“เสด็จแม่ พรุ่งนี้เย่เอ๋อร์อยากไปให้กำลังใจเสด็จแม่เดินหมากที่ชุมนุมเดินหมาก! ท่านช่วยพูดกับเสด็จพ่อได้หรือไม่ ให้เสด็จพ่อยอมรับปากพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนลำบากใจ “เื่นี้...เกรงว่าจะไม่ได้กระมัง เสด็จพ่อของเ้าไม่มีทางรับปากแน่นอน!”
ดวงตาของไท่จื่อน้อยมีน้ำตาเอ่อคลอ เขามองนางด้วยแววตาน่าสงสาร “เสด็จแม่ พวกเขาล้วนพูดกันว่าท่านกำลังจะไปจากวังหลวง เป็เื่จริงหรือไม่ ท่านไม่้าเย่เอ๋อร์แล้วใช่หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนทนเห็นน้ำตาคนไม่ได้ที่สุด โดยเฉพาะทนเห็นบุตรชายหลั่งน้ำตาไม่ได้ หัวใจของนางอ่อนยวบทันที นางย่อกายลงปลอบโยนเขา “ใครบอกว่าเสด็จแม่จะไปจากที่นี่ เ้าอย่าได้หลงเชื่อคำพูดของพวกเขาเป็อันขาด เสด็จแม่ไม่มีทางไปจากที่นี่!”
“เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงต้องเดินหมากกับไท่ฟู่ หากท่านชนะไท่ฟู่ได้ก็ไม่ต้องไปจากวังหลวงแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” องค์ไท่จื่อน้อยไม่ใช่คนที่หลอกได้ง่ายๆ เช่นกัน ตัวเล็กๆ เท่านี้ทว่ากลับมีหัวใจที่อ่อนไหวและมองเหตุการณ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
เฟิ่งเฉี่ยนลูบศีรษะเล็กๆ ของเขาแล้วพูดยิ้มๆ “เ้าพูดถูกต้องแล้ว ขอเพียงเสด็จแม่ชนะหานไท่ฟู่ เสด็จแม่ก็ไม่ต้องไปจากวังหลวง”
องค์ไท่จื่อน้อยกำหมัดเล็กๆ แววตามาดมั่น “เช่นนั้นเย่เอ๋อร์ยิ่งต้องไปให้กำลังใจเสด็จแม่ที่ชุมนุมเดินหมากพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จแม่ ท่านรับปากเย่เอ๋อร์เถิด! เสด็จแม่...”
เห็นสายตาคาดหวังของบุตรชายแล้ว เฟิ่งเฉี่ยนปฏิเสธไม่ออกจริงๆ เมื่อใคร่ครวญดูแล้วสุดท้ายจึงพยักหน้ารับปาก
องค์ไท่จื่อร้องะโขึ้นทันทีว่า “ไชโย!”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มเฝื่อนด้วยจนใจ นางควรใช้วิธีการใดไปเกลี้ยกล่อมูเาน้ำแข็งเช่นเซวียนหยวนเช่อดีนะ หาโจทย์ยากมาให้นางแก้อีกแล้ว!
ขณะที่เฟิ่งเฉี่ยนกำลังปวดหัวว่าจะเกลี้ยกล่อมเซวียนหยวนเช่ออย่างไรดี หานไท่ฟู่ก็กำลังปวดหัวว่าจะเอาชนะการเดินหมากในวันพรุ่งนี้อย่างไรดี
ชุนซานจวี อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองมู่หยาง เป็ที่พำนักของท่านาุโเฉิน ผู้เป็ตำนานของนักเดินหมากล้อม เวลานี้ยอดฝีมือระดับแถวหน้าทั้งหมดของแคว้นเป่ยเยียนได้มาชุมนุมกัน และกำลังปรึกษาหารือกันอย่างเร่งด่วน
หานไท่ฟู่มาถึงชุนซานจวีอย่างรีบเร่ง ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าประตูก็ร้องะโเสียงดังลั่น “ฟางเสีย ฟางเสีย เ้าออกมาหน่อย!”
ได้ยินความเคลื่อนไหว มีคนเดินออกมาจากเรือนไม้ไผ่
“ท่านาุโหาน ท่านมาได้อย่างไร”
“ท่านาุโหาน เชิญๆๆ!”
หานไท่ฟู่คร้านจะทักทายพวกเขา เขาพูดเข้าประเด็น “ฟางเสียอยู่ที่ใด รีบเรียกเขาออกมา! ข้ามาหาด้วยมีเื่ด่วน!”
