“ฉันเอาข้าวมาให้นาย กินสักหน่อยเถอะ”
เซี่ยตันวางอาหารที่ห่อมาไว้บนโต๊ะ แล้วมองจ้าวอี้พลางถอนหายใจ
“ขอบคุณครับ แต่ผมยืนกรานในความเห็นต่อสไตล์การจัดการของพวกคุณอยู่นะ”
จ้าวอี้ไม่ใช่คนที่ไม่รู้ว่าอะไรดีหรือเลว แต่เขาเป็ทหารที่ใส่ใจในหลักการ อะไรที่รับไม่ได้ก็คือรับไม่ได้
“อาจารย์ของฉันเคยสอนฉันไว้ว่า ถ้าเบาะแสทั้งหมดถูกกำจัดไป แม้ว่าผลลัพธ์จะน่าเหลือเชื่อแค่ไหน นั่นก็ถือว่าเป็ข้อสรุป ดังนั้นฉันจึงยึดหลักข้อนี้ หลายปีมานี้ฉันจึงได้คลี่คลายไปหลายคดีเลยล่ะ”
ความคิดของเซี่ยตันนั้นบริสุทธิ์ ั้แ่เบื้องบนส่งจ้าวอี้มาที่แผนกพิเศษนี้ นั่นแปลว่าจ้าวอี้ต้องมีสิ่งที่พิเศษกว่าคนอื่น เธอในฐานะหัวหน้าหน่วยมีหน้าที่รวมสมาชิกให้เป็หนึ่ง
“ผมไม่รู้วิธีจัดการคดีเลย หัวหน้าครับ คุณบอกหน่อยสิว่า เราควรเริ่มจัดการกับคดีทั่วไปจากตรงไหนก่อนเหรอครับ?”
จ้าวอี้มองไปยังเซี่ยตันแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา
“โดยปกติแล้ว คดีทั่วไปจะเริ่มจากแรงจูงใจในการก่อเหตุ เพื่อเงิน เพื่อความรัก ไม่ว่าจะเพราะอะไรต่างก็มีสาเหตุ แต่คดีที่พวกเราคลุกคลีอาจไม่ใช่คดีทั่วไป บางคดีอาจจะเกินความคาดหมายของนาย ฉันเชื่อในการตัดสินใจของเฉินตงและสิงเฉิน กระจกทองแดงบานนี้ต้องเป็เบาะแสสำคัญแน่ ฉันเชื่อใจสมาชิกในทีมมาก ขั้นต่อไปของการทำงานคือเพ่งจุดสนใจไปที่ที่มาของกระจกทองแดงบานนี้ ถ้านายไม่เห็นด้วย นายสามารถเริ่มจากด้านอื่นได้ ฉันไม่คัดค้าน”
เซี่ยตันพูดจบก็เดินไปหาหวงอิงที่กำลังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่แล้วกระซิบอะไรบางอย่างกับเธอ
จ้าวอี้งุนงงอยู่นานแล้วดูแฟ้มคดีต่อ ในสมองมีคำพูดของเซี่ยตันวนเวียนไม่หยุด
แรงจูงใจ! แรงจูงใจ!
