ไป๋เซี่ยเหอยกมือขึ้นบีบดั้งจมูกอย่างอดไม่ไหว
ไป๋หว่านหนิงทุ่มเทมากมายปานนี้เพื่อจัดการนาง ทว่าผลลัพธ์นั้น...
“แม่ทัพไป๋หรือ?”
“โอ้โห นั่นคือขุนนางใหญ่เชียวนะ! ไม่รู้ว่าการได้หลับนอนกับคุณหนูตระกูลขุนนางจะมีรสชาติเช่นไร!”
โจรผู้ร้ายรังเกียจบุคคลเช่นไรมากที่สุด?
แน่นอนว่าย่อมเป็ผู้ที่กำจัดคนชั่ว
เพราะนั่นคือศัตรูคู่อาฆาตตามธรรมชาติ
“เหล่าพี่น้อง เอารถม้าไป!”
เมื่อม้าถูกเฆี่ยนอย่างหนักก็ออกวิ่งอีกครั้ง รถม้าสั่นคลอนเสียจนไป๋หว่านหนิงแทบอาเจียนออกมา
เมื่อนางเห็นไป๋เซี่ยเหอมีท่าทีผ่อนคลาย ความโกรธก็ะเิออกมาทันที “เ้าจะปล่อยให้พวกเราถูกพาตัวไปเช่นนี้หรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอแทบจะหัวเราะด้วยความโมโห คนที่ตนเองจ้างมากลับหลุดจากการควบคุมเสียอย่างนั้น แล้วจะโทษนางได้อย่างไร?
“แล้วอย่างไรเล่า?”
“อย่างไรน่ะหรือ?” ใบหน้าของไป๋หว่านหนิงทอแววเกลียดชังออกมา นางคือว่าที่ฮองเฮา จะอยู่ร่วมกับคนชั้นต่ำพรรค์นี้ได้อย่างไร?
แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดเื่ราวถึงไม่เป็ไปตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก ทว่า...
“เ้าต้องดึงความสนใจคนเ่าั้ไว้ แล้วปล่อยให้ข้าหนีไป!”
เมื่อไป๋หว่านหนิงกล่าวจบก็ยื่นมือไปผลักไป๋เซี่ยเหออย่างโเี้ เจตนาคือทำให้อีกฝ่ายหล่นจากรถม้า
แม้ว่านางจะไม่เต็มใจยอมรับ ทว่าใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอนั้นงดงามยิ่งนัก กอปรกับั์ตาจิ้งจอกคู่นั้น เมื่อคลอไปด้วยหยาดน้ำ ทั้งดูอ่อนโยนและมีเสน่ห์
ขอเพียงคนพวกนั้นถูกไป๋เซี่ยเหอดึงดูดความสนใจ นางก็จะหลบหนีได้อย่างราบรื่น
ส่วนไป๋เซี่ยเหอนั้น หากถูกบุรุษพวกนี้ทรมานจนตายก็จะดีที่สุด!
จินตนาการคือสิ่งสวยงาม
ทว่าความจริงแล้ว...
เมื่อถูกผลัก ไป๋เซี่ยเหอก็ดึงมือของไป๋หว่านหนิงเอาไว้ทันทีเพื่อยืมแรงในการพลิกตัว
ไป๋เซี่ยเหอพลิกตัวออกไปทางหน้าต่างบานหลัง ก่อนจะกลิ้งตัวเข้าไปใต้ท้องรถม้าแล้วเกาะไว้แน่น
ทว่าไป๋หว่านหนิงกลับถูกแรงฉุดกระชากของไป๋เซี่ยเหอเหวี่ยงออกไปนอกรถม้าอย่างโเี้
เมื่อม้าแตกตื่นก็พุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
แขนขาทั้งสี่ของไป๋เซี่ยเหอเกาะอยู่ใต้รถม้าที่สั่นคลอนจนแทบเกาะไม่อยู่ แผ่นหลังเสียดสีกับพื้นดิน ความปวดแสบปวดร้อนทำให้นางส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยอย่างอดไม่ไหว
ไป๋หว่านหนิงที่ถูกเหวี่ยงออกไปบังเอิญตกลงบนพื้นหญ้าพอดิบพอดี นางกลิ้งไปมาบนพื้นเพียงไม่กี่รอบเท่านั้น ไม่ได้รับาเ็ใดๆ เลย
ทว่าเสียงกรีดร้องของนางดึงดูดสายตาของกลุ่มโจร
“หัวหน้า ตรงนี้มีผู้หญิงตกลงมาด้วยล่ะ”
ทุกคนจ้องมองสตรีที่ดูงดงามราวกับเทพธิดาด้วยแววตาเป็ประกาย ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น
“หัวหน้า ในรถม้ายังมีอีกคน”
บุรุษนิสัยหยาบคายผู้เป็หัวหน้ามองข้อมือที่ว่างเปล่าของไป๋หว่านหนิง พลางยกมือลูบคาง “นั่นคือผู้ว่าจ้าง ไม่ต้องตามไป!”