“ศิษย์พี่ฟางหรือ เขากำลังประลองการเดินหมากกับท่านาุโเฉิน! ท่านอย่า...” ยังไม่ทันรอให้อีกฝ่ายพูดจบ หานไท่ฟู่ก็พุ่งเข้าไปในเรือนไม้ไผ่ทันที
“ฟางเสีย เกิดเื่ใหญ่แล้ว! เ้ารีบกลับไปชุมนุมเดินหมากเทียนหยวนกับข้า!” หานไท่ฟู่ไม่นำพาว่าคนด้านในกำลังใช้สมาธิในการเดินหมาก เขาบุกเข้าไปพร้อมกับร้องะโเสียงดัง
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีขาวท่าทางบุคลิกสง่างาม มีหมากขาวอยู่ในมือเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาตื่นตะลึง “ท่านาุโหาน เกิดเื่อะไรขึ้น”
หานไท่ฟู่พูดอย่างมีโทสะ “เกิดเื่ใหญ่แล้ว! มีคนมาก่อเื่! เ้าบอกมาว่าเ้าจะไปจัดการใช่หรือไม่”
“ก่อเื่หรือ ใครช่างกล้าหาญเช่นนี้ กล้ามาก่อเื่” หลังจากฟางเสียพูดอย่างประหลาดใจ เขากลับตั้งสติได้ “แต่ในชุมนุมเดินหมากมิใช่มีศิษย์น้องหญิงหานและศิษย์น้องลู่ดูแลอยู่หรือ”
หานไท่ฟู่โมโหฟึดฟัด “พวกเขาสองคนใช้ไม่ได้! สู้ไม่ได้!”
ฟางเสียพูดอีกว่า “เช่นนั้นมิใช่ยังมีท่านคุมสถานการณ์อยู่หรือ”
หานไท่ฟู่หน้าแดงก่ำทันที เขาอัดอั้นตันใจจนไม่อาจพูดออกมาได้
ท่านาุโเฉินที่นั่งลูบเคราอยู่ตรงข้ามฟางเสียหัวเราะขึ้นมา “ท่านาุโหาน คงมิใช่ว่าท่านก็พ่ายแพ้หลุดลุ่ยไปด้วยหรอกนะ”
ภายในเรือนยังมีหมากที่ต้องประลองกันอีกถึงห้าวัน ล้วนเป็ยอดฝีมือในการเดินหมากระดับแนวหน้าของชุมนุมเดินหมากใหญ่ๆ ที่มาจากทั่วทั้งแคว้น ได้ยินเช่นนั้นจึงพากันหัวเราะเสียงดังลั่น
“ฮ่าๆๆ...”
หานไท่ฟู่โมโหจนหน้าเขียว เขาถลึงตา “ตาแก่เช่นข้าจะถูกทำให้พ่ายแพ้หลุดลุ่ยหรือ นั่นเป็เพราะข้าอ่อนข้อให้นาง! ฟางเสีย พรุ่งนี้เ้าต้องไปชุมนุมเดินหมากกับข้าสักเที่ยว จะต้องเอาชนะนางให้ได้ หาไม่แล้วคนอื่นจะคิดว่าชุมนุมเดินหมากของพวกเราไม่มีคนเก่งแล้ว!”
ฟางเสียพูดอย่างลำบากใจ “ท่านาุโหาน ท่านมิใช่ไม่รู้ว่าวันมะรืนเป็วันประลองระหว่างชุมนุมเดินหมากของแคว้นเป่ยเยียนและหนานเยียน เพื่อการประลองในครั้งนี้ พวกเราได้เตรียมการมาสามปีเต็มๆ ข้าจะแบ่งสมาธิไปทำเื่อื่นในเวลาสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร”
คนอื่นๆ ล้วนพยักหน้าหงึกๆ สีหน้าท่าทางเคร่งเครียดขึ้นมา
ท่านาุโเฉินปรับสีหน้าและพูดเสียงหนัก “ท่านาุโหาน การประลองในวันมะรืนนี้เกี่ยวข้องกับเกียรติยศและชื่อเสียงของชุมนุมเดินหมากแคว้นเป่ยเยียน สามปีก่อน นักเดินหมากแคว้นเป่ยเยียนของพวกเราถูก ซือคงเซิ่งเจี๋ย ยอดฝีมือระดับเก้าสังหารเสียจนศิโรราบ เงยหน้าขึ้นมองผู้คนไม่ได้มากี่ปีแล้ว ตอนนี้มีโอกาสที่จะกู้หน้าคืนอย่างมิง่ายดาย ท่านต้องเห็นแก่ส่วนรวมเป็หลัก จะเอาเื่ส่วนตัวมาเกี่ยวข้องแล้วทำให้เสียการใหญ่ไม่ได้!”
หานไท่ฟู่พูดอย่างมิยินยอมว่า “อย่างไรพวกท่านก็เตรียมการมานานเช่นนี้แล้ว คงไม่ขาดเวลาเตรียมการเพียงแค่หนึ่งวันหรอก ถือเสียว่าเป็การฝึกฝนล่วงหน้า! มิใช่ตาแก่เช่นข้าพูดแทนคนอื่น เด็กสาวที่มาก่อเื่นั้นความสามารถในการเดินหมากมิได้ด้อยกว่า ซือคงเซิ่งเจี๋ย พวกเ้าออกหน้าก็ไม่แน่ว่าจะชนะนางได้!”
