ถึงแม้ผู้หญิงที่ะโตึกจะไม่ได้หล่นลงพื้นปูนโดยตรง พงหญ้าและสนามหญ้าช่วยให้แรงกระแทกน้อยลง แต่สภาพของเธอก็ยังไม่พ้นขีดอันตรายอยู่ดี การกระแทกอย่างรุนแรงกับเสียเืมาก ก็เพียงพอที่จะจบชีวิตเธอได้ทุกเมื่อแล้ว
ฉินหลางรู้จักหญิงสาวคนดังกล่าว และพวกเขาเพิ่งจะได้รู้จักกันเมื่อวานนี้เอง หญิงสาวคนนี้ก็คือโจวหลิงหลิง! เขาสวมชุดนักเรียนมาฆ่าตัวตายที่นี่ โจวหลิงหลิงเองก็น่าจะรู้ตัวว่าเธอใกล้จะไม่ไหวแล้ว เธอลืมตากว้างมาก ริมฝีปากขยับเล็กน้อย เหมือนพยายามจะพูดอะไรกับฉินหลาง แต่ด้วยความที่เธอได้รับาเ็มากจนเกินไป จึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้
แต่ฉินหลางดูออกจากแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากมีชีวิตที่แสดงออกมาโดยสัญชาตญาณ บางทีการฆ่าตัวตายอาจจะเป็เพียงความคิดชั่ววูบของเธอเท่านั้น
“วางใจเถอะ เธอไม่ตายหรอก ฉันรับรอง!” ฉินหลางไม่ได้เลือกที่จะโทรเรียกรถฉุกเฉิน แต่กลับนำยาสีแดงเม็ดหนึ่งป้อนเข้าไปในปากของเธอ นี่คือยา “ยาสารพัดพิษคืนชีวิต” ที่ตาเฒ่าพิษให้เขามา เป็ยาที่สามารถช่วยชีวิตได้อย่างแท้จริง! ซึ่งฉินหลางเองก็มีเพียงสามเม็ดเท่านั้น
ในขณะที่ฉินหลางกำลังป้อนยาเธอนั่นเอง ครูและนักเรียนจำนวนมากที่กำลังเรียนกันอยู่วิ่งออกมาดูเหตุการณ์ ม.6 ห้อง 11 เองก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้อาจารย์ชีววิทยาจะพยายามห้ามยังไงก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี
จำนวนคู่ของสายตาที่มากจนนับไม่ถ้วน กำลังมองดูฉินหลางและโจวหลิงหลิงที่นอนจมอยู่ในกองเื นักเรียนเริ่มนำไปพูดคุยกันแล้ว
คณะครูอาจารย์รีบหาวิธีรักษาความเรียบร้อย ไม่ให้นักเรียนคนอื่นเข้าใกล้ฉินหลางและโจวหลิงหลิง
แน่นอนว่าได้มีคนโทรเรียกรถฉุกเฉินแล้ว แต่ยังไม่มีใครแจ้งความ
ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของฉินหลางจับจ้องอยู่บนตัวโจวหลิงหลิง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีผู้คนจำนวนมากมุงดูเหตุการณ์แล้วทั่วทุกด้าน ยังโชคดี ยาที่เขาได้ให้โจวหลิงหลิงกินไปก่อนหน้านี้มีประสิทธิภาพมาก เืที่ไหลออกจากาแทั่วทั้งร่างกายเธอ ได้ลดน้อยลงและไหลช้าลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้แม้ว่ายังหายใจแ่เบาอยู่ แต่ได้เริ่มสม่ำเสมอมากขึ้นแล้ว
ฉินหลางเริ่มโล่งใจ เมื่อได้ยินเสียงไซเรนรถฉุกเฉินดังขึ้นข้างหู ดูเหมือนว่าโจวหลิงหลิงจะสามารถอดทนต่อไปได้แล้ว
