ดังที่คาดคิดไว้ไม่มีผิด ฝ่ามือที่สวยงามข้างนั้นมีลำแสงวาบผ่าน ทันใดนั้นพลันปรากฏฝ่ามือที่ใหญ่กว่าพุ่งออกมาจากร่างของเสว่อี มันปะทะชนเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังล้มครืนลง ฝุ่นและใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วทุกทิศ
เกือบแย่แล้วไหมเล่า!
อานุภาพรุนแรงอะไรปานนั้น? ดีนะที่หลบทันไม่อย่างนั้นละก็คงถูกฝ่ามือใหญ่นี่บี้ติดดินแน่นอน โชคดีที่รวมร่างกับเสี่ยวเฮยระดับความเร็วและประสาทััตอบสนองเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว ระยะการโจมตีเมื่อสักครู่ใกล้ขนาดนั้นหากเป็ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตยอดยุทธ์ธรรมดาโดยทั่วไปคงหลบไม่ทันเป็แน่ ถ้าหากเป็ตนเองเมื่อก่อนคงถูกฟาดแหลกละเอียดเป็ผุยผงไปแล้ว
“อยากจะบดขยี้นายน้อยอย่างข้า? ทาสรับใช้อย่างเ้ายังห่างชั้นนัก ไปเรียกเ้านายของเ้ามายังพอถูไถได้อยู่!”
การปลดปล่อยพลังปราณรบออกมาภายนอกเพื่อโจมตีต้องใช้พลังปราณรบเป็อย่างมาก ความรู้สามัญพวกนี้เย่ชิงหานทราบดี แต่ตนเองก็ไม่สามารถเข้าใกล้เสว่อีได้ ทำได้แค่เพียงยั่วโทสะเท่านั้น ยั่วให้เสว่อีฟาดฝ่ามือใหญ่ใส่ตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สิ้นเปลืองพลังปราณรบให้มากที่สุด
ตูม! ตูม!
สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงฝ่ามือใหญ่สีทองหลายต่อหลายครา เห็นได้ชัดว่าการตายของพี่น้องทั้งสี่และเย่ชิงหานที่หัวเราะเยาะกระตุ้นอารมณ์โกรธแค้นของเสว่อีมากขึ้น เขาซัดฝ่ามือใหญ่ที่สร้างขึ้นจากพลังปราณรบนั้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ไล่ฆ่าเย่ชิงหานที่หลบหลีกไปมารอบทิศทาง
เย่ชิงหานแสดงสีหน้าดูแคลนออกมา เขาทำราวกับว่าฝ่ามือใหญ่ที่โจมตีมานั้นหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย แต่ความจริงแล้วมันอันตรายมากแค่ไหนเขารู้ดี ตอนนี้ต้องตั้งสมาธิให้ดีเพื่อรับมือกับฝ่ามือใหญ่สีทองเ่าั้ ทำการคาดคะเนระดับความเร็วและทิศทางของฝ่ามือที่จะโจมตีเข้ามาล่วงหน้า และยังต้องสำรวจภูมิประเทศรอบข้างเพื่อคิดคำนวณท่วงท่าในการหลบหลีกการโจมตีครั้งต่อไป เพียงแค่สิบกว่าวินาทีเขารอดหวุดหวิดมาสองครั้ง าเ็เล็กน้อยอีกหนึ่งครั้ง สถานการณ์ในตอนนี้อยู่ในระดับอันตรายอย่างถึงที่สุด
“เป็อะไร? ไม่ไหวแล้วหรือ? ข้าว่าตาแก่อย่างเ้าอายุก็เยอะแล้ว น้ำอดน้ำทนคงหมดแล้วเป็แน่!”
“เฮ้ย! ตาแก่จะสู้หรือไม่สู้ ถ้าไม่สู้ก็เก็บศพพี่น้องเ้าแล้วกลับบ้านใครบ้านมันหาแม่ใครแม่มันไป ตกลงไหม?”