คนทั้งหมดพากันหัวเราะครืน
“ท่านาุโหาน ท่านจะมาพูดจาเหลวไหลเพื่อให้ฟางเสียไปเดินหมากแทนท่านไม่ได้! นักเดินหมากระดับแนวหน้าของแคว้นเป่ยเยียนล้วนอยู่ที่นี่หมดแล้ว ไหนเลยจะมียอดฝีมือระดับแนวหน้าอันใดอีก”
“ท่านาุโหาน ท่านไม่ได้ลงสนามนานแล้วกระมัง การพ่ายแพ้บ้างเป็เื่ปกติสามัญ แต่อย่าพูดเป็เื่ใหญ่โตเกินกว่าเหตุก็พอ!”
ถูกคนรุ่นหลังหัวเราะเยาะใส่ หานไท่ฟู่ไม่พอใจแล้วเขาถลึงดวงตาพูดว่า “ข้าไม่ได้โกหกหลอกลวงพวกเ้าจริงๆ! เด็กสาวที่มาก่อเื่นั้นถึงกับนำค่ายกลโบราณเช่นค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมและค่ายกลเจดีย์คู่ออกมา พวกเ้าทำได้หรือไม่”
คนทั้งหมดตกตะลึงแล้วมองหน้ากันไปมา
“อะไรนะ นางถึงกับนำค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมและค่ายกลเจดีย์คู่ออกมาใช้หรือ” ฟางเสียถาม
หานไท่ฟู่พยักหน้า “ใช่แล้ว! ข้าแพ้ให้กับนางเพราะค่ายกลสองชนิดนี้ หาไม่แล้วด้วยฝีมือการเดินหมากของข้า ไหนเลยจะพ่ายแพ้ให้กับนางกำนัลคนหนึ่ง”
คนทั้งหมดตื่นตะลึงอีกครั้ง
“อะไรนะ นางเป็นางกำนัลคนหนึ่งหรือ”
“จริงหรือหลอกกันแน่”
“ท่านาุโหาน ท่านถึงกับพ่ายแพ้ให้กับนางกำนัลคนหนึ่งเชียวหรือ”
หานไท่ฟู่ถลึงตาอย่างไม่พอใจ “นั่นเป็เพราะข้าอ่อนข้อให้นาง!”
มีคนพูดขึ้นว่า “ในจำนวนนักเดินหมากของแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรา สามารถใช้ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมและเจดีย์คู่มีเพียงฟางเสีย! ถึงกับมีคนที่สองที่ใช้สองค่ายกลนี้ได้ ท่านแน่ใจหรือไม่ว่านางเป็คนแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรา”
หานไท่ฟู่ยืนยัน “แน่เสียยิ่งกว่าแน่! นางเป็นางกำนัลของแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรา ข้าเคยพบนางในวังหลวง!”
“นี่เป็เื่ประหลาดแล้ว!” คนผู้นั้นร้องขึ้นอย่างแปลกใจ
หานไท่ฟู่ “ฟางเสีย เ้าพูดมาสักคำเถิด พรุ่งนี้เ้าจะไปหรือไม่”
ฟางเสียครุ่นคิด “ได้ยินท่านาุโหานกล่าวเช่นนี้ ข้ากลับรู้สึกสนใจนางกำนัลคนนี้เสียแล้ว”
เขาเงยหน้าขึ้น “ท่านาุโเฉิน พวกเราเก็บตัวอยู่ในชุนซานจวีมาหลายวันแล้ว การเดินหมากของสหายที่อยู่ที่นี่พวกเราล้วนแจ่มแจ้งและคุ้นเคยดี หากยังฝึกซ้อมกันเองต่อไปก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ไม่สู้ฉวยโอกาสผ่อนคลาย เปิดหูเปิดตา ไม่แน่ว่าอาจจะได้อะไรใหม่ๆ ที่ดีกว่า!”
คนอื่นๆ พากันวิพากษ์วิจารณ์
“ใช่แล้ว ข้ารู้สึกประหลาดใจในตัวนางกำนัลคนนี้ยิ่งนัก! หากนางสามารถใช้ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมและเจดีย์คู่จริงๆ เช่นนั้นย่อมเป็ยอดฝีมือระดับแนวหน้าคนหนึ่ง!”
“ไม่สู้พวกเราไปดูพร้อมๆ กัน! ถือเสียว่าเป็การพักผ่อนหย่อนใจก่อนที่จะลงประลองในศึกใหญ่!”
”ใช่ นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปจากชุนซานจวี พวกเราควรออกไปดูๆ บ้าง!”