ฮวาชีเยว่เลิกคิ้วน้อยๆ “ไม่เพียงอี๋เหนียงสามเท่านั้น ทว่าอี๋เหนียงสองของเราเองก็จะมาเช่นกัน”
โหย่วชุ่ยใกลัวขึ้นมา “ไม่มีทางหรอกเ้าค่ะ! เหตุใดอี๋เหนียงสองจึงต้องมาด้วย?”
ลู่ซินมองฮวาชีเยว่อย่างแปลกใจ ในความทรงจำพวกนาง อี๋เหนียงสองเย่อหยิ่งมาตลอด ไม่ถ่อมตนเท่าอี๋เหนียงสามที่ทำตัวเหมาะสมอยู่เสมอ คนเช่นนี้จะมาได้อย่างไร?
ทว่าฮวาชีเยว่พูดถูก ทันทีที่จบคำ เสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามา ไม่นานอี๋เหนียงสองและฮวาเมิ่งซือรวมถึงสาวใช้อีกสองคนก็ปรากฏตัว
หลัวมามายืนอยู่ข้างเฉิงอี๋เหนียง ในมือมีกล่องใบใหญ่ สีหน้าแสดงความเคารพ ไร้ซึ่งร่องรอยไม่พอใจ
“โอ ที่แท้เ้าเพิ่งทานอาหารเย็นกันนี่เอง! ชีเยว่ พวกข้ามาเพื่อขอโทษเ้า” เฉิงซื่อเอ่ยพร้อมรอยยิ้มจาง ฮวาเมิ่งซือก้มหน้า ไม่มีใครเห็นสีหน้านาง
ฮวาชีเยว่ยิ้มกลับ สั่งสาวใช้ให้จัดที่นั่งให้พวกนาง
“อี๋เหนียงสองล้อเล่นแล้ว ข้าเป็ผู้น้อยจะให้ท่านขอโทษได้หรือ?” ฮวาชีเยว่ยิ้มจาง ดูไม่กังวลกับท่าทีของอี๋เหนียงสองแม้แต่น้อย
เฉิงอี๋เหนียงตกตะลึงอยู่เงียบๆ ดูไปนางคงจะดูถูกฮวาชีเยว่ที่ปิดบังความสามารถไว้นานมากไป ที่แท้อีกฝ่ายก็เ้าเล่ห์เพียงนี้
ฮวาเมิ่งซือไม่อยากมา ทว่านางถูกเฉิงซื่อตำหนิจึงต้องมา ยามนี้คนได้แต่ก้มหน้าลง ในดวงตาทอประกายรังเกียจไม่พอใจ
“ประเดี๋ยวข้าจะเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง ชิวอวิ๋นสาวใช้ข้างกายฮวาเมิ่งซือคิดไม่ซื่อ นางปล่อยเสี่ยวเฮยออกมา ตั้งใจจะทำลายดอกหลงแดงในสวนของเ้า เื่นี้ข้าเองก็ผิดที่ปกครองคนได้ไม่ดี ข้าลงโทษเฆี่ยนชิวอวิ๋นไปแล้วยี่สิบไม้ ทั้งยังนำภาพแปดอาชาชิ้นนี้มาเพื่อขออภัยเ้า” เฉิงซื่อเอ่ยอย่างระมัดระวัง ระหว่างที่กล่าวนางยังคงมองสีหน้าฮวาชีเยว่
หลัวมามารีบเปิดกล่องแดงใบใหญ่ออกมา ทันใดนั้นกลิ่นหอมจางก็ลอยออกมา
ซูโหรว สาวใช้ของฮวาเมิ่งซือรีบหยิบภาพเขียนชื่อดังนี้ออกมา
ภาพนี้วาดโดยปรมาจารย์ศิลปินผู้โด่งดังแห่งฉางจิง กล่าววว่าสิบปีจะวาดสักภาพหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่วาดอีก
ภาพเขียนของเขางดงามมีชีวิตชีวา กระทั่งฮ่องเต้ยังเคยขอภาพวาดจากเขา ทว่าปรมาจารย์ศิลปินผู้นี้ลึกลับนัก มีผู้พบเห็นตัวเขาไม่มาก
เหตุใดคุณหนูรองจึงมีภาพนี้ได้?
