“โอ้โห ใหญ่มากอ่ะ” เห็นชายหัวล้านถอดกางเกงในพงหญ้า จ้าวกันร้องออกมาอย่างอดไม่ได้
ชายหัวล้านหน้าแดง แต่เมื่อได้ยินจ้าวกันชมว่าน้องชายของเขาใหญ่ เขาก็อดที่จะภูมิใจไม่ได้ ใครจะรู้ว่าฉินหลางจะพูดแทรกขึ้น “แน่นอนอยู่แล้วสิ เมื่อกี้กระแทกโดนทำให้เืค้าง บวมเื ใหญ่กว่าปกติสามถึงห้าเท่า ก็ต้องใหญ่อยู่แล้วสิ
“ปกติแล้วมีแค่หนึ่งในห้าเหรอ? งั้นก็อืม…ใหญ่ประมาณนิ้วกลาง?” จ้าวกันยืนทำท่าอยู่ข้างๆ
“ดูไปแล้วคุณโดนกระแทกหนักพอสมควรเลยนะ” ฉินหลางหยิบเข็มเงินออกมา ทิ่มไปที่ข้างๆ น้องชายของชายหัวล้านหนึ่งที
“โอย!” ชายหัวล้านร้องเบาๆ แล้วใบหน้าที่เ็ปก็เปลี่ยนเป็สงสัยทันที “เอ๊ะ ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว อย่าบอกนะว่าหายแล้ว? น้องชาย เธอนี่เก่งจริงๆ เลย ลงมือปุ๊บก็หายเจ็บในทันที”
“อันนี้…ดูเหมือนว่าคุณจะดีใจเร็วไปหน่อย” ฉินหลางส่ายหน้าพลางกล่าว “ผมแค่ใช้ยาชาทำให้บริเวณดังกล่าวของคุณไม่มีความรู้สึก ให้คุณรู้สึกไม่เจ็บชั่วคราว อย่างน้อย สามารถทำให้คุณทนจนไปถึงโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาได้โดยไม่มีปัญหา”
พูดจบ ฉินหลางทิ้งเข็มเงินลงในถังขยะ ก่อนจะหันกลับไปบอกชายหัวล้าน “ปัญหาของคุณ บางทีโรงพยาบาลก็อาจแก้ไขไม่ได้ ถึงตอนนั้นถ้าคุณ้า ค่อยติดต่อผม”
“ไม่ว่ายังไง ขอบคุณเธอมากนะน้องชาย” ชายหัวล้านกุมมือฉินหลางไว้อย่างสนิทสนม ทำให้รู้สึกได้ถึงความจริงใจ
“ไม่ต้องขอบคุณ—รองนายกเทศมนตรีหวู” คำนี้ฉินหลางพูดเบามากๆ จ้าวกันน่าจะไม่ได้ยิน แต่เพราะคำพูดนี้ ทำให้ชายหัวล้านอกสั่นขวัญแขวน เพราะฉินหลางรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว
ตอนแรกหวูเหวินเซี่ยงคิดว่าเด็กหนุ่มสองคนตรงหน้าไม่ว่าเขาเป็ใคร เพราะยังไงเสียตรงนี้ก็ทั้งมืดทั้งไม่มีไฟ มีเพียงแสงรำไร และในเมืองเซี่ยหยางก็มีชายหัวล้านมากพอๆ กับปูปลาในแม่น้ำ เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เด็กหนุ่มคนนี้ดันบังเอิญรู้จักเขาพอดี!
“น้องชาย ต้องขอบคุณเธอจริงๆ นะ เพียงแต่ ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่” น้ำเสียงของหวูเหวินเซี่ยง อบอุ่นพอๆ กับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ ดูไปแล้วรากฐานทางการเมืองของเ้าหมอนี่มั่นคงกว่าคนธรรมดามากจริงๆ
“เมื่อวานผมเจอคุณที่หน้าประตูโรงเรียนชีจง ตอนนั้นเสียงกลองดังก้องฟ้า นักเรียนเข้าแถวรับกันด้วยความอบอุ่นมากขนาดนั้น…” ฉินหลางยิ้มจางๆ ที่มุมปาก “แต่ในเมื่อคุณจำไม่ได้ งั้นวันนี้เราสองคนลาก่อนนะครับ”
“ลาก่อน” ชายหัวล้านทำเป็นิ่งเฉย มองดูฉินหลางกับจ้าวกันจากไป ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็ครุ่นคิด
ผ่านไปสักพัก รถเก๋งสีดำคันหนึ่งขับมาจอดริมขอบถนนข้างกายชายหัวล้าน เด็กหนุ่มที่เป็คนขับรถรีบเดินมาเปิดประตูรถ พูดกับชายหัวล้านด้วยความนอบน้อมว่า “รองนายกเทศมนตรีหวู จะไปไหนครับ?”
