หานไท่ฟู่เห็นเช่นนั้นดีใจแทบสิ้นสติ “ดีๆๆ ทุกคนไปให้หมด! พวกเ้าล้วนมาจากชุมนุมเดินหมากระดับยอดฝีมือทั้งสิ้น มีพวกเ้าอยู่ นางเด็กคนนั้นจะต้องพ่ายแพ้แน่! ฮ่าๆๆ...”
เวลาใกล้ค่ำ เฟิ่งเฉี่ยนประคองหมากกระดานหนึ่งมายังตำหนักไท่จี๋ ที่นี่เป็ตำหนักบรรทมของฮ่องเต้ เมื่อเปรียบเทียบกับตำหนักเว่ยยางของนางแล้วมีขนาดกว้างใหญ่กว่าเท่าหนึ่ง แต่ลักษณะของอาคารก่อสร้างดูสูงส่งและเ็า เหมือนเ้าของของมัน ทำให้รู้สึกห่างเหิน!
นี่เป็ครั้งแรกที่เฟิ่งเฉี่ยนมาตำหนักไท่จี๋ ในใจนางจึงกระอักกระอ่วนอย่างยิ่งยวด
แต่จุดประสงค์ของนางนั้นง่ายดายมาก นางมาเพื่อเดินหมากกับเขา จากนั้นนางจะหาโอกาสเกลี้ยกล่อมเขา ให้เขาอนุญาตให้บุตรชายไปชุมนุมเดินหมากเทียนหยวนพร้อมกับนาง...
“ทูลเหนียงเหนียง ฝ่าาทรงปรึกษาหารือราชกิจอยู่กับขุนนางใหญ่หลายท่าน บ่าวไม่แน่ใจว่าฝ่าาจะเสด็จกลับมาเมื่อใด ไม่สู้พระองค์กลับไปตำหนักเว่ยยางก่อน รอเมื่อฝ่าาทรงมีเวลาว่างแล้ว บ่าวจะไปกราบทูลพ่ะย่ะคะ” จ้าวกงกงเดินตามนางเข้าไปในตำหนัก ภายนอกดูเหมือนให้ความเคารพและเกรงอกเกรงใจ แต่ความจริงแล้วป้องกันนางราวกับนางเป็หัวขโมย ท่าทางระมัดระวังอย่างยิ่ง
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้สนใจเขา นางเดินชมตำหนักบรรทมอย่างสบายใจ พลันได้กลิ่นหอมชนิดหนึ่ง นางสูดจมูกดมกลิ่นแล้วเดินเข้าไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง มองเห็นบนโต๊ะมีกาสุราวางอยู่สามกา กาสุรากระเบื้องสีขาว ยังไม่ได้เปิดออก แต่ทั้งที่เป็เช่นนี้กลิ่นหอมของสุราก็จะยังกำจายออกมาทั่วบริเวณ ยั่วยุคนเหลือเกิน
“เหนียงเหนียง นี่เป็สุรา นารีเมา ที่ท่านอ๋องหกให้ผู้อื่นนำกลับมาจากอาณาเขตที่ปกคลุมด้วยหิมะ ได้ยินว่าบุรุษดื่มอย่างไรก็ไม่เมาพ่ะย่ะค่ะ แต่สตรีดื่มแล้วเมาทันที น่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก!”