เมื่อมั่นใจว่าโจวหลิงหลิงไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว ฉินหลางจึงได้เริ่มกระจายความสนใจไปรอบข้าง ตอนนี้เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ารอบด้านมาคนมามุงดูอยู่มากมายขนาดนี้
ฉินหลางลุกขึ้นยืน ก่อนจะยิ้มจางๆ เตรียมพร้อมที่จะรับคำชื่นชมจากคณะครูและนักเรียน การกระทำของเขาวันนี้ถือว่าเป็การกระทำที่มีคุณธรรมและกล้าหาญ ทำเื่ที่วิเศษมากอย่างหนึ่ง หรือต่อให้ไม่ได้รับรางวัลจากการกระทำที่มีคุณธรรมและกล้าหาญ อย่างน้อยที่สุดก็ได้ขึ้นหนังสือพิมพ์โรงเรียน เพื่อให้ทุกคนได้เห็นโฉมหน้าแล้ว
ในขณะที่ที่ฉินหลางกำลังฝันกลางวันอยู่นั่นเอง รปภ. โรงเรียนสองคนวิ่งพุ่งเข้ามา จับเขากดไว้กับพื้น
จากนั้นฉินหลางสังเกตเห็นสายตาของนักเรียนที่มุงดูกันอยู่ ไม่ใช่สายตาที่ยกย่องและชื่นชม แต่เป็สายตาดูถูกและไม่สบอารมณ์ นอกจากนี้เขายังได้ยิน “สัตว์” “เดรัจฉาน” “สารเลว” คำพูดเหล่านี้อย่างชัดเจน และยังมีคนที่ถ่มน้ำลายใส่เขาอีกต่างหาก
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ในขณะโจวหลิงหลิงถูกยกขึ้นรถฉุกเฉินนั้น ฉินหลางก็โดนผลักขึ้นรถตำรวจไปพร้อมกับอาการมึนงง
※※※
ปึง!
ฝ่ามือที่มั่นคงและทรงพลังตบลงบนโต๊ะหน้าฉินหลางอย่างแรง ตำรวจวัยกลางคนที่มีหน้าตาดุร้าย เกลียดความชั่วร้ายเข้าไส้จ้องฉินหลางตาเขม็งพร้อมกับกล่าวขึ้น “รีบรับสารภาพ! ยั่วโมโหบิดามากๆ เดี๋ยวเธอจะได้เจอดีแน่!”
ฉินหลางโดนจับมาสถานีตำรวจด้วยอาการมึนงง แล้วทีนี้ยังจะให้เขาสารภาพอีก นั่นยิ่งทำให้เขามึนงงมากขึ้นกว่าเดิม การเป็คนที่มีคุณธรรมและความกล้าหาญ ทำไมถึงต้องมารับกรรมเหมือนเป็นักโทษและผู้ต้องหาแบบนี้ด้วย?
“คุณลุงตำรวจครับ คุณจะให้ผมสารภาพอะไร?” ฉินหลางพยายามทำความเข้าใจ
“ยังไม่พูดความจริงอีก!”
ตำรวจตบโต๊ะแรงๆ อีกครั้ง “เ้าอันธพาลเด็ก แกมาทำเป็ไร้เดียงสาต่อหน้าฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอก! ใครๆ ก็รู้ว่าฉัน หลิวชวนเหล่ยหน้าเหล็กเที่ยงธรรมและเสียสละมากแค่ไหน ลูกสาวฉันก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนชีจงเหมือนกัน พวกเศษมนุษย์ที่เลวยิ่งกว่าเดรัจฉานอย่างแก ก็สมควรที่จะไปกินข้าวแดงอยู่ในคุก รีบสารภาพมา อย่าให้บิดาต้องเหลืออด ไม่งั้นเดี๋ยวแกได้เจ็บตัวแน่!”
“ไม่ใช่—นี่ลุงตำรวจ คุณจะให้ผมสารภาพอะไร ในเมื่อผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องสารภาพอะไร” บนใบหน้าของฉินหลางเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ “ผู้หญิงคนหนึ่งะโลงมาจากบนตึก ผมแค่อยากไปช่วยเธอ ก็แค่นี้เอง”
“แกไปช่วยเธอ?”
ตำรวจวัยกลางคนสบถออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ “ฉันว่าแกกำลังหลอกลวงเราอยู่—หลอกผีรึไง! ไอ้หนู ฉันจะบอกแกให้ พวกไม่มีความรู้แล้วยังไม่ตั้งใจเรียน นักเลงเถื่อนๆ อันธพาลเถื่อนๆ แบบแกเนี่ยฉันเห็นมาเยอะละ แต่ตกมาอยู่ในมือฉัน ไม่มีใครปากแข็งได้นานหรอก!”
“คุณจะเอายังไง?” ฉินหลางเริ่มโมโหแล้ว “อย่าบอกนะว่านายยังจะใช้ความรุนแรง? บังคับให้รับ?"
“วางใจได้ ฉันเป็สมาชิกของพรรคมานาน และก็เป็ตำรวจมานานด้วย ไม่ทำเื่ที่ละเมิด ผิดวินัยแบบนี้หรอก เพียงแต่ ก่อนที่ฉันจะเลิกงานวันนี้ ถ้านายยังไม่ให้คำตอบที่ฉันพอใจแล้วล่ะก็ นายคงต้องไปนอนในตารางแล้ว นายอาจจะยังไม่เคยไปนั่งในนั้นมาก่อน แต่บอกได้เลยว่าแต่ละวันในนั้นเหมือนเป็ปี ก็ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด!” ในคำพูดของตำรวจวัยกลางคนนั้นมีการข่มขู่ที่แอบแฝงมาด้วย
“ผมพูดไปแล้ว ผมแค่อยากจะไปช่วยเธอเท่านั้น” ฉินหลางไม่มีทางยอมรับความผิดที่ไม่ได้ก่อแน่นอน
“จริงเหรอ?” ตำรวจวัยกลางคนยิ้มเย็นๆ “ทำไมนายต้องช่วยเธอ? นายเป็คนแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุ นายได้โทรเรียกรถฉุกเฉินรึเปล่า? ได้แจ้งความรึเปล่า? แต่ดูเหมือนว่า เรามีพยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่านายป้อนยาอะไรบางอย่างใส่ปากของเธอ ทว่าไม่มีใครทราบว่าเธอป้อนยาอะไร นายไม่ได้เป็หมอ ป้อนยาขณะที่อยู่ในเหตุการณ์แบบนี้เนี่ยนะ นายมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แค่นั้นก็เห็นได้ชัดเจนมากแล้ว!”
“คุณสงสัยว่าผม้าที่จะฆ่าเธอ?” ฉินหลางโกรธมากจนหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “ผมเป็เพื่อนร่วมห้องกับเธอ ไม่ได้โกรธหรือมีความเกลียดแค้นใดๆ กับเธอ แล้วอะไรเป็แรงจูงใจที่ทำให้ผมฆ่าเธอล่ะ??”
ฉินหลางค่อยๆ เข้าใจ ความคิดชั่ววูบของเขาก่อนหน้านี้ ได้สร้างปัญหาให้ตัวเองไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าให้เขากลับไปตัดสินใจใหม่อีกครั้ง เขาก็ยังคงจะทำเช่นเดิมอยู่ดี
“อันนี้—ก็ต้องให้เธอเป็คนบอกฉันแล้วล่ะ” ตำรวจวัยกลางคนก้มดูนาฬิกาข้อมือหลายครั้ง “เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งฉันจะเลิกงาน ก่อนถึงตอนนั้น นายสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ค้างคืนที่นี่ หรือจะไปค้างคืนในห้องขังห้องละ 8 คนของโรงพัก!”
เห็นได้ชัดว่าตำรวจวัยกลางคนมีประสบการณ์มากมายในการสอบปากคำ เขารู้ว่าจะทำให้เด็กหนุ่มวัยรุ่นปริปากพูดความจริง คนที่อยู่ในศูนย์กักกัน และในเรือนจำเป็คนยังไง เขาไม่จำเป็ที่จะต้องอธิบายโดยละเอียดก็ได้ วัยรุ่นสมัยนี้รู้กันตั้งนานแล้ว จากละครในทีวีว่าในสถานที่พวกนี้คุมขังคนแบบไหนเอาไว้ คนพวกนี้มีความชอบที่โรคจิตกันมากขนาดไหน และเมื่อบวกกับการ “แต่งแต้มสีของภาพยนตร์” เข้าไปแล้วด้วย นั่นยิ่งทำให้ศูนย์กักกัน เรือนจำ สถานที่เหล่านี้ ล้วนถูกผู้คนมองว่าเป็นรกบนดินกันไปตั้งนานแล้ว
ปึง!
