เมื่อเหยียนชิงกลับมาถึงเรือนหลานถิง ฮูหยินเหยียนนั่งอยู่ที่ห้องโถงกำลังทานอาหารว่างอยู่ คนรับใช้ที่กำลังชงชาหลบให้เขา เมื่อเห็นเหยียนชิงเดินเข้ามา นางก็เงยหน้ามองเขาครู่หนึ่ง
“ข้ายังพูดอยู่ว่าให้เ้ากลับไปพร้อมภรรยาชายของเ้า”
“ทานมากเกินไปแล้วนะขอรับ ข้าจะอยู่ดื่มชากับท่านแม่เพื่อให้อาหารมันย่อยเสียก่อนขอรับ”
เหยียนชิงนั่งลงตรงเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่ง ฮูหยินที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็รินชาถ้วยหนึ่งก่อนจะยื่นมาไว้ตรงหน้าเขา
“ขอบคุณท่านแม่ขอรับ”
เหยียนชิงรับมาแล้วจิบชาอย่างระมัดระวัง
ฮูหยินเหยียนยกมุมปากขึ้น “รสชาติเป็อย่างไรบ้าง?”
เหยียนชิงเม้มปากเหมือนกำลังนึก “ชาที่ท่านแม่ชงย่อมดีที่สุดอยู่แล้วขอรับ”
ฮูหยินเหยียนส่ายหัว ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“ไอหยา หลังจากลูกข้าแต่งงานไป เพียงข้ามคืนกลับโตขึ้นเป็กอง ไม่เพียงแต่มีไหวพริบในทุกเื่ แม้แต่คำพูดคำจาดีๆ แบบนี้ก็ยังพูดเป็แล้ว”
“ท่านแม่กำลังอำข้าเล่นแล้ว...” เหยียนชิงก้มหน้าลงหัวเราะก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “มีงานมากมายรออยู่ในจวน ท่านพี่ก็ไม่อยู่ ดังนั้นลูกจะไม่ปล่อยให้ท่านแม่ต้องพะว้าพะวงกับเื่เล็กน้อยที่ไร้สาระเช่นนี้”
ฮูหยินเหยียนหัวเราะเบาๆ
“นี่จะนับว่าเป็เื่เล็กน้อยที่ไร้สาระได้อย่างไรกัน ท่านป้าของเ้าเพิ่งบอกกับข้า ว่าเ้าทำให้นางประหลาดใจยิ่งนัก ชิงเอ๋อร์ที่เอาแต่ตั้งใจอ่านหนังสือปรัชญา เหตุใดถึงสนใจเื่จุกจิกภายในจวนได้ หรือเ้าคิดว่าปัญหาเล็กๆ น้อยๆ หากรวมกันจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ทางชนชั้นได้…”
น้ำเสียงเรียบเฉยยากจะปกปิดความลำบากใจ เขาส่ายหัวและดื่มชาอีกอึกหนึ่ง
ทว่าจู่ๆ เหยียนชิงกลับขมวดคิ้วแล้วพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“หากพวกเขาไม่เคารพข้าก็คงเป็เื่ยุ่งเหยิงอย่างที่พูด ตระกูลเหยียนในสายตาของพวกเขามีอะไรไม่ยุ่งเหยิงกันเล่า เหยียนิฮ่วนใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาอยู่ด้านนอก ถูกคนตีจนเป็อัมพฤกษ์อัมพาต คนเช่นนี้ถึงจะมองว่างานในจวนเป็ธุระของเขาอย่างนั้นรึ?”
“หึๆ” ฮูหยินเหยียนหัวเราะพลางกล่าวตำหนิ “เ้าเด็กคนนี้ เป็นักปราชญ์ที่ดี แต่ทำไมถึงปากคอเราะร้ายขนาดนี้?”
“ก็ข้าโกรธ” เหยียนชิงตอบตามความจริง “อีกอย่าง ท่านแม่เองเห็นพวกเราไม่ได้รับความเป็ธรรมก็ทุกข์ใจ ในเมื่อท่านแม่ไม่กล้าพูด ต่อไปข้าจะเป็คนจัดการเื่นี้เองขอรับ”
ฮูหยินเหยียนปิดปาก และหัวเราะเบาๆ
“แม่เองก็โกรธเหมือนกัน หลายปีมานี้ เมื่อตอนที่พ่อเ้ายังมีชีวิตอยู่ เขายังพูดถึงอยู่ว่าตระกูลและทุกอย่างจะดีขึ้น ทว่าตอนนี้หลายๆ อย่างต้องอดทนไว้เสียก่อน ข้าเองก็คับแค้นใจไม่น้อย ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาก”
“ท่านทำเพื่อตระกูลเหยียนมามากพอแล้ว จากนี้ไปก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็ธรรม ปัญหาที่แย่ๆ ก็ปล่อยให้ข้าจัดการเองเถิดขอรับ”
เขารู้นิสัยของท่านแม่ดี เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมจะคิดทำการใดก็ต้องอดทนไว้ก่อน แม้ในใจจะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็ธรรมก็ทำได้เพียงขุ่นเคืองใจกับตัวเองเพียงคนเดียวเท่านั้น
ฮูหยินเหยียนพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เ้ากลับคิดเพื่อแม่ คงจะดีถ้าพี่ชายไม่เป็โล้เป็พายของเ้านั้นคิดแบบนี้ได้บ้าง ข้าคงไม่ต้องกังวลใจแล้วก็ไม่ทำให้เ้าต้องเดือดร้อนด้วย…”
“ท่านแม่พูดเยี่ยงนั้นได้เช่นไร?” เหยียนชิงรีบหยุดคำพูดของนางแล้วปลอบโยน “เดิมทีก็เป็เื่ของข้า แล้วจะบอกว่าทำให้ข้าเดือดร้อนได้ยังไงกัน…”
“เ้าไม่สนใจการค้าขายมาโดยตลอด และเ้าไม่มีใจจะรับ่ต่อจากกิจการครอบครัว ในอนาคตเ้าจะต้องเข้าสอบเพื่อก้าวสู่การเป็ขุนนาง การมีภรรยาชายคนหนึ่งนั้นไม่เหมาะสม…”
ฮูหยินเหยียนพูดมาถึงตรงนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ นางหลับตาลงรอคำตอบของเขา
เหยียนชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายอย่างจริงจัง
“ไม่เป็ไร ข้าไม่สนใจหรอก วังหลวงในอดีตแต่ละยุคนั้นล้วนมีทั้งสนมชายและฮองเฮาชายทั้งนั้น อย่างข้ามีภรรยาชายจะเป็ไรไป หากท่านพี่กลับมา ต่อไปเื่เล็กเื่ใหญ่ภายในจวนก็ต้องให้ท่านพี่มาดูแล ข้าทำเพื่อซูหาน และชื่อเสียงของตระกูลเท่านั้น ท่านแม่ไม่ต้องกังวลใจ มันไม่มีผลต่อข้ามากเท่าไหร่นัก”
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอพูดประโยคแบบนี้มักจะรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว
แท้จริงแล้วทั้งหมดไม่ใช่เพื่อเว่ยซูหาน ในชาติก่อนเขาหาท่านพี่ไม่เคยพบ แต่ชาตินี้ได้รู้ข่าวคราวมาบ้าง และได้ส่งคนไปตามหาแล้ว ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็อย่างไรบ้าง ก่อนที่ท่านพี่จะกลับมา เขาต้องยืนหยัดเพื่อครอบครัวเผื่อจะมีคนตั้งใจเจาะหาช่องทางเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
ฮูหยินเหยียนเห็นท่าทางรีบร้อน และเขินอายเล็กน้อยของเขา ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ จึงได้แต่ก้มหน้าลงจิบชาเพื่อปกปิด
“พูดแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่สถานการณ์ของเ้ามันไม่เหมือนกับคนอื่น จะค้าขายหรืออะไรก็ช่างเถอะ หากต่อไปเข้าราชสำนัก เกรงว่าจะถูกคนนินทาลับหลัง ตี้จวินก็ไม่รู้จะมองมาอย่างไร จะส่งผลกระทบต่อเ้าในอนาคตหรือไม่”
เื่ของตระกูลเว่ยนั้นไม่ธรรมดา หากไม่เปลี่ยนแปลงอะไรก็ไม่เป็ไร แต่ถ้าคดีพลิกขึ้นมาจริงๆ ไม่ระวังเอาไว้ ความผิดนั้นก็อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียนได้ ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์มาสามปีแล้ว เื่ภายใน และภายนอกยังไม่มั่นคงเท่าไรนัก ประกอบกับการเกิดาที่แถบชายแดน หลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ทันได้รับการแก้ไข
ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายในราชสำนักเป็อย่างไร ในอนาคตข้างหน้าไม่อาจจะรับประกันได้ว่าตี้จวินจะกลับมาสะสางบัญชีเก่าหรือไม่ หากยัดเยียดความผิดโดยไม่คิดจะไต่สวน คงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะแบกรับได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ไม่ว่าเซียนตี้จะถูกล่อลวงโดยคนทรยศหรือเหตุผลอื่นใดก็แล้วแต่ หากมีราชโองการลงมาแล้ว พวกเขายังเลือกปกป้องเว่ยซูหานอยู่ เช่นนี้ก็ถือเป็การขัดราชโองการ เซียนตี้ครองบัลลังก์ได้ไม่นานนัก แต่หวนคิดถึงมิตรภาพเก่าๆ ไม่น้อย ประกอบกับตระกูลเหยียนได้รับมอบคำสั่งให้พ้นจากความตายสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน ก็กลายเป็ความปรารถนาอันแรงกล้าของเขาที่ถือโอกาสนี้ยอมสละชีวิตเพื่อเว่ยซูหาน
แต่ตี้จวินองค์ปัจจุบันไม่จำเป็ต้องเห็นแก่มิตรภาพเก่าแก่เ่าั้
ตามแผนของนายท่าน เดิมทีเหยียนลั่วสืบทอดกิจการของครอบครัวและแต่งงานกับเว่ยซูหาน เหยียนชิงสอบเป็ขุนนางเข้าราชสำนัก หากประสบกับสายตาของคนรอบข้างที่เห็นว่าเหยียนลั่วมีภรรยาชายต่างจากคนอื่น ทว่าอย่างน้อยพวกเขาก็มีฐานะที่เท่าเทียมกันและไม่เกี่ยวข้องกับเขา ต่อไปการตรวจสอบพฤติกรรมก่อนเข้าการราชสำนักย่อมไม่ใช่ปัญหา ทว่าตอนนี้เหยียนชิงแต่งงานกับเว่ยซูหานแล้ว หากในอนาคตเขาจะเข้าราชสำนัก ทุกครั้งที่เข้าเฝ้าจะกลัวเป็หนามตำใจของตี้จวิน หากถูกคนตั้งใจใช้ประโยชน์ก็คงมีปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมาได้
ทุกครั้งที่มีความคิดวกไปวนไปมา แม้จะสับสน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อผลเป็เช่นนี้แล้ว นางก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา มุมมองด้านหนึ่งนางปลื้มใจที่เหยียนชิงสามารถแบกรับความรับผิดชอบแทนเหยียนลั่วได้ แต่หวังว่าเขากับเว่ยซูหานจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับปัญหาอื่น ๆ สองวันมานี้ในใจมีเื่ราวมากมายที่ติดค้างอยู่ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็หาวิธีที่เหมาะสมไม่ได้เสียที
ฮูหยินเหยียนพูดเช่นนั้น เหยียนชิงเข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจของนางทันที หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็ตอบ
“ลูกเข้าใจความคิดของท่านแม่ แต่ได้โปรดวางใจ เื่ในอนาคตที่ยังมองไม่เห็น ทุกอย่างล้วนมีการผันแปร ข้าได้คิดอย่างรอบคอบแล้ว พยายามทำทุกวิธีทางให้ดีที่สุด แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เมื่อมาถึงจุดที่ข้ามองเห็นโอกาสได้ไปต่อ ข้าจะไม่ปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ในตระกูลเหยียนของเราเข้ามาพัวพันอย่างแน่นอน”
แม้เขายินดีร่วมลงเรือลำเดียวกันกับเว่ยซูหาน แต่จะไม่ทำให้ตระกูลเหยียนเดือดร้อนเป็แน่
นอกจากนี้ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ใช่คนที่มีจิตใจคับแคบขนาดนั้น ชาติที่แล้วเขารู้อยู่แล้ว แม้ว่าตี้จวินจะเป็คนเผด็จการและเ็า กระทั่งเวลาจัดการกับปัญหาบางอย่างก็โเี้อำมหิต แต่ในขณะเดียวกันก็เป็ฮ่องเต้ผู้เฉลียวฉลาดไร้เทียมทาน อีกทั้งยังทรงห่วงใยประเทศชาติและประชาชนเป็อย่างยิ่ง
ฮูหยินเหยียนเงยหน้ามองสีหน้าของเขา เมื่อเห็นว่าเขาพูดคำพูดเหล่านี้แล้วก็ไม่ได้แสดงอาการสับสนหรือตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ทันใดนั้นจิตใจของนางก็สงบลง นางไม่ได้สังเกตเหยียนชิงมานานเกินไปหรือเปล่า? ทำไมมันถึงแตกต่างจากเด็กหนุ่มที่อยู่ในความทรงจำของนางเป็อย่างมาก ไม่ทันไรก็โตเป็ผู้ใหญ่เสียแล้ว