ใช่แล้ว ไม่ผิดเลย ต้องมีแรงจูงใจในการก่อคดีเลวร้ายอยู่แน่
ดวงตาของเขาเป็ประกายขึ้นมา
คดีนี้ดูเหมือนจะมีเบาะแสสำคัญ
เขานำกระดาษปากกาออกมา จ้าวอี้เริ่มวาดผังความสัมพันธ์ของผู้ตายหรือก็คือเฉินเซิน
ก่อนเสียชีวิตได้มีปากเสียงกับลูกเขย นี่เป็หนึ่งความขัดแย้ง แล้วทำไมพวกเขาถึงทะเลาะกัน? ผู้ตายมีลูกสาวเพียงคนเดียว เมื่อเขาเสียชีวิต ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ชัดเจนว่าเป็ลูกสาวของเขา ลูกเขยของเขาก็ได้ผลประโยชน์มหาศาลเช่นกัน เพียงแต่วันเกิดเหตุลูกเขยของเขาไปทำธุระที่ต่างเมือง ดูเหมือนจะไม่มีหลักฐานที่อยู่ในคืนเกิดเหตุด้วย ตามข้อมูลแล้วเขาอาศัยอยู่ที่โรงแรม แต่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเขานอนอยู่ที่โรงแรม
จ้าวอี้หยิบข้อมูลลูกเขยของเฉิงเซินที่ชื่อเหอเสียงขึ้นมา แล้วตรวจสอบอย่างละเอียด
เหอเสียงเกิดที่หมู่บ้านกันดารเล็กๆ บนูเา มีผลการเรียนที่โดดเด่นขณะเรียนมหาวิทยาลัยจนได้รับทุนการศึกษาหลายครั้ง เขาได้รู้จักและคบหากับเฉิงเสี่ยวอวิ๋น ลูกสาวของผู้ตายขณะที่เรียนมหาวิทยาลัย หลังจบการศึกษาก็ได้แต่งงานกัน แล้วตั้งรกรากในเมือง J กล่าวได้ว่าการที่เหอเสียงสามารถยืนอย่างมั่นคงได้ในเมือง J นั้น เฉิงเซินมีความสำคัญอย่างมาก
มองดูรูปภาพของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอของเหอเสียงคนนี้แล้ว จ้าวอี้ก็วาดเส้นสองเส้นหนักๆ ลงบนรูปภาพของเขา
“หัวหน้าครับ คนที่ชื่อเหอเสียงกลับมาหรือยัง?”
“กลับมาแล้วล่ะ นายจะส่งหมายเรียกไปก็ได้ แต่ต้องใส่ใจกับวิธีการและแนวทางด้วย บริษัทของตระกูลเฉิงมีอิทธิพลต่อเมืองของเราอย่างมาก อย่าให้มีคำปรามาสเชียว ถ้านายอยากออกหมายเรียกใครล่ะก็ อู๋เยว่ เธอช่วยทำบันทึกให้ที” เซี่ยตันเอ่ยอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้เงยกน้าขึ้นมาเลย
พวกเขาไม่กี่คนกำลังนั่งอยู่รอบๆ กระจกทองแดง ปรึกษาอะไรบางอย่างอยู่อย่างเงียบๆ
จ้าวอี้ส่ายหน้า ไม่ผิดเลย กระจกทองแดงบานนี้ดูค่อนข้างประหลาด ถ้าสังเกตมันอย่างใกล้ชิดในตอนดึกอาจทำให้คนรู้สึกกลัว แต่คุณบอกว่าสิ่งไม่มีชีวิตอันนี้สามารถฆ่าคนได้ จ้าวอี้รู้สึกว่ามุกนี้มันไม่ตลกเลยสักนิด
“ผมยังไม่ได้ไปทำเื่ขอเข้าถึงข้อมูลส่วนกลางเลย หัวหน้าครับ ผมควรไปหาใครเหรอครับ?”
จ้าวอี้ถามไป มีคดีเกิดขึ้นกะทันหัน เขายังไม่ได้ไปทำเื่ขอเข้าถึงข้อมูลส่วนกลางเลย พูดอย่างจริงจังเลยก็คือ เขาไม่มีสิทธิ์ในการตรวจสอบคดี
“งานพวกนี้ทำให้ฉันลืมไปหมดเลย อู๋เยว่ เธอช่วยทำเื่ขอเข้าถึงข้อมูลส่วนกลางให้จ้าวอี้หน่อยสิ”
เซี่ยตันตบหน้าผาก อู๋เยว่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “พี่จ้าว มากับฉันด้วยค่ะ”
“พี่จ้าว ฉันได้ยินที่เฉินตงพูด...เหมือนว่า...”
อู๋เยว่เปิดประตูห้องเก็บเอกสาร และตรงไปจัดการตามขั้นตอน ขณะเดียวกันพูดพึมพำไปด้วย
“ส่วนตัวแล้ว ฉันคิดว่าสไตล์การจัดการของแผนกเรามีปัญหาใหญ่อยู่นะ จะเพ่งเล็งไปที่อะไรที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนี้ได้ยังไงกัน?” จ้าวอี้ยังคงดื้อดึงอย่างมาก เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา
“พี่จ้าว คำพูดของฉันพี่อาจไม่ชอบฟัง แต่เื่ราวมากมายบนโลกนี้ไม่อาจอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ได้ทั้งหมด ดังนั้นเบื้องบนจึงก่อตั้งแผนกพิเศษอย่างเราขึ้นมา พี่เคยได้ยินเื่ผีอำไหม? แล้วพวกรูปถ่ายติดิญญาล่ะ? พี่จ้าว พี่ว่าวิทยาศาสตร์จะอธิบายสิ่งเหล่านี้ว่าอย่างไรล่ะ?”
