เหยียนชิงลุกยืนขึ้นโค้งคำนับท่านแม่
“ท่านแม่โปรดวางใจ ข้าจะต้องจัดการเื่นี้ให้เรียบร้อย หากข้ากล้ากล้ารับปากแล้วว่าจะแบกรับภาระนี้ ข้าก็จะแบกรับไว้จนถึงที่สุด หากทำให้ท่านแม่ต้องลำบากก็เท่ากับว่าลูกอกตัญญูแล้ว”
ฮูหยินเหยียนดึงแขนเสื้อของเขา
“เอาล่ะๆ เ้าเด็กคนนี้ ข้าพูดแค่นี้ เ้าก็จริงจังเกินไปได้ นั่งลงก่อนเถอะ เ้าจริงจังขนาดนี้ ข้าเชื่อเ้าแล้ว ต่อไปเื่เหล่านี้ก็จะปล่อยให้เ้าจัดการเอง ข้าแค่ถามเท่านั้นเอง จะว่าไป ตอนเ้าตัดสินใจเื่ราวต่างๆ เ้าช่างเหมือนพ่อของเ้าจริงๆ สุภาพอ่อนโยน แต่กลับดื้อรั้นเหลือเกิน”
เหยียนชิงยิ้มแล้วนั่งลงอีกครั้ง ตอนนี้ใจของเขามั่นคงดุจดั่งหินผา ชาตินี้เขาจะเป็คนคอยปกป้องตระกูลเหยียน จะไม่ให้มารดาล้มป่วยเพราะกังวลเกินไปอีก เมื่อคิดเช่นนี้ก็กำชับนางอย่างจริงจัง ”
“ท่านแม่ จากนี้ไป ไม่ว่าคนนอกจะพูดอะไร ท่านก็อย่าได้ใส่ใจ โดยเฉพาะเื่ของข้ากับซูหาน ข้าเองก็รู้ เื่ซุบซิบนินทาเ่าั้ที่ท่านได้ยิน ท่านลืมมันเสียเถอะ รอให้ท่านพี่กลับมาก่อน ต่อไปนี้เื่ภายในจวนเื่ใดที่ให้ซูหานช่วยจัดการได้ก็มอบให้ซูหานเป็คนจัดการเถิด ท่านว่าดีหรือไม่? ด้วยวิธีนี้ท่านถึงสามารถวางใจได้อย่างไรเล่า ”
สตรีคนหนึ่งที่จัดการตระกูลใหญ่เปรียบได้กับฮ่องเต้ของที่นั้น
ฮูหยินเหยียนรินชาให้เขาเต็มถ้วย จงใจเปลี่ยนน้ำเสียงเพื่อหยอกล้อ
"ลูกของภรรยาเอกพูดด้วยตัวเองแล้วขนาดนี้แล้ว ข้ามีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธกัน?"
“ท่านแม่ ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย ลูกแค่รู้สึกว่าท่านแม่ลำบากเกินไป ท่านพี่ไม่สามารถเข้ามาดูแลท่านแม่ได้ ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ท่านอย่าทำให้ร่างกายไม่สบายไปเลย ข้าและซูหานจะทำให้ทุกคนปลอดภัยเอง ท่านแม่สอนซูหานแค่ครั้งเดียวเขาก็เข้าใจแล้ว หากมีคนติดต่อเข้ามามาก การสืบข่าวก็จะง่ายขึ้น”
เหยียนชิงอธิบายอย่างจริงจัง ฮูหยินเหยียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขาที่คิดอย่างรอบคอบนางพยักหน้าเห็นด้วย
“ดี แบบนี้นี่เอง จะว่าไปเ้ากลับคิดเพื่อเขาจริงๆ ด้วย”
เหยียนชิง “ขอบคุณท่านแม่ที่เข้าใจ และสนับสนุนขอรับ”
เขาคิดเพื่อเว่ยซูหาน และก็เพื่อตระกูลเหยียนเช่นกัน เขาจึงต้องคิดให้รอบคอบในทุกๆ ด้าน
“ขอบคุณอะไรกัน ข้าเป็แม่ของเ้า ลูกสะใภ้ชายก็เป็บุตรคนหนึ่ง ควรช่วยข้าแบ่งเบาภาระบ้าง ”
ฮูหยินเหยียนพูดอย่างมีความสุข แต่เมื่อนางเหลือบไปเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของเขาจู่ๆ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ชิงเอ๋อร์ เ้าตกหลุมรักเว่ยซูหานั้แ่แรกพบอย่างนั้นหรือ?”
“หา? แค่กๆๆ…”
เหยียนชิงกลืนชาไม่ลง เขาสำลักด้วยความตื่นเต้นและไอออกมา
“เฮ้อ เ้าเด็กคนนี้นิ…” ฮูหยินเหยียนรีบลุกมาตบหลังเขาอย่างสบายอารมณ์ “แม่ก็ถามไปเรื่อย เพราะว่าเห็นเ้าประหม่า…”
“แค่กๆ….”
หลังจากไออยู่พักหนึ่ง เหยียนชิงก็หายเป็ปกติ ทว่าหน้ากลับแดงร้อนหูก็แดงเห่อไปหมด ไม่รู้ว่าไอหรืออายกันแน่ เพื่อเก็บอาการเก้อเขิน เขาจึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดื่มชาอย่างเดียว สักพักเขาก็ถามกลับด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
“ทำไมจู่ๆ ท่านแม่ถึงถามเื่นี้เล่า?”
