วันมะรืนต่อมา ยามเช้า
อวี้ฉู่จาวตื่นนอนเพื่อไปเข้าร่วมว่าราชการยามเช้าก่อนรีบกลับมายังตำหนัก
เนื่องจากวันนี้ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงของฮองเฮา หลินหร่านจึงได้ตื่นแต่เช้ามาเตรียมตัว พูดตามความจริงแล้ว ในใจเขายังรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อย
่ที่อวี้ฉู่จาวกลับมาถึง เป็่ที่หลินหร่านเพิ่งจะตื่นนอนพอดี
“พวกเ้าออกไปเตรียมงานเถิด” อวี้ฉู่จาวที่เข้ามาในห้อง เขาพบว่าติงหร่วนกับหลานจื่อกำลังช่วยสวมเยี่ยนฝู1 ให้หลินหร่าน จึงให้คนเ่าั้ออกไปก่อนเพราะตนจะเป็คนช่วยสวมชุดให้เอง
เยี่ยนฝูเป็ชุดที่มีวิธีการสวมใส่ไม่ยุ่งยากเท่ากับเฉาฝู ชุดด้านในเป็สายคาดเอวสีน้ำเงินสลับขาว คลุมด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงินอมเขียวซึ่งออกแบบมาให้บางเบาและคล่องตัวสำหรับหลินหร่าน สลัดคราบเด็กหนุ่มออกไปได้เลยทีเดียว
“ดูดีมากจริงเชียว” หลังจากสวมชุดเสร็จเรียบร้อย อวี้ฉู่จาวอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม
สายตาของอวี้ฉู่จาวจ้องมองหลินหร่านที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอย่างไม่ลดละ “ไม่ใช่นะพ่ะย่ะค่ะ เป็เพราะเสื้อผ้าต่างหาก” หลินหร่านบอกด้วยท่าทีเจียมเนื้อเจียมตัว
“อืม ใช่ เป็เพราะเสื้อผ้าที่ทำออกมาได้ดี” อวี้ฉู่จาวพยักหน้า ยอมรับคำพูดของหลินหร่านอย่างไม่คิดโต้แย้ง
เมื่อหลินหร่านได้ยินเช่นนั้นจึงเงยหน้ามองอวี้ฉู่จาวทันที เขาไม่อยากเชื่อว่าท่านอ๋องจะตรัสออกมาว่าเป็เพราะเสื้อผ้าจริง
ตอนแรกก็ดูจะไม่มีอะไร แต่เนื่องด้วยอวี้ฉู่จาวตอบกลับมาด้วยท่าทีเฉยเมย ทำให้หลินหร่านคิดว่าอวี้ฉู่ขบคิดเช่นนั้นจริง
หลังเห็นหลินหร่านแสดงท่าทีงุนงง รู้สึกทำตัวไม่ถูกที่โดนแกล้ง อวี้ฉู่จาวจึงคลี่ยิ้มก่อนเอ่ยออกมาอีก “อาจเพราะคนงามอยู่แล้วกระมัง ถึงทำให้เสื้อผ้าที่สวมใส่ยิ่งดูสวยงามมากขึ้น” เอ่ยจบก็โน้มตัวลงจูบหน้าผากของหลินหร่านแ่เบา
จากที่ได้ยินถ้อยคำ รวมถึงท่านอ๋องยังมอบจูบที่อ่อนโยน ทำให้หลินหร่านรู้สึกดีขึ้นและระบายยิ้มออกมา
หลังจากนั้น จู่ๆ ชายาตัวน้อยก็เดินออกไปจากห้องด้านใน
อวี้ฉู่จาวยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความตะลึง หากเขามองไม่ผิด เมื่อครู่นี้อวิ๋นซีมองเขาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ ไม่ใช่สิ ท่าทางเช่นนั้นน่าจะเป็การมองค้อนเขาเสียมากกว่า
อวี้ฉู่จาวยกมือลูบคางของตนเอง ยกยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนส่ายหัวไปมาอย่างอารมณ์ดี
อวี้ฉู่จาวเดินออกมาในเวลาถัดมา หลินหร่านกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารเพื่อรอเขามารับประทานอาหารด้วยกัน ท่าทีโกรธเคืองเมื่อครู่หายวับไปเสียแล้ว
“ท่านอ๋อง รีบเสวยพระกระยาหารเช้ากันเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
เพื่อที่จะได้กลับมารับประทานอาหารพร้อมหลินหร่าน ก่อนไปราชสำนักในยามเช้า อวี้ฉู่จาวจึงไม่ยอมกินอะไร
หลินหร่านกลัวว่าอวี้ฉู่จาวจะหิวในตอนเช้าจึงได้เตรียมโจ๊กเอาไว้ให้ั้แ่เนิ่นๆ
