บทที่ 1 วันฟ้าดับ
เสียงค้อนไม้กระทบแป้นดังก้องไปทั่วโถงศาล มันไม่ได้เป็เพียงเสียงพิพากษาคดี แต่มันคือเสียงของโลกทั้งใบที่กำลังพังทลายลงต่อหน้าต่อตาของ มู่หลัน
“ศาลจึงมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสามมีความผิดจริงตามฟ้อง ให้ลงโทษจำคุกคนละสิบห้าปี และให้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทตระกูลมู่เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย”
ทุกถ้อยคำของผู้พิพากษาเปรียบเสมือนตะปูที่ตอกฝังลงกลางหัวใจของเธอ ดวงตาที่เคยเปล่งประกายสดใสบัดนี้พร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำตา เธอมองไปยังร่างของพ่อ แม่ และพี่ชาย ที่ยืนนิ่งงันราวกับรูปสลัก ใบหน้าของพ่อที่เคยองอาจเสมอมาบัดนี้ซีดเผือด คุณแม่ผู้สง่างามกำลังทรุดลงกับพื้นหากไม่มีพี่ชายคอยประคองไว้ ส่วนพี่ชายทั้งสองที่เคยเป็ดั่งภูผาให้เธอพึ่งพิง บัดนี้กำหมัดแน่นจนเส้นเืปูดโปนด้วยความเจ็บแค้น
นี่มันไม่ใช่ความจริง มันคือฝันร้ายชัดๆ
เมื่อวานนี้ เธอยังเป็คุณหนูมู่หลัน ทายาทแห่งมู่จิวเวลรี่ อาณาจักรอัญมณีที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับของประเทศ แต่วันนี้ ครอบครัวของเธอกลายเป็นักโทษ สิ้นเนื้อประดาตัว และถูกตราหน้าว่าเป็พวกสิบแปดมงกุฎ
ท่ามกลางเสียงชัตเตอร์ที่ดังรัวจากทัพนักข่าว มู่หลันััได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองมาด้วยความสมเพชและเย้ยหยัน เมื่อเธอหันไปมอง ก็สบเข้ากับดวงตาพราวระยับด้วยชัยชนะของ เ้าสัวจ้าว ประธานบริษัทคู่แข่ง ผู้อยู่เื้ัแผนการสกปรกทั้งหมดนี้ เขายืนอยู่ไม่ไกล พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่มู่หลันเคยเห็นมาในชีวิต
“ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว คุณหนูมู่หลัน” เสียงแหบพร่าของเขาดังลอดมาตามลม “จำไว้ว่า ปลาใหญ่เท่านั้นที่กินปลาเล็ก”
คำพูดนั้นจุดไฟแห่งความแค้นให้ลุกโชนขึ้นในใจของมู่หลัน เธออยากจะกรีดร้อง อยากจะกระโจนเข้าไปฉีกทึ้งชายแก่คนนั้น แต่ทำได้เพียงยืนตัวสั่นเทาอยู่กับที่ ขณะที่เ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข้ามาควบคุมตัวครอบครัวของเธอไป
ภาพสุดท้ายที่เธอเห็น คือแววตาของผู้เป็พ่อที่หันกลับมามองเธอ มันไม่ใช่แววตาแห่งความสิ้นหวัง แต่เป็แววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและฝากฝัง ฝากฝังทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่เธอ ผู้เป็ความหวังสุดท้ายของตระกูล
หลายสัปดาห์ต่อมา...
สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย ราวกับจะตอกย้ำความหม่นหมองในชีวิตของมู่หลัน จากคฤหาสน์หลังใหญ่ บัดนี้เธอต้องมาซุกหัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ โทรมๆ ที่ท้ายซอย ทรัพย์สินทุกอย่างถูกยึด แม้แต่บัญชีธนาคารก็ถูกอายัด เธอเหลือเงินติดตัวอยู่เพียงน้อยนิดที่ได้จากการขายนาฬิกาเรือนสุดท้าย
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น พร้อมกับเสียงะโของเ้าของหอ “ค่าเช่าเดือนนี้ล่ะ! ถ้าไม่มีจ่ายก็ไสหัวออกไปซะ!”
