เล่มที่ 8 บทที่ 220 คัมภีร์ปะทะผีดิบร่างเงิน
ภายใต้หมอกควันดำที่ปกคลุมไปทั่วนั้น จู่ๆก็มีคัมภีร์ม้วนหนึ่งค่อยๆกางออกมา คัมภีร์นี้ดูมัวหมองและวังเวงมาก ภายนอกก็มีควันดำแพร่กระจายไม่หยุด บางครั้งยังเห็นดวงไฟปีศาจปรากฏออกมาเลือนรางอีกด้วย น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย
หลังจากคัมภีร์ขนาดเกือบร้อยจ้างปรากฏออกมา รอบด้านก็มีเสียงโหยหวนดังก้องไปทั่วบึงโคลนทันที จากเดิมที่บรรยากาศรอบด้านเงียบสงบ ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ บัดนี้กลับมีแมลงและสัตว์อสูรตัวน้อยหน้าตาแปลกประหลาดผุดขึ้นจากพื้นดินเป็จำนวนมาก พวกมันกำลังหนีตายออกมาจากคัมภีร์นั่นเอง…
ทว่าหลังจากเสียงโหยหวนดังขึ้นแล้ว ต่อให้หนีอย่างไรก็ไม่อาจรอดไปได้ แมลงเ่าั้เมื่อโผล่พ้นดินขึ้นมา ก็ต้องตายทันที…
หลังจากคัมภีร์สีดำกางออก มันก็ค่อยๆปกคลุมผีดิบร่างเงินเอาไว้
และตอนนี้ที่ทุกคนสามารถมองเห็นพลังที่แท้จริงของผีดิบร่างเงิน ก็เพราะว่าเสี้ยววินาทีที่คัมภีร์ปกคลุมนั้น กลิ่นซากศพรอบตัวผีดิบร่างเงินก็พวยพุ่งขึ้นมา ก่อนจะรวมตัวกันอย่างแ่า เมื่อกวาดตามองไปจึงดูคล้ายกับมีรูปร่างจับต้องได้…
“โฮก!”
จู่ๆก็มีเสียงคำรามกึกก้องดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นซากศพของผีดิบร่างเงินที่ะเิออกท่ามกลางบึงโคลนกว้างใหญ่ ก่อนจะรวมตัวกลายเป็กรงเล็บสีดำขนาดั์ พุ่งขึ้นต้านคัมภีร์ที่อยู่เบื้องบน…
พลังอันรุนแรงทั้งสองขุมปะทะกัน ทำให้พื้นดินรอบๆสั่นไหวราวกับถูกเขย่า พลังทั้งสองขุมนี้ถือว่ารุนแรงะเืฟ้าะเืดินเลยทีเดียว ทันใดนั้นทั้งเกาชิว เว่ยฟงและหวังหลงที่เห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับตะลึงจนตาค้าง…
ทว่า…
กรงเล็บั์สีดำที่เกิดจากกลิ่นซากศพก็ไม่อาจต้านทานพลังอันรุนแรงของคัมภีร์ได้ เสียงคำรามของผีดิบร่างเงินค่อยๆแ่เบาลง คัมภีร์ขนาดั์สีดำที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศก็ค่อยๆร่อนลงมา จากร้อยจ้างต่ำลงเหลือสิบจ้าง จากสิบจ้างก็เหลือเพียงสามจ้างเท่านั้น และสุดท้ายก็สามารถกดทับปีศาจขั้นหกเอาไว้ได้ทั้งตัว…
จากนั้นหมอกดำก็แพร่กระจายทั่วบริเวณอีกครั้ง ก่อนจะรวมตัวกันจนกลายเป็แขนสีดำ ค่อยๆลากดึงปีศาจขั้นหกเข้าไปยังส่วนลึกของคัมภีร์…
บัดนี้ปีศาจขั้นหกไม่อาจโต้ตอบได้อีกต่อไป มันได้แต่คำรามกู่ก้องออกมาเท่านั้น กลิ่นซากศพมากมายยังคงแพร่กระจายไปทั่ว ส่วนทั้งตัวของมันก็ราวกับจมอยู่ในบึงโคลน ต่อให้มีพลังกล้าแกร่งเพียงใด ก็ไม่อาจสำแดงออกมา ทำได้เพียงปล่อยให้แขนสีดำฉุดลงไปยังส่วนลึกของคัมภีร์ แล้วก็เลือนหายไปในที่สุด…
หลังจากผีดิบร่างเงินถูกดูดกลืนเข้าไป คัมภีร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ม้วนเก็บดังเดิม ลำแสงมากมายกะพริบไปมา หมอกควันดำที่ปกคลุมก็เริ่มปั่นป่วน กระทั่งเกิดเป็หมอกควันลอยออกมาเป็ระลอก บางครั้งก็ยังมีเงาของกรงเล็บขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาเลือนรางอีกด้วย..
เวลาค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ หมอกควันดำที่อยู่รอบคัมภีร์ก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน บางครั้งก็เห็นเป็อักขระสีดำลึกลับปรากฏขึ้นเลือนราง หมอกควันดำเหล่านี้มีสภาพคล้ายกับสิ่งมีชีวิตก็ว่าได้ เพียงครู่เดียวมันก็จมหายกลับเข้าไปในคัมภีร์ ส่วนลำแสงสีดำบนคัมภีร์ก็เริ่มอ่อนจางลง จนสุดท้ายเมื่อควันดำทั้งหมดลอยกลับเข้าไป คัมภีร์ก็ม้วนกลับเช่นเดิม
ทว่าทันใดนั้นก็มีแสงสีดำสว่างวาบขึ้น ควันดำเกิดแปรปรวนอีกครั้ง ขณะนั้นเองม้วนคัมภีร์ก็หายวับไปโดยพลัน ก่อนที่อสุรกายร้ายจะค่อยๆเดินออกมาจากกลุ่มหมอกควัน ใบหน้าแสนอัปลักษณ์ของมันกำลังจ้องมองไปทางเกาชิว
“เื่ที่เ้าร้องขอมา ข้าจัดการให้แล้ว และเ้าก็คงรู้กฎของข้าดี หากไม่ยกร่างให้ข้า ก็จงสังเวยดวงิญญาของเ้ามา…”
เกาชิวได้ยินดังนั้น เหงื่อเย็นก็ไหลโซมกายทันที สองขาสั่นระริกด้วยความกลัว ก่อนหน้านี้เพราะคิดว่าจะตายแน่ๆ จึงทุ่มสุดตัวลองหยิบคัมภีร์นี้ออกมาโดยไม่ทันนึกถึงผลลัพธ์หลังจากนั้น ทว่าเขาตระหนักขึ้นมาได้แล้วว่าเวลานี้คือ่เวลาที่แย่ที่สุดต่างหาก หากไม่สามารถหนีรอดไปได้ เกรงว่าจะต้องตายอย่างอนาถยิ่งกว่าตอนสู้กับผีดิบร่างเงินเป็แน่…
เมื่อเห็นว่าเกาชิวไม่มีคำตอบให้ เ้าอสุรกายร้ายก็ถลึงตา ก่อนจะคลี่ยิ้มอัปลักษณ์และเอื้อมมือออกมา เกาชิวเห็นดังนั้นก็ไม่อาจยืนอย่างมั่นคงได้อีกต่อไป ถึงกับเข่าอ่อนคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว
“ช้าก่อน ข้าพยายามหาร่างเ้าให้แล้ว แต่เพราะเวลามันกระชั้นชิดเกินไป จึงยังหาไม่เจอ…”
อสุรกายร้ายได้ยินเช่นนั้นก็แค่นหัวเราะเ็าออกมา โดยไม่สนใจคำแก้ตัวของเขาสักนิด ทันใดนั้นก็มีหมอกควันดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น มองดูคล้ายกับอสรพิษสีดำตัวยาว เพียงพริบตาเดียวมันก็ลอยมาอยู่เบื้องหน้าของเกาชิวเสียแล้ว…
“ในเมื่อหาไม่เจอ ก็จงมอบิญญาให้ข้าแทนแล้วกัน”
เมื่อเห็นหมอกควันดำคล้ายอสรพิษปรากฏขึ้นตรงหน้า ใบหน้าของเกาชิวก็ซีดเผือดลงทันที ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความกลัว น้ำเสียงที่พูดก็คล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“อย่ากินข้าเลยนะ ข้าๆ…ข้ามีเบาะแสแล้ว หากให้เวลาอีกนิด ข้าจะต้องหาเจอเป็แน่ ส่วนคนพวกนั้น…ใช่ๆ สามคนนั้นน่ะ ข้าเตรียมมาให้เอง ข้ายกิญญาของสามคนนั้นให้เ้า!”
เกาชิวพูดจบก็ไม่รอให้เ้าอสุรกายร้ายตอบรับ เขารีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันไปมองเว่ยฟงและหวังหลงด้วยสีหน้าร้ายกาจ ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้โต้ตอบแม้แต่น้อย เกาชิวรีบชักกระบี่ออกมาสะบั้นหมายจะสังหารทั้งคู่ เพื่อนำดวงิญญาไปสังเวยแก่เ้าอสุรกาย!
ทว่าเสี้ยววินาทีที่กระบี่ดำสะบั้นออกมา กลับชนเข้ากับกระแสเสวียนหวงเข้า จึงเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสเสวียนหวงที่คุ้มกันเว่ยฟงและหวังหลงก็สั่นไหว ใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มที ขณะนั้นเองหวังหลงที่กำลังซ่อมแซมยันต์คู่กายอยู่ถึงกับกระอักเืออกมา โดยก่อนหน้าที่จะเดินทางมาเกาะแห่งนี้ อาจารย์ของเขาเป็ผู้มอบยันต์เสวียนหวงฟ้าดินนี้ให้ แม้จะไม่กับเหมือนยันต์นทีธารหมื่นชีวาที่เป็ยันต์คู่กาย แต่ก็ผ่านการบำเพ็ญด้วยเวลาเนิ่นนาน แทบจะเรียกได้ว่าหลอมรวมเข้ากับร่างหวังหลงเลยทีเดียว บัดนี้เมื่อถูกเกาชิวสะบั้นใส่ จึงทำให้หวังหลงที่าเ็อยู่แล้ว เจ็บหนักยิ่งกว่าเดิม…
“บ้าเอ๊ย!” หวังหลงรีบโคจรยันต์เสวียนหวงฟ้าดินทันที ทันใดนั้นก็มีกระแสเสวียนหวงปรากฏออกและเข้าต้านลำแสงกระบี่ดำเอาไว้ สายตาของหวังหลงที่มองเกาชิวก็เต็มไปด้วยแรงอาฆาต…
“เกาชิว เ้ามันสติวิปลาสไปแล้ว ไม่กลัวเวรกรรมหรืออย่างไร ระวังจะตายไม่ดี!”
เกาชิวกวาดตามองหวังหลงด้วยสายตาเยือกเย็น โดยไม่สนใจคำด่าของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ขอแค่ใช้ิญญาของสามคนนี้สังเวยแทนก็พอ เขาจึงไม่สนใจหรอกว่าจะถูกสาปแช่งเช่นไร อีกไม่นานทั้งสามคนนั้นก็ตายอยู่ดี
หลังจากด่นด่าเกาชิวไม่นาน เหมือนว่าหวังหลงจะนึกอะไรออกมาได้…
“เกาชิว อย่าบอกนะว่าคัมภีร์นี้เ้าพบในถ้ำที่พวกเราเคยไปกันมา?”
บัดนี้เกาชิวแตกหักกับทุกคนโดยสิ้นเชิง จึงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ความลับหรือไม่ ก่อนจะพยักหน้ายอมรับออกมา
“ใช่แล้ว ข้าพบที่เกาะนั่น!”
หวังหลงได้ยินดังนั้นก็แค่นหัวเราะเ็าออกมา สายตาก็เต็มไปด้วยความดูแคลน
“เป็อย่างที่คิดไว้จริงๆ มิน่า ตอนที่เข้าไปยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าพอกลับออกมากลับถูกปีศาจเยาเจี้ยงขั้นหกไล่ตาม ทุกอย่างก็เป็เพราะเ้าขโมยคัมภีร์ออกมาสินะ”
เกาชิวยกยิ้มอำมหิตออกมา ในเมื่อเื่มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่คิดปิดบังอะไรอีก จึงพยักหน้าตอบด้วยความภูมิใจ
“ใช่แล้ว เ้าทายถูก แต่รู้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา เพราะถึงอย่างไรเ้าก็ต้องกลายเป็ศพอยู่ดี”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------