“ตาแก่ ดูท่าทางเ้าจะไม่ไหวแล้วนะ? เฮ้อ...ไม่ใช่ข้าอยากจะว่าเ้านะ ตอนเป็หนุ่มหลั่งเร็วเกินไปไม่รู้จักถนอมน้ำของตนเองให้ดี สุดท้ายก็ต้องมานั่งร้องไห้น้ำตานองตอนแก่ ประโยคนี้ใช้กับคนแบบเ้าโดยเฉพาะเลย...”
เช่นเดิม สิ่งที่ตอบกลับเสียงเยาะเย้ยถากถางมามีเพียงแค่ฝ่ามือใหญ่สีทอง เย่ชิงหานมองดูเสว่อีที่ใบหน้าเริ่มจะซีดเผือดฝ่ามือที่ซัดออกมาก็ยิ่งเชื่องช้าและลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เขารู้ว่าโอกาสใกล้เข้ามาแล้วจึงเริ่มะโหลบอย่างปีติยินดีและพูดยั่วยุรุนแรงยิ่งขึ้น...
ในขณะที่ะโหลบไปมานั้นสายตาก็หรี่มองสังเกตท่วงท่าและอากัปกิริยาของเสว่อีไปพร้อมๆ กัน จนกระทั่งเสว่อีซัดฝ่ามือออกมาอีกครั้ง อาจจะเป็เพราะฝืนบังคับจนเกินไปจนทำให้ร่างกายของเขาเริ่มสั่นเทิ้มขึ้นมา จังหวะก้าวเท้าก็เริ่มไม่มั่นคงเซถลาเข้ามายังด้านหน้าก้าวหนึ่ง
โอกาสนี้แหละ!
เย่ชิงหานที่กำลังจับจ้องอยู่ดวงตาทอประกายแสงแห่งความยินดีวาบผ่าน หลังจากหลบฝ่ามือที่โจมตีมาได้อย่างง่ายดายจึงรีบพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกปืนใหญ่ที่ถูกยิงออกจากกระบอก ในมือขวาถือกริชแน่นเตรียมโจมตีใส่เสว่อีให้ตายในคราเดียว
“ไปตายซะเถอะ!”
ในขณะที่เสว่อีเสียหลักเซถลามายังด้านหน้าอยู่นั้น เย่ชิงหานก็ได้พุ่งทะยานมาทางนี้แล้ว ระยะห่างของทั้งสองคนไม่ไกลเท่าไรราวหนึ่งร้อยเมตร ประกอบกับเย่ชิงหานที่โคจรพลังปราณรบรอไว้โดยตลอด ใช้เวลาเพียงสองวินาทีะโไม่กี่ก้าวก็มาถึงแล้ว เสว่อีที่เพิ่งจะยืนได้อย่างมั่นคง กริชของเย่ชิงหานก็พุ่งมาถึงเบื้องหน้าแล้ว ตวัดเฉือนมายังบริเวณลำคอของเขา ในตอนนี้เย่ชิงหานคิดว่าเสว่อีจะต้องตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เมื่อมองเห็นหน้าของเสว่อีที่แหงนขึ้นมามอง เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เขารู้ได้ทันทีว่าตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว จากนั้นเขามองเห็นมือข้างซ้ายของเสว่อีที่อยู่ด้านหลังฟาดออกมายังอกของเขาพร้อมกับฝ่ามือใหญ่สีทอง ในตอนนั้นเองเขาถึงเข้าใจเื่ราวทุกอย่างได้ชัดเจน
เขาถูกฝ่ามือและก็ถูกหลอกด้วย!
ในขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นเขาแน่ใจได้เลยว่าตกหลุมพรางเข้าเต็มๆ คิดย้อนกลับไปถึงกลอุบายของตนเองที่ทำการยั่วยุให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีเข้าใส่เพื่อตัดกำลัง มันช่างน่าตลกขบขันยิ่งนัก แผนการของตนเองถูกมองออกั้แ่แรกแล้วแถมยังถูกซ้อนแผนขึ้นมาอีก ทำท่าทางโกรธเดือดดาลโจมตีใส่อย่างบ้าคลั่งทั้งหมดทั้งมวลล้วนเพื่อให้ตนเองตายใจ ความจริงแล้วยังเก็บรักษาพลังที่แท้จริงเอาไว้เพื่อใช้ในยามสำคัญ โจมตีออกมาอย่างฉับพลันในฝ่ามือเดียวทำให้ฝ่ายตรงข้ามาเ็สาหัส สร้างโอกาสชนะในการต่อสู้ได้อย่างมั่นคง
ดูท่าจะจริงอย่างที่คนโบราณกล่าวไว้ ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด...คนยิ่งแก่ยิ่งมากประสบการณ์...
เย่ชิงหานหล่นกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ในหัวเต็มไปด้วยความเสียใจและอับจนปัญญา อวัยวะภายในาเ็สาหัส กระดูกหักไปหลายท่อน แม้ว่ากระแสพลังสีขาวจากแหวนทองเหลืองจะไหลเข้าไปรักษาอาการาเ็โดยทันที
แต่ว่า...ไม่ทันกาลแล้ว!
เสว่อีไม่มีทางให้โอกาสเขาเป็ครั้งที่สองอย่างแน่นอน ทำเื่โง่ๆ ผิดพลาดอาจเป็เพราะประมาทพลาดพลั้งไม่ระมัดระวัง แต่ถ้ายังทำผิดพลาดในเื่เดิมถึงสองครั้งก็ไม่ต่างจากควายดีๆ นี่เอง เสว่อีที่เป็หัวหน้าของทั้งห้าคนชัดเจนว่าไม่ใช่คนที่โง่เขลาราวกับควาย เขาเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้าที่ดำคล้ำ
สวบ! สวบ!
เดินพลาดเพียงครั้งเดียวแพ้ทั้งกระดาน!
เสียงฝีเท้าที่เชื่องช้าราวกับระฆังมรณะที่ใกล้เข้ามาทุกที เย่ชิงหานหลับตาลงรอคอยความตาย สภาพไม่ต่างจากคืนที่ตนเองเข้ามาเทือกเขารกร้างใหม่ๆ ถูกเสือเขี้ยวดาบลอบจู่โจมจนาเ็สาหัสได้แต่นอนรอคอยความตาย ดิ้นรน? หลบหนี? ล้วนเป็ไปไม่ได้ ถ้าจะให้หลบหนีหัวซุกหัวซุนอย่างหมาจนตรอก ไม่สู้ตายไปอย่างสงบเสียยังจะดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า...มิใช่รึ?
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกจะไปหาพวกท่านทั้งสองแล้ว ชิงอวี่ ข้าคงต้องกล่าวขอโทษเ้าอีกครั้งแล้ว ถ้าหากยังสามารถมีครั้งต่อไปข้าสัญญาว่าจะไม่วู่วามอีกแล้ว อืม...เสี่ยวเฮยข้าพลอยทำให้เ้าเดือดร้อนไปด้วย...”
เย่ชิงหานพูดออกมาในใจ พูดคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย พูดถึงความเสียใจและความอับจนหนทาง
“ลูกพี่ ไม่เดือดร้อนหรอก พวกเรายังไม่ถึงกับต้องตาย!”
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งดังขึ้นในสมอง ราวกับกับฟ้าที่ผ่าลงกลางแจ้ง!
ในขณะเดียวกันในหัวของเขาก็ปรากฏข้อมูลแปลกประหลาดต่างๆ ไหลเข้ามา เขารีบทำความเข้าใจในข้อมูลต่างๆ เ่าั้โดยทันที หลังจากที่ทำความเข้าใจได้ทั้งหมด ภายในใจก็ตื่นเต้นดีใจราวกับคลื่นั์ที่พัดกระพือโหมซัดอย่างบ้างคลั่ง
มองดูเสว่อีที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เย่ชิงหานสายตาค่อยๆ สงบราบเรียบลง เพียงแต่มือขวาที่ถือกริชอยู่กำแน่นยิ่งขึ้นกว่าเก่า
มือซ้ายของเสว่อียังคงมีพลังปราณรบที่ไหลเวียนโอบล้อมเตรียมพร้อมที่จะซัดใส่เย่ชิงหานอยู่ตลอดเวลา แม้เขาจะรู้ว่าฝ่ามือเมื่อสักครู่ทำให้เย่ชิงหานได้รับาเ็สาหัสอย่างแน่นอน แต่ร่างไร้ิญญาของพี่น้องทั้งสี่ที่อยู่บนพื้นบอกเขาให้รู้ว่าอย่าได้ประมาทโดยเด็ดขาด เ้าเด็กคนนี้มีความลับมากมายจนเกินคาดเดาได้
“แม้นายน้อยจะบอกว่าถ้าจะให้ดีที่สุดคือจับเป็ แต่ข้าคิดว่าถ้าบดขยี้เ้าเสียอาจจะทำให้พี่น้องของข้าที่ตายไปตายตาหลับขึ้นสักหน่อย ดังนั้น...เ้าควรตายได้แล้ว!”