มู่หลันสะดุ้งสุดตัว เธอได้แต่ขดตัวเงียบอยู่ในความมืด รอจนเสียงนั้นเงียบหายไป ท้องของเธอร้องประท้วงด้วยความหิว แต่เธอก็ไม่เหลือเงินพอที่จะซื้อบะหมี่ถ้วยเดียวด้วยซ้ำ ความอัปยศ ความสิ้นหวังถาโถมเข้าใส่จนแทบหายใจไม่ออก
จะยอมแพ้แค่นี้จริงๆ หรือ มู่หลัน?
เสียงของพ่อดังก้องขึ้นในหัว เธอหลับตาลง ภาพรอยยิ้มของแม่ และเสียงหัวเราะของพี่ชายฉายชัดขึ้นมา ไม่ เธอยอมแพ้ไม่ได้! เธอต้องมีชีวิตอยู่เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ครอบครัว
ในห้วงความคิดอันมืดมิดนั้นเอง แสงสว่างวาบหนึ่งก็ปรากฏขึ้น บ้านเก่าของตระกูล! บ้านไม้สักหลังงามที่อยู่ชานเมือง ซึ่งเป็มรดกตกทอดมาจากคุณทวดและไม่ได้ถูกระบุอยู่ในรายการทรัพย์สินของบริษัท ที่นั่นอาจจะมีของมีค่าบางอย่างที่พอจะเปลี่ยนเป็เงินให้เธอตั้งตัวได้
มันคือประกายแสงสุดท้ายในอุโมงค์อันมืดมิด
มู่หลันตัดสินใจในทันที เธอรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี คว้าเสื้อกันฝนเก่าๆ มาสวม แล้ววิ่งฝ่าสายฝนออกไป มุ่งหน้าสู่บ้านเก่าแห่งความทรงจำ สู่สถานที่ที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของเธอไปตลอดกาล โดยไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ จะเป็การเปิดประตูสู่โลกอีกใบที่แม้แต่ในความฝัน เธอก็ไม่เคยจินตนาการถึง
บ้านเก่าของตระกูลตั้งอยู่อย่างเงียบสงบห่างจากตัวเมือง มันถูกทิ้งร้างมานานหลายปีแล้ว เถาวัลย์เลื้อยพันรอบรั้วเหล็กดัดที่ขึ้นสนิม บรรยากาศดูวังเวงน่าขนลุกท่ามกลางม่านฝนที่โปรยปราย แต่สำหรับมู่หลันในตอนนี้ สถานที่แห่งนี้คือความหวังเดียวที่เหลืออยู่
เธองัดแงะกุญแจเก่าคร่ำครึเข้าไปในตัวบ้าน กลิ่นอับชื้นของไม้เก่าและฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว แสงสว่างจากภายนอกส่องลอดเข้ามาเพียงน้อยนิด ทำให้ภายในบ้านดูมืดสลัวและเต็มไปด้วยเงาตะคุ่มน่าหวาดหวั่น มู่หลันใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือที่แบตเตอรี่ใกล้จะหมดเต็มที ส่องนำทางไปตามห้องต่างๆ
ข้าวของส่วนใหญ่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวที่บัดนี้กลายเป็สีเทาหม่นเพราะฝุ่นจับหนาเตอะ เธอรื้อค้นไปทีละห้อง ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องนอนของบรรพบุรุษ แต่สิ่งที่พบก็มีเพียงของเก่าที่ผุพังจนแทบไม่มีราคา
ความหวังเริ่มริบหรี่ลงอีกครั้ง หรือว่านี่จะเป็ทางตันจริงๆ?
ขณะที่กำลังจะถอดใจ ร่างกายอ่อนล้าจนแทบจะยืนไม่ไหว สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็นรอยขีดข่วนแปลกๆ บนผนังไม้ในห้องหนังสือของท่านทวด มันเป็รอยที่ดูไม่เข้ากับลวดลายแกะสลักอันวิจิตรของผนังเลยสักนิด ด้วยความสงสัย มู่หลันจึงลองใช้มือลูบไปตามรอยนั้น
คลิก!
เสียงกลไกบางอย่างทำงานเบาๆ ผนังไม้ส่วนนั้นเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นโพรงมืดที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง หัวใจของมู่หลันเต้นระรัว นี่คือห้องลับ!
เธอสาดแสงไฟฉายจากโทรศัพท์เข้าไปด้านใน มันเป็ห้องเล็กๆ ขนาดพอดีตัว ภายในมีเพียงหีบไม้ใบเก่าที่สลักลวดลายเมฆาัอย่างประณีตวางอยู่ใบเดียว มู่หลันค่อยๆ เปิดฝาหีบที่หนักอึ้งออกอย่างระมัดระวัง
สิ่งที่อยู่ข้างในไม่ใช่ทองคำหรืออัญมณีล้ำค่าอย่างที่เธอคาดหวัง
บนเบาะกำมะหยี่สีแดงเืหมูที่เก่าซีดจนเกือบกลายเป็สีชมพู มีเพียงกระจกสำริดทรงกลมโบราณบานหนึ่งวางอยู่อย่างโดดเดี่ยว กรอบของมันทำจากหยกสีเขียวเข้มแกะสลักเป็รูปหงส์คู่พันเกี่ยวอย่างอ่อนช้อยงดงาม ตรงกลางด้ามจับฝังอัญมณีสีแดงทับทิมเม็ดเล็กๆ เอาไว้ แม้จะถูกปกคลุมด้วยฝุ่น แต่ก็ไม่อาจบดบังความงามอันลึกลับของมันได้
มู่หลันหยิบมันขึ้นมาอย่างแ่เบา ผิวััของหยกเย็นเฉียบแต่กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด เธอใช้ชายเสื้อเช็ดฝุ่นออกจากหน้ากระจก แต่แทนที่จะสะท้อนภาพใบหน้าที่ซีดเซียวและเหนื่อยล้าของเธอ ผิวกระจกกลับขุ่นมัวราวกับมีหมอกบางๆ ปกคลุมอยู่ภายใน
เธอพลิกมันไปมาด้วยความผิดหวัง แม้จะเป็ของเก่าที่สวยงาม แต่จะขายได้สักกี่หยวนกันเชียว คงไม่พอแม้กระทั่งค่าทนายเพื่อยื่นอุทธรณ์ให้ครอบครัวของเธอด้วยซ้ำ
ความเหนื่อยล้า ความหิว และความสิ้นหวังที่อดกลั้นไว้ถาโถมเข้าใส่เธออีกครั้ง น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วกลับมารื้นที่ขอบตาจนมองเห็นภาพพร่าเลือน มู่หลันกำกระจกไว้ในมือแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ความโกรธแค้นชิงชังที่มีต่อโชคชะตาและเ้าสัวจ้าวปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นเอง ปลายเล็บที่ยาวขึ้นเล็กน้อยของเธอก็เผลอไปขูดเข้ากับขอบหยกที่แหลมคมโดยไม่ตั้งใจ ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาพร้อมกับหยาดโลหิตสีแดงสดที่ผุดซึมออกมาจากปลายนิ้ว
หยด...
เืหยดนั้นร่วงหล่นลงบนผิวหน้ากระจกสำริดพอดี
วินาทีต่อมา เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น!
วูบ!
อัญมณีสีแดงทับทิมที่ด้ามจับสาดแสงสว่างจ้าบาดตา! ลวดลายแกะสลักบนกรอบหยกเรืองแสงสีเขียวอ่อนราวกับมีชีวิต หมอกควันที่เคยปกคลุมหน้ากระจกเริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ก่อตัวเป็วังน้ำวนขนาดเล็กที่ดูดกลืนหยดเืของเธอเข้าไปจนหมดสิ้น
มู่หลันใจนเผลอปล่อยกระจกหลุดมือ แต่แทนที่มันจะร่วงลงพื้น มันกลับลอยคว้างอยู่กลางอากาศ!