“โรงพยาบาลซื่อเหยินหมิน! เร็วๆ หน่อย!” เื่ที่เกี่ยวกับน้องชายตัวเอง ชายหัวล้านย่อมต้องรีบร้อนเป็ธรรมดา
และเวลานี้ จ้าวกันและฉินหลางกำลังเดินไปตามเขื่อนลู่หลิ่วของเกาะกรีนซานเจียง จ้าวกันเขย่าแชมเปญที่เหลือเพียงครึ่งขวดในมือ ด่าขึ้น “บัดซบ! นี่แหละชีวิตคน ก็คือชีวิตของฉัน! ฉันนี่มันใฝ่ต่ำ ถึงได้เอาผู้หญิงที่ออกมาขายตัวมาบูชาอย่างกับเป็เทพธิดานางฟ้า ฉันยังเขียนจดหมายรัก เขียนกลอนรักให้เธอ ฉันนี่มันปัญญาอ่อนจริงๆ เลย!…”
“ขอร้องล่ะ จ้าวกัน! นายทำตัวให้เหมือนลูกผู้ชายหน่อยได้ไหม!” ฉินหลางพูดขึ้นกับจ้าวกัน “มีเื่บางเื่ ไม่ใช่แบบที่เห็นมันมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านั้น! แล้วอีกอย่าง ผู้หญิงที่ชื่อ ‘เยี้ยหยี’ เธอพูดถูก นายเองก็ไม่ได้เป็คนดีอะไร ไม่งั้นวันนี้นายก็คงไม่มาที่นี่”
“ถูก! เพราะฉะนั้นฉันมันเป็คนใฝ่ต่ำ!” จ้าวกันเอามือขึ้นมาตบหน้าตัวเองแรงๆ “ฉันจะต้องจำบทเรียนครั้งนี้เอาไว้ ต่อแต่นี้ไป ฉันแม่งจะไม่เชื่อความรักอะไรนั่นอีกแล้ว ฉันนี่มันโง่จริงๆ เลย!”
ฉินหลางส่ายหน้า “นายก็อย่าเพิ่งสุดโต่ง ฉันถามนายนะ ถ้าหากโจวหลิงหลิงเขาทำไปเพราะไม่มีทางเลือกล่ะ?”
“ไม่มีทางเลือกเหรอ?” จ้าวกันสบถออกมา “แม่งเถอะ สาวๆ ทุกคนล้วนแต่บอกว่าตัวเองทำไปเพราะไม่มีทางเลือก นี่มันแม่งยุคสมัยไหนแล้ววะ นายคิดว่าผู้หญิงทุกคนที่ออกมาขายตัวทำไปเพราะพ่อตาย ไม่มีเงินฝังพ่อ เลยต้องขายตัว เพื่อเอาเงินไปฝังพ่องั้นเหรอ หรือเพื่อส่งตัวเองเรียน หรือว่าซื้อ ‘Iphone’ ? โห!”
จ้าวกันซดแชมเปญที่เหลือขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด จากนั้นโยนขวดเข้าไปในเขื่อนแรงๆ
ผ่านไปราวๆ 10 นาที จ้าวกันที่คลุ้มคลั่งก็ได้เมาจนหมดสติไป ฉินหลางโบกรถแท็กซี่หนึ่งคัน นำตัวจ้าวกันกลับมาที่โรงเรียน
จ้าวกันหลับยาวจนถึงเช้า ขนาดทบทวนบทเรียนตอนเช้าเขายังไม่ไปเลย
ฉินหลางรู้ว่าเขา้าเวลาเยียวยารักษาแผลใจ จึงไม่ได้ยุ่งวุ่นวายกับเขา แล้วอีกอย่างตอนนี้ฉินหลางก็จำเป็ต้องหาเบาะแสให้ได้ สืบหาความผิดต่างๆ ที่อันเต๋อเซิ่งทำอยู่ให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยคิดแผนการจัดการเขา จะได้เอาชนะเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนเข้าคลาสทบทวนบทเรียนตอนเช้า ฉินหลางก็ครุ่นคิดแต่เื่นี้ จากเบาะแสที่ได้มาจากบิวตี้คลับเมื่อวานนี้ แน่ใจได้ว่าบิวตี้คลับเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ค้าประเวณีเด็กนักเรียนมัธยมสาว แต่อันเต๋อเซิ่งเป็คนที่ค่อนข้างเ้าเล่ห์มาก ไม่เพียงแต่มีอิทธิพลทั้งขาว (ถูกกฎหมาย) และดำ (ผิดกฎหมาย) แล้ว ยังเป็คนที่ระมัดระวังตัวมาก ยกตัวอย่างบิวตี้คลับที่เบื้องหน้านั่งดริ๊งก์เพียงอย่างเดียวไม่ได้มีบริการบนเตียง ดูเผินๆ แล้วเหมือนเป็การตกลงกันระหว่างลูกค้ากับสาวๆ นอกจากนี้ สำหรับเด็กนักเรียนที่มาให้บริการ พวกเขาก็ควบคุมด้วยความระมัดระวังมากขึ้น อย่างน้อยๆ ตอนที่ตำรวจเข้าตรวจค้น จะไม่เจออะไรแน่นอน
เพราะฉะนั้น จะจัดการอันเต๋อเซิ่ง ฉินหลางจะหวังเพิ่งตำรวจ กฎหมายและคำพิพากษาอย่างเป็ธรรมไม่ได้ เขาจะต้องพึ่งตัวเองรวบข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดเท่านั้น ยังไม่ลงมือเพื่อรอโอกาส เมื่อทุกอย่างพร้อมค่อยลงมือครั้งเดียวเอาชนะอันเต๋อเซิ่งได้เลย ทำให้ชื่อเสียงเขากลายเป็ชื่อเสีย และทำให้เขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มี!
“นักเรียนที่นั่งอยู่แถวสุดท้าย—นักเรียนที่เพิ่งย้ายมาใหม่! ในเมื่อเธอไม่อยากฟัง ก็เชิญเธอออกไปยืนข้างนอกห้องเรียน!”
ตอนที่ฉินหลางกำลังคิดวิธีจัดการกับอันเต๋อเซิ่งนั้น ไม่คิดว่าอาจารย์ชีววิทยาจะหมดความอดทนกับเขา แล้ว “ลงมือจัดการ” กับเขาเลย
สำหรับอาจารย์ ฉินหลางยังมีความเคารพให้อยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้แก้ตัวอะไร ลุกเดินออกมาข้างนอกห้องเรียน ทว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่หน้าห้องเรียนเพื่อรับการลงโทษ กลับเดินออกไปจากอาคารเลย เพราะอาจารย์บอกเพียงให้เขาออกไปยืนข้างนอกห้องเรียน แต่ไม่ได้บอกว่าให้ไปยืนอยู่ตรงจุดไหนของด้านนอกสักหน่อย
สำหรับฉินหลาง ยืนอยู่ในสวนดอกไม้ข้างอาคารเรียน ก็ยังอยู่ในขอบเขตของคำว่า “ข้างนอกห้องเรียน” อยู่ดี ที่ตรงนี้ยังทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งจะได้คิดอะไรออกได้มากขึ้นด้วย
เห็นได้ชัดว่าการกระทำของฉินหลางได้ทำให้อาจารย์ชีวะสาวคนนี้โกรธ แต่เธอไม่ได้แสดงออกมา เพราะเธอคิดว่าไม่มีความจำเป็ที่จะต้องมาเสียเวลากับนักเรียนที่เป็ดั่ง “แกะดำในฝูงแกะขาว”
ตอนนี้กำลังอยู่ในเวลาเรียน ดังนั้นสวนดอกไม้ข้างอาคารเรียนจึงดูสวยสง่าและเงียบสงบมาก สายลมจางๆ ที่มากระทบกับใบหน้า ได้นำกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้แผนการในสมองของฉินหลางเริ่มเป็รูปเป็ร่างมากขึ้น
ทันใดนั้น! ฉินหลางเห็นเงาสีฟ้าร่วงลงมาจากดาดฟ้าอาคารคณิตศาสตร์พุ่งลงมาด้วยความเร็วราวกับเหาะ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็ว่าวที่สายขาดแล้วร่วงลงมา แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ เพราะว่าวคงไม่ได้ตกลงมาเร็วขนาดนี้แน่ นั่นมันคนชัดๆ
เงาสีฟ้าตกลงมากระทบพื้นในพงหญ้าด้านหน้าอาคารคณิตศาสตร์ พร้อมกับเสียงกรีดร้อง เืสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ มองจากมุมที่ฉินหลางยืนอยู่ ดูคล้ายดอกไม้ประหลาดสีแดง แต่นั่นคือชีวิตที่กำลังหมดไปเรื่อยๆ ของหญิงสาว ที่ตอนนี้ดูคล้ายผีเสื้อสีฟ้าตัวหนึ่งที่นอนห่อตัวอยู่ตรงกลางดอกไม้สีแดง
ฉินหลางรู้สึกเหมือนสมองตัวเองโดนะเิยังไงอย่างนั้น รู้สึกเหมือนทุกอย่างต่างหยุดนิ่งไป แต่ในขณะนั้นเอง ความคิดของฉินหลางได้เอาชนะสัญชาตญาณของร่างกาย กลับมามีสติอย่างรวดเร็ว จากนั้นวิ่งด้วยความเร็วที่ตัวเขาเองก็ยังคาดไม่ถึง เพียงเวลาไม่ถึงสองวินาทีเขาก็วิ่งผ่านระยะเกือบ 20 เมตร มาอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่ะโตึก—
เขาไม่สามารถมองดูชีวิตที่ยังอ่อนเยาว์นั้นหายวับไปกับตาได้!