สนามบาสเกตบอลนี้ชวีอี้เจี๋ยเป็คนเปิดขึ้นมา
ตอนเปิดใหม่ๆ เขายังขอความเห็นจากชวีเสี่ยวปอและชวีจิ่งเป็พิเศษอยากให้เขาทั้งสองคนช่วยตั้งชื่อ ชวีอี้เจี๋ยยังพูดถึงขนาดที่ว่าจะเลือกตัวอักษรหนึ่งตัวในชื่อของทั้งสองคนนำมารวมเข้าด้วยกันแล้วตั้งเป็ชื่อ แต่ในเื่นี้ชวีเสี่ยวปอและชวีจิ่งกลับมีความเห็นตรงกัน ทั้งยังแสดงท่าทางว่า “อยากจะคลื่นไส้สุดๆ ” ออกมาด้วยกันทั้งคู่ ชวีอี้เจี๋ยถึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป
“คนนั้นใช่ไหม” เซี่ยเจิงที่เดินตามชวีเสี่ยวปอมา บิดรองเท้าไปมาบนพื้น
“ชวีจิ่งเหรอ? ”
ชวีเสี่ยวปอมองไปยังทางนั้นที่เซี่ยเจิงชำเลืองมองไปเมื่อครู่อย่างไม่เป็ธรรมชาติสักเท่าไหร่ อันที่จริงทันทีที่เขาเข้ามา เขาก็เห็นว่าชวีจิ่งมองมาที่เขาเหมือนกัน ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงได้หลบสายตากันไป แล้วอีกอย่างเสียงะโดังลั่นของพี่พนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้านั้น ชวีจิ่งอยากจะทำเป็ไม่รู้ก็คงจะไม่ได้
แต่ว่าความสามารถในการสังเกตที่ฉับไวของเซี่ยเจิง มันช่างทำให้ตัวเขาเทียบไม่ติดเลยจริงๆ
ชวีจิ่งมากับเพื่อนๆ ของเขาหลายคน มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง พวกเขาใช้พื้นที่ครึ่งสนามเล่นกันอย่างสนุกสนุกสนาน
“พวกนายไม่คุยกันเหรอ” ก่อนหน้านี้เซี่ยเจิงเคยได้ยินชวีเสี่ยวปอพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับชวีจิ่งว่าไม่ค่อยจะลงรอยกันมากนัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะไม่ลงรอยกันถึงขั้นที่แม้แต่หน้าก็ไม่อยากจะมองขนาดนี้
“จริงๆ ก็คุยแหละ” ชวีเสี่ยวปอมองเขาพลางยิ้มออกมา จากนั้นก็ชี้คางไปทางด้านนั้นแล้วอธิบายว่า : “เขามากับเพื่อนไง ไม่อยากเข้ามาคุยกับฉันหรอก พวกเราเล่นของพวกเราดีกว่า”
ในขณะนั้นยังมีคนที่มาใช้บริการอีกหลายคนเดินเข้ามาพร้อมพวกเขาทั้งคู่ พวกเขาจึงได้ทักทายกัน และรวมจำนวนคนกันเล่นได้ครึ่งสนามพอดี
อีกฝ่ายเป็พนักงานออฟฟิศที่ออกมาผ่อนคลายในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งไม่อาจดูเพียงแค่รองเท้ากีฬาหรือชุดเล่นบาสเกตบอลที่พวกเขาใส่กันอย่างจัดเต็ม แต่ที่จริงแล้วพวกเขายังเล่นได้ไม่เท่าชวีเสี่ยวปอและเซี่ยเจิงเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเมื่อครู่นี้ที่เซี่ยเจิงวิ่งหลบเลี่ยงการป้องกันของชวีเสี่ยวปอไปได้ จากนั้นก็ดึงช่องวางเพียงนิดและชู้ตเข้าห่วงไปได้อย่างสวยงาม ในขณะนั้นไม่ได้มีเพียงแต่พี่ๆ พนักงานออฟฟิศที่ปรบมือให้ แม้แต่พนักงานในนั้นที่มายืนดูก็ยังอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้เขาด้วยเช่นกัน