แสงสว่างยิ่งเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งห้องลับสว่างไสวไปหมด ลมกรรโชกแรงอย่างไม่มีที่มาพัดเข้ามาในห้องจนข้าวของปลิวกระจาย มู่หลันต้องยกแขนขึ้นมาบังใบหน้าด้วยความตื่นตระหนก เธอััได้ถึงพลังงานมหาศาลที่มองไม่เห็นกำลังดึงรั้งร่างกายของเธออย่างรุนแรง
"กรี๊ดดดดดดดด!"
เสียงกรีดร้องของเธอถูกกลืนหายไปกับเสียงลมที่หวีดหวิว ร่างของเธอถูกดูดเข้าไปหาวังน้ำวนบนหน้ากระจกที่ขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว โลกทั้งใบหมุนคว้าง ทุกสิ่งรอบตัวบิดเบี้ยวราวกับภาพวาดสีน้ำที่ถูกสาดด้วยน้ำ ความรู้สึกเหมือนถูกฉีกกระชากออกจากกันทำให้เธอแทบสิ้นสติ
แล้วทุกอย่าง... ก็ดับวูบลง
...
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่...
มู่หลันค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งแรกที่เธอััได้คือกลิ่นดินและใบไม้ชื้นๆ ที่ไม่คุ้นเคย เสียงนกร้องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังแว่วมาจากที่ไกลๆ แสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านใบไม้ลงมากระทบเปลือกตาจนต้องหยีตาลง
ฉัน... อยู่ที่ไหน?
เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่ก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บที่ศีรษะ เมื่อลืมตาขึ้นจนสุด เธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงจนแทบหยุดหายใจ
ภาพที่เห็นไม่ใช่ห้องลับเก่าๆ ในบ้านของตระกูลอีกต่อไป แต่เป็... ป่า!
ป่าทึบที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่รูปร่างแปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต เถาวัลย์ขนาดเท่าแขนพันเกี่ยวไปทั่วพื้นดินชื้นแฉะ อากาศบริสุทธิ์จนทำให้รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
เธออยู่ที่ไหน?! นี่มันเื่บ้าอะไรกัน?!
มู่หลันรีบสำรวจตัวเอง เสื้อผ้ายังคงเป็ชุดเดิมที่เปียกชื้น แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้นก็คือ กระจกหยกโบราณบานนั้น ยังคงอยู่ในมือของเธอ!
มันนอนนิ่งอยู่ในอุ้งมือ ไม่ได้เรืองแสงหรือมีปรากฏการณ์ประหลาดใดๆ อีก ราวกับว่าเื่ราวทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็เพียงแค่ความฝัน
แต่ภาพป่าตรงหน้า คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าม้าและเสียงพูดคุยด้วยภาษาที่ไม่คุ้นหูก็ดังใกล้เข้ามา มู่หลันรีบหลบเข้าหลังพุ่มไม้หนาทันทีด้วยสัญชาตญาณ
ภาพที่ปรากฏขึ้นทำให้เธอต้องยกมือขึ้นปิดปากเพื่อสะกดเสียงร้องด้วยความช็อก
ชายกลุ่มหนึ่งในชุดเกราะนักรบแบบจีนโบราณ กำลังขี่ม้าผ่านไป...
นี่ไม่ใช่แค่การหลงป่า แต่มันคือการ... ทะลุมิติ!
กระจกในมือของเธอ ไม่ใช่แค่ของเก่าธรรมดา แต่มันคือประตูที่นำเธอมาสู่ยุคสมัยที่เธอไม่เคยรู้จัก!
โลกของมู่หลันพังทลายลงเป็ครั้งที่สองในรอบเดือน แต่ครั้งนี้ มันไม่ได้มาพร้อมกับความสิ้นหวัง แต่กลับมาพร้อมกับปริศนาและความเป็ไปได้อันไร้ขีดจำกัดที่น่าสะพรึงกลัวและน่าตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
ชะตาชีวิตของเธอ เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง