รถยังไม่ทันเข้าไปในคฤหาสน์ซีซานก็ถูกขัดขวาง ในฐานะที่เป็ย่านสุดหรูแห่งเมือง J การรักษาความปลอดภัยถือว่าไม่เลว
มีเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่หกคนที่กำลังเข้าเวร
เซี่ยตันแสดงเอกสารให้เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจสอบขณะที่จะขับรถเข้าไป หน่วยรักษาความปลอดภัยก็กล่าวอย่างอึดอัดใจ “หัวหน้าเซี่ย หมู่บ้านพวกเรามีกฎเกณฑ์ ผู้มาเยือนต้องมีเ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปยืนยันจุดหมายด้วย เอาล่ะ...ขอความร่วมมือหน่อยได้ไหมครับ?”
“ได้...งั้นพวกคุณเลือกมาสักสองคนได้ไหม? แล้วหน่วยอื่นยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย?”
เซี่ยตันคิดแล้วตกลง
“มาแล้วครับมาแล้ว มาถึงกันสักพักแล้ว ได้ยินว่าเหมือนจะเป็คดีฆาตกรรมผีสางอะไรสักอย่าง มีอยู่ไม่กี่คนที่อาศัยในคฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้ น่าขนลุกชะมัด พวกเรามีสกูตเตอร์อยู่ เราจะนำทางให้คุณเอง”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยอัธยาศัยดีมาก เขาเลือกผู้ร่วมทางที่จะไปด้วยแล้วเดินไปเปิดประตูหน้ารถสายตรวจคันหนึ่ง
จ้าวอี้เคยอยู่หน่วยลาดตระเวนในฐานะหัวหน้าหน่วย ทุกครั้งเมื่อถึงสถานที่หนึ่งจะต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างละเอียดเสียก่อน
เห็นได้ชัดว่าคุณภาพการรักษาความปลอดภัยของที่นี่ค่อนข้างดี คำพูดและการกระทำมองได้อย่างคร่าวๆ ถึงสไตล์ทหาร การป้องกันของหน่วยรักษาความปลอดภัยในคฤหาสน์นี้ไม่อ่อนแอเลย
สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ มีพื้นที่สีเขียวค่อนข้างมาก นอกตัวบ้านมีอุปกรณ์ออกกำลังกายอยู่ทุกที่ สวนน้ำพุสร้างได้อย่างวิจิตรตระการตา
“จิ๊ๆ ชีวิตคนรวยแตกต่างแบบนี้นี่เอง”
เฉินตงกวาดตามองสภาพแวดล้อมด้านนอกพลางส่งเสียงพึมพำ
คฤหาสน์หมายเลขสิบแปดถูกเทปกั้นเอาไว้
มีเ้าหน้าที่ตำรวจประมาณเจ็ดแปดนายกำลังวิ่งไปมา เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองนายกำลังมองดูจากด้านนอกเทปกั้น เนื่องจากที่นี่เป็กลุ่มคฤหาสน์ ปริมาณคนเดินเท้าจึงน้อยมาก มีเพียงสามถึงห้าคนเท่านั้นที่กำลังมองดูอยู่
ในเขตพื้นที่ มีหญิงสาวกำลังร้องไห้ดวงตาแดงก่ำ ค่อนข้างตื่นตระหนก ด้านข้างของเธอมีผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบกำลังเอ่ยปลอบใจเธอ น้ำเสียงของคนพูดทุ้มต่ำ
“ข้อสรุปของพวกคุณเหลวไหลสิ้นดี! เขาจะตายเองได้ยังไง! บนคอมีรอยนิ้วมือชัดเจนพวกคุณมองไม่เห็นเหรอ ตรวจสอบสิ ต้องเจอฆาตกรแน่ ถึงจะเป็ผีก็ต้องจับมันมา ล้างแค้นให้พ่อของฉัน!”
หญิงสาวจ้องอย่างโกรธเคืองไปที่ตำรวจด้านหน้า ตำรวจนายนั้นยิ้มขื่นพลางมองไปที่เธอ “คุณเฉิง ผีฆ่าคนเป็เื่ไม่มีหลักการ...หัวหน้าเซี่ย ไหนๆ พวกคุณก็มาแล้ว คุณเฉิง คดีพ่อของคุณมีหัวหน้าเซี่ยเป็ผู้รับผิดชอบนะครับ”
ตำรวจนายนั้นมองเห็นเซี่ยตัน ดวงตาเป็ประกายทันควัน คดีนี้ทำให้พวกเขางงงวยอย่างมาก ตอนนี้มีคนรับ่ต่อแล้ว ทำให้เขาดีใจกับเื่ไม่คาดคิดนี้จริงๆ
“ส่งผลการชันสูตรมา ฉันจะดูสถานที่เกิดเหตุก่อน”
เซี่ยตันหยิบถุงมือสีขาวขึ้นมาใส่ สวมถุงคลุมเท้า จ้าวอี้และคนอื่นก็ปฏิบัติตาม
หญิงสาวจะตามไปแต่ถูกเซี่ยตันปฏิเสธ “กรุณารออยู่ด้านนอก ถ้ามีข้อสรุปฉันจะแจ้งให้คุณทราบเอง”
พูดจบก็ไม่สนใจเธออีก เดินตรงเข้าไปในคฤหาสน์
“คุณเฉิง คุณอย่าถือสาเลย หัวหน้าเซี่ยเป็ตำรวจยอดฝีมือของเรา เธอจะต้องให้คำตอบที่คุณพอใจแน่” ตำรวจนายนั้นอธิบายและขวางเธอไว้
คฤหาสน์ตกแต่งอย่างหรูหรา เห็นได้ว่าเ้าของคงใช้ไอเดียไปไม่น้อย
“จุดเกิดเหตุอยู่ที่ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ ทางนี้เลยครับ”
เ้าหน้าที่พากลุ่มคนมาถึงห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ ทุกตารางเมตรด้านในห้องมีเ้าหน้าที่กำลังถ่ายรูปอยู่ นักนิติวิทยาศาสตร์ย่อตัวลง ตรวจสอบจุดนั้นอย่างระมัดระวัง
ห้องน้ำใหญ่มีขนาดใหญ่มาก กว้างเกือบหกสิบตารางเมตร นอกจากอ่างล้างหน้า กระจก ชักโครกและฝักบัวซึ่งปกติดีแล้ว ที่ดึงดูดสายตามากที่สุดคงเป็อ่างอาบน้ำซึ่งหรูหราเป็พิเศษ เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานส่งเสียงดังฟู่ๆ
และผู้ตาย าาแห่งอาหารที่โด่งดังแห่งเมือง J นอนอยู่ในอ่างอาบน้ำ บนลำคอมีรอยนิ้วมองเห็นเป็สีฟ้าอย่างชัดเจน!
รอยนิ้วมือนี้เล็กมาก มีขนาดแค่ประมาณสิบเิเ อยู่ตำแหน่งกระดูกคอ
มือขวาของเขาอยู่นอกอ่างอาบน้ำ มือซ้ายแช่อยู่ในอ่าง บนนิ้วกลางสวมแหวนที่มีขนาดใหญ่และหนา
ท่าทางดูตึงเครียดเล็กน้อย ตาทั้งสองปิดแน่น ผิวขาวซีดเล็กน้อย
จ้าวอี้มองรอบๆ พลางขมวดคิ้ว เขาไม่เก่งเื่การไขคดี เพียงแต่รู้สึกว่าการตายของคนคนนี้น่าจะไม่ใช่การตายโดยธรรมชาติ อีกทั้งรอยนิ้วมือเล็กสีฟ้าที่อยู่บนลำคอดูไม่เหมือนเป็สิ่งที่ดีสักเท่าไร
“การชันสูตรของพวกคุณเป็อย่างไรบ้าง?”
เซี่ยตันถาม
“สภาพภายนอกของผู้ตายไม่มีรอยแผลใดๆ ไม่ว่าจะเป็การวางยาหรือติดเชื้อจนนำไปสู่การเสียชีวิต หรือเหตุผลอื่นๆ ก็ตาม จำเป็ต้องส่งชันสูตรเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกทีน่ะครับ” นักนิติวิทยาศาสตร์ที่กำลังตรวจสอบนำรายงานในมือส่งให้เซี่ยตันดู
“ถ่ายรูปเสร็จแล้วให้รีบนำผู้ตายส่งไปชันสูตร นี่ต้องไม่ใช่การตายโดยธรรมชาติแน่ จ้าวิ เธอคอยติดตามผลการชันสูตรไว้ ฝ่ายเทคโนโลยีค้นหาทีว่ารอยนิ้วมือสีฟ้านี้แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ ส่วนคนอื่นลองตรวจสอบห้องอื่นๆ ลองดูว่ามีเบาะแสหรือไม่ ถ่ายรูปไว้ด้วยล่ะ”
เซี่ยตันสั่งการงานทุกอย่างอย่างเชี่ยวชาญ เธอขมวดคิ้วแน่น จ้องไปที่ผู้ตายที่อยู่ตรงหน้า คาดหวังให้มีเบาะแสที่เป็ประโยชน์ปรากฏออกมา
จ้าวอี้และคนอื่นเริ่มตรวจสอบห้องอื่นๆ ห้องแรกแน่นอนว่าคือห้องนอน
เตียงในห้องนอนใหญ่มาก ชุดเครื่องนอนและโต๊ะเครื่องแป้งดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ โต๊ะกาแฟที่อยู่ใต้ทีวีแอลซีดีมีกระจกทองแดงบานหนึ่งวางเอาไว้ ตรงข้ามกับเตียงพอดี
“อามิตตาพุทธ คดีนี้ดูแล้วเหมือนจะไม่ง่ายนะ” สามเณรมีสีหน้าจริงจังในทันที
“สามเณรสิงเฉิน ท่านเจออะไรเหรอ” เฉินตงมองไปรอบๆ ขณะเดียวกันก็ถามขึ้น
“พวกโยมมองกระจกบานนี้สิ”
นิ้วของสามเณรชี้ไปที่กระจกทองแดง
กระจกบานนี้มองดูก็รู้ว่าเก่าแก่ ทั้งสองฝั่งเหมือนมีสลักอะไรบางอย่างเอาไว้ มองเห็นไม่ชัดเจน
จ้าวอี้อยากจะหยิบขึ้นมาดู เฉินตงรีบจับจ้าวอี้ไว้แล้วเอ่ยเหน็บแนม “เฮ้ย เด็กใหม่ รู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งของในที่เกิดเหตุไม่สามารถขยับตามใจชอบน่ะ ต้องถ่ายรูปก่อนสิ”
คำพูดนี้ไม่ผิด จ้าวอี้พยักหน้า เป็ความชะล่าใจของเขาเอง
เฉินตงถ่ายรูปการจัดแต่งโต๊ะกาแฟจากนั้นก็ชี้ไปที่กระจกทองแดง ส่งสัญญาณให้จ้าวอี้หยิบให้ทุกคนดู
“ทางที่ดีอย่าขยับของสิ่งนี้ ด้านในบรรจุพลังหยินไว้ อาตมาเกรงว่ามันจะส่งผลร้ายหากพวกโยมไปจับมันเข้า!” สามเณรเอ่ยห้ามทันที
“ฮ่าๆ ไม่เป็ไรหรอกเณร ไปโดนมันแค่แป๊บเดียวคงไม่ถึงตายหรอกน่า อย่างมากก็แค่โชคร้ายไปสองวัน” เฉินตงหัวเราะ เขาก็มองออกเหมือนกันว่ากระจกนี้มีอะไรบางอย่างผิดปกติ
จ้าวอี้ชะงัก จากนั้นก็หยิบกระจกทองแดงขึ้นมา แล้วพูดกับทั้งสองคน “ผมไม่เชื่อเื่ผีสางหรือเทพเ้าอะไรนั่นอยู่แล้ว ผีรูปร่างเป็ยังไงผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย”
เฉินตงเม้มปาก “โลกนี้มีเื่ที่นายไม่เข้าใจอีกมากเลยพวก เื่ผีสางมีมานานเป็พันปีแล้ว นายคิดว่าเป็เื่โกหกทั้งหมดเลยงั้นเหรอ”
เห็นจ้าวอี้หยิบขึ้นมาจริงๆ สีหน้าของสามเณรถึงกับแสดงความวิตก “เอ่อ อาตมาจะกลับไปสวดมนต์ให้นะ ให้พูดตามศาสตร์ฮวงจุ้ย กระจกก็ไม่ควรอยู่ตรงข้ามเตียงอยู่แล้ว นี่เป็ข้อห้าม เศรษฐีหลายๆ คนนั้น โดยปกติแล้วจะให้ความสำคัญในจุดนี้ ยิ่งกว่านั้นคือกระจกทองแดงประหลาดบานนี้”
“พวกคุณจะบอกว่ากระจกบานนี้มีอะไรแปลกๆ งั้นเหรอ?”
จ้าวอี้ตรวจสอบกระจกอย่างละเอียด ตามที่คาด ลวดลายทั้งสองด้านกลับไม่ใช่สิ่งที่เห็นตามปกติ แต่เป็ลายหัวกะโหลกขนาดเท่าเมล็ดข้าวอัดแน่นอยู่ทั้งสองด้าน ไม่รู้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน!
“อามิตตาพุทธ ดูแล้วผู้สูงส่งท่านนี้อาจเสียชีวิตจากอำนาจมืดของสิ่งชั่วร้าย” สามเณรมองกระจกอย่างละเอียดและสรุป
“สามเณรสิงเฉิน ผมก็เห็นถึงจุดนี้เหมือนกัน หลังจากที่ัักระจกนี้มานานต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ นี่ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุแล้ว หัวหน้าครับ หัวหน้า พวกเราเจอปัญหาแล้ว เราต้องจัดการกับมันซะ” ใบหน้าของเฉินตงแสดงถึงการเห็นด้วย ขณะเดียวกันก็ร้องเรียกเสียงดัง
เซี่ยตันเดินมาฟังเฉินตงรายงาน หลังจบประโยคใบหน้าก็แสดงถึงการไตร่ตรอง “เก็บกระจกไว้เป็หลักฐาน แล้วก็ดูอีกครั้งว่ามีเบาะแสอื่นอีกไหม ให้กระจกนี้เป็เบาะแสหลัก ดูว่าเขาซื้อมาเมื่อไร ซื้อจากไหน พวกเรากลับไปค้นแฟ้มคดีก่อนดีกว่า”
“เดี๋ยวก่อนหัวหน้า คุณหมายความว่ากระจกทองแดงนี่ฆ่าคนเหรอ? มันจะเหลวไหลเกินไปแล้ว!”
จ้าวอี้มองท่าทางของกลุ่มคนที่กำลังจะเดินออกไป จ้องมองคนเ่าั้อย่างเหลือเชื่อ
“เ้าเด็กใหม่ สิ่งที่นายต้องเรียนรู้ยังมีอีกเยอะ นายคิดว่าพวกเราจะออกโรงมาทำคดีทั่วไปงั้นเหรอ?” เฉินตงตบไหล่จ้าวอี้ แสดงท่าทางว่าฉันคือผู้าุโที่นายต้องเรียนรู้จากฉัน
“ตอนนี้ดูเหมือนมันจะเป็เบาะแสหนึ่ง ฉันจะไม่ปิดคดีง่ายๆ แน่ และต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีช่องโหว่อย่างอื่นอยู่อีกไหม” เซี่ยตันมีสีหน้าจริงจัง
“นี่มันไม่มีหลักการเลยสักนิด กระจกบานหนึ่งจะฆ่าคนได้ยังไงกัน พวกคุณจัดการคดีกันแบบนี้เหรอ? ผมไม่อยากจะเชื่อเลย! ผมจะหาเบาะแสใหม่ให้เจอ และผมจะรายงานวิธีจัดการคดีของพวกคุณต่อเบื้องบน!” ใบหน้าของจ้าวอี้เต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย นี่มันยุคไหนแล้ว ได้รับการศึกษามาหลายปี กระจกพลังหยินเอย ฮวงจุ้ยเอย จ้าวอี้มองว่ามันไร้สาระทั้งเพ!
ไม่ผิด นั่นมันไร้สาระทั้งเพ!
มันน่าจะเป็วัตถุโบราณ แน่นอนว่าเ้าของบ้านอยากวางไว้ที่ไหนก็วางไว้ที่นั่น
“ตามใจนายเลย! ตอนนี้กลับไปรวบรวมแฟ้มคดีที่เกี่ยวข้องก่อน”
เซี่ยตันมองจ้าวอี้อย่างไร้ความรู้สึก สาวเท้าเดินไปด้านนอกและไม่พูดอะไรอีก
จ้าวอี้เดินตามหลังสุด มองกลุ่มคนข้างหน้าด้วยสายตาขุ่นเคือง
ในมุมมองของเขา การกระทำนั้นไม่มีความรับผิดชอบแม้แต่น้อย!
