แบบคัดตัวอักษรและตัวอย่างอักษรวางอยู่ตรงหน้า จนกระทั่งเด็กทั้งสองจำได้แล้ว นางถึงได้สอนตัวต่อไป
ถึงเวลาวันหนึ่งจะยุ่งกันมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
วันต่อมาตอนที่พวกนางมาถึงร้านของกวนซูเยวียน เฉินจื่อิก็เสนอตัววิ่งไปซื้อวัตถุดิบที่วันนี้จำเป็ต้องใช้ เฉินเนี้ยนหรานกับกวนซูเยวียนก็ทำอาหารกันต่อ
ฤดูร้อนยังสามารถทำเครื่องดื่มเย็นๆ ได้่หนึ่ง ผ่านไปอีก่เ้าสิ่งนี้ก็ไม่สามารถทำขายได้แล้ว
“แม่หนูหราน ข้ารู้สึกว่าเ้านี่ช่างมีความคิดจริงๆ เห็นเ้าแค่กลอกตา ก็สามารถคิดหาวิธีออกมาได้” ระหว่างที่ทำงานกันนั้น ต้าหลางก็เริ่มเข้ามาชวนนางคุย
เฉินเนี้ยนหรานยกมีดในมือขึ้นมา ยิ้มมุมปากแสดงออกถึงว่าเขามองการณ์ไกลได้ดีทีเดียว “ไม่เลว เ้าเดาได้ถูกจริงๆ ข้ามีความคิด ตอนนี้เป็ฤดูร้อน ผ่านไปอีกสักพักก็จะถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้วใช่หรือไม่? ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะคิดหาวิธีทำขนมไหว้พระจันทร์เปิดมาตลาด”
กวนซูเยวียนกำลังยุ่งอยู่กับการคนหัวบุก พอได้ยินคำพูดของนางก็พูดแทรกเข้ามาทันที “ขนมไหว้พระจันทร์หรือ? พวกเราฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็จะใช้ข้าวมาทำเป็ขนมไหว้พระจันทร์กินกัน ของแบบนั้นกินเยอะไม่ได้ จะต้องกินให้น้อยหน่อยถึงจะดี แต่ว่าพวกเด็กๆ ชอบกินมาก เพราะมันหอม”
เฉินเนี้ยนหรานไม่เข้าใจ ต้องให้อภัยนางด้วยที่ตัวนางไม่เคยกินขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำขึ้นด้วยตัวเองมาก่อน และเป็ต้าหลางที่เห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของนางจึงรีบอธิบาย
“ขนมไหว้พระจันทร์ที่แม่ข้าพูดถึงคือขนมที่ทำจากข้าว โดยใช้เหล้านวดกับข้าวก่อนลงไปต้มในหม้อก่อนห้านาที จากนั้นค่อยเอาใส่ในซึ้งหนึ่ง หลังจากสุกแล้วก็เทออกมา ใช้ไม้มาจิ้มให้เละ โรยถั่วลงไป ก่อนจะตัดออกมาเป็ชิ้นๆ ก็สามารถกินได้แล้ว”
เข้าใจแล้ว นี่ก็คือฉือปา [1] ของยุคปัจจุบัน คิดไม่ถึงเลยว่าวิธีทำดั้งเดิมจะเป็เช่นนี้
กวนซูเยวียนมองนาง เข้าใจว่าแม้แต่วิธีการทำฉือปานางยังไม่ทราบ ในใจของป้าสะใภ้เช่นนางจึงรู้สึกเ็ปมาก
“เ้านี่นะ ว่าไปแล้วก็น่าสงสารเสียจริง ครอบครัวจนขนาดนั้น โตมาขนาดนี้แม้แต่วิธีทำฉือปาทำอย่างไรก็ยังไม่รู้ เอ๋ ไม่สิ ตอนที่มาอยู่เรือนป้าสะใภ้คราวนั้นเ้าก็เคยกินมาก่อนนี่”