“เก่งสุดๆ !” พนักงานออฟฟิศคนหนึ่งในนั้นเดินมาด้วยท่าทางหอบอย่างหนักและแท็กมือกับพวกเขาทั้งสองคน “พวกนายไม่ใช่นักกีฬาอาชีพจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย? ”
“ฮ่าๆ ผมถือว่าคุณชมพวกผมก็แล้วกันนะครับ !” ชวีเสี่ยวปอรับคำชมด้วยท่าทางที่ชอบใจ ทั้งยังรู้สึกมีความสุขมาก
พวกเขายังเล่นกันต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมงนิดๆ จากนั้นพวกพี่ๆ ก็เตรียมตัวกำลังจะกลับกันแล้ว ส่วนชวีเสี่ยวปอและเซี่ยเจิงก็รู้สึกเหนื่อยมากแล้วเช่นกัน พวกเขาจึงนั่งลงและดื่มน้ำอยู่ตรงบริเวณนั้นเลย
ชวีเสี่ยวปอมองไปยังทางฝั่งนั้นครั้งหนึ่ง แล้วก็เห็นว่าชวีจิ่งก็ยังไม่ไปเหมือนกัน
แต่นอกจากนั้นเขายังพบอะไรบางอย่างอีกด้วย
ด้านข้างสนามมีผู้หญิงสองสามคนนั่งดูบาสเกตบอลอยู่ ในตอนที่ชวีจิ่งออกไปจากสนาม เขาได้เข้าไปลูบศีรษะของผู้หญิงคนที่ผมยาวมากๆ คนหนึ่ง แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ยกมือขึ้นมาตีเขาอย่างเบาแรงไปหนึ่งที จากนั้นชวีจิ่งจึงวิ่งออกไปพร้อมทั้งรอยยิ้ม
“แฟนเขาเหรอ? ” เซี่ยเจิงดูดน้ำผลไม้เข้าไปคำใหญ่ รสชาติของเลมอนเปรี้ยวจนทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
“ดูเหมือนว่าจะเป็ยังงั้น” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะเบาๆ สองครั้ง “ให้ตายเถอะ ฉันเพิ่งจะเคยเห็นเขายิ้มขนาดนั้นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย ฉันต้องถ่ายรูปไว้สักหน่อยแล้วไหม? จะได้มีหลักฐานเอาไว้ขู่เขาวันหลังได้”
“นายจะไปขู่อะไรเขา? ” เซี่ยเจิงถาม
“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก” ชวีเสี่ยวปอเอนตัวพิงไปด้านหลัง พอเหงื่อออกทั้งตัว และได้คลายกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวเอาไว้ลงมามันช่างรู้สึกสบายจริงๆ ถ้าไม่มีใครมาเรียกเขา เขาคิดว่าเขาสามารถนั่งอยู่แบบนี้จนถึงฟ้ามืดได้เลย
ทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนไม่ได้ทันสังเกตเห็นว่ากำลังมีคนเดินเข้ามาหาเขาทั้งสองคน จนกระทั่งมีเรียวขาคู่หนึ่งที่ทั้งยาวทั้งขาวหมดจดมายืนอยู่ตรงหน้าเขาทั้งคู่ ในตอนนั้นเองเปลือกตาของชวีเสี่ยวปอก็กระตุกขึ้นมา พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาวคนนั้นอย่างอัตโนมัติ
ดูเหมือนว่าจะเดินมาจากทางฝั่งของชวีจิ่ง?