เขานั่นหรือที่ตกหลุมรักเว่ยซูหานั้แ่แรกพบ เห็นได้ชัดว่าเป็เว่ยซูหานมากกว่าที่ตกหลุมรักเขาั้แ่แรกพบ
ฮูหยินเหยียนเห็นปฏิกิริยาของเขาก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลยจงใจพูดว่า “เพราะข้าเห็นว่าพวกเ้ารักกันมาก...”
“แค่ก…” เหยียนชิงเอามือปิดปาก “พวกเราจะรักกันได้อย่างไร? มันก็แค่การแสดง”
“จริงรึ?”
เห็นได้ชัดว่าฮูหยินเหยียนไม่เชื่อ สามีตัวน้อยคนนี้เล่นละครจนหางตาหางคิ้วขมวดหมดแล้ว เห็นผู้ใหญ่อย่างนางหลอกลวงได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“ข้า…”
เหยียนชิง้าตอบอย่างมั่นใจว่า ‘จริง’ แต่พอนึกถึงคำว่ารักที่เว่ยซูหานเคยพูดไว้ ก็เอาแต่อ้ำอึ้งแล้วก้มหน้าลง ใจของเขาผิดกับภายนอกที่แสดงออก เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอีกต่อไป ไม่อยากปฏิเสธความรู้สึกหวั่นไหวที่เกิดขึ้นภายในใจ การที่ปากไม่ตรงกับใจเป็การกระทำที่ไร้เดียงสายิ่งนัก
ฮูหยินเหยียนเห็นดังนั้นก็เข้าใจดี ตอนแรกที่หลินชวนมาพูดเมื่อเช้านี้ นางคิดว่าเป็ไปไม่ได้แน่นอน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า คนที่นอนร่วมเตียงกันถ้าหากจะเกิดเื่มงคลหรือรักใคร่อะไรขึ้นก็เป็เื่ปกติ เมื่อคิดได้เช่นนี้ จึงพูดออกมา
“ซูหานเป็บุตรคนเดียวของแม่ทัพเว่ย ทายาทแห่งจวนแม่ทัพ มีพร์ด้านการสู้รบ เป็คนแข็งแกร่งซื่อตรงและหน้าตาดี ก่อนที่ตระกูลเว่ยจะเกิดเื่ เขาเคยติดตามแม่ทัพเว่ยไปที่เขตสนามรบชายแดน เรียนวิทยายุทธ์จากที่นั่น ความพากเพียรเช่นนี้เป็สิ่งที่ลูกหลานของชนชั้นสูงทั่วไปไม่อาจเทียบเคียงได้ การที่เขาสงบเสงี่ยมก้มหน้าทนแบกรับความอัปยศอดสูเช่นนี้ก็ยากที่หาได้ในใต้หล้านี้ เพราะฉะนั้น เ้าถูกคนเช่นนั้นดูดเข้าหาก็เป็เื่ปกติ ต่อไปเ้าเพียงแค่เผชิญหน้าอย่างภาคภูมิก็พอ”
“…”
เหยียนชิงไม่ตอบ ก้มหน้าจิบชาทีละนิด เดี๋ยวว่าเป็การชมเกินจริง ถ้าเขาอธิบายตอนนี้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่ท่านแม่คิด เกรงว่ายิ่งอธิบายจะยิ่งแย่ ช่างเถอะ ต่อไปท่านก็คงจะเข้าใจเอง
“เอาล่ะ เ้าไม่ต้องก้มหน้าอายต่อหน้าแม่หรอก อายุสิบเจ็ดปีก็ไม่น้อยแล้ว หากไม่ใช่เพราะเ้ามัวแต่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน แม่คงหาผู้หญิงให้เ้าสักคนสองคนแล้ว แต่ตอนนี้มาแต่งกับภรรยาชายแทน เื่ผู้หญิงก็ช่างมันเถอะ”
ฮูหยินเหยียนพูดจบก็ไม่สนใจความเขินอายของเขาอีกต่อไป นางหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อมอบให้แก่เขา ของชิ้นนั้นถูกผ้าสีแดงห่อเอาไว้ ทันทีที่ได้รับมันมา เหยียนชิงก็รู้ทันทีว่ามันเป็หนังสือ เขาไม่ได้โง่ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันมีไว้เพื่ออะไร สีหน้าที่เรียบเฉยในคราแรกจึงอดที่จะปรากฏความรู้สึกไม่ได้ จึงได้แต่เก็บของใส่กระเป๋าเสื้อด้วยสีหน้าอับอาย
ฮูหยินเหยียนลุกขึ้นยืน
“เอาล่ะ กลับไปเถอะ ไม่เช่นนั้นซูหานคงคิดมากแล้ว แม่เองก็รู้สึกอ่อนเพลีย หากเ้าเหนื่อยเกินไปใน่สองสามวันที่ผ่านมา ก็อย่าโหมอ่านหนังสือจนนอนดึกเล่า เป็คู่บ่าวสาวแต่งงานใหม่ๆ ในเมื่อตั้งใจแล้วก็เพิ่มความรู้สึกให้มันมากขึ้นเถอะ”
เดิมทีคิดว่าจะหาแม่นมที่เชี่ยวชาญมาสอนสักหน่อย แต่เมื่อพิจารณาจากใบหน้าบางๆ ของเหยียนชิงแล้ว คงมีแต่แม่อย่างนางที่ช่วยเขาได้ แต่คิดว่าเว่ยซูหานต้องเข้าใจได้อย่างแน่นอน
ท่านแม่ลุกขึ้น เหยียนชิงเองก็ลุกตาม เขาคล้องแขนนางเดินออกมาจากห้องโถง อิ้งหลี และป้าจูรออยู่ด้านนอกประตูไม่ไกลนัก