ย่อมเป็เพราะครอบครัวของอี๋เหนียงสองเคยทำคุณความดีครั้งใหญ่ต่อฮ่องเต้ ฮ่องเต้จึงได้มอบภาพวาดนี้ให้แก่สกุลเฉิงเป็รางวัล
หลังจากนั้น เฉิงซื่อก็แต่งเข้าสกุลฮวา ฮวาหลี่ถิงเองก็มีผลงานมากมาย บิดาของเฉิงซื่อจึงได้มอบภาพวาดนี้ให้แก่ฮวาหลี่ถิง
ยามที่ฮวาหลี่ถิงปกปักรักษาแนวหน้าชายแดน อี๋เหนียงสองย่อมมีสิทธิ์จัดการของในจวนสกุลฮวา แม้ภาพนี้จะตกเป็ของฮวาชีเยว่ ทว่าสักวันหากบิดาหรือฮูหยินผู้เฒ่า้า นางย่อมต้องคืน
เฉิงซื่อวางลูกไม้นี้ไว้ในของขวัญขอโทษ ฮวาชีเยว่จิบน้ำแกงอย่างเงียบเชียบ บนใบหน้ายังคงยิ้มบาง
รสชาติของน้ำแกงหลงแดงเข้มเกินไป ฮวาเมิ่งซืออดมิได้ให้จ้องถ้วยน้ำแกง ในดวงตาปรากฏร่องรอยตกตะลึง
ต้นหลงแดงเป็สมุนไพรวิเศษ นางมิคาดฮวาชีเยว่ถึงกับสามารถทำน้ำแกงหลงแดงได้ ใช้หลงแดงทำน้ำแดงเช่นนี้ย่อมเป็เงินถึงห้าหมื่นตำลึง!
ทันใดนั้นฮวาเมิ่งซือก็ไม่พอใจขึ้นมา เหตุใดฮวาชีเยว่จึงใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยเช่นนี้ได้?
ในใจนางมีทั้งความเกลียดชังและริษยา แรงกระหายในการสังหารพลันลุกโชน!
นางแพศยาผู้นี้สมควรถูกสังหาร หาไม่แล้วสักวันคงได้กลายเป็สตรีที่แข็งแกร่งงดงามที่สุดในเมืองหลวง ลางสังหรณ์ของฮวาเมิ่งซือแม่นยำถึงเก้าส่วน
ทันทีที่ซูโหรวเปิดภาพวาดออกมา พวกนางก็เห็นภาพแปดอาชาที่กำลังยกเท้าหน้าขึ้น แม้จะไม่ได้ยินเสียง ทว่าภาพก็ยังมีชีวิตชีวา ม้าดูสมจริง คล้ายกำลังวิ่งอยู่บนทุ่งหญ้ากว้าง ดูมีอิสรเสรี!
ม้าสี่ตัวมีสีน้ำตาลแดง อีกสี่ตัวเป็สีขาว สีสว่างสดใสเปล่งประกาย ดูแล้วโดดเด่นสะดุดตา!
เป็ครั้งแรกที่พวกนางได้เห็นภาพที่ดีเช่นนี้ ทุกคนล้วนเบิกตากว้างมองอย่างประทับใจ
ฮวาชีเยว่ยังคงใจเย็น นางยิ้ม “ภาพนี้ช่างน่าประทับใจนัก”
ลู่ซินและโหย่วชุ่ยมองหน้ากัน จากนั้นจึงเดินออกมารับกล่องไปอย่างระมัดระวัง
“ขอบคุณอี๋เหนียงสองมาก ตอนนี้เราดื่มน้ำแกงหลงแดงกันอยู่ สิ่งนี้ช่วยบำรุงผิวพรรณและเืลม ท่านจะลองดื่มหรือไม่? อี๋เหนียงสอง น้องรอง?”
ฮวาชีเยว่อารมณ์ดี อี๋เหนียงสองรู้สึกว่าอีกฝ่ายก็ควรอารมณ์ดีเมื่อได้รับภาพวาดที่ดีเช่นนี้ ของขวัญนี้นับว่าถูกต้องแล้ว
“ดีจริง คุณหนูใหญ่ใจดีเหลือเกิน! พวกเราไม่เคยลองชิมหลงแดงมาก่อน ได้ลองชิมดูเช่นนี้นับว่าเป็เกียรติแล้ว ขอบคุณคุณหนูใหญ่” เฉิงซื่อตอบอย่างสุภาพอ่อนโยน
ฮวาเมิ่งซือเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม นางดูทั้งยินดีทั้งจริงใจ “ใช่แล้วพี่หญิงใหญ่ นับเป็เกียรติของข้าที่ได้ชิมหลงแดง ขอบคุณพี่หญิงใหญ่มากเ้าค่ะ”
คนพวกนี้พูดจายินดี แต่ฮวาชีเยว่ย่อมทราบว่าเพียงกล่าวไปตามมารยาทเท่านั้น
ทว่าอย่างไรนางก็ยังคงหัวเราะเสียงเบา ฮวาชีเยว่เป็คนประเภทที่ต้องหาทางแก้แค้นแม้แต่กับเื่เล็กน้อย หากนางทราบว่าใครเล็งเป้ามาที่นาง นางย่อมไม่ปล่อยมันไป
ยามนี้ถึงเวลานำคนพวกนี้เข้าสู่การละเล่นของนางแล้ว
ฮวาชีเยว่สั่งโหย่วชุ่ยไปนำน้ำแกงหลงแดงใส่ไก่มา ฮวาเมิ่งซือยิ่งยิ้มกว้าง ทำท่าเคารพนบนอบยิ่งกว่าเดิม
อี๋เหนียงสองโล่งอก ที่นางกลัวที่สุดคือฮวาเมิ่งซือเผยตัวตนที่แท้จริง เห็นดังนี้แล้วนางคงคิดมากไปเอง
ฮวาเมิ่งซือยกถ้วยน้ำแกงจรดริมฝีปาก จิบน้ำแกงเข้าไปน้อยๆ ทันใดนั้นกลิ่นหอมก็อบอวลทั่วปากนาง น้ำแกงนี้หวานแต่ไม่เลี่ยน ผสมด้วยรสไก่ ทำให้ได้รสชาติไม่สิ้นสุด
เทียนซีมองเฉิงอี๋เหนียงและลูกสาว เ้าตัวน้อยยังเด็กนัก ทว่าััได้ถึงความขยะแขยงในดวงตาฮวาชีเยว่ จึงแอบใส่ของลงในถ้วยน้ำแกง
ฮวาชีเยว่เห็นทุกการกระทำ
รอยยิ้มบนใบหน้านางกว้างขวาง ไม่ได้ห้ามเขา
เทียนซีถือถ้วยน้ำแกงแล้วลุกขึ้น ลู่ซินกับโหย่วชุ่ยมองหน้ากันอย่างสับสน
เ้าตัวเล็กเดินยิ้มไปหาฮวาเมิ่งซือ ถือถ้วยน้ำแกงไปด้วย จากนั้นส่งให้แก่นาง
ฮวาเมิ่งซืออึ้งไป อี๋เหนียงรองยิ้มออกมาทันที “เทียนซีรู้ความนัก เมิ่งซือ เขาชอบเ้าเพียงนี้ อย่างไรเ้าก็ต้องดื่มแล้ว! ”
ฮวาชีเยว่ยิ้มอย่างสุภาพ “ใช่แล้วน้องหญิงรอง เทียนซีเชื่อฟังมาก หากเขาชอบใครก็จะทำเพื่อคนนั้น เ้าอย่าให้เขาเสียใจเล่า”
ฮวาชีเยว่ย่อมทราบสิ่งที่อี๋เหนียงสองคิด อย่างไรน้ำแกงหลงแดงใส่ไก่นี้ก็มิใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะได้ดื่ม ดังนั้นอี๋เหนียงสองจึงอยากให้ฮวาเมิ่งซือดื่มเยอะๆ เพื่อบำรุงร่างกาย เพื่อให้พลังลมปราณของนางพัฒนาไปไวขึ้น
“เช่นนั้นต้องขอเสียมารยาทแล้ว ขอบคุณเทียนซี ข้าชอบมากจริงๆ!”
ฮวาเมิ่งซือยิ้มรับถ้วยน้ำแกงมา เทียนซียิ้ม แต่ในดวงตากลับมีร่องรอยถากถาง
เห็นดังนั้น ลู่ซินและบ่าวไพร่คนอื่นต่างก็รู้สึกรังเกียจอี๋เหนียงสองและคุณหนูรองคนนี้ขึ้นมา อย่างไรน้ำแกงที่เด็กน้อยมอบให้ก็เหลือเพียงครึ่งเดียว แต่ทั้งสองก็ยังกระตือรือร้นอยากดื่มอยู่อีก!
น้ำแกงนี้หวานนัก ฮวาเมิ่งซือดื่มลงไปทันทีหลังดื่มถ้วยแรกเสร็จ
“แค่กๆ…” ฮวาเมิ่งซือไอออกมา รู้สึกว่าในปากมีแต่รสเผ็ดเต็มไปหมด เผ็ดเสียจนหน้านางแดงก่ำ น้ำตาคลอ ลิ้นนางชาไปหมด
“เมิ่งซือทำอะไรของเ้า? เหตุใดรีบร้อนนัก? ค่อยๆ ดื่มเถอะ!” อี๋เหนียงรองไม่ทราบเื่ จึงรีบเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังยิ้มแย้ม
เทียนซียิ้มร้ายกาจ แลบลิ้นออกมา แล้วจึงกลับไปนั่งข้างฮวาชีเยว่อย่างอารมณ์ดี
ฮวาเมิ่งซือที่น่าสงสารเผ็ดเสียจนน้ำตานองทว่ามิอาจบอกใครได้ว่าเป็เพราะน้ำแกงนี้เผ็ดเกินไป
น้ำแกงนี้นางดื่มเข้าไปจนหมดแล้ว สาวใช้เองก็เก็บถ้วยน้ำแกงไปแล้ว
“น้องรองใจเย็นๆ เถอะ อย่างไรก็ยังเหลือน้ำแกงอยู่ คราวนี้เ้าดื่มช้าๆ ดีกว่า เห็นเ้าชอบเทียนซีขนาดนี้ข้าก็ดีใจ” ฮวาชีเยว่พูดเสียงเรียบเรื่อย ลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน
รอยยิ้มของเ้าตัวน้อยยิ่งสว่างไสว
เห็นรอยยิ้มเขา ฮวาเมิ่งซือก็ใกล้โกรธนัก ท้ายสุดนางก็หายใจได้ “ฮ่าๆ น้ำแกงนี้อร่อยเกินไป ข้าจึงสำลักเ้าค่ะ”
นางปาดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าปักลาย กดข่มความเกรี้ยวกราดเอาไว้ ตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม
ผู้อื่นเชื่อสิ่งที่นางกล่าวกลับยิ่งรู้สึกดูถูกคุณหนูรอง ละเลยมารยาทดื่มน้ำแกงเสียจนเป็เช่นนี้นับว่าไม่งามนัก
อย่างไรก็มีเพียงเทียนซีและฮวาชีเยว่ทราบว่าในน้ำแกงถ้วยนั้นมีพริกป่นผสม ฮวาชีเยว่ชอบของเผ็ดจึงได้ตั้งใจสั่งสาวใช้ให้ใส่พริกลงไปในอาหารจานรอง
ที่เทียนซีใส่ลงไปในน้ำแกงคือพริกป่น
ยามนี้ฮวาชีเยว่อารมณ์ดีนัก เ้าตัวน้อยยังเด็กทว่ากลับรู้ภาษารู้จักดูท่าทีนางแล้ว คราวนี้นางอารมณ์ดีมากเพราะเทียนซีช่วยระบายอารมณ์แทนนาง
ฮวาเมิ่งซือเรียกสีหน้าปกติกลับคืนมา คุยกับผู้อื่นตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฮวาชีเยว่ลอบชื่นชมนาง เพราะฮวาเมิ่งซือรู้จักวางแผนและอำพราง จึงได้รับการขนานนามว่าสตรีอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง
ภายนอกจวนสกุลฮวา ฮวาเมิ่งซือได้รับการเล่าลือว่าเป็คนอดทนและเฉลียวฉลาด ทว่าภายในจวนสกุลฮวานี้ นางกลับต้องทนในสิ่งที่ไม่อาจบอกใคร
คุยกันอีกเล็กน้อย เฉิงซื่อก็ดื่มน้ำแกงลงไป แล้วจากไปพร้อมฮวาเมิ่งซือและคนอื่นๆ
เห็นฮวาเมิ่งซือรีบร้อนจากไป ฮวาชีเยว่ก็อดยิ้มไม่ได้ คราวนี้เทียนซีราดน้ำมันใส่กองไฟ คนต้องโกรธมากขึ้นเป็แน่
อย่างไรนางก็จะตัดขาดความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอยู่แล้ว ไปให้ถึงจุดนั้นโดยเร็วจะดีกว่า
---
เมื่อกลับถึงเรือนเตี๋ยหว่าน ฮวาเมิ่งซือก็ไล่สาวใช้ออกจากห้องไป นางดื่มน้ำชาในถ้วยแล้วจึงปามันลงพื้น
เฉิงซื่อเห็นลูกสาวเป็ดังนั้นก็ใ ถามเสียงเบา “เป็อะไรไปเมิ่งซือ? ”
ฮวาเมิ่งซือมองแสงไฟจางยามค่ำคืนนอกหน้าต่าง “ท่านแม่ ไอ้เด็กสารเลวนั่นใส่พริกในน้ำแกงข้า ข้าเกือบตายแล้ว!”
อี๋เหนียงสองนึกถึงรอยยิ้มสดใสของเทียนซี อดมิได้ให้ขมวดคิ้วเข้า “ดูไปแล้ว...ฮวาชีเยว่รับมือได้ยากจริงๆ ถึงกับกล้าให้ลูกบุญธรรมนั่นกลั่นแกล้งเ้า…”
โชคดีที่ฮวาเมิ่งซือมิได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกไป มิเช่นนั้นที่มอบของขวัญให้ฮวาชีเยว่ไปคงเสียเปล่าแล้ว