เฉินเนี้ยนหรานใ นางไม่กล้าบอกว่าตนเองเป็ิญญาเร่รอนมาเข้าร่างคนอื่น จึงหัวเราะเสียงแห้งออกมา “ไอ๊หยา ตอนนั้นความจำไม่ค่อยดีนี่เ้าคะ ก็เลยลืมไปแล้ว ตอนนี้พอพวกท่านพูดกันขึ้นมาข้าก็นึกออกแล้ว ท่านป้า ในตลาดไม่มีขนมไหว้พระจันทร์แบบอื่นหรือ? อย่างเช่น ด้านนอกใช้ตู้อบทำออกมา ส่วนด้านในห่อด้วยไส้ชนิดต่างๆ สามารถใช้เนื้อหรือใช้ของหวาน อ่อแล้วก็มีทำแบบไส้เค็ม รวมถึงทำไส้เนื้อวัวอะไรพวกนี้เอย อย่างไรก็ตามวิธีทำขนมไหว้พระจันทร์ที่ข้ากล่าวมานี้ แค่ท่านคิดไม่ถึง แต่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้นะเ้าคะ” แต่ว่านะ... ในยุคนี้มีของมากมายที่ไม่สามารถทำได้จริงๆ นั่นแหละ
“ยังมีวิธีทำที่เยอะกว่านี้อีกหรือ? โอ้ เื่นี้ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ ว่าไปแล้วนะแม่หนูหราน ของมากมายขนาดนี้เ้าไปเรียนมากจากไหนกัน?”
เฉินเนี้ยนหรานใ ด้วยความปากไวทำให้ลืมเก็บซ่อนความสามารถเอาไว้ แต่ว่า... ก่อนที่จะทำเื่พวกนี้นางก็เคยคิดว่าตนเองจะหาข้ออ้างอะไร จึงหัวเราะออกมาก่อนกล่าว
“ท่านป้า เื่ราวทั้งหมดนี่ รวมถึงการศึกษาเรียนรู้ตัวหนังสืออะไรพวกนี้ ล้วนแต่เป็สิ่งที่คนคนนั้นสั่งสอนข้ามา ในเรือนของเขามีหนังสือจำนวนมาก หลังจากข้าเรียนรู้ตัวหนังสือได้แล้วก็หาหนังสือมาอ่าน ความจริงแล้วเขาเป็ตัวตั้งตัวตีให้พวกเราเหล่าสตรีทั้งหลายรู้ตัวหนังสือด้วยนะเ้าคะ”
กวนซูเยวียนรู้แน่นอนอยู่แล้วว่า ‘เขา’ ที่ออกจากปากนางคือใคร เพียงแต่มาพูดถึงโจวอ้าวเสวียนตอนนี้ กวนซูเยวียนรู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงใจ
มองเฉินเนี้ยนหรานที่ยิ้มสดใส กวนซูเยวียนรู้สึกเพียงว่าเด็กหญิงที่ดีขนาดนี้ ทำไมถึงได้ถูกคนในครอบครัวส่งไปเป็สาวใช้ข้างห้อง
ต้าหลางที่อยู่ด้านข้างฮึดฮัดขึ้นมาในตอนนั้นเอง “พวกคุณชายมากรักพวกนั้น ก็รู้จักแต่ทำตัวมีการศึกษา เฮอะ ไม่มีสักคนที่เป็คนดี”
ดูเหมือนว่ารังสีความไม่พอใจนี้ รู้สึกว่าจะเข้มขึ้นมาก
เฉินเนี้ยนหรานทำเพียงแค่หัวเราะเบาๆ อยากจะบอกว่าโจวอ้าวเสวียนไม่ได้เป็หนุ่มมากรักหรอกนะ เพียงแต่ว่านางแค่เอาเขาออกมาอ้างเท่านั้นเอง
โจวอ้าวเสวียนที่กำลังทำธุรกิจอยู่ที่ห่างไกล จู่ๆ ก็รู้สึกคันจมูกขึ้นมา
“คุณชาย หากครั้งนี้พวกเรารับ่ต่อดูแลร้านนี้สำเร็จ ต่อไปจะสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล” คนรับใช้ชายกับกุนซือที่ตามเขามาด้วยต่างพูดถึงอนาคตด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
โจวอ้าวเสวียนกลับแค่โบกมือกลับไปนิ่งๆ “ถึงแม้ครั้งนี้จะออกมารับ่ต่อ แต่ก่อนหน้านี้ร้านถูกทำเสียเละเทะ ด้านในมีคนใกล้ชิดอีกมากมาย ทั้งยังคนอื่นๆ ในเรือน…”
กุนซือหลิวกลับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง “ถูกต้องแล้วขอรับคุณชาย เื่พวกนี้พวกเราจะต้องเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เพียงแต่ หากไม่ใช่คุณชายใหญ่บริหารร้านนี้ได้แย่เกินไป ทั้งยังไปมีเื่กับร้านอื่นๆ อีก ข้าคิดว่าธุรกิจพวกนี้ก็คงไม่ตกถึงมือคุณชายหรอกขอรับ พวกเขาคิดว่าท่านอ่อนแอ ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน ไม่มีความรู้ น่าเสียดายนะขอรับ ที่ครั้งนี้พวกเขาจะต้องผิดหวังเสียแล้ว”
“แน่นอน คุณชายได้สั่งให้พวกเราทำธุรกิจมามากมายั้แ่สองปีก่อนแล้ว แค่ร้านค้าไม่กี่ร้าน คุณชายอยากจะรับ่ต่อนับว่าเป็เื่ง่ายนัก” เสี่ยวอู่พูดเสริมขึ้นมา
เมื่อเห็นคุณชายของตนเองไม่ได้ต่อบทสนทนานี้ พวกเขาจึงเงียบปากไปแต่โดยดี
ต้องกล่าวว่า การเปลี่ยนผู้ดูแลของสกุลโจวครั้งนี้ยังมีคนอีกจำนวนมากที่รอมาเสียบแทน พูดกันตามปกติแล้ว ไม่ควรตกมาถึงตัวของโจวอ้าวเสวียนผู้ที่ไม่ได้รับความรักคนนี้ด้วยซ้ำ
ผู้คนในเรือนหลายคนต่างแก่งแย่งชิงดีกันตลอด แต่ว่าทุกคนล้วนไม่ได้รับผลประโยชน์กลับไป สุดท้ายฮูหยินผู้เฒ่าก็เสนอความคิดให้โจวอ้าวเสวียนมารับ่ต่อ
พวกครอบครัวอนุอื่นๆ ก็รู้ว่าตนไม่ได้สิทธิ์นี้รวมถึงสถานะเ้าของเป็แน่ บวกรวมกับการพิจารณาได้ว่าโจวอ้าวเสวียนไม่เคยมีประสบการณ์การบริหารมาก่อน
และเหตุผลที่ยกให้ก็ไม่ใช่เพราะคุณท่านใจอ่อนด้วย เหล่าอนุมองว่าถึงโจวอ้าวเสวียนจะเคยออกมาทำธุรกิจด้านนอกแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าในอนาคตเขาก็ยังคงไม่ได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้อยู่ดี
กลับกันในสายตาของพวกเขา ให้โจวอ้าวเสวียนออกหน้ารับ่ต่อธุรกิจร้านค้า นั่นก็เหมือนการรับสมัครผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาคนหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรพวกเขาก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง หากโจวอ้าวเสวียนไม่มีผลงาน พวกเขาก็สามารถหาข้ออ้างมาเอาเขาลงไปได้ แต่หากเขาทำผลงานออกมาได้ดี ช่วยธุรกิจของสกุลโจวเอาไว้ได้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็ได้แค่พนักงานระดับสูงเพียงเท่านั้น…
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า การคำนวณของครอบครัวในสกุลโจวถือว่าไม่เลวเลยจริงๆ น่าเสียดาย ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ เมื่อหลายปีก่อน โจวอ้าวเสวียนแอบออกมาสร้างธุรกิจข้างนอก โดยที่ในตอนนั้นเขาแสร้งทำเป็ว่าออกมาเล่าเรียนกับอาจารย์ด้านนอก
ในระยะเวลานั้น ก็จัดการกันได้ค่อนข้างเร่งรีบเลยทีเดียว….