ประตูห้องสอบปากคำถูกปิดลงอย่างแรง
ตอนนี้ฉินหลางสงบลงมากแล้ว เขาเริ่มวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ในวินาทีที่โจวหลิงหลิงะโลงมาจากอาคารนั้นฉินหลางไม่ทันจะได้คิดด้วยซ้ำว่า ที่เธอพลัดตกลงมาจากอาคารเพราะอุบัติเหตุ หรือเป็การะโตึกฆ่าตัวตาย แต่ตอนนี้มาคิดอย่างละเอียดดูแล้ว ข้อหลังน่าจะเป็ไปได้มากกว่า และตอนแรกนักเรียนที่มาล้อมดูเหตุการณ์ดูถูกเขาแบบนั้น น่าจะเป็เพราะคิดว่าเขาเกี่ยวข้องกับสาเหตุการณ์ะโตึกของโจวหลิงหลิงโดยตรงหรือไม่ก็ทางอ้อมแน่นอน และเห็นได้ชัดว่าตำรวจก็คิดเช่นนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
คิดไม่ถึงเลยว่า ้าที่จะช่วยคนด้วยความปรารถนาดี แต่กลับต้องมารับเคราะห์ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ
แต่เมื่อนึกถึงแววตาที่กำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าสงสารของโจวหลิงหลิง ฉินหลางก็ยังคงไม่เสียใจกับการกระทำของตนอยู่ดี
ถึงแม้ว่าตัวเองจะเดือดร้อนอยู่บ้าง แต่ถ้ามันจะสามารถช่วยชีวิตโจวหลิงหลิงไว้ได้ มันก็คุ้มค่าที่จะทำ
แต่ไม่รู้ว่า จะต้องทำยังไงถึงจะพ้นข้อกล่าวหาได้?
จากหลักฐานที่มีปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่ามันไม่เป็ผลดีกับฉินหลางเลย
เขาครุ่นคิดอย่างละเอียด ถ้าอยากจะลบล้างข้อกล่าวหา บางทีคงหวังได้แค่ โจวหลิงหลิงกลับมาแข็งแรงอีกครั้งแล้วแหละ
แต่เห็นได้ชัดว่ามันต้องใช้เวลา ไม่ใช่เื่ของวันสองวันแน่นอน
ผ่านไปไม่นานนัก พ่อแม่ของฉินหลางก็ได้มาถึงสถานีตำรวจ และได้รับการยินยอมให้เข้าเยี่ยมได้แล้วด้วย
ตำรวจวัยกลางคืนดึงประตูห้องสอบสวนเปิดออก กล่าวขึ้นกับพ่อแม่ของฉินหลาง “เป็พ่อเป็แม่คน สั่งสอนลูกชายตัวเองให้ดีๆ หน่อยเถอะ เพราะถึงยังไงพวกคุณสองคนก็เป็คนที่มีความรู้—ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่เกิดประโยชน์แล้ว ให้ลูกชายคุณรีบรับสารภาพเถอะ พยายามขอการผ่อนปรน—”
“ผ่อนปรนหัวมารดาสิ!”
แม่ของฉินหลางเดือดขึ้นมากะทันหัน ไม่เพียงสยบตำรวจวัยกลางคนไว้ได้แล้ว ก็ยังสยบฉินหลางไว้ได้ด้วยความตกตะลึงเช่นเดียวกัน ในความทรงจำของเขานั้น แม่เป็สุภาพสตรีที่มีการศึกษา ดูสง่างามและพูดจาสุภาพมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะะเิคำหยาบออกมาเลย มิหนำซ้ำยังเป็การะเิดำหยาบใส่เ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย!