“ท่านแม่... เหตุใดเราจึงไม่จ้างนักฆ่ามาสังหารนางสารเลวกับไอ้เด็กบัดซบนั่นเสียเ้าคะ!” คิดถึงต้นหลงแดงอันเย้ายวนในสวนนั่นแล้ว ประกายแวววาวก็สะท้อนในดวงตาของฮวาเมิ่งซือ “ฆ่าพวกมัน เช่นนี้ต้นหลงแดงย่อมตกเป็ของจวนสกุลฮวา!”
อี๋เหนียงสองตำหนิบุตรีรุนแรง “เมิ่งซือ! อย่าพูดไร้สาระ! ฮวาชีเยว่ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว เราต้องดูว่าใครเป็ผู้สนับสนุนนาง หากกระทำไม่ยั้งคิดจนไปทำให้บุคคลสำคัญไม่พอใจ เช่นนี้ย่อมมีปัญหาซับซ้อนกว่าเดิมแล้ว!”
ดวงตาของฮวาเมิ่งซือแดงก่ำขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “เช่นนี้ท่านจะปล่อยให้พวกมันรังแกลูก ให้ลูกต้องอดทนไปหรือเ้าคะ?”
อี๋เหนียงสองมองนางอย่างรักใคร่ “เมิ่งซือ มหาบุรุษต้องหัดอดทน ยามนี้เรายังไม่ทราบเื้ัของฮวาชีเยว่ ลงมือโดยไม่คิดย่อมมีแต่จะทำให้พวกเราเจ็บตัว จำไว้ หากแม่ไม่อนุญาต ห้ามเ้าลงมือเด็ดขาด!”
ฮวาเมิ่งซือเม้มปาก ความไม่ยินยอมปรากฏในใจ ทว่านางยังคงรับปากต่อหน้ามารดา
เสียงซูโหรวดังมาจากด้านนอก “อี๋เหนียง คุณหนูเ้าคะ บ่าวมีเื่มารายงานเ้าค่ะ!”
“เข้ามาได้!”
อี๋เหนียงรับคำเสียงเรียบ ซูโหรวเดินเข้ามาก็ต้องตกตะลึงกับเศษซากถ้วยน้ำชาบนพื้น อี๋เหนียงสองออกปาก “มีข่าวดีอะไรหรือซูโหรว? คุณหนูของเ้าบังเอิญทำถ้วยชาแตก ประเดี๋ยวค่อยจัดการเถอะ!”
“เ้าค่ะอี๋เหนียง คุณหนูเ้าคะ อี๋เหนียงเ้าคะ บ่าวได้ยินข่าวจากพ่อบ้านหวางว่าเทพโอสถสกุลจี้จะมาเมืองนี้เพื่อหาศิษย์ พวกเขาจะจัดงานประลองวรยุทธ์ ชายหญิงที่ชนะการประลองจะได้เป็ศิษย์จักรพรรดิโอสถ นอกจากนั้นยังมีรางวัลใหญ่ให้แก่ผู้ชนะด้วยเ้าค่ะ ได้ยินว่าเป็ปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างเ้าค่ะ!”
ซูโหรวอธิบายอย่างตื่นเต้น ฮวาเมิ่งซือดวงตาเปล่งประกาย โยนความไม่ยินดีทั้งหมดไว้เื้ั
ไม่เพียงฮวาเมิ่งซือจะเป็สตรีงามอันดับหนึ่งและเป็สตรีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง ทว่านางเองยังเป็จอมยุทธ์มากฝีมือ!
จอมยุทธ์สตรีจะเสียเปรียบบุรุษอยู่บ้างทำให้การเรียนรู้เป็เื่ยาก ในทวีปเทียนหยวนนี้จึงมีจอมยุทธ์หญิงไม่มากนัก
สตรีผู้ฝึกได้จนถึงระดับหน่ออ่อนยิ่งมีน้อยกว่า กระทั่งบุรุษโดยมากยังมองว่าฝึกจนได้ถึงระดับภูมิลักษณ์ัก็นับว่าน่าพอใจแล้ว
สำหรับสตรีเป้าหมายยิ่งต่ำกว่าบุรุษสองระดับ นั่นคือฝึกฝนจนสำเร็จระดับหน่ออ่อนได้ก็พอ
“ท่านแม่ นี่เป็โอกาสของลูกแล้ว! เมื่อคืนลูกเพิ่งฝึกฝนสำเร็จระดับหน่ออ่อน หากได้เป็ศิษย์สกุลจี้ย่อมต้องสร้างชื่อให้แก่สกุลฮวา!”
ฮวาเมิ่งซืออธิบายอย่างตื่นเต้น กระทั่งอี๋เหนียงสองเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ดวงตาเปล่งประกายยินดี “ไม่เลว! ไม่เลว! สำเร็จระดับหน่ออ่อนเร็วเพียงนี้! ซือเอ๋อร์ เ้าคือความภาคภูมิใจของข้าจริงๆ!”
รอยยิ้มยินดีของอี๋เหนียงสองกว้างไปทั่วหน้า ในดวงตาทอแววเย้ยหยัน “ฮวาชีเยว่ คราวนี้แม้จะมีปรมาจารย์ช่วย เ้าก็ต้องตายแน่!”
เพราะฮวาชีเยว่เป็คนขี้แพ้ที่ไร้ซึ่งโอกาสจะได้ลงแข่งขันการประลองยุทธ์ ฮวาเมิ่งซือย่อมเป็ผู้ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมด
ข่าวดีที่ซูโหรวนำมาทำให้อี๋เหนียงสองและฮวาเมิ่งซือรู้สึกดีขึ้นมาก พวกนางรีบสั่งให้บ่าวไพร่ไปเตรียมผลไม้เพื่อนำมาฉลองภายใต้แสงจันทร์ทันที
ฮวาชีเยว่เองก็ได้ยินข่าวนี้ นับเป็ข่าวดีสำหรับนางเช่นกัน
“ดีเหลือเกิน! ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อขับพิษ และงานประลองจะเริ่มในอีกครึ่งเดือน…” ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง ดวงตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ลู่ซินและโหย่วชุ่ยกลับรู้สึกเป็กังวลนัก พวกนางทราบว่าฮวาชีเยว่ไม่รู้เื่พลังลมปราณ ย่อมไม่มีทางเอาชนะในงานประลองไปได้
เทียนซีอิ่มแล้ว เขาจับท้องกลมๆ ของตนเองแล้วใช้ใบหน้าน้อยถูไถแขนเสื้อฮวาชีเยว่
“เทียนซีเป็เด็กดีนะ เล่นกับน้าลู่ซินก่อน แม่คงต้องพักสักหน่อย”
เทียนซีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ลู่ซินรีบถามฮวาชีเยว่ทันที “คุณหนู ไม่สบายหรือเ้าคะ?”
ลู่ซินและโหย่วชุ่ยล้วนแต่เป็บ่าวที่ภักดี กระทั่งในยามยากยังคงอยู่กับนาง
ดังนั้นเมื่อนางเข้าพักผ่อนไวหลายวันติดกัน ย่อมทำให้ทั้งลู่ซินและโหย่วชุ่ยสงสัยขึ้นมา
ฮวาชีเยว่ส่ายหน้าตอบ “ข้าสบายดี พาเทียนซีไปอ่านเขียน แล้วค่อยอาบน้ำให้เขาเถอะ”
นางรู้สึกผิดอยู่ในใจ แม้จะเกิดใหม่แล้วก็ยังไม่มีเวลาดูแลเทียนซี
ฮวาชีเยว่ทราบว่านางย่อมสามารถแข็งแกร่งขึ้นด้วยหลงแดง เมื่อนางทรงพลังแล้ว ไม่ว่าจะเหตุร้ายหรือปรมาจารย์ท่านใดก็ไม่อาจทำร้ายเทียนซีได้อีก
เห็นฮวาชีเยว่เดินเข้าห้องใน เหลือทิ้งไว้เพียงเงาที่ค่อยๆ หายลับ ลู่ซินและโหย่วชุ่ยต่างก็มองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ก่อนจะพาเทียนซีออกไปด้านนอก
เทียนซีดื่มน้ำแกงหลงแดงใส่ไก่เข้าไปสองวันติดทำให้กระปรี้กระเปร่ามาก รอยแผลบนใบหน้าเองก็จางลงแล้วเช่นกัน
ดูเหมือนหลงแดงจะเป็ของดีจริงๆ เพียงสองวันทำให้เทียนซีดูมีเนื้อหนังขึ้นมาก
ฮวาชีเยว่เดินเข้าไปในห้องแล้วเปลี่ยนเป็ชุดนอนก่อนจะนอนลง เข้าสู่โลกลึกลับภายในน้ำเต้าหยกเขียว
คราวนี้ นางได้กลิ่นหอมอบอวลทันทีที่เข้าไป หญิงสาวมุ่นคิ้วลงเล็กน้อยแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าเมล็ดพันธุ์ของนางยามนี้เบ่งบานผลิดอกแข่งชูช่อประชันความงาม
ทั้งนางยังสังเกตว่าสีแดงบนท้องฟ้ากลับอ่อนลง เทียบกับสีแดงเืก่อนหน้า ยามนี้ราวกับถูกชะล้างออกไป
พื้นดินเองก็ไม่แดงดังเคยเมื่อหญ้าเขียวขจีเริ่มเติบโต พิศไปแล้วราวกับนางกำลังอยู่ในดินแดนแห่งทุ่งหญ้า
ฮวาชีเยว่นึกถึงภาพที่อี๋เหนียงรองนำมาให้ขึ้นมา ยามมองไปให้ความรู้สึกแปลกประหลาดราวกับม้ากำลังขยับอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ฮึ่ม! ” ในชั่วขณะที่นางกำลังคิดอยู่ เสียงชิชะจากบุรุษผู้หนึ่งก็ลอยเข้าหู
ฮวาชีเยว่ช้อนตาขึ้น ดวงตาของนางงดงามราวทะเลสาบไร้ก้น ลึกลับสันโดษ ในนั้นมีภาพบุรุษผู้หนึ่งสะท้อนอยู่ ร่างกายสีแดงราวกับทรายแดงในถาดหยก งดงามราวภาพวาด
เทียนพี่นอนเกียจคร้านอยู่บนหินก้อนใหญ่ ในปากคาบใบหญ้า ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ดูไปแล้ว เหมือนเขากำลังไม่พอใจอยู่หรือ?
ฮวาชีเยว่รีบก้าวเข้าไปพร้อมรอยยิ้ม
คำพูดเปลี่ยนไปตามคู่สนทนา นับแต่เกิดใหม่ นางก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็มนุษย์คือสายสัมพันธ์กับผู้คน และนางเองก็ทราบวิธีแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับผู้อื่น
ยามนี้เทียนพี่เป็คนสำคัญของนาง นางต้องเอาใจเขา เมื่อคิดดังนี้ ฮวาชีเยว่ก็อดดูถูกตนเองขึ้นมาบ้างไม่ได้
“อาจารย์ ข้ามาแล้ว! ดูสิ ข้านำแตงโมมาให้ท่านด้วยนะเ้าคะ! ”
ฮวาชีเยว่ส่งแตงโมในมือให้เทียนพี่ แตงโมนี้เดิมทีอยู่ในห้องนาง
ยามนี้เื่เงินไม่ใช่ปัญหา ผลไม้มีวางอยู่ทุกที่ ลู่ซินเกรงว่าเทียนซีและฮวาชีเยว่จะกระหายน้ำหากตื่นมากลางดึก จึงได้วางแตงโมลูกโตเอาไว้ในห้อง
เทียนพี่มองแตงโมในมือฮวาชีเยว่แล้วส่งเสียงเหอะ หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง
โอ!
โกรธแล้วจริงด้วย!
ฮวาชีเยว่ยิ้มด้วยรอยยิ้มดุจพระพุทธรูป “อาจารย์เป็อะไรไปเ้าคะ? เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ฮวาชีเยว่วางแตงโมลงแล้วจึงใช้มีดหั่นมันออกเป็ชิ้นโตๆ ก่อนจะส่งชิ้นหนึ่งให้เทียนพี่
เทียนพี่ชะงักไป มองแตงโมฉ่ำน้ำอยู่พักหนึ่งแล้วกัดลงไปทันที
ฮวาชีเยว่หน้าเขียวเล็กน้อย บุรุษรูปงามใจแคบผู้นี้้าให้นางป้อนเขาหรือ?
เทียนพี่เคี้ยวอยู่หลายครั้ง ััความหวานและน้ำฉ่ำๆ ของแตงโม เขาโบกมือทีหนึ่ง แตงโมทุกชิ้นต่างก็ลอยเข้ามือเขา ให้เขาทานทีละชิ้น
เปลือกแตงโมถูกโยนไปอีกทาง
รอยยิ้มร้ายกาจยั่วยวนของเทียนพี่ปรากฏเมื่อเขาทำตัวดื้อดึง ฮวาชีเยว่กะพริบตา พยายามคิดว่านางได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือไม่ แต่นางนึกไม่ออกเลย
เมื่อทานแตงโมจนเสร็จแล้วเทียนพี่ก็เช็ดปากอย่างพอใจ ทว่าเขากลับหลับตาลงไม่ยอมมองฮวาชีเยว่
หญิงสาวกะพริบตา ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็อะไรไป
วันนี้นางทำอะไรไปหรือ?