เสว่อีพูดเสียงทุ้มต่ำออกมาราวกับว่ากำลังบอกแก่พี่น้องว่าตอนนี้ตนเองกำลังจะแก้แค้นให้พวกเขา ขอให้พวกเขาทั้งหมดตายตาหลับได้แล้ว จากนั้นเขาค่อยๆ ยกแขนซ้ายขึ้นพลังปราณรบที่โอบล้อมอยู่บริเวณฝ่ามือยิ่งไหลเวียนรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพียงชั่วครู่มันกลายเป็ฝ่ามือสีทองขนาดใหญ่เตรียมที่จะฟาดลงไปอย่างรุนแรงยังร่างกายที่ผอมแห้งและบอบบางที่นอนอยู่บนพื้นให้แหลกละเอียดเป็ผุยผง
เย่ชิงหานที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นทำเหมือนไม่ได้มองเห็นพลังปราณรบที่ไหลเวียนโอบล้อมอยู่บนฝ่ามือนั้น ทำเพียงแค่ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งอย่างอับจนปัญญาพร้อมกับพูดขึ้น “แม้ว่าข้าก็คิดอยากที่จะจับเป็เ้าเพื่อเค้นถามข้อมูลอะไรบางอย่าง แต่ดูจากนิสัยของเ้าแล้วคงถามไม่ได้อะไรที่เป็ประโยชน์อย่างแน่นอน ดังนั้น เ้าก็ควรจะตายได้แล้วเช่นกัน!”
เสียงพูดอาจจะฟังตะกุกตะกักไปหน่อยแต่ท่วงท่าของทั้งสองคนล้วนรวดเร็วฉับไว ฝ่ามือพลังปราณรบของเสว่อีที่ฟาดลงมา เย่ชิงหานกลับหลับตาลงแล้วก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งในทันที อย่างไม่ทันตั้งตัว ั์ตาคู่สีดำขลับของเย่ชิงหานพลันปล่อยประกายแสงลานตาสองสายออกมา จากนั้นมันพุ่งเข้าไปยังภายในดวงตาของเสว่อี
แสงจากดวงอาทิตย์แม้จะทำให้แสบตาแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ตาของคนนั้นพร่ามัว และไม่ทำให้วิงเวียนศีรษะ แต่ทว่าแสงที่ปล่อยออกมาจากดวงตาของเย่ชิงหานนั้นกลับมีผลกระทบที่น่ามหัศจรรย์ ฝ่ามือของเสว่อีที่กำลังจะฟาดลงมากลับหยุดนิ่งค้างอยู่กลางอากาศ ในตอนนี้ดวงตาของเขานั้นมองเห็นแค่แสงที่ทำให้ตาพร่ามัวและสติที่เลือนราง
แม้ชั่วประเดี๋ยวเดียวจะเป็่เวลาที่แสนสั้น แต่่เวลาที่แสนสั้นเช่นนี้กลับสามารถทำได้หลายสิ่งอย่าง การกระทำของเย่ชิงหานก็รวมอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน เย่ชิงหานที่นอนอยู่พลันะโลุกขึ้น มือขวาที่ถือกริชสีดำอยู่ตวัดผ่านลำคอของเสว่อีออกไปอย่างนิ่มนวล...
“เ้า...”
ความรู้สึกเย็นเฉียบและเ็ปบริเวณลำคอทำให้เสว่อีได้สติกลับคืนมา มือข้างหนึ่งของเขากุมลำคออย่างยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น นิ้วมือชี้มาที่เย่ชิงหานคล้ายกับอยากที่จะพูดสิ่งใดแต่ก็พูดออกมาไม่ได้
“สามารถเป็คนแรกที่ตายภายใต้ความสามารถพิเศษร่างอสูรของข้า - เนตรสยบิญญา ถือว่าเป็บุญวาสนาของเ้าแล้ว เ้ารู้ไหมทั่วทั้งทวีปัเพลิงมีเพียงแค่ตระกูลเย่เท่านั้นที่มีความสามารถพิเศษเช่นนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในตระกูลเย่มีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่มี อืม...ข้าคือคนที่สี่! ดังนั้น...เ้าก็ไปอยู่กับพี่น้องของเ้าได้อย่างสบายใจแล้ว!”
ความปีตียินดีอย่างบ้าคลั่งที่อดกลั้นมานานในตอนนี้ได้พรั่งพรูออกมาบนใบหน้าของเขาจนหมดสิ้น เป็ดั่งที่เขาได้กล่าวไป ใน่เวลาแห่งความเป็ความตายนั้นเสี่ยวเฮยได้ถ่ายทอดความสามารพิเศษระดับที่ค่อนข้างต่ำชนิดหนึ่งมาให้เขา ความสามารถชนิดนี้เสี่ยวเฮยได้มาจากความทรงจำของพลังทางเผ่าพันธุ์ หลังจากที่ศึกษาจนเข้าใจจึงได้ส่งต่อมาให้เขา จนในที่สุดสามารถพลิกสถานการณ์จากผู้แพ้ให้กลับมาเป็ผู้ชนะได้
ตามที่เสี่ยวเฮยส่งข้อมูลมา ความสามารถพิเศษนี้มีชื่อว่า “วิชาเนตรสยบิญญา” มันสามารถทะลุผ่านเกราะป้องกันที่เป็วัตถุสสารเข้าไปโจมตีดวงิญญาได้โดยตรง หรือก็คือระบบประสาทความนึกคิดของคนเรานั่นเอง ทำให้ผู้ที่ถูกโจมตีตกอยู่ในอาการวิงเวียนศีรษะ ระยะเวลาของการได้รับผลกระทบจะขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแกร่งของพลังิญญาของคนๆ นั้น เย่ชิงหานหลังจากที่รวมร่างกับเสี่ยวเฮยระดับความแข็งแกร่งของิญญาบรรลุถึงระดับสูงสุดของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ ดังนั้น หากโจมตีใส่ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์จะได้รับผลกระทบเป็เวลาหนึ่งวินาที สำหรับผู้มีพลังฝีมือในระดับนี้หากทำการต่อสู้ระยะประชิดแล้วถูกโจมตีทางิญญาจนวิงเวียนศีรษะแม้จะเป็เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที เช่นนี้ก็ไม่ต่างจากการได้ตายไปแล้วดีๆ นี่เอง ความสามารถพิเศษนี้ช่างพิเศษไม่ธรรมดาสมชื่อเสียจริง
“สลายร่างอสูร!”
เย่ชิงหานสลายร่างอสูรเพื่อให้เสี่ยวเฮยกลับเข้าไปมิติสัตว์อสูรเพื่อพักผ่อน ส่วนตนเองหลังจากที่พักผ่อนอยู่นานรอจนร่างกายฟื้นฟูกลับมาเป็ปกติจึงทำการเก็บกวาดสนามรบ
“ชิงอวี่ รอข้า พี่จะรีบกลับไปหาเ้าแล้ว...”
เย่ชิงหานแหงนหน้ามองไปทางด้านทิศเหนือครั้งหนึ่งพร้อมกับยิ้มออกมา หลังจากจัดเสื้อผ้าที่สวมใส่ให้เข้าที่จึงก้าวะโรุดหน้าทะยานออกไปอย่างรวดเร็วหายลับไปในป่าไม้ที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา
ูเาหมาป่าเพลิงที่อยู่ด้านหลังยังคงมีฝุ่นควันสีดำลอยฟุ้งตลบอบอวลขึ้นมาอยู่ไม่ขาด