ไป๋หว่านหนิงตระหนักว่าผ้าผูกผมสีแดงบนข้อมือของตนหายไปแล้ว
นั่นคือเครื่องยืนยันว่านางเป็ผู้ว่าจ้าง
และเป็สิ่งของที่จะช่วยชีวิตของนางเอาไว้ได้
“ไม่ใช่นะ ข้าต่างหากที่เป็ผู้ว่าจ้าง พวกเ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าต่างหากที่เป็ผู้ว่าจ้าง”
ไป๋หว่านหนิงกรีดร้องเสียงแหลม มือของนางหยิบโคลนบนพื้นขว้างออกไป มันบังเอิญโดนตาของหัวหน้าโจรพอดิบพอดี
“อ้าวนางแพศยา กล้าดีอย่างไรถึงทำให้ดวงตาของบิดาาเ็? ต้องชดเชยให้บิดาดีๆ เสียแล้ว!”
คนผู้หนึ่งพุ่งตรงไปหาไป๋หว่านหนิงพร้อมรอยยิ้มกว้าง มองเห็นฟันสีเหลืองอ๋อยเต็มปาก กลิ่นหัวหอม กระเทียม และกุยช่ายฉุนขึ้นจมูกเสียจนไป๋หว่านหนิงแทบจะเป็ลม
“สาวน้อย มือเท้าของข้าหยาบกระด้าง หากไม่อยากเจ็บตัวมากนักก็เชื่อฟังหน่อย”
เมื่อพูดจบ เขาก็อุ้มร่างเพรียวบางของไป๋หว่านหนิงขึ้นพาดบ่าแล้วจากไป
“ขออภัยด้วย ข้าผิดไปแล้ว เื่ตาของเ้าข้าจะให้เงินเ้าไปหาหมอ เ้าจะเอาเงินเท่าไรก็ย่อมได้ จวนของข้ามีเงิน พวกเ้าอยากได้เงินเท่าไรข้าจะให้ทั้งหมด พวกเ้าได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด”
รถม้าวิ่งไปนานเพียงใดไม่รู้ ก่อนจะหยุดลงที่ริมลำธารเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ไป๋เซี่ยเหอถือโอกาสที่ม้าดื่มน้ำปล่อยมือจากใต้ท้องรถม้า ทำให้ร่างของนางกระแทกลงบนพื้นดิน
นางรู้สึกเ็ปอย่างรุนแรงบริเวณแผ่นหลัง
นางกัดฟันมุดออกมาจากใต้ท้องรถ
เดิมทีโจรเหล่านี้ไม่ได้เป็ภัยคุกคามสำหรับนางเลยด้วยซ้ำ ทว่านางไม่้าเผยความสามารถที่แท้จริงของตนเองต่อหน้าไป๋หว่านหนิง
ถึงอย่างไรไป๋หว่านหนิงก็คุ้นเคยกับเ้าของร่างอย่างยิ่ง และรู้ว่าเ้าของร่างไม่มีวรยุทธ์ใดๆ
หากนางเผยวรยุทธ์ที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้นและดูแปลกประหลาดออกมา เกรงว่าหากผู้คนรู้ นางจะถูกมองว่าเป็ปีศาจ
จะว่าไปแล้ว...
ดูเหมือนนางจะไม่ได้แตกต่างอะไรกับปีศาจเหมือนกัน
ตอนนี้แม้แต่นางก็ไม่อาจระบุได้ว่าตนเองเป็มนุษย์หรือสัตว์กันแน่
ไป๋เซี่ยเหอนั่งมองมือทั้งสองข้างของตนที่ริมลำธาร เล็บของนางหักทุกนิ้ว กระทั่งเล็บที่นิ้วนางข้างซ้ายก็หลุดออกไปจนเืสดๆ ไหลริน
สตรีในยุคนี้ล้วนแล้วแต่ทะนุถนอมเล็บของตนเอง แม้ว่าจะยากจนข้นแค้นเพียงใดก็จะต้องทาเล็บ ต่อให้จะใช้สีราคาถูกก็ตาม
เสียดายเล็บที่เ้าของร่างอุตส่าห์ดูแลรักษาเป็อย่างดี...
ซี้ด!
เจ็บจริงๆ!
หลังจากไป๋เซี่ยเหอล้างคราบเืและโคลนที่มือเรียบร้อยแล้ว นางก็ฉีกผ้าบริเวณชายกระโปรงมาพันแผล
ส่วนแผ่นหลัง...
นางทำได้เพียงมองภาพแผ่นหลังอันน่าเวทนาเกินกว่าจะทนดูได้จากเงาสะท้อนของผิวน้ำ
เสื้อผ้าฉีกขาดเป็บริเวณกว้าง มีเศษผ้าปะปนอยู่ในเืและาแ
หืม?
ไป๋เซี่ยเหอก้มศีรษะลง มองเห็นผ้าผูกผมสีแดงบนรองเท้าของตน
จากนั้นก็ยิ้มหยันในใจไม่หยุด
นี่นับว่าทำชั่วได้ชั่วหรือไม่?
จู่ๆ ผ้าผูกผมสีแดงที่เป็เครื่องยืนยันถึงผู้ว่าจ้างบนข้อมือของไป๋หว่านหนิงก็มาหล่นอยู่บนรองเท้าของนาง
ไป๋หว่านหนิงเอ๋ยไป๋หว่านหนิง
เ้าตายเพราะทำตัวเองแท้ๆ!
“อายุยังน้อย แต่จิตใจกลับโเี้นัก”
หัวใจของไป๋เซี่ยเหอสั่นสะท้านทันที นางเงยหน้ามอง
บุรุษในชุดคลุมยาวสีดำ เส้นผมสีดำขลับรวบขึ้นสูงอย่างเรียบร้อย สวมกวาน[1]อันวิจิตรงดงาม ใบหน้าหล่อเหลา เขาเอนกายอยู่บนกิ่งไม้ แม้ว่าจะมีท่าทีเกียจคร้าน ทว่ากลิ่นอายที่สง่างามและสูงส่งกลับแผ่ออกมาทั่วสรรพางค์กาย
ถ้าไม่ใช่ฮั่วเยี่ยนไหวแล้วจะเป็ผู้ใด?
เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
“คิดไม่ถึงว่าข้าเพียงออกมาพักผ่อนหย่อนใจ ก็ได้เห็นละครฉากใหญ่เสียอย่างนั้น”
ขณะที่เขากล่าวก็ปรบมือไปด้วย
“คุณหนูใหญ่สกุลไป๋ทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาเสียจริง”
จู่ๆ ไป๋เซี่ยเหอก็ได้สติกลับมาว่า ตอนนี้ตนเองคือไป๋เซี่ยเหอไม่ใช่จิ้งจอกน้อย ฮั่วเยี่ยนไหวไม่รู้จักนาง
“ข้าเองก็เช่นกัน” ไป๋เซี่ยเหอหันหน้าไปอีกทาง พลางคิดว่าตนเองจะทำความสะอาดแผลที่หลังอย่างไรดี
“เห็นสตรีสวมใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ไม่เพียงแต่ไม่หลบ กลับยังนอนหมอบเพื่อถ้ำมองอยู่บนต้นไม้ เซ่อเจิ้งอ๋องเองก็ทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาเช่นเดียวกัน”
ฮั่วเยี่ยนไหวมองไป๋เซี่ยเหอที่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาชุบน้ำก่อนจะเช็ดที่าแด้วยสายตาเ็า เขามุ่นคิ้ว าแสาหัสปานนี้ นึกไม่ถึงว่าแม่นางน้อยผู้หนึ่งจะไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ
เื่นี้ทำให้เขารู้สึกนับถือ
ฮั่วเยี่ยนไหวลงมายืนบนพื้นด้วยการตีลังกา ก่อนจะใช้แถบผ้าสีดำปิดตา
“ข้าช่วย”
ไป๋เซี่ยเหอช้อนตาขึ้นมอง ก่อนจะหัวเราะและกล่าวออกมาด้วยความโมโห “ท่านปิดตา แต่กลับบอกว่าจะช่วยข้าล้างแผลอย่างนั้นหรือ? มิสู้บอกว่าสาดเกลือบนแผลของข้าจะสมจริงยิ่งกว่า”
“เช่นนั้นเ้าคิดจะทำอย่างไร?”
ไป๋เซี่ยเหอพยายามยื่นมือออกไปเช็ดาแที่หลังอยู่สักพัก จากนั้นนางก็ถอดใจ
นางจนปัญญาที่จะล้างแผลที่หลังของตนเอง
นางยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ฮั่วเยี่ยนไหว จากนั้นดึงแถบผ้าสีดำที่ปิดตาของเขาลงมา
“เรียบร้อย ตอนนี้เ้าก็ช่วยข้าได้แล้ว”
------------------------
[1] กวาน หมายถึง เครื่องประดับครอบศีรษะเพื่อบ่งบอกฐานันดรในสมัยโบราณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้