ก็มีเพียงพาเทียนซีไปจวนหนานอ๋องเพื่อรักษา แล้วก็พบคนบางคน...หือ? หรือเทียนพี่จะริษยาหรือ?
ฮวาชีเยว่เห็นว่าประหลาดนัก นางและเทียนพี่เป็เพียงศิษย์อาจารย์ ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ การที่เขาจะมีความรู้สึกใดต่อนางรวดเร็วเช่นนี้นับว่าประหลาดนัก
เขาเป็อะไรไป?
เทียนพี่หลับตา ลมหายใจแ่เบาลงทุกที เขาทำเพียงฟังเสียงการกระทำของฮวาชีเยว่ ทว่ามิได้มองนาง
ยามที่ฮวาชีเยว่ล้มลงใส่หนานอ๋องอวิ๋นสือโม่ เขาย่อมได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งยังชัดเจนว่าความสัมพันธ์ของเขาและนางคือศิษย์อาจารย์ที่ใช้ประโยชน์จากกันและกัน ทั้งยังได้พบกันไม่กี่ครั้งเท่านั้น
เหตุใดเขาจึงโกรธการกระทำของนางเล่า?
ถึงอย่างไร เห็นหน้านางแล้วเขาก็ไม่อยากคุยด้วยอยู่ดี ความเงียบเช่นนี้เหมาะกับความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว
ทว่าสิ่งนี้กลับผิดปกตินักในสายตาของฮวาชีเยว่
“อาจารย์ ท่านเป็อะไรไป? ไม่สบายหรือ? ให้ศิษย์ตรวจให้ดีหรือไม่!” ฮวาชีเยว่เอ่ยอย่างขี้เล่น ชาติก่อนนางเป็คนน่ารักกระตือรือร้น ก่อนที่จะค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อชีวิตต้องวุ่นวายกับการค้าขาย
ทว่าในชาตินี้ นางไม่ใช่ภรรยาพ่อค้าอีกแล้ว เป็เพียงสตรีที่้าปกป้องลูกเท่านั้น
สตรีที่้าแข็งแกร่งขึ้น
ฮวาชีเยว่ยื่นมือน้อยออกไป แตะหน้าผากเทียนพี่
เทียนพี่ััได้เพียงมืออุ่นนุ่มนิ่มราวก้อนแป้ง ทั้งนุ่มทั้งอ่อนโยน…
มือที่วางทำให้ใจของเขากระตุก ปัดมือนางออก “ทำอะไรของเ้า?”
เทียนพี่ลุกขึ้นอย่างโมโห ปิดบังความอับอายเอาไว้ เขามิได้พูดคุยกับสตรีมาหลายร้อยปี ทั้งยังไม่เคยใกล้ชิดสตรีเช่นนี้นับั้แ่ก่อนเข้ามาอยู่ในน้ำเต้าหยกเขียว
มือสตรีเป็เช่นนี้เอง…
ฮวาชีเยว่ขยับมือออกเมื่อเห็นเทียนพี่หน้าแดงก่ำเหยียดตัวตรง
“ไม่ได้ป่วยใช่หรือไม่เ้าคะ? เหตุใดอาจารย์จึงอารมณ์ไม่ดีเล่า?” ดวงตาของนางทอประกายยินดีราวพลุไฟ “หรือท่านไม่ยินดีเพราะข้าล้มทับหนานอ๋องเ้าคะ?”
เทียนพี่ะโลุกขึ้น “ผายลมเถอะ! ”
“เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงอารมณ์ไม่ดีเ้าคะ?”
มุมปากของเทียนพี่กระตุก พยายามเค้นรอยยิ้มออกมา “ข้าไม่ได้อารมณ์ไม่ดี เข้าใจผิดแล้ว”
แปลกใจนักที่เขาออกปากไปเช่นนั้น ในรอบเจ็ดร้อยปีมานี้ นอกเสียจากผีาุโทั้งสี่ก็ไม่มีใครที่ทำให้เขาต้องปิดบังความรู้สึกเช่นนี้อีก
เขาพ่ายแพ้สตรีผู้นี้เสียแล้ว
ฮวาชีเยว่กะพริบตาแล้วจึงนั่งลงข้างเขา “อาจารย์ เทียนซีต้องใช้ปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้าง ท่านมีเมล็ดพันธุ์พืชวิเศษชนิดนี้หรือไม่?"