ซย่านี้าไปโรงเรียมพร้อมกับซ่งวั่งซูและซ่งตงซวี่ แต่ลูกคนเล็กของเธอเพิ่งจะอายุได้เพียงหกเดือนเท่านั้น แน่นอนว่าเธอไม่สามารถพาเขาไปด้วยได้ หลังจากคิดแล้วคิดอีก เธอก็พาเด็กน้อยไปฝากไว้กับพี่สะใภ้เซี่ยงเหมยที่เป็เพื่อนบ้านกัน
พี่สะใภ้เซี่ยงเหมยเองก็เหมือนกันกับซย่านี พวกเธอต่างก็เป็ลูกสะใภ้จากชนบท ยามปกติเธอมักจะใจดีกับซย่านีมาก ในชาติก่อนภายหลังจากที่เกิดเื่ขึ้น เธอเป็หนึ่งในไม่กี่คนที่ยังพูดคุยกับซย่านีอยู่
ตอนที่เซี่ยงเหมยเห็นซย่านีอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็นึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้พวกเธอไม่ค่อยไปมาหาสู่กันมากนัก อีกทั้งบ้านตระกูลซ่งยังมีหญิงชราอยู่ที่บ้าน ย่อมไม่ขาดคนดูแลเด็ก แต่เซี่ยงเหมยก็ฉุกคิดถึงข่าวซุบซิบที่เธอได้ยินจากผู้หญิงสองคนตอนที่เธอไปใช้ห้องน้ำเมื่อ่เช้า ดูเหมือนว่า ซย่านีน่าจะขัดแย้งกับแม่สามีของตัวเองเข้าเสียแล้ว เพราะงั้นเธอจึงรู้สึกเข้าอกเข้าใจซย่านีมากขึ้น
พวกเธอสองคนต่างก็เป็ลูกสะใภ้ที่มาจากชนบท เพราะแบบนี้เซี่ยงเหมยจึงเข้าใจความทุกข์ของซย่านีเป็อย่างดี เธอนั้นโชคดีกว่าซย่านีตรงที่สามีของเธอเป็ช่างฝีมือในโรงงานจึงหาเงินได้เป็จำนวนมาก อีกทั้งเขายังกลับบ้านทุกวัน จึงได้เห็นความยากลำบากของเธอในสายตา ดังนั้นสามีของเธอจึงโกรธแล้วพาเธอย้ายออกจากบ้านของครอบครัวสามี แล้วมาเช่าบ้านอยู่แทน
ในเมื่อซย่านีไว้ใจเธอจนถึงขั้นเอ่ยปากฝากดูแลเด็กคนนี้ เธอย่อมต้องตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“เธอวางใจได้เลย ฉันสัญญาว่าจะดูแลลูกของเธอให้เป็อย่างดี”
ซย่านีจับมือเซี่ยงเหมยพลางกล่าวว่า “ขอบคุณพี่สะใภ้เซี่ยงเหมยมากจริงๆ พี่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา!”
โรงเรียนของซ่งวั่งซูและซ่งตงซวี่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก เพียงสามสี่ลี้ [1] เท่านั้น จึงใช้เวลาเดินแค่ยี่สิบนาทีก็ถึง
การปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศจีนเพิ่งจะดำเนินการได้เพียงหนึ่งปี ริมถนนในตอนเช้าก็มีร้านแผงลอยหาบเร่เปิดขายเป็จำนวนมากแล้ว ของที่พ่อค้าแม่ค้าเ่าั้ขายกัน ส่วนใหญ่มักเป็อาหารเลิศรสที่ขึ้นชื่อจากเมืองหลวงเก่า ไม่ได้มีแค่น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋และซาลาเปาเท่านั้น แต่ยังมีทั้งนมถั่วเหลืองหมัก และวงแป้งทอด ข้าวต้มลูกเดือย ขนมเปี๊ยะหวาน ขนมปังหวาน...มีมากมายหลากหลายอย่าง เรียกได้ว่ามาครบทั้งรูป รส กลิ่นกันเลยทีเดียว
ซย่านีพาลูกสองคนของเธอเข้าร้านแผงลอยข้างทางสักร้านหนึ่ง แล้วสั่งซาลาเปาสองสามลูกกับเต้าฮวยสามชาม
ั้แ่ที่ซ่งวั่งซูและซ่งตงซวี่เดินทางมาถึงเมืองหลวง นี่เป็ครั้งแรกที่เด็กทั้งสองได้มาทานอาหารเช้านอกบ้านกัน ไม่ว่าร้านอาหารแห่งนี้จะอร่อยหรือไม่อร่อยก็ตาม เด็กๆ ทั้งสองก็ยังกินกันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ดี
“กินช้าๆ หน่อย” ซย่านีพูดพลางเช็ดมุมปากให้เด็กทั้งสองคน
เ้าของร้านแผงลอยเดินเข้ามาส่งซาลาเปาให้ เธอก้มตัวเล็กน้อยเพื่อวางจานซาลาเปาลงบนโต๊ะ ซย่านีเอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้นมา “พี่สาว พวกพี่ทำเต้าฮวยนี่กันเองหรือจ้ะ?”