“ใช่แล้วคุณชาย ครั้งนี้ข้าได้ยินความ้าของฮูหยินเฒ่ามา ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะหาคู่หมั้นให้กับท่าน พวกครอบครัวอนุพวกนั้นนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว จากที่เขาพูดกัน ต่างเริ่มเลือกญาติของตนเองที่อยู่ไกลๆ หรือพวกญาติผู้พี่ผู้น้องที่ไม่ได้รับความรัก อยากจะเอามาประเคนให้กับคุณชาย”
ตอนที่กำลังนั่งพักผ่อนกัน กุนซือถึงได้คิดถึงเื่หนึ่งที่สำคัญขึ้นมาได้
โจวอ้าวเสวียนที่ปกติจะนิ่งสงบอยู่ตลอด หลังจากฟังคำพูดพวกนี้ สีหน้าก็เข้มขึ้น “เฮอะ”
เสี่ยวอู่รู้สึกเพียงว่าทั้งร่างของตนเครียดเกร็งขึ้นมา
ในหลายปีมานี้ คนในจวนสกุลโจวที่อยากจะหาคู่รักให้คุณชายมีจำนวนไม่น้อยเลย
โดยเฉพาะพวกอนุทั้งสี่บ้าน รวมถึงคุณท่านเองก็อยู่ในนั้นด้วย ทุกคนต่างคิดที่จะยัดเยียดให้เขาแต่งงาน
แต่ก่อนยังมีฮูหยินเฒ่าคอยห้ามปรามไว้ แต่ตอนนี้อายุของฮูหยินเฒ่าเองก็มากแล้ว นางจึงวางแผนที่จะหาสกุลที่เหมาะสมมาแต่งงานกับโจวอ้าวเสวียนไปด้วย น่าเสียดายที่ไม่ว่าใครจะโน้มน้าว โจวอ้าวเสวียนก็ไม่ยอมรับสตรีเข้าเรือนของตนสักคน
หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ในตอนที่เขาอายุสิบห้าปี ถึงได้เพิ่งจะเกิดเื่อุ่นเตียงกับเฉินเนี้ยนหรานขึ้นมา
หลังจากเกิดเื่อุ่นเตียงครั้งนั้น จวนสกุลโจวที่เคยละทิ้งความคิดเื่จะจับคู่ก็เริ่มมีความปรารถนาขึ้นมา
ฮูหยินเฒ่าอยากจะหาสตรีที่มั่นคงให้กับหลานชายของตนเองจากใจจริง แต่พวกอนุกลับมีความคิดอยากจะให้เรือล่มในหนอง ไม่แบ่งให้คนภายนอก
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร โจวอ้าวเสวียนก็เป็คนในจวนสกุลโจว ญาติยากจนของพวกเขาก็มีอยู่ไม่น้อย
ขอแค่สามารถจัดการเขาให้อยู่หมัดได้ หาสตรีที่ไม่ได้รับความรักมาให้สักคน ถึงตอนนั้นก็ยังสามารถควบคุมโจวอ้าวเสวียน บุตรที่ไม่ได้รับความรักคนนี้ได้ ทุกคนในจวนต่างมีความคิดแปลกประหลาดร้อยพัน แม้ว่าอย่างไรก็ไม่ชอบคนคนนี้ แต่ว่าเื่บางเื่ เช่นเื่การแต่งงาน ก็สามารถเสแสร้งว่าตนเองเป็ห่วงเป็ใย แต่เื้ัความห่วงใยนั้นมีแผนการอะไร ก็มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้กันดี
“นางเป็อย่างไรบ้าง?”
“หา? คุณชาย? ท่านถามถึงผู้ใดหรือขอรับ?” เสี่ยวอู่คิดตามไม่ทันว่า ‘นาง’ ที่โจวอ้าวเสวียนได้กล่าวถึงนั้นคือใคร หลังจากถามออกไปแล้ว เ้าเด็กคนนี้ถึงได้นึกออกแล้วรีบรายงาน
“อ่อ ท่านหมายถึงหญิงอุ่นเตียงนางนั้นหรือ? ได้ยินมาว่ากลับหมู่บ้านของนางไปแล้ว ต่อมาก็มาปรากฏตัวในอำเภออยู่สองสามครั้ง ตอนนี้เหมือนถูกคนจัดให้ไปอยู่ในเขตปาเจียว คุณชาย ท่านคงไม่....?”