อวี้ฉู่จาวยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ระบายยิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างกายหลินหร่าน หลังจากนั่งลงไปก็ดึงหลินหร่านเข้ามาประทับจูบก่อนรับประทานอาหาร
“อื้อ อืม~” หลินหร่านรู้สึกใยิ่งนัก ััที่ท่านอ๋องมอบให้ทำให้เขาอยากค่อยๆ ลิ้มรสช้าๆ แต่ตอนที่กำลังจะหลับตาลงก็นึกขึ้นได้ว่าข้างกายตนเองยังมีติงหร่วนและพวกหลานจื่ออยู่ด้วย
ติงหร่วนนั้นเคยชินแล้ว เขาค่อยๆ เบือนหน้าหนี ส่วนหลานจื่อและเหล่านางกำนัลคนอื่นๆ ก็ได้แต่พากันก้มหน้า ไม่กล้าที่จะมอง
หลินหร่านไม่ได้ต่อต้านและปฏิเสธแต่อย่างใด เขาทำเพียงตอบสนองอวี้ฉู่จาวด้วยท่าทีใเล็กน้อยก็เท่านั้น
อวี้ฉู่จาวรับรู้ว่าหลินหร่านเขินอาย จึงไม่ได้บังคับเขามากนัก เมื่อได้ทำจนพอใจถึงปล่อยอีกคนให้เป็อิสระ
หลินหร่านเขินอายจนใบหน้าแดงหูแดงลามไปถึงลำคอ
“ท่านอ๋องรีบเสวยเถิด” หลินหร่านเอ่ยด้วยท่าทีหอบเล็กน้อย
อวี้ฉู่จาวไม่ได้กลั่นแกล้งอีก เขาหยิบตะเกียบกับถ้วยข้าวขึ้นมาพลางกล่าวอีกหนึ่งประโยค “มื้อเช้าวันนี้ช่างหวานหอมกว่าปกติ ไม่เลวเลยเชียว”
ใบหน้าของหลินหร่านแดงก่ำกระทั่งถึงเวลาที่เขาต้องออกไปจากตำหนัก
เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนัก ่ที่อวี้ฉู่จาวต้องมาส่งหลินหร่านนั้น
“ติงหร่วน หลานจื่อ เหม่ยจื่อ พวกเ้าต้องดูและพระชายาให้ดี หากเกิดอะไรขึ้นให้รีบไปหาหลิวถ่งหลิงที่ประตูซวนอู่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
โดยปกติ คนที่คอยดูแลหลินหร่านจะมีติงหร่วนกับหลานจื่อเป็หลัก
ติงหร่วนเป็คนที่อยู่กับหลินหร่านมานานและรู้ใจหลินหร่านมากที่สุด หลานจื่อเป็คนรอบคอบและรู้วิธีว่าต้องเดินหน้าและถอยหลังอย่างไร เหม่ยจื่ออายุน้อยที่สุดแต่ก็เป็คนที่มีความกล้าหาญเต็มเปี่ยม
ที่วันนี้อวี้ฉู่จาวให้นางติดตามหลินหร่านไปก็เพราะนิสัยในจุดนี้ของนาง
ส่วนจื่อเหอกับจื่อจู๋เหมาะกับการดูแลงานภายนอกเป็ที่สุด อาหารการกินกับเสื้อผ้าของหลินหร่านก็เป็พวกนางที่ทำหน้าที่ดูแลจัดการให้
เนื่องด้วยอวี้ฉู่จาวออกมาจากวังหลวงเพื่อสร้างตำหนักของตนเองแล้ว เขาจึงไม่สามารถเข้าไปในส่วนของวังหลังในพระราชวังได้ ทำได้เพียงกำชับซ้ำไปซ้ำมากับผู้ติดตามพระชายาเท่านั้น
หลังจากนั้น อวี้ฉู่จาวหันมาหาหลินหร่านพลางเอ่ย “อวิ๋นซี เ้าไม่ต้องกลัว อย่าไปใส่ใจนัก เทศกาลชมดอกไม้วันนี้นอกจากฮองเฮาแล้ว คนที่มีตำแหน่งสูงรองลงมาก็คือเ้า เื้ัของเ้าคือข้าและคนของตำหนัก อย่าน้อยใจตนเอง ไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์มาสั่งสอนหรือสั่งทำโทษเ้าได้ แม้จะเป็ฮองเฮา หากพระองค์จะทำอะไรก็ต้องคิดตรึกตรองให้ดี เ้าเข้าใจใช่ไหม”
“อื้อ” หลินหร่านพยักหน้า “ข้าทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องอย่าได้เป็กังวล ข้าจะดูแลตนเองให้ดี จะไม่ทำให้ท่านอ๋องขายหน้า”
“ไม่ว่าอวิ๋นซีจะทำอะไรก็ไม่ทำให้ข้าขายหน้าหรอก อวิ๋นซีของข้าดีทุกอย่าง” อวี้ฉู่จาวบอกด้วยรอยยิ้ม
หลินหร่านพยักหน้ารับแล้วจับมือของอวี้ฉู่จาว เขารู้ว่าท่านอ๋องอยากให้เขามั่นใจในตนเองมากกว่านี้
“ไปเถิด” อวี้ฉู่จาวกล่าวทิ้งท้าย
ต่อจากนั้น หลินหร่านนำผู้ติดตามไปที่วังหลวง
วันนี้จะเกิดอะไรขึ้นไหม เขาควรจัดการอย่างไร?