อู๋เยว่ยังคงรู้สึกดีต่อจ้าวอี้ พี่ปิงของเธอก็เป็ทหารที่อยู่ในกองทัพที่มีบรรยากาศเรียบง่าย และอารมณ์มุทะลุพวกนี้ก็สามารถเข้าใจได้ ดังนั้นเธอจึงพูดแบบนี้
จ้าวอี้มองที่เื่ไม่มองคน เขาไม่ใช่พวกไม่ฟังใครเลย เมื่อฟังคำพูดของอู๋เยว่ เขาเริ่มไตร่ตรอง
ไม่ผิด แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็น แต่ก็เคยได้ยินเื่ผีอำ
เื่ผีอำปกติจะเกิดตอนกลางคืน การอยู่คนเดียวในที่รกร้างและหลงทางโดยไม่รู้ตัว ไม่มีเหตุผลที่จะหลงทางในเส้นทางที่คุ้นเคย แต่เหตุการณ์เช่นนี้กลับเกิดขึ้นและเมื่อฟ้าสว่างก็จะพบรอยเท้าที่ความจริงแล้ว คนคนนี้เดินวนอยู่รอบสุสานหรือต้นไม้ใหญ่หรือสิ่งอื่นอยู่ตลอดทั้งคืน
ถ้าเราใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการตรวจสอบ สถานที่แห่งนี้จะไม่มีสนามแม่เหล็กที่ส่งผลต่อประสาทััของคนอยู่เลย ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในตอนนี้ เราไม่สามารถอธิบายได้อย่างสิ้นเชิง
มองเห็นจ้าวอี้ตกอยู่ในภวังค์ อู๋เยว่ก็ถอนใจโล่งอก เธอกังวลอย่างมากว่าจ้าวอี้จะเป็พวกดื้อด้าน ถ้าเป็เช่นนั้น มันจะส่งผลต่อการทำงานโดยปกติของทีมอย่างแน่นอน
“ที่นี่มีข้อมูลภายในของเราอยู่ ฉันแนะนำให้พี่จ้าววางคดีลงก่อน และอ่านข้อมูลพวกนี้เป็อย่างแรก มันจะช่วยในการทำงานของพี่ในอนาคตอย่างมากเลยล่ะ”
หลังเอ่ยจบอู๋เยว่พาไปหยุดหน้ากองเอกสารซึ่งมีหนังสือและรูปภาพมากมาย ้าสุดมีแฟลชไดรฟ์อยู่หนึ่งอัน
“ขอบใจนะ!”
จ้าวอี้พูดขอบคุณอย่างจริงจัง
“ไม่เป็ไรๆ ถ้าอยากขอบใจจริงๆ ล่ะก็ เลี้ยงข้าวฉันแทนเถอะ”
อู๋เยว่ยิ้มจนตาหยีเป็เส้น
“ได้สิ เลือกเวลามาเลย”
จ้าวอี้ตอบตกลง
“งั้นให้ผอ.เป็คนเลี้ยงพวกเราคืนนี้เถอะ ถือเป็การต้อนรับพี่เข้าทีมเราด้วย” เดิมที ถ้าอู๋เยว่เล่นมุกทุกคนจะไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไรนัก คาดไม่ถึงเลยว่าจ้าวอี้จะจริงใจขนาดนี้ เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว คิดถึงข้ออ้างนี้ได้ในทันที
“คืนนี้คงไม่ได้หรอก ฉันว่าจะไปสืบค้นหน่วยรักษาความปลอดภัยที่คฤหาสน์ซีซาน ดูว่ามีช่องโหว่อะไรไหม หรืออาจมีคนแอบย่องเข้าไปและทำการฆาตกรรม ไม่อย่างนั้นก็รอจนปิดคดีนี้ได้สำเร็จ ฉันจะเลี้ยงทุกคนเอง ฉันขอกลับไปที่นั่นก่อน”
จ้าวอี้คิดอยู่นานจึงตัดสินใจแบบนี้ เขาไม่ได้สนใจท่าทางของอู๋เยว่ที่อยู่ด้านหลังที่แสดงออกมาว่าหมดคำพูด คนคนนี้อย่างกับท่อนไม้เลย
จ้าวอี้ไม่ได้เรียกคนอื่นไปด้วย เขาฟังคำแนะนำของอู๋เยว่และศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างตั้งใจ
เหตุการณ์หญิงชราหน้าแมวแห่งเมืองฮาร์บิน เหตุการณ์ผีขันทีแห่งพระราชวังต้องห้าม เหตุการณ์ัตกที่อิ๋งโข่ว เหตุการณ์ซอมบี้ที่เมืองเฉิงตูในปีเก้าห้า...จ้าวอี้รู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาได้เห็นเหตุการณ์ลี้ลับทั้งหมดทั้งที่เคยและไม่เคยได้ยินมาก่อน ซึ่งมีตัวเลขขนาดใหญ่อยู่ในรูปภาพและข้อความกำกับใต้ภาพ
ไม่ทันได้รู้สึกตัว สีท้องฟ้าก็สลัวลงแล้ว
“คืนนี้ทำล่วงเวลา ทุกคนลำบากหน่อยนะ เราต้องแยกข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผู้ตายกับคนอื่นก่อนเกิดเหตุและอย่างอื่นให้เรียบร้อยภายในคืนนี้ รวมไปถึงเบาะแสของกระจกทองแดงด้วยว่ามันมาจากไหน และใครซื้อให้ผู้ตาย ฉันต้องได้อ่านข้อมูลทั้งหมดก่อนเข้างานพรุ่งนี้เช้า!”
“ยัยปีศาจ เขี้ยวลากดิน...”
เซี่ยตันออกคำสั่งทำงานล่วงเวลาเสียงดัง เฉินตงโอดครวญออกมาคำหนึ่ง เขากล้าทำเพราะกระซิบเสียงเบา แต่ไม่มีทางต่อต้านเด็ดขาด
“จ้าวอี้ นายเพิ่งมาวันนี้เป็วันแรก จะกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะ?”
“ไม่เป็ไรครับ ผมจะทำงานล่วงเวลากับทุกคนด้วย ผมต้องขอโทษกับการกระทำของผมในวันนี้ด้วยนะครับ ที่จริงแล้วมันมีหลายอย่างที่ผมไม่เข้าใจอยู่...” จ้าวอี้พูดอย่างจริงใจ
ไม่มีอะไรผิดที่จะกล้ายอมรับ ข้อมูลเมื่อตอนบ่ายทำให้เขาเปิดโลกพอสมควร
“ไม่เป็ไรหรอก เพื่อนร่วมงานใหม่ปรับตัวไม่ได้เป็เื่ปกติ ตอนที่ฉันเพิ่งเข้ามาแผนกนี้ครั้งแรก ฉันก็รู้สึกเหมือนมุมมองทั้งสามด้านถูกล้มล้างไปสิ้นเชิงเลย” อารมณ์ของเซี่ยตันดีขึ้นในพริบตา
“ผมช่วยอะไรตรงนั้นไม่ได้ แต่ผมคิดว่าเรายังสามารถสืบสวนคดีด้วยตามวิธีปกติได้ ผมคิดว่า มันต้องมีช่องโหว่สักจุดอยู่ในหน่วยรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์ซีซานแน่ๆ? ผมจะไปสืบสวนที่นั่นตอนกลางคืน คุณคิดว่าวิธีนี้ใช้ได้ไหมครับหัวหน้า?”
“ที่นายพูดนั้นไม่ผิด แต่จากการตรวจสอบสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยใดๆ อยู่เลย แน่นอนว่าถ้านายอยากไปฉันก็จะไม่ขวาง” เซี่ยตันคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเห็นด้วยกับจ้าวอี้
“เฮ้ยๆ จ้าวอี้ ทางที่ดีคืนนี้นายอย่าออกไปข้างนอกเลยดีกว่า ถ้าเป็ปกติพวกเราก็อยากไม่ขวางนายหรอก แต่วันนี้นายเพิ่งัักระจกทองแดงไปนะ อย่างน้อยก็คงโชคร้ายไปสองวัน ฉันแนะนำว่านายอยู่กับพวกเราแล้วอย่าออกไปไหนคนเดียวเลย แต่ถ้านายอยากไปจริงๆ ล่ะก็ ฉันจะยอมไปกับนายสักครั้งก็ได้”
เฉินตงหูดีมาก เขาได้ยินทั้งสองคุยกันจึงะโขึ้นมา
“ก็ดี แม้ฉันจะรู้ว่านายเหมือนนั่งไม่ติดแล้วก็ตาม แต่ท้ายที่สุด คนที่รับผิดชอบต้องมีอย่างน้อยสองคน เฉินตง ถ้านายเต็มใจไปก็ไปสักหน่อยเถอะ” ตอนแรกเซี่ยตันจะไปกับจ้าวอี้ แต่เมื่อเฉินตงเสนอตัวทำหน้าที่เอง เธอก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
ตกดึก สองคนขับรถไปคฤหาสน์ซีซาน และจอดรถอยู่ไกลๆ
“พี่ชาย นายมาจากกองทัพ แถมรอบด้านก็ไม่มีคน ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาแข่งอะไรกันหน่อยไหม?”
เฉินตงมองจ้าวอี้อย่างท้าทาย
จ้าวอี้กำหมัดแน่น พูดตามตรง เขาอยากต่อยเด็กที่อยู่ตรงหน้านี่สักทีจริงๆ แต่กองทัพสอนไว้ว่าเขาไม่สามารถทำร้ายประชาชนได้ แล้วกองทัพอยู่ที่ไหนล่ะ? มันจะกลายเป็การใช้ความรุนแรงระดับชาติ เพราะสิ่งที่เขาเรียนรู้มาคือการฆ่าคน ลงมือไม่ให้ตายแต่ให้ทรมาน
“แบบนี้ไม่ดีแน่ เอางี้ เรามาแข่งกันว่าใครสามารถแทรกซึมเข้าไปในคฤหาสน์เลขที่สิบแปดได้ก่อนกัน ถ้าทำให้คนอื่นแตกตื่นจะแพ้โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่มีคนแตกตื่นเลย ใครไปถึงก่อนก็ชนะแล้วมาเจอกันตรงนี้”
จ้าวอี้คิดอยู่พักหนึ่งและเสนอวิธีที่ไม่เกิดอันตรายน้อยที่สุด
เฉินตงเม้มปาก พยักหน้าพลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ “โอเค! ตามนั้น นายอยู่ที่นี่ ฉันจะไปทางเหนือ และจะเริ่มในครึ่งชั่วโมง”
“ได้”
เฉินตงสาวเท้าอย่างรวดเร็ว พริบตาก็หายไปในความมืด
จ้าวอี้ไม่กังวลว่าเฉินตงจะเริ่มก่อน เขามองออกว่าภายนอกนั้นเฉินตงดูเกียจคร้าน แต่ภายในคือคนที่มั่นใจในตัวเอง เขาบอกว่าครึ่งชั่วโมง เขาก็จะไม่เริ่มก่อนแม้นาทีเดียว
จุดบุหรี่มวนหนึ่ง ความคิดของจ้าวอี้เลื่อนลอย เหมือนเขาได้กลับไปยังคืนวันที่มีแต่ห่าะุที่ชายแดน
ครึ่งชั่วโมงมาถึงอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของจ้าวอี้เฉียบคมขึ้นมาทันที
เขาเข้ามาถึงส่วนนอกของคฤหาสน์อย่างเงียบเชียบ
กำแพงสูงรอบนอกมีตาข่ายไฟฟ้าแรงสูงอยู่้าสุด นี่คือการป้องกันด่านแรก เกรงว่าจะสามารถป้องกันผู้บุกรุกได้เป็ส่วนมากเลยทีเดียว
แน่นอนว่ามันขวางจ้าวอี้ไม่ได้!
เขาปีนขึ้นบนกำแพง ะโข้ามตาข่ายที่ไม่ค่อยมีไฟฟ้าแรงสูงอย่างว่องไวราวกับแมว ทั้งยังะโลงในเงาของกำแพงอย่างเงียบเชียบ
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็ว ไม่มีทางหาเขาเจอได้แน่นอนถ้าไม่จ้องกล้องวงจรปิดเอาไว้
คฤหาสน์แบบนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกที่ เกือบไม่มีมุมอับเหลืออยู่เลย!
ถึงไม่มีมุมอับก็ไม่ได้หมายความว่าจ้าวอี้จะโดนหาเจอเสียหน่อย
การแฝงตัวสอดแนมเป็อาชีพเก่าของเขานะ!