และเมื่อชวีเสี่ยวปอหันไปมองชวีจิ่ง เขากลับไม่ได้มีท่าทีตอบโต้อะไรออกมาเลย ทั้งยังคงเล่นบาสต่อไป
“หนุ่มหล่อ เมื่อกี้ฉันมองนายมาตั้งนายแล้ว”
ในขณะที่หญิงสาวพูดลักยิ้มเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอทันที ซึ่งมันก็ทำให้ดูอ่อนหวานมากเลยทีเดียว
เมื่อเธอพูดขึ้นมาชวีเสี่ยวปอก็เข้าใจขึ้นมาทันทีเลยว่าเธอมาทำอะไร เขาหันไปมองเซี่ยเจิงด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ แต่ในใจของเขากลับบ่นอย่างบ้าคลั่งถึงร่างกายของเซี่ยเจิงที่เป็เหมือนดอกไม้หอมดึงดูดผีเสื้อเช่นนี้ ในสภาพของสนามบาสเกตบอลที่ไม่ค่อยจะมีผู้หญิงแบบนี้ กลับมีคนเข้ามาคุยเพื่อตีสนิทกับเขาเนี่ยนะ
“ฉันชื่อชิวเถียนนะ” ชื่อของสาวลักยิ้มก็สมกับหน้าตาอยู่ เธอพูดแนะนำตัวขึ้นมาด้วยท่าทางที่เป็กันเอง “มาจากโรงเรียนX นายเล่นบาสเก่งมากเลย ฉันขอทำความรู้จักด้วยได้ไหม? ”
ชิวเถียน? หรือว่าสุนัขพันธุ์อะคิตะ อินุกันแน่
ทำความรู้จักทำไม? ให้ไปสอนเธอเล่นบาสเหรอ? ไปหาครูพละโรงเรียนพวกเธอไม่ดีกว่าหรือไง?
ชวีเสี่ยวปอไล่คนถ่อยขี้บ่นในหัวของเขาออกไป หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนพลางเอื้อมมือไปตบเบาๆ ลงบนไหล่ของเซี่ยเจิง แล้วโน้นตัวลงไปพูดใกล้หูของเซี่ยเจิงประโยคหนึ่งว่า : “รีบๆ แก้ปัญหาซะ” และเขาก็เดินหลบออกไป
เข้าห้องน้ำ
จะได้ถ่ายเอาไอ้คนถ่อยที่อยากจะบ่นอยู่ตลอดเวลาคนนี้ออกไปด้วย !
ชวีเสี่ยวปอถูกความคิดอันติ๊งต๊องของเขาเล่นงานเข้าให้แล้ว เพราะจู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมาคนเดียว ในขณะที่เขากำลังจะรูดซิปกางเกงลง ทันใดนั้นเองประตูห้องน้ำก็ถูกเตะเข้ามา
อันที่จริงประตูมันถูกปิดสนิทไว้ั้แ่แรก เพราะฉะนั้นการเตะประตูเข้ามาเช่นนี้ต้องเป็การตั้งใจอย่างแน่นอน
ชวีเสี่ยวปอเอียงศีรษะไปดู เป็ชวีจิ่ง
เขายังไม่ทันที่จะได้มีท่าทีตอบโต้อะไรออกไป เสี้ยววินาทีถัดมาชวีจิ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธก็เข้ามาดึงชวีเสี่ยวปอไว้ทันที จากนั้นกดทั้งตัวของเขาไว้ที่กำแพงห้องน้ำ
“นายพูดอะไรกับชิวเถียน? ! ”
คอเสื้อของชวีเสี่ยวปอถูกชวีจิ่งจับเอาไว้แน่น มันบีบรัดจนเขาหายใจแทบไม่ออก จึงทำได้เพียงะโออกไปอย่างยากลำบาก : “ฉันจะไปพูดอะไรกับเธอได้ เธอเดินมาเองต่างหากเล่า !”