ทั้งหมดเป็เหตุการณ์ที่ยากจะคาดเดา เขาอาจรู้สึกประหม่า แต่เขาจะไม่หวาดกลัว และจะไม่ยอมท้อถอยโดยเด็ดขาด
อวี้ฉู่จาวมองหลินหร่านจนลับสายตาไปจากตำหนัก ถึงแม้วันนี้เขาไม่ต้องไปค่ายทางชานเมืองตะวันตก แต่เขาก็ต้องเข้าไปค่ายทหารรักษาพระองค์ในวังหลวงแทน
รถม้าของหลินหร่านยังคงทำตามกฎระเบียบ โดยหยุดอยู่ที่ประตูซวน
“พระชายาเสด็จมาถึง!” ติงหร่วนลงมาจากรถม้าพร้ะโกนขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงของติงหร่วน หลินหร่านเตรียมขยับกายลงจากรถม้า
เขาหลับตาลงก่อนหายใจเข้า ในตอนที่หลานจื่อกำลังยกม่านของรถม้าขึ้นนั้น ร่างของหลินหร่านพลันก้าวออกมา
ติงหร่วนประคองหลินหร่านลงมาจากรถม้า จากนั้นหลินหร่านถึงเงยหน้าขึ้น เขาพบว่ามีรถม้าจอดอยู่ที่นี่มากมาย เหล่าฟูเหรินน้อยใหญ่ต่างพากันลงมาจากรถม้าทีละคน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในวังหลวง
แต่ละคนดูกระตือรือร้นและทักทายกันด้วยรอยยิ้ม ต่อมาค่อยๆ เริ่มสนทนากันทีละน้อย
“ฟูเหรินจ้าว ไม่เจอกันนานเลยนะเ้าคะ”
“ฟูเหรินิจวินโหว”
“แม่นางหลี่”
“ฟูเหรินลิ่นหยวนโหวมาพอดีเลยเ้าค่ะ”
หลินหร่านสังเกตได้ว่าฟูเหรินเหล่านี้ล้วนรู้จักกัน ต่างคนต่างเอ่ยทักทายก่อนเดินเข้าไปพร้อมกัน
ใน่เวลานี้ หลายคนที่มองมาทางตนเองเริ่มที่จะหันไปกระซิบกระซาบ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไรบ้าง แต่รับรู้ได้ว่า สายตาที่แต่ละคนมองมานั้นไม่ได้แสดงถึงท่าทีของความเป็มิตรเลย ทุกคนมีสีหน้าและท่าทีแปลกๆ
แต่หลินหร่านไม่อยากจะคิดมาก เขาพยายามแยกความรู้สึกเ่าั้ออกก่อนปรับอารมณ์และพาคนของเขาเดินเข้าไปด้านใน
ฮองเฮาจัดงานเลี้ยงเทศกาลชมดอกไม้ไว้ในสวนอวี้ฮวา ขณะนี้ ผู้คนต่างพากันเดินเข้าไปที่งานเลี้ยง
“พระชายา ยังจำขั้นตอนพิธีการได้ใช่หรือไม่เพคะ”
“ข้าจำได้”
“อีกสักครู่ฮองเฮาน่าจะเสด็จออกมา พระชายาเพียงเข้าไปทักทายหรือเข้าไปถวายความเคารพก็พอเพคะ เพราะถึงอย่างไรพระองค์ก็ทรงเป็ถึงสะใภ้”
“อื้อ”
หลินหร่านคิดว่า สิ่งที่หลานจื่อเอ่ยออกมานั้นถูกต้องไม่มีข้อใดผิด ซึ่งเขาก็คิดปฏิบัติตามที่ว่ามา
งานเลี้ยงเทศกาลชมดอกไม้ในวันนี้ หวังว่าจะจบลงได้ด้วยดี การเข้าไปทำถวายความเคารพก็มิใช่เื่ใหญ่อะไร
“คนพวกนี้นี่อะไรกัน”
“ทำไมหรือ” หลินหร่านเอ่ยถามเมื่อได้ยินเหม่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ก็คนเ่าั้น่ะสิเพคะ เห็นอยู่ว่าพระองค์เป็พระชายาของจ้านหวัง ยังไม่ยอมก้มหัวให้อีก ทั้งพอพระชายาเดินผ่านก็ยัง…”
เหม่ยจื่อพูดไม่ออก แต่หลินหร่านพอจะเข้าใจ
พวกเขาทำเป็ไม่รู้จักและไม่ยอมถวายความเคารพ
ถึงอย่างไรเื่นั้นก็ช่างมันเถิด
สายตาที่มองมาทางหลินหร่านบ่งบอกถึงความไม่เป็มิตรอย่างชัดเจน แต่เมื่อมาคิดดูดีๆ สายตาดูถูกกับท่าทีแปลกๆ เหล่านี้มันคืออะไรกันนะ?
-----------------------------------------------
1 เยี่ยนฝู หมายถึง ชุดพิธีสำหรับใส่ไปร่วมงานเลี้ยง
