่างไรพวกเราสามารถหาเงินมาได้อีก ต่อไปหาเงินมาได้แล้ว ก็ซื้อไก่มากิน ข้าอยากกัดขาไก่ทุกวันเลยเ้าค่ะ”
มองนางหยิบขาไก่ขึ้นมากัดจนใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำมัน เฉินเนี้ยนหรานก็ส่ายหน้า “เด็กน้อย กินช้าๆ หน่อยเถิด พฤติกรรมไร้มารยาทแบบนี้จะถูกคนเขาหัวเราะเยาะเอาได้นะ”
น้องห้ารีบพูดเสริมทันที “น้องหกเป็เช่นนี้ ต่อไปคงหาสามียากแล้ว”
ตะเกียบของเฉินเนี้ยนหรานชะงักไป เงยหน้ามองน้องห้าที่หัวเราะคิกคักอยู่ “โอ้ น้องห้าของเรารู้จักเื่หาสามีแล้ว เื่ความรัก ข้าก็ควรจะหาให้เ้าสักคนใช่หรือไม่?”
จะว่าไปแล้วน้องห้าเองก็อายุสิบเอ็ดปีแล้ว ในยุคสมัยนี้ คนที่อายุเท่านางเช่นนี้ หลายครอบครัวที่มีความสามารถก็ต่างพากันหมั้นหมายกันไว้แล้ว แต่ว่าอย่างครอบครัวพวกนาง วันๆ ยังกินไม่อิ่มใส่เสื้อผ้าก็ยังไม่อบอุ่นพอ จะไปหาคู่ครองได้รวดเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร
วันนี้พอได้ยินคำพูดนี้ของน้องห้า เฉินเนี้ยนหรานถึงได้รู้สึกใ สตรีในยุคนี้ ดูเหมือนว่าการแต่งงาน….การหาสามี จะเป็เื่ที่สำคัญที่สุด
“ข้าไม่อยากออกเรือน แต่งงานออกเรือนไปแล้วไม่เห็นจะดีเลย แต่งงานออกไปแล้วก็ไม่สามารถอาศัยอยู่กับท่านพี่และน้องหกได้ ข้ายังชอบที่จะอยู่กับท่านพี่นะเ้าคะ” น้องห้าก้มหน้าอย่างน้อยใจ บนใบหน้าทั้งเขินอายทั้งหวาดกลัว
“ข้าไม่ได้บอกว่าจะหาสามีให้เ้าเสียหน่อย แต่ว่านะ ผ่านไปหลายปีอาจมีคนที่เ้ารู้สึกดีด้วย เ้าก็สามารถหาสามีสักคนได้นะ” เห็นท่าทางเคร่งเครียด เฉินเนี้ยนหรานก็รีบโน้มน้าว
แต่น้องห้าเหมือนจะยังกลัวมาก นางรีบจับมือของเฉินเนี้ยนหรานเอาไว้ “ท่านพี่ ข้าไม่อยากแต่งงาน พวกที่วิ่งเล่นกับข้า พวกนางแต่งงานออกไปแล้วไม่มีความสุขเลยสักนิด ข้าไม่อยากแต่ง ข้าแค่อยากจะอยู่กับพวกท่านไปตลอดชีวิต”
น้องหกมองท่าทางของพวกนางแล้วก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ ท่านพี่ ข้าเองก็จะไม่แต่งงาน ข้าแค่อยากจะอยู่กับพวกท่าน มีท่านพี่สี่อยู่ด้วย ข้าก็รู้สึกว่าไม่แต่งงานออกไปนั้นดีที่สุดเ้าค่ะ”
เฉินเนี้ยนหรานมองั์ตาแวววาวที่เต็มไปด้วยความหวังสองคู่ตรงหน้า นางจึงดึงหน้าให้ตึงก่อนจะกล่าวว่า “กินข้าวเถิด”
เด็กตัวกระเปี๊ยกสองคน อายุแค่นี้ก็กังวลใจเื่จะได้แต่งงานหรือไม่แล้ว
เพิ่งจะกินข้าวเสร็จ พี่สะใภ้ฟางก็เอาถ้วยมาคืน การกินไก่ครั้งนี้ เฉินเนี้ยนหรานได้เอาไปแบ่งให้พี่สะใภ้ฟางถ้วยใหญ่
เดิมทีในชนบทเวลามีของกินอะไรอร่อย ขอแค่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ก็มักจะมีความเคยชินในการเอาอาหารมาแบ่งปันให้กัน เื่ในวันนี้มีพี่สะใภ้ฟางช่วยพูด สำหรับเื่บุญคุณนั้น เฉินเนี้ยนหรานก็จัดการได้เก่งนัก
“ไอ๊หยา น้องหราน ข้าต้องบอกว่าเ้าน่ะเกรงใจเกินไปแล้ว เ้าเพิ่งจะย้ายมาไม่ถึงสองวัน ครอบครัวของข้าก็ได้กินของกินอร่อยๆ จากเรือนของเ้าหลายครั้งแล้ว จะครอบครัวไหนก็ประคองตัวเองไม่ง่ายทั้งนั้น ต่อไปไม่ต้องเกรงใจนะ”
“พี่สะใภ้ ท่านเองก็ไม่ต้องพูดคำพูดตามมารยาทกับข้านักเลยเ้าค่ะ ครอบครัวข้ามีแค่สามคนพี่น้อง จะไปกินเยอะแยะแบบนั้นได้อย่างไร พอดีมีของสดใหม่ก็กินด้วยกัน เนื้อไก่หนึ่งถ้วยมีอะไรแปลกประหลาดกันเล่า พี่สะใภ้ฟาง เื่ในวันนี้เป็เพราะท่านช่วยข้าไว้จริงๆ ”