เมื่อกลับถึงสำนักงาน ในห้องประชุม
“หวงอิง เธอรับผิดชอบในการค้นหาที่มาของวัตถุโบราณชิ้นนี้ อู๋เยว่ รวบรวมแฟ้มคดี หนึ่งคนหนึ่งแฟ้ม ดูว่ามีเบาะแสใหม่หรือเปล่า...”
หลายคนกำลังพูดคุยกันถึงคดีนี้ จ้าวอี้เหมือนถูกกีดกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
นิสัยของเขาไม่ใช่คนสนุกสนาน ครั้งนี้ขัดแย้งการตัดสินใจของพวกเขา เป็เด็กใหม่ถูกกีดกันออกมาก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร
ไม่นาน หนึ่งคนหนึ่งแฟ้ม เมื่อรวบรวมแล้วก็แบ่งไปในมือของแต่ละคน
“ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย นี่เรายังทำคดีแบบนี้น้อยไปเหรอ? ฉันจะไปกินข้าวนะ พวกนายจะไปด้วยไหม?” เฉินตงปิดแฟ้มคดี แล้วเอ่ยกับคนอื่นเสียงดัง
จ้าวอี้ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มองแฟ้มตรงหน้าอย่างตั้งใจ
ผู้ตายคือเฉิงเซิน เ้าของบริษัทผักดองชื่อดังแห่งเมือง J อายุห้าสิบแปดปี ่เวลาที่เสียชีวิตคือระหว่างสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน...สมาชิกในครอบครัวได้แก่ ลูกสาวเฉิงเสี่ยวอวิ๋น อายุยี่สิบเจ็ดปี แต่งงานมาแล้วครึ่งปี ตอนนี้ว่างงาน ลูกเขยเหอเสียง อายุสามสิบปี เป็ผู้จัดการในบริษัท ตอนที่ผู้ตายเสียชีวิต เขากำลังสัมมนาอยู่ที่ต่างเมืองตามคำบอกเล่าของพนักงานบริษัท สองคนนี้มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง สาเหตุไม่แน่ชัด แม่บ้านหรงลี่ อายุสี่สิบแปดปี เป็นักโภชนาการระดับสูง มีลูกสาวหนึ่งคน ที่กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ...
แฟ้มคดีหนามาก จ้าวอี้ดูอย่างละเอียด ข้อมูลกลั่นกรองอยู่ในสมองของเขา ขณะเดียวกันเขาก็นำรูปภาพมาเทียบเคียงกับเนื้อหาในแฟ้มคดี
“ผลการชันสูตรออกมาแล้วเป็การตายโดยธรรมชาติ นี่เป็การรายงานอย่างละเอียด เฮ้อ...เพราะนายคนเดียวเลย พวกเขาไปกินข้าวกันหมดแล้ว ฉันก็หิวเหมือนกัน นายจะไปกินหรือยังเนี่ย?”
เจี่ยจ้าวิส่งเสียงมาก่อนตัว เขาเข้ามาในห้องแล้วส่งรายงานให้จ้าวอี้ จ้าวอี้พูดแบบไม่เงยหน้า “นายไปกินก่อนเถอะ ฉันจะดูอีกหน่อย”
“ตามใจนายละกัน”
ตายโดยธรรมชาติ บนรายงานเขียนไว้อย่างชัดเจน ไม่มีาแภายนอก ไม่มีสัญญาณการวางยา สาเหตุการตายคือเส้นเืในสมองแตก ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้จ้าวอี้ค่อนข้างผิดหวัง
ไม่มีประวัติการเจ็บป่วย นี่คือเหตุผลที่ทำให้จ้าวงุนงง
เส้นเืในสมองแตกพบได้บ่อย แต่ผู้ตายอย่างเฉิงเซินนั้นดูแลร่างกายอย่างดี ทุกเดือนจะไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย ยิ่งมีเงินมากก็ยิ่งกลัวตาย
หรือว่า อาจเป็เหตุการณ์เร้นลับจริงๆ?
จ้าวอี้ไม่เชื่ออย่างแน่นอน
เขาคิดว่าต้องมีเบาะแสที่ตนเองมองข้ามอยู่แน่ ตราบเท่าที่เป็การฆาตกรรม ไม่ว่าคนก่อเหตุจะระวังแค่ไหน อย่างไรก็ต้องทิ้งเบาะแสเอาไว้
เบาะแสอาจจะเล็ก แต่ต้องมีอยู่แน่!