หลิงมู่เอ๋อร์เคาะประตู เสียงของหลิงจื่ออวี้ดังมาออกจากข้างใน "เชิญเข้ามาได้เลยขอรับ"
ครั้นได้ยินน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็สุขุมของหลิงจื่ออวี้แล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ก็ยิ้มบางๆ นางผลักเปิดประตูและเดินเข้าไป ก่อนนำจานในมือวางลงบนโต๊ะ พลางทอดมองหลิงจื่ออวี้ด้วยรอยยิ้ม
หลิงจื่ออวี้กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ ในมือกำลังจับพู่กันเขียนหนังสืออยู่ ครั้นเขาเห็นหลิงมู่เอ๋อร์จึงเตรียมขยับตัวลงไปหา ทว่ากลับเห็นหลิงมู่เอ๋อร์โบกมือให้เขา บอกใบ้ให้เขาเขียนหนังสือต่อไปไม่ต้องสนใจนาง หลิงจื่ออวี้ครุ่นคิด ถึงอย่างไรก็เหลือไม่มากแล้ว เช่นนั้นก็เขียนต่อให้เสร็จเถิด! ด้วยเหตุนี้เขาจึงเขียนหนังสือต่อ
หลิงมู่เอ๋อร์เดินไปหาหลิงจื่ออวี้ นางยืนซ้อนอยู่ด้านหลังของเขา มองไปที่ตัวอักษรตัวใหญ่ที่เขาเขียน ถึงแม้ว่าจะเรียนเพียงแค่หนึ่งเดือนกว่าๆ เท่านั้น แต่ว่าตัวอักษรตัวใหญ่นั้นกลับเขียนได้คล้ายต้นแบบมาก
เมื่อเทียบกับเด็กที่เป็โรคเก็บตัวที่นางพบเมื่อครั้นที่เพิ่งมาตอนแรกแล้ว ั์ตาของหลิงจื่ออวี้ในตอนนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น ใบหน้าเล็กน่ารักเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงจังและความมุ่งมั่น ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนราวกับเป็คนละคน นางเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความสำเร็จของหลิงจื่ออวี้จะต้องไม่ต่ำต้อยอย่างแน่นอน อันที่จริงเหล่าลูกหลานสกุลหลิงล้วนไม่เลว รูปลักษณ์ของหลิงจื่อเซวียนยิ่งเป็ที่ขึ้นชื่อเื่ความหล่อเหลา หากไม่ใช่เพราะครอบครัวนี้ยากจนเกินไปจนฉุดรั้งเขาเอาไว้ เกรงแต่ว่าแม่สื่อจะเหยียบย่ำธรณีประตูบ้านของพวกเขาจนพังเสียแล้ว
หลิงจื่ออวี้เขียนการบ้านเสร็จแล้วจึงวางพู่กันในมือลง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างหาที่พึ่งพิง
หลิงมู่เอ๋อร์ลูบเส้นผมของเขา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เรียนเป็อย่างไรบ้าง? อาจารย์ของพวกเ้าสอนดีหรือไม่?"
“อาจารย์ชอบข้ามากขอรับ” หลิงจื่ออวี้หน้าแดง แล้วกล่าวอย่างเขินอาย “ข้าจะตั้งใจเรียนให้ดี และจะไม่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่ พี่ชายพี่สาวแล้วก็อาจารย์ผิดหวังขอรับ”
“พยายามให้สุดความสามารถก็พอแล้ว พี่สาว้าเพียงแค่ให้เ้ามีความสุขเท่านั้น” หลิงมู่เอ๋อร์จะไม่กดดันเขา แต่ก็ไม่ปล่อยให้เขาหละหลวมเช่นกัน “พี่สาวรู้ว่าเ้าเป็เด็กที่รู้ความ”
"ขอรับ" ถึงแม้ว่าหลิงจื่ออวี้จะยังเด็กอยู่ แต่ว่าเขาก็รู้ความเป็อย่างยิ่ง เขาถูกคนในหมู่บ้านรังแกมามากพอแล้วั้แ่เด็ก และได้รู้ว่าเป็เพราะครอบครัวของพวกเขายากจน ดังนั้นจึงถูกรังแกอยู่เช่นนี้ เขาคิดมาตลอดว่าสักวันหนึ่งเขาจะทำให้ครอบครัวดีขึ้นเรื่อยๆ ให้คนในครอบครัวมีชีวิตที่ดี ความเชื่อนี้ฝังอยู่ในจิติญญาของเขาั้แ่อายุยังน้อยนัก
"มาลองชิมฝีมือของพี่สาวเร็วเข้า พี่สาวทำโจ๊กเหอเถา [1] ให้เ้าคนเดียวโดยเฉพาะเชียวนะ" หลิงมู่เอ๋อร์คนโจ๊กในชามให้เข้ากัน "เ้าเรียนอย่างเหน็ดเหนื่อย ควรที่จะบำรุงสมอง"
ชีวิตความเป็อยู่ของคนในสกุลหลิงมีความมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ รายได้ของแต่ละวันไม่น้อย จึงไม่มีปัญหาในการเลี้ยงดูครอบครัวขนาดใหญ่ครอบครัวหนึ่ง และยังร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ อีก
ในบางเวลาหลิงมู่เอ๋อร์ก็นึกถึงซั่งกวนเซ่าเฉิน ถึงอย่างไรเขาและนางก็ถูกลิขิตให้ไม่ใช่คนจากโลกเดียวกัน ถ้าหากมีวาสนาคงจะได้พบกันอีกครั้งกระมัง!
เหลาอาหารสกุลหลิง มีคนหลายคนนั่งกินช่วนช่วนเป็จำนวนหลายไม้อยู่ที่นั่น หญิงชรานางหนึ่งในกลุ่มคนจำนวนนั้นกินเกี๊ยวหนึ่งชาม หญิงวัยกลางคนด้านข้างกินข้าวผัด ภาพบนโต๊ะช่างเละเทะไม่เรียบร้อย ล้วนเป็เศษซากอาหารที่พวกเขาเหลือทิ้งเอาไว้ หญิงชราเช็ดปากและเรอออกมาหนึ่งที ภาพนั้นน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด จนทำให้ผู้คนที่อยู่โต๊ะใกล้เคียงต้องขมวดคิ้ว
“ผีตะกละกลับชาติมาเกิด! อาหารดีๆ จานใหญ่ขนาดนี้ พวกเ้าไม่เหลือให้ข้าเลยสักคำ” หญิงชราเห็นชามเปล่าอยู่บนโต๊ะก็โมโหโกรธาจนเขวี้ยงตะเกียบลงบนโต๊ะทันที
หญิงวัยกลางคนด้านข้างกำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่ ยามที่ได้ยินสิ่งที่หญิงชราพูด นางพลันแบะปากเอ่ยว่า "ท่านแม่ ท่านด่าทอข้าเพื่ออันใดเ้าคะ? นั่นเป็สิ่งที่เหลนชายท่านกินต่างหาก"
หญิงชรามองดูเหลนชายตัวน้อยที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยจนทั้งปากเคลือบไปด้วยน้ำมัน สีหน้าของนางพลันอ่อนลง ทันใดนั้น นางกดเสียงเบาแล้วเอ่ยกับเด็กชายตัวน้อยด้วยความรักใคร่เอ็นดูว่า "เหลนชายคนดี อยากกินอีกหรือไม่? ถ้าอยากกินอีกย่าจะไปเอามาให้เ้า"
เด็กชายตัวน้อยผู้นั้นมองชามบนโต๊ะอย่างตะกละตะกลาม เขากำลังจะเปิดปากพูดว่า 'อยาก' ทว่าในเวลานั้นสีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยน เขากอดท้องทำท่าทางราวกับทรมานยิ่ง
“โอ๊ย ปวดท้องยิ่งนัก… ท่านย่า ท่านย่า… ปวดท้องมากเลยขอรับ...” เด็กชายตัวเล็กร้องไห้พลางกล่าวออกมาทั้งน้ำตา
"เหลนชายคนดีของข้า เ้าเป็อันใดไป?" หญิงชราร้องเสียงดัง "อายุสั้นแล้ว เหตุใดถึงได้ปวดท้องเล่า? คงไม่ใช่ว่าอาหารไม่สะอาดหรอกกระมัง?"
ครั้นลูกค้าในโถงใหญ่ได้ยินคำกล่าวของหญิงชราก็รีบร้อนวางตะเกียบในมือลงทันที
ถ้าอาหารไม่สะอาด พวกเขายังกินไปมากขนาดนี้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะปวดท้องแบบนั้นเช่นกันหรือ? พวกเขาจ่ายเงินจำนวนมากก็เพื่อกินอาหารที่ไม่สะอาดหรือ?
“หลงจู่ นี่มันเกิดอันใดขึ้น? เหตุใดอาหารถึงไม่สะอาด? พวกข้ากินไปแล้วมากมายถึงเพียงนี้ เ้าอยากจะทำร้ายพวกข้าให้ตายหรือ?” ชายร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งตบโต๊ะพลางร้องะโ
โจวฉี่เยี่ยนเดินเข้ามา บุรุษผู้นี้มีรูปลักษณ์สูงใหญ่กำยำ ั์ตาคู่หนึ่งเฉียบคมอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขายืนอยู่ด้านหน้าของกลุ่มคน ทำให้ชายร่างสูงใหญ่ที่กำลังร้องเอ็ดตะโรสงบปากลงทันที
ชายร่างสูงใหญ่อ้าปาก ในแววตาปรากฏมีความไม่ยินยอมที่ถูกโจวฉี่เยี่ยนข่ม เขาจ้องไปที่โจวฉี่เยี่ยน "หลงจู่คนก่อนเล่า? เ้าเป็ผู้ใด?"
โจวฉี่เยี่ยนมองไปที่ชายร่างสูงใหญ่หนึ่งที จากนั้นก็มองไปทางหญิงชราที่พูดเมื่อสักครู่หนึ่งที ก่อนกล่าวเสียงราบเรียบว่า "ข้าก็คือหลงจู่ของที่นี่ จากนี้เป็ต้นไป ที่นี่จะเป็ข้ารับผิดชอบเอง อาหารในร้านของพวกเราไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน สาเหตุที่เด็กชายผู้นี้ปวดท้องนั้นเป็เพราะว่าทานมากเกินไป เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ หนึ่งคนทานเกี๊ยวไปหนึ่งชาม ข้าวผัดครึ่งชาม หุยกัวโร่วสามจาน และช่วนช่วนยี่สิบไม้ ถ้าหากยังไม่ปวดท้อง นั่นถึงจะเื่แปลกประหลาด ข้าคงไม่ได้พูดผิดไปกระมัง? ท่านป้าท่านนี้"
ั์ตาของหญิงชราวูบไหว ในดวงตาฉายแววหวาดกลัว เมื่อเผชิญกับสีหน้าของฝูงชนด้านข้างที่รอชมละครงิ้วสนุก นางทำใจดีสู้เสือ ถลึงตาจ้องไปที่โจวฉี่เยี่ยนอย่างดุร้าย
“เหลนชายของข้ากำลังอยู่ในวัยเติบโต กินอาหารแค่นี้แล้วจะเป็อันใดไป? เห็นได้ชัดว่าเป็เพราะอาหารของพวกเ้าไม่สะอาดเอง”
ครั้นคนด้านหลังครัวได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งมา หลิงต้าจื้อเห็นหญิงชรานางนั้น เขาขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า "พวกท่านมาที่นี่ทำสิ่งใดกัน?"
“เ้าบุตรอกตัญญู บัดนี้เ้ามีเงินแล้ว ร่ำรวยแล้ว แม้แต่มารดาก็ไม่สนใจแล้วใช่หรือไม่?” หญิงชราตบขาทั้งสองข้าง ร้องไห้โฮเสียงดังพลางกล่าว “บุตรอกตัญญู! ข้าให้กำเนิดสิ่งของเช่นเ้าผู้นี้ได้อย่างไร?”
ตอนนี้หลิงมู่เอ๋อร์ไม่อยู่ หยางซื่อช่วยประคองถังซื่อไปเดินซื้อผ้าที่ตลาดแล้ว หลิงต้าจื้อและหยางต้าหนิวจึงย้ายไปทำงานที่เรือนด้านหลัง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าที่นี่เกิดเื่อันใดขึ้น
โจวฉี่รุ่ยรับผิดชอบเป็คนจัดการในเื่การทำบัญชีและเก็บเงิน ดังนั้นเขาย่อมเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่อยู่ในสายตา โจวฉี่เยี่ยนไม่ใคร่ชอบพูดจานัก แต่ว่าโจวฉี่รุ่ยย่อมไม่มีทางปล่อยให้หญิงชรานางนี้ย้อนเล่นงานพวกเขากลับ ด้วยเหตุนี้โจวฉี่รุ่ยจึงบอกเล่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่แก่หลิงต้าจื้อและหยางต้าหนิว ทั้งสองจึงรู้ได้ว่าพวกเขาถูกพวกญาติดีตัวเหล่านี้เข้ามาสร้างปัญหาอีกครั้งแล้ว
เมื่อก่อนซั่งกวนเซ่าเฉินอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่กล้าสร้างปัญหาตามอำเภอใจ ตอนนี้ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่อยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาก็เริ่มก่อเื่วุ่นวายอีกครั้ง ดูเหมือนว่าชีวิตความเป็อยู่ของพวกเขาจะไม่ใคร่ดีนัก จึงคิดออกอุบายกับพวกตน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือตอนนี้หลิงต้าจื้อไม่ได้เป็บุตรกตัญญูโง่เขลาอีกต่อไป ครั้นเผชิญหน้ากับหวังซื่อในคราวนี้ นอกจากความรังเกียจแล้วก็ไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นอีก
ถึงอย่างไรหลิงจื่อเซวียนก็เป็อนุชนคนรุ่นหลัง จึงไม่เป็การดีที่จะออกหน้าในเวลานี้ เขามองดูคนเ่าั้ด้วยความเกลียดชังแล้วแอบกำหมัดอย่างเงียบๆ
"ถ้าข้าจำไม่ผิด ในผังวงศ์ตระกูลเขียนไว้ว่าได้ตัดขาดความสัมพันธ์ของพวกข้ากับพวกท่านแล้ว ข้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับพวกท่านอีกต่อไป" หลิงต้าจื้อเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ั้แ่ที่พวกท่านรังแกภรรยาและบุตรของข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราก็มีรอยร้าวแล้ว และั้แ่คราที่แล้วพวกท่านคิดจะทำร้ายพวกข้าให้ตกตาย พวกเราก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”
“พี่ชายท่านนี้ เ้าจะกล่าวเช่นนี้ไม่ได้ หากนางเป็มารดาท่านจริงๆ บุตรชายที่ใดจะปฏิเสธมารดาแท้ๆ ของตน? ท่านทำเช่นนี้ก็ออกจะเกินไปแล้ว” มีบางคนส่ายหน้าพลางกล่าว
“ก็ใช่น่ะสิ อกตัญญูยิ่งนัก!” มีบางคนเบะปาก “เหตุใดเ้าถึงได้เป็คนอกตัญญูเช่นนี้?”
“ถ้าพวกเ้ารู้ว่าพวกเขาปฏิบัติต่อน้องสาวและน้องเขยข้าอย่างไรก็คงจะไม่กล่าวเช่นนี้”หยางต้าหนิวขมวดคิ้ว
หยางต้าหนิวและหลิงต้าจื้อล้วนเป็บุรุษซื่อตรง ถึงแม้ว่าหวังซื่อและคนอื่นๆ กล่าวโทษพวกเขา แต่พวกเขาก็ยากที่จะกล่าวถึงเื่เ่าั้ออกมา
“ข้าเป็หลงจู่ของที่นี่ พวกท่านทานไปเท่าใด ก็รีบจ่ายเงินมา ไม่อย่างนั้นข้าจะแจ้งต่อทางการให้มาจัดการ” โจวฉี่เยี่ยนหยิบลูกคิดมาดีดคำนวณอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ย “เกี๊ยวสี่ถ้วย หกสิบอีแปะ ข้าวผัดสามจาน ช่วนช่วนหนึ่งร้อยสามสิบไม้ แล้วยังสั่งอาหารอีกห้าอย่าง… รวมทั้งหมดเป็เจ็ดร้อยสามสิบอีแปะ"
ท่าทางของหวังซื่อและฟางซื่อราวกับเห็นผี เจ็ดร้อยอีแปะ? พวกเขาเก็บออมครึ่งปีก็ไม่เก็บไม่ได้มากมายถึงขนาดนี้ อยากได้เงินของนาง ฝันไปเถิด! ต่อให้วันนี้พวกเขาจะพูดจนปากขึ้นไปถึง์ นางก็ไม่ยอมจ่ายแม้แต่ครึ่งอีแปะ
หวังซื่อกล่าวอย่างดุร้าย "ข้าเป็มารดาของเขา เขาแสดงความกตัญญูโดยให้ข้ากินหนึ่งมื้อแล้วจะเป็อันใดไป?"
หลิงต้าจื้อเงียบไม่เอื้อนเอ่ยอันใด
“อาสาม นี่ทำเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก ไม่ว่าเมื่อก่อนพวกเราขัดแย้งกันอย่างไร แต่สุดท้ายก็ยังเป็ครอบครัวเดียวกัน ท่านแม่คือมารดาผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูท่านมา! ท่านจะไร้น้ำใจไร้คุณธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร? ท่านแม่ก็ไม่ได้ให้ท่านมอบเงินแสดงความเคารพ เพียงแค่กินอาหารร้านท่านหนึ่งมื้อ แล้วจะเป็อันใดไป? ไม่ต้องเอ่ยถึงท่านแม่ ต่อให้เป็ญาติผู้อื่นมา ท่านก็ยังต้องต้อนรับขับสู้ไม่ใช่หรือ?” สายตาของฟางซื่อฉายประกายเหยียดหยันยิ้มเยาะ
"ดูเหมือนว่าวันนี้พวกท่านจะไม่อยากจ่ายเงินจริงๆ" โจวฉี่เยี่ยนวางลูกคิดลง ดวงตาคู่หนึ่งมองไปที่พวกเขาอย่างอึมครึม "ไปเรียกคนมา จงไปแจ้งต่อทางการเสีย"
"เ้า..." ฟางซื่อถลึงตาจ้องไปที่โจวฉี่เยี่ยน “แจ้งทางการก็แจ้งทางการ ก็ให้ท่านขุนนางตัดสิน มารดากินอาหารบุตรหนึ่งมื้อ ยังสมควรที่จะจับมารดาหรือ?"
“ไอ๊โหยว ชีวิตของข้าช่างลำบากจริงๆ! บุตรชายอกตัญญู ไม่รู้จักมารดาอย่างข้าแล้ว! ข้าที่ให้กำเนิดเขา ตอนที่คลอดเขาก็เกือบจะสิ้นลม เหตุใดจึงเลี้ยงหมาป่าตาขาว[2] หนึ่งตัวได้เล่า ์เอ๋ย เหตุใดท่านไม่ฆ่าข้าไปเสียเลยเล่า" หวังซื่อนั่งลงบนพื้น ร้องไห้โฮเสียงดังขึ้นมา
เด็กน้อยคนนั้นที่เห็นเหตุการณ์นั่นก็ร้องไห้โฮเสียงดังตามขึ้นมา
เด็กชายคนนั้นเป็เหลนชายของฟางซื่อ ซึ่งก็คือหลิงสี่ บุตรชายวัยห้าขวบของหลิงจื่อชิ่ง
ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าหลิงสี่และหลิงจื่อเฉิงต่างล้วนเป็หลานและหลานของหวังซื่อ แต่ว่าสถานะในบ้านนั้น ผู้หนึ่งสูงส่งเทียมฟ้า ผู้หนึ่งต่ำต้อยเทียมดิน หลิงสี่เป็ที่รักใคร่ของคนทั้งสกุล แต่หลิงจื่อเฉิงกลับมีเพียงหลานซื่อเท่านั้นที่รักทะนุถนอม ถ้าหากในเรือนมีเนื้อสัตว์ หลิงสี่จะเป็คนแรกที่กิน ส่วนหลิงจื่อเฉิงนั้นยากนักกว่าจะได้กินสักครั้ง
แต่ว่า ด้วยนิสัยของหลานซื่อแล้ว นางไม่ได้หวงแหนเื่อาหารการกินกับคนสกุลหลิง
แววตาของฟางซื่อฉายประกาย ครั้นเห็นว่าเด็กในร้านของเหลาอาหารสกุลหลิงไปแจ้งต่อทางการแล้วจริงๆ ในใจก็อดรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาไม่ได้หลายส่วน อย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้นในคุกเมื่อไม่นานมานี้เป็เหมือนดังฝันร้าย ตอนนี้เอ่ยถึงว่าจะแจ้งทางการ นางก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวแล้ว
“ท่านแม่… ท่านแม่… พวกเขาจะไปแจ้งทางการจริงๆ เช่นนี้จะทำอย่างไรดีเ้าคะ?” ฟางซื่อนั่งคุกเข่าลง กล่าวเสียงเบาอยู่ข้างใบหูของหวังซื่อ
“กลัวอันใด? ไม่ใช่บอกว่าเ้าเด็กนั่นออกเดินทางไกลไปแล้วหรือ? ขอเพียงแค่เขาไปแล้ว เ้าคนพวกนี้ก็ไม่กล้าทำอันใด” หวังซื่อตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะเข้าหาหลิงต้าจื้อ ถึงอย่างไรในตอนนี้หลิงต้าจื้อก็ร่ำรวยมาก ถ้าหากเข้าหาเขาได้สำเร็จ ภายหลังคนในครอบครัวของพวกเขาก็จะสามารถได้มีชีวิตร่ำรวยกินดื่มได้ตามใจ
จะต้องบอกว่า หวังซื่อช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้วจริงๆ ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่า สมองของคนโง่เขลานั้นแตกต่างจากสมองของคนทั่วไป
เชิงอรรถ
[1] โจ๊กเหอเถา (核桃粥) หมายถึง โจ๊กวอลนัท
[2] หมาป่าตาขาว (白眼狼) หมายถึง คนอกตัญญู ไม่รู้บุญคุณคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้