พี่สาวร้านแผงลอยกระตือรือร้นเป็อย่างยิ่ง เอ่ยตอบซย่านีทันที “ใช่แล้ว เป็สูตรที่สืบทอดกันในครอบครัวน่ะ แต่ก่อนครอบครัวของฉันเคยเปิดโรงสีมาก่อน...เป็ไง อร่อยหรือไม่?”
ซย่านีพิจารณารสชาติของเต้าฮวยที่ยังติดอยู่ในลิ้นครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยตอบ “อร่อยมาก”
พี่สาวร้านแผงลอยแย้มยิ้มสดใส “ถ้าอร่อยก็มาที่นี่บ่อยๆ นะ”
ซย่านียิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ “แล้วธุรกิจของพวกพี่เป็อย่างไรกันบ้าง ทำเงินได้ไหมจ้ะ?” ซย่านีกลัวพี่สาวร้านแผงลอยจะคิดมาก เธอจึงกล่าวเสริม “ฉันมาจากชนบทก็เลยไม่มีงานการเป็หลักเป็แหล่ง เมืองใหญ่แบบนี้ใช้ชีวิตไม่ง่ายเลย เพราะงั้นฉันก็เลยคิดจะทำการค้าเล็กๆ เพื่อหาเลี้ยงชีพ”
พี่สาวร้านแผงลอยแสดงท่าทางเข้าอกเข้าใจเธอ “พวกเธอมาจากต่างเมืองแบบนี้ การไม่มีทะเบียนบ้านในท้องถิ่นถือว่าเป็เื่ยากจริงๆ พวกเราสองคนตั้งแผงขายของ กว่าจะได้เงินมาแต่ละครั้งก็ยากลำบากสุดๆ ในทุกๆ วัน ่ตีสองตีสาม พวกเราก็ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมซาลาเปากับเต้าฮวยให้พร้อมขายในตอนเช้า การย้ายจากชนบทมาอยู่ในเมือง...แม้รายได้ไม่มาก แต่ก็ยังพอจะประทังชีวิตได้”
“อืม...พี่สาว แล้วพวกพี่ได้ซื้อถั่วสำหรับทำเต้าฮวยด้วยไหม?”
พี่สาวเ้าของร้านแผงลอยเบิ่งตามองซย่านีอย่างใ พลางกล่าวว่า “จะไปซื้อจากไหนกันเล่า? ใครๆ เขาก็ปลูกที่บ้านกันทั้งนั้น นี่ยังไม่พอขายเลย เรายังมีพวกธัญพืชจากเพื่อนบ้านเดียวกันอีก... พวกเราน่ะไม่ได้คิดกำไรสูงนักหรอก”
ซย่านีเพิ่งได้หันไปสังเกตรอบๆ ่นี้ของที่ขายตามแผงลอยในตอนเช้ามักจะเป็อาหารท้องถิ่น แทบไม่เห็นขนมแป้งกรอบ [2] ใส่ไข่ที่เป็ที่นิยมในยุคหลังๆ เลย
แต่ปัญหาก็คือเธอไม่ได้มีที่ดินและทรัพย์สินจากชนบทอยู่ใกล้ๆ ที่นี่แบบพี่สาวร้านแผงลอย แล้วแบบนี้เธอควรจะหาซื้อวัตถุดิบจากไหนกัน? ทั้งไข่ไก่กับถ่าน แล้วยังมีพวกวัตถุดิบอื่นๆ อีก เธอ้าแหล่งวัตถุดิบระยะยาวและมั่นคง ทว่าดูจากปัจจุบันแล้ว เงื่อนไขนี้คงเป็ไปไม่ได้
ซย่านีคิดว่าการตั้งแผงขายอาหารที่ถนนสายนี้ แผนนี้คงใช้ไม่ได้แล้ว
อาจเป็เพราะซ่งวั่งซูถูกล่อลวงด้วยของอร่อย ระหว่างทางเธอจึงจับมือซย่านีไว้พลางพูดเจื้อยแจ้ว “แม่ ถ้าแม่ตั้งแผงขายของแบบนี้ หนูกับน้องจะได้กินซาลาเปากับเต้าฮวยทุกวันไหมคะ?”
ซย่านียิ้มพร้อมกับยื่นมือออกไปเขี่ยจมูกลูกสาว “แบบนี้แม่จะได้เงินค่าอาหารจากพวกลูกไหมนะ?” ซย่านีปรับสีหน้าให้เป็ปกติแล้วพูดต่อ “เื่นี้ แม่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย เอาไว้ค่อยมาลองคิดดูอีกทีเนอะ”
เธอและลูกมาถึงโรงเรียนทันเวลาพอดิบพอดี ประตูโรงเรียนมีคนเดินกันขวักไขว่ ซย่านีกวาดสายตามองแล้วก็สังเกตเห็นว่าเด็กผู้หญิงในโรงเรียนนี้ไม่ได้ใส่เครื่องประดับบนหัวกันเลยสักคน พวกเธอต่างก็ใช้หนังยางรัดผมธรรมดาๆ แม้แต่กิ๊บติดผมก็ยังมีน้อยมาก
ซย่านีดวงตาเป็ประกาย บางทีเธออาจจะทำธุรกิจนี้ก็ได้นะ?