“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว !” ชวีจิ่งดึงชวีเสี่ยวปอขึ้นมา จากนั้นก็ดันตัวเขาทุบเข้ากำแพงอย่างแรงอีกครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นชวีเสี่ยวปอรู้สึกถึงเพียงความเ็ปที่ด้านหลังท้ายทอยของเขา แล้วทันใดนั้นทั้งตัวของเขาก็รู้สึกวิ้งตามขึ้นมา
“เก็บใจสกปรกๆ ของนายเอาไว้เหอะ !” ชวีจิ่งกัดฟันอย่างแรง ดวงตาของเขาก็แทบจะกลายเป็เหมือนมีดเล่มหนึ่งที่มาขุดหลุมบนร่างกายของชวีเสี่ยวปอ “นายอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่านายจะทำอะไร จะบอกเพื่อนของฉันว่าเป็น้องชายฉันเหรอ? ฉันไม่มีน้องชายที่เกิดจากเมียน้อยอย่างนาย !”
ทันใดนั้นเองชวีเสี่ยวปอก็รู้สึกว่ามีเสียงผึ้งแตกรังบินอยู่ข้างหูของตัวเองเต็มไปหมด เขาคิดว่าตัวเขาเองไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่ว่าพอโดนชวีจิ่งเหวี่ยงออกไปสมองเขาก็ได้รับการกระทบกระเทือนขึ้นมาเลยทันที เพราะฉะนั้นสาเหตุที่แท้จริงเป็เพราะคำพูดที่ชวีจิ่งพูดออกมาเมื่อครู่นี้...... “เกิดจากเมียน้อย” ราวกับว่ามีมือโผล่ขึ้นมาตบเข้าที่กกหูอยู่หลายครั้ง ตราบใดที่ชวีจิ่งยกมันขึ้นมา ก็สามารถตบจนทำให้ชวีเสี่ยวปอไม่มีแรงที่จะโต้ตอบออกไปได้เลย
ทว่าชวีเสี่ยวปอกลับโต้ตอบออกไป แม้ว่าเขาจะทำได้เพียงใช้แรงกดมือของชวีจิ่งให้คลายออกจากคอของตัวเองก็ตาม แต่แล้วในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนเข้ามากดไหล่ของชวีจิ่งเอาไว้จากทางด้านหลัง และเหวี่ยงตัวของเขาไปยังอ่างล้างมือที่อยู่ด้านข้าง
ชวีเสี่ยวปอยังไม่ทันที่จะได้ห้ามเซี่ยเจิงไว้ เพียงครู่เดียวเขาก็ได้ยินเสียงชวีจิ่งร้องโอดโอยขึ้นมาอย่างเ็ป
ชวีจิ่งโน้มตัวลงมาทั้งยังไม่สามารถยืนตรงขึ้นมาได้ มือทั้งสองข้างปิดใบหน้าของเขาไว้ แต่ไม่วายเืก็ยังคงไหลหยดลงมาบนพื้นอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง
เซี่ยเจิงยืนอยู่ด้านหลังของชวีจิ่ง พร้อมทั้งมองเข้าด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าขมับของเขาเต้นตุบๆ ขึ้นมาอย่างรุนแรง เขาไม่เคยเห็นเซี่ยเจิงเป็แบบนี้มาก่อน แต่กลับไม่รู้สึกว่ามันแปลกเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่สมองกลับมาทำงานอีกครั้ง ปฏิกิริยาตอบโต้เป็อย่างแรกของเขาคือ :
โคตรหล่อเลยสหายเซี่ย !
“เพื่อนนายเธอเข้ามาคุยเพื่อที่จะขอเบอร์ต่างหากล่ะ” ชวีเสี่ยวปอเดินเข้าไปยืนข้างๆ ชวีจิ่งพร้อมทั้งพูดเสริมไปประโยคหนึ่งว่า “ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย ครั้งหน้านายมาถามฉันให้ชัดเจนก็ยังไม่สาย”
ชวีจิ่งจับที่จมูกของเขา พร้อมทั้งพูดอะไรออกมาสักประโยคแต่ชวีเสี่ยวปอได้ยินไม่ชัด และเขาก็ไม่ได้อยากฟังด้วย
เขาดึงเซี่ยเจิงและรีบออกจากสนามบาสเกตบอลนี้ทันที