เฉินเนี้ยนหรานยื่นมือไปจับมือของพี่สะใภ้ฟางอย่างสนิทสนมแล้วลากนางเข้าไปในเรือน เด็กทั้งสองคนกินข้าวเสร็จก็พากันเก็บถ้วยข้าว
พี่สะใภ้ฟางจึงถือโอกาสนี้มาคุยกับนางพอดี
“พูดความจริงนะ วันนี้เ้าจัดการกับหลิวซื่อสตรีน่ารังเกียจคนนั้นได้เยี่ยมยอดมาก ข้าเห็นนางแต่งงานเข้ามาในหมู่บ้านของพวกเรามาหลายปี ก็ไม่เคยเห็นนางขาดทุนมาก่อน ไม่ใช่ข้าว่าจะว่ากล่าวอะไรเ้านะน้องหราน เื่นี้น่ะ เ้าได้สั่งสอนนางแล้ว สบายใจก็สบายใจ แต่ความโกรธน่ะ ก็ต้องระบายด้วย”
“อีกอย่างข้าไม่ได้จะพูดจาไม่ดีถึงหลิวซื่อนะ แต่แม่นั่นนะ เป็สตรีที่ชอบทำให้คนเป็ห่วง ไม่มีเื่อะไรก็จะไปสร้างให้มันมีเื่ ครั้งนี้เ้าทำให้นางมีเื่ด้วยจนสภาพน่าอนาถขนาดนั้น เกรงว่าต่อไปนางจะต้องมาหาเื่เ้าแน่”
“พวกเ้าก็เพิ่งจะย้ายมาใหม่ด้วย ถึงแม้จะมีความสัมพันธ์ของลุงซานคุ้มครองอยู่ แต่หากสู้ไม่ได้ก็อยู่ให้ห่างจากนางเถิดนะ ต่อไปพวกเ้าจะต้องระวังตัวให้ดี เกรงว่านางจะต้องก่อเื่แน่”
เฉินเนี้ยนหรานตั้งใจฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยความเป็ห่วงนั้น
“แต่ว่าเ้าก็ไม่ต้องกลัว นางจะปากร้ายอย่างไรก็ปล่อยไปเถิด แต่ถ้ายังอาละวาดรุนแรงอีก ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คนส่วนมากในหมู่บ้านยังถือว่าเป็คนมีเหตุผล แต่ทางที่ดีที่สุด เ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับคนในหมู่บ้านไว้ก่อนเป็ดี ไม่เช่นนั้นต่อไปแม่นี่ทำเื่เลวร้ายอีก เราจะได้มีพวก ต้องป้องกันตัวกันเยอะไว้ดีกว่า”
“พี่สะใภ้ ข้าเข้าใจแล้ว คนที่ใช้แผนการเล่ห์ต่อหน้านั้นป้องกันได้ง่าย แต่หากมีคนลอบแทงข้างหลังนั้นป้องกันได้ยาก เหตุผลนี้นี่ข้าเข้าใจดี เพียงแต่อยากจะประจบเพื่อให้ได้ผลประโยชน์นั่นก็ไม่ใช่เื่ง่าย ขอบคุณพี่สะใภ้ที่ใส่ใจข้า พูดสอนข้ามากมาย เื่นี้น่ะ ข้าเข้าใจแล้วเ้าค่ะ”
ที่เรือนของพี่สะใภ้ฟางก็ยุ่งมาก หลังจากพูดถ้อยคำห่วงใยแล้วก็รีบกลับเรือนของตนเอง
หลังจากส่งนางกลับไปแล้ว น้องหกก็เดินมาอยู่ตรงหน้านางด้วยท่าทางน่าสงสาร “ท่านพี่ หากป้าคนนั้นกล้าทำอะไรท่าน ข้าจะกัดนางให้เจ็บ เหอะ นางก็ช่างสามารถเสียจริง กล้ารังแกพวกเราได้”
เฉินเนี้ยนหรานถึงกับหัวเราะ ยกมือขึ้นไปบีบแก้มน้อง “อืม ดูเหมือนว่าน้องหกของเรา่นี้จะเรียนรู้ได้ไม่เลว ตอนนี้รู้จักเอาคืนคนเวลาถูกรังแกแล้ว ดี จากประโยคนี้ของเ้า การเรียนตัวหนังสือคืนนี้ข้าจะสอนพวกเ้าให้มากขึ้นหน่อย”
ถึงแม้การที่ลูกสาวไม่มีความรู้นั้นจะเป็เื่ที่ปกติ แต่เฉินเนี้ยนหรานกลับรู้สึกว่าตัวเองสามารถสอนให้น้องสาวสองคนรู้จักตัวหนังสือได้ย่อมเป็สิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นในเวลากลางคืนนางจึงหาเวลาเล็กน้อยที่เหลือจากการทำงานมาสอนให้พวกนางรู้จักตัวหนังสือ
อย่างเช่นคำว่าหัวบุกพวกนี้ นางก็หั่นไปแล้วก็สอนน้องสาวทั้งสองคนไปด้วยว่าอักษรตัวนี้เขียนอย่างไร
-----------------
เชิงอรรถอธิบายเพิ่มเติม
[1] หลิวซื่อ เป็นามสกุลเดิมของจ้าวชุนฮวา จากตระกูลหลิว