“มีเื่มหัศจรรย์เช่นนี้หรือ” เฟิ่งเฉี่ยนยื่นมือออกไปหยิบด้วยความประหลาดใจ
จ้าวกงกงรีบห้ามนางเอาไว้ “เหนียงเหนียง สุรานี้เพิ่งมาถึงวันนี้ ฝ่าายังไม่ทันได้ลิ้มลองเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ความหมายก็คือฮ่องเต้ยังไม่ทันได้ดื่ม เ้าก็ดื่มไม่ได้งั้นสิ
ดวงตางดงามกลอกไปมา เฟิ่งเฉี่ยนนั่งลงริมโต๊ะแล้วเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา “ท่านอ๋องหกอยู่ธิเบตหรือ”
สำหรับท่านอ๋องหกท่านนี้ ไม่มีความทรงจำอะไรในความจำของฮองเฮานัก นางรู้เพียงว่าเซวียนหยวนเช่อมีพี่น้องหลายคน ทว่าล้วนไม่ได้พำนักอยู่ในเมืองมู่หยาง
สำหรับธิเบต นางไม่รู้อะไรมากนัก นางเคยเห็นผ่านแผนที่เท่านั้น
จ้าวกงกงตอบว่า “ท่านอ๋องหกมีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่ชอบอยู่ในวังหลวงที่สุด อายุสิบสี่ปีก็ติดตามท่านไป๋ออกท่องเที่ยวไปทั่วหล้า จนกระทั่งบัดนี้มีอายุสิบหกปี ทุกครั้งที่เขาเดินทางไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งก็มักจะให้คนนำสิ่งของหายากมาถวายแก่ฝ่าา ระยะนี้บังเอิญเดินทางผ่านธิเบต ดังนั้นจึงให้คนนำสุรา นารีเมา ที่ขึ้นชื่อที่สุดของธิเบตมาถวายพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้าเงียบๆ ดูแล้วอ๋องหกท่านนี้กับเซวียนหยวนเช่อมีความสัมพันธ์ไม่เลวนัก อยู่ห่างกันเป็พันลี้ก็ยังไม่ลืมที่จะแบ่งปันสิ่งของดีๆ แก่กัน
“ท่านไป๋ คือใคร” นางถามอย่างแปลกใจ
ดวงตาของจ้าวกงกงเปล่งประกาย ปรากฏให้เห็นแววตาเลื่อมใส “ท่านไป๋ท่านนี้เป็บุคคลในตำนานท่านหนึ่ง ได้ยินว่าสามารถเรียกลมเรียกฝน และยังสามารถทำลายแคว้นทำลายเมือง เป็บุคคลที่มีความสามารถไม่ธรรมดาสามัญคนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
“มหัศจรรย์ถึงเพียงนี้หรือ” เฟิ่งเฉี่ยนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
จ้าวกงกงพยักหน้าอย่างเชื่อมั่น “บ่าวเห็นมาด้วยตาตนเองพ่ะย่ะค่ะ ท่านไป๋เพียงแค่โบกมือ เปลวไฟขนาดใหญ่ก็หล่นลงมาจากฟ้า เผาเมืองๆ หนึ่งเสียราบคาบ เปลวไฟนั้นเผาอยู่สามวันสามคืนจึงมอดลงพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ่งฟังเขาพูดยิ่งรู้สึกว่าเกินไป นางรู้สึกว่ามากกว่าครึ่งล้วนเป็คำพูดที่เขาปั้นเสริมเติมแต่งเข้าไป จึงโบกมือให้เขาอย่างไม่ใส่ใจ “เ้าออกไปก่อนเถิด เปิ่นกงจะรอฝ่าาอยู่ที่นี่”
จ้าวกงกงลังเลใจครู่หนึ่งจึงยอบกาย “เช่นนั้นบ่าวทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
รอกระทั่งจ้าวกงกงออกไปแล้ว เฟิ่งเฉี่ยนหยิบกาสุราขึ้นมาเปิดฝาออกดมกลิ่นทันที กลิ่นหอมจางๆ นั้นผ่านเข้าสู่จมูกและปอดตรงเข้าสู่สมอง นางรู้สึกเมามายทันที
มิใช่อาการเมามายด้วยฤทธิ์ของสุรา แต่เป็ความรู้สึกเมามายที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้
ในฐานะสตรีนางหนึ่ง นางรู้สึกเมามายจนยากจะถอนตัวได้!
“ได้ยินว่าบุรุษดื่มอย่างไรก็ไม่เมา แต่สตรีจะเมาทันทีที่ดื่ม น่ามหัศจรรย์เหลือเกิน!”
คำพูดของจ้าวกงกงยังดังอยู่ข้างหูนาง แต่นางไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีสุราที่แบ่งแยกเพศอย่างชัดเจนเช่นนี้
บุรุษดื่มแล้วไม่เมา สตรีเมาทันทีที่ดื่ม ล้วนเป็คำลวง!
คอทองแดงเช่นนาง อย่าว่าแต่ดื่มสุราสามกา ต่อให้มาอีกหลายๆ กาก็ไม่เมา!
นางเงยหน้าดื่มสุราจากกาอึกใหญ่ๆ อึกหนึ่ง รสชาติของสุราบางเบายิ่ง ให้ความรู้สึกนุ่มละมุนเมื่อเข้าปาก เข้าไปในปากแล้วรู้สึกถึงความหวานที่ค่อยๆ กระจายตัวออกทั่วโพรงปาก จากนั้นกลิ่นหอมกำจายไปทั่ว เป็สุราดีจริงๆ!
หากว่ากันตามดีกรีของสุราในตอนนี้ ต้องต่ำกว่า 15 ดีกรีแน่นอน สุราเช่นนี้ดื่มแล้วเมาจึงจะแปลก
จ้าวกงกงหลอกนางจริงๆ ด้วย!
หลังจากดื่มไปอึกหนึ่ง นางก็หยุดดื่มไม่ได้อีกเลย ก่อนหน้านี้นางกังวลทจะถูกพบว่าขโมยดื่ม ดังนั้นจึงเปิดฝากาสุราทั้งสาม ดื่มหนึ่งอึกจากทุกๆ กา สุราสามอึกลงสู่ท้อง นางพบว่าไม่อาจพอต่อความ้าดื่มสุรา ดังนั้นจึงดื่มอีกหนึ่งอึกทุกกา สุราหกคำลงสู่ท้อง ยังไม่คลายความกระหาย จึงดื่มอีกหนึ่งอึกจากทุกกา...จากนั้นพบว่าสุรานี้ยิ่งดื่มยิ่งมีรสชาติ นางหยุดไม่ได้
“ช่างเถิด! อย่างไรเซวียนหยวนเช่อก็มองข้าขัดหูขัดตามาแต่ไรอยู่แล้ว คงไม่ขาดแคลนบัญชีนี้หรอก!”
คิดแล้วความกล้าของนางพลันเพิ่มพูนขึ้น นางหิ้วกาสุราขึ้นมาดื่มจนหมดจด
แลบลิ้นออกมาเลียสุราทุกหยดด้วยไม่อาจสิ้นเปลืองสุราแม้แต่หยดเดียว
“สุดยอด! เอิ๊กกก”
กระทั่งเรอออกมาก็ยังหอม
“ช่างเป็สุราดีจริงๆ!”
นางหิ้วสุรากาที่สองขึ้นมาดื่มอั้กๆ ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
“สุราประเภทนี้คิดจะทำให้ข้าเมา จะเป็ไปได้อย่างไรกัน ข้า้าดื่มอีกสิบกา! เอิ๊กกก”
นางหยิบสุรากาสุดท้ายขึ้นมาดื่มจนสะอาดสะอ้าน...
ด้านนอกตำหนักไท่จี๋ มวลหมู่ดาวเริ่มปรากฏขึ้นล้อมรอบพระจันทร์ เงาร่างสีเหลืองสว่างที่เดินเข้ามาช้าๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ รอบกายเขาล้วนรายล้อมไปด้วยแสงจันทร์จางๆ ทั้งๆ ที่เป็ฮ่องเต้แต่กลับเหมือนเช่นเทพเซียนลงมาจุติบนโลกมนุษย์
เมื่อเดินเข้ามาใกล้เขาขมวดคิ้วเข้ม ดวงตาดึงดูดิญญาผู้คนนั้นเฉียบคม รอบกายเขาฉาบไปด้วยรัศมีที่บาดจิตบาดใจ ทำให้แสงจันทร์ที่ส่องสว่างเต็มท้องฟ้าก็ยังดูหม่นแสงไป
เขาเพิ่งจะเสร็จจากการหารือราชกิจกับเหล่าขุนนาง ใบหน้าของเซวียนหยวนเช่อปรากฏให้เห็นร่องรอยของความเหนื่อยล้า จ้าวกงกงรีบเข้ามาต้อนรับ เขาเพิ่งจะอ้าปากเซวียนหยวนเช่อก็โบกมือ “เจิ้นเหนื่อยแล้ว มีอะไรพรุ่งนี้ค่อยพูด พวกเ้าออกไปให้หมดเถิด!”
จ้าวกงกงอ้าปากทำทีจะพูดแต่ก็เงียบไป สุดท้ายยังคงได้แต่พูดว่า “บ่าวทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!”
ทว่าฮองเฮาและฮ่องเต้เป็สามีภรรยากัน น่าจะไม่มีเื่อันใดกระมัง
คิดแล้วเขาก็โบกมือพานางกำนัลทั้งหมดออกไป เหลือไว้เพียงขันทีคนหนึ่งเพื่อเฝ้ายามกลางคืน
เซวียนหยวนเช่อเพิ่งจะก้าวเข้ามาในตำหนักบรรทมก็ได้กลิ่นหอมของสุราจางๆ กำจายไปทั่วห้อง เขารู้สึกได้ว่าผิดปกติ ดวงตาเ็าคมปลาบเมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาเห็นกาสุราสามกากลิ้งระเกะระกะอยู่บนพื้น และเมื่อกวาดตามองอีกครั้งจึงพบว่าบนแท่นบรรทมัมีเงาร่างของคนๆ หนึ่งนอนอยู่
ใครกัน ขวัญกล้าเทียมฟ้าเช่นนี้ ถึงกับกล้าปีนขึ้นไปนอนบนแท่นบรรทมัของเขา
คิ้วองอาจนั้นเลิกเฉียงขึ้น เซวียนหยวนเช่อก้าวใหญ่ๆ ไปที่เตียงนอน