“แม่คะ หนูไปก่อนนะ”
ซ่งวั่งซูกล่าวคำลาเสร็จก็วิ่งเข้าโรงเรียนไปอย่างรวดเร็ว ส่วนซย่านีนั้นต้องพาซ่งตงซวี่ไปพบคุณครูประจำชั้นที่ห้องพักครูก่อน
คุณครูประจำชั้นของซ่งตงซวี่เป็คุณครูสอนภาษาและวรรณกรรม ซึ่งมีอายุประมาณสามสิบต้นๆ ใบหน้ากลม ดวงตาเรียวรูปสระอิ ถักผมเปียสองข้าง ดูเป็คุณครูที่ให้ความรู้สึกเป็กันเองมากๆ
ซย่านีนับว่าเป็คนที่ผ่านชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่งแท้ๆ ทว่าตอนที่ได้พบกับคุณครูประจำชั้นของลูกชายตัวเอง เธอก็ยังรู้สึกเป็กังวลอยู่ในใจบ้างเล็กน้อย
“คุณครูเถียน สวัสดีค่ะ ฉันเป็แม่ของซ่งตงซวี่ค่ะ” ซย่านีถึงขั้นเปลี่ยนมาใช้ภาษาจีนกลางอย่างอดไม่ได้
คุณครูเถียนที่กำลังทำงานอยู่ในเวลานี้พลันวางปากกาในมือลง เธอมองไปทางซ่งตงซวี่ จากนั้นก็มองไปทางซย่านีด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนเอ่ยถามขึ้นมา “คุณแม่ตงซวี่ ตงซวี่ได้บอกกับคุณแม่ไหมคะ ว่าทำไมฉันถึงเชิญผู้ปกครองมา?”
ซย่านีหัวเราะแห้ง “บอกแล้วค่ะๆ เมื่อวานตอนอยู่ที่บ้านฉันก็สั่งสอนเขาไปแล้วว่าจะไปแย่งของจากเพื่อนร่วมชั้นมาแบบนั้นไม่ได้ แน่นอนว่ามันไม่ถูกต้อง เขาเองก็รู้ตัวว่าตัวเองทำผิด และยังบอกว่าวันนี้จะมาขอโทษคุณครูกับเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นค่ะ” หลังจากพูดจบแล้วซย่านีก็ยื่นมือไปดันหลังของซ่งตงซวี่เบาๆ “ยังไม่รีบขอโทษอีก”
ซ่งตงซวี่โค้งตัวลงคำนับทันที พร้อมกับกล่าวด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำว่า “ผมขอโทษครับคุณครู ผมผิดไปแล้ว”
คุณครูเถียนพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว ต่อไปยังคิดจะทำผิดอีกไหม?”
ซ่งตงซวี่รีบตอบทันที “ไม่แล้วครับๆ ผมจะไม่แย่งของจากเพื่อนร่วมชั้นอีกแล้วครับ’
คุณครูเถียนโบกมือพลางกล่าวว่า “เธอกลับเข้าชั้นเรียนไปก่อนเถอะ แล้วอย่าลืมขอโทษถังเสี่ยวหลงเพื่อนร่วมชั้นของเธอด้วย”
ซ่งตงซวี่รับคำคุณครู “ครับ”
หลังจากที่ซ่งตงซวี่ออกไปแล้ว คุณครูเถียนก็มีสีหน้าจริงจังมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเธอมีอะไรจะพูดกับซย่านี อีกทั้งสิ่งที่จะพูดก็ดูค่อนข้างจริงจังมากด้วย
ซย่านีใจเต้นรัว ในใจได้แต่พูดว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ยังมีอะไรที่เธอไม่รู้อีกงั้นหรือ?
คุณครูเถียนกล่าวขึ้น “คุณแม่ตงซวี่ ฉันไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นบอกอะไรกับคุณแม่ที่บ้านบ้าง แต่ถ้าให้เดา เขาคงไม่ได้บอกกับคุณแม่ว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเื่แบบนี้ใช่ไหมคะ”
แม้ซย่านีจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินคุณครูเถียนพูดแบบนี้ขึ้นมา เธอก็ยังใจหายอยู่ดี
เชิงอรรถ
[1] ลี้ 里 คือ เป็หน่วยวัดของจีนมีความยาวเท่ากับ 500 เมตร
[2] ขนมแป้งกรอบ 煎饼果子 คือ เครปแบบจีน มีลักษณะคล้ายขนมเครป แต่จะเป็ไส้คาว มีไข่ ไส้กรอก แฮม ปาท่องโก๋จีน ผัก ทาซอสพริกเผา โรยด้วยต้นหอม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้