กุนซือที่มองเสี่ยวอู่อยู่ด้านข้างคอยส่ายหัวให้ไม่หยุด เ้าเด็กนี่ อายุเท่ากับคุณชาย แต่ทำไมถึงได้ชอบก่อเื่เช่นนี้! ความคิดของคุณชายชัดเจนขนาดนี้ยังจะไปถามอีก นี่มันเป็การอยู่ดีๆ ก็หาเื่ใส่ตัวชัดๆ
เป็อย่างที่คิดไว้ โจวอ้าวเสวียนปรายตามามองด้วยท่าทางจะยิ้มก็เหมือนไม่ยิ้ม “ข้าจำได้ว่าเสี่ยวอู่เองก็มีเด็กสาวที่หมั้นหมายกันไว้ั้แ่เด็ก ดูเหมือนว่าจะเป็เด็กสาวอ้วนท้วนสมบูรณ์ เฮ้อ ถึงแม้จะบอกว่านางอวบอ้วนไปสักหน่อย แต่ว่าขอแค่เป็คนดีก็ถือว่าไม่เลวแล้วนี่”
พอพูดขึ้นมาเช่นนี้ หน้าของเสี่ยวอู่ก็ดำทะมึนทันที
“คุณชาย ท่านก็รู้ว่าเื่ที่เ็ปที่สุดของข้าก็คือคู่หมั้นคนนั้น ข้าขอร้องล่ะ ท่านอย่าเอ่ยถึงนางอีกเลย สตรีอ้วนหน้าตาน่าเกลียดนิสัยน่าชังนั่น ข้าเห็นแล้วก็เหมือนกับเห็นหมูสามชั้น ยากที่จะกลืนได้ลง เฮ้อ ตอนเด็กได้ยินมาว่าหน้าตายังพอใช้ได้ แต่พอโตขึ้นมาแล้วทำไมถึงได้น่าเกลียดเช่นนั้นกัน!”
ริมฝีปากของโจวอ้าวเสวียนแย้มรอยยิ้มออกมา สายตามองไปไกล คนคนนั้นตอนนี้สบายดี!
พอคิดถึงนาง สายตาของเขาก็อ่อนโยนขึ้นเยอะ
กลับเป็กุนซือที่คอยสั่งสอนแนะนำอยู่ข้างกาย ที่เข้าใจความคิดของเขา
พอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของโจวอ้าวเสวียน เขาก็ถอนหายใจออกมา “คุณชายขอรับ สตรีคนนั้น…หากท่านอยากจะแต่งนางเข้าเรือน เกรงว่าจะลำบากไม่น้อยเลย”
“อย่างน้อยด่านของฮูหยินเฒ่าก็ผ่านยากแล้ว หากจะรับเข้ามาเป็หญิงอุ่นเตียงในเรือน บางทีฮูหยินเฒ่าคงจะฝืนรับได้ แต่หากจะยกย่องเป็ฮูหยินเอก เกรงว่าคงจะยากนะขอรับ”
สำหรับฮูหยินเฒ่าแล้ว กุนซือเข้าใจดีกว่าใคร
รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวอ้าวเสวียนค่อยๆ เลือนลง เขาหันกลับมามองอาจารย์ของตน ก่อนจะพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ ข้ารู้ว่าการแต่งนางเข้าเรือนเป็อะไรที่ยากมาก ทว่าข้ารับปากนางไปแล้วว่าจะไปสู่ขอนางให้ได้ ข้าน่ะ…หากได้สัญญาไปแล้ว ไม่มีทางละทิ้งสัญญาง่ายๆ อีกอย่าง….ั้แ่นั้น ข้าก็รู้สึกว่า….นางน่าสนใจมาก”
กุนซือหลิวมองเขาที่พูดถึง ‘นาง’ ด้วยสายตาที่อ่อนโยนขึ้นหลายขั้น โจวอ้าวเสวียนที่เป็เช่นนี้ ชัดเจนเลยว่าเป็บุรุษที่ตกอยู่ในห้วงรัก
--------------
เชิงอรรถ
[1] ฉือปา ขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวนึ่งคลุกกับถั่ว