นิมิตจาก์คือการได้รับการยอมรับจาก์
เมื่อได้รับนิมิตนี้ก็หมายถึงการเข้าใกล้์แล้ว
ในตอนที่ผู้ฝึกวรยุทธ์มีพลังถึงระดับกายทองคำขึ้นไป พวกเขาจะสามารถรับรู้ถึง์ได้ แต่ครั้งนี้แม้ว่าจะเป็การเข้าใกล้์เหมือนกันแต่กลับมีความแตกต่างกันมาก เพราะครั้งนี้์เป็คนส่งนิมิตลงมาด้วยตนเอง
นิมิตแห่ง์นี้เป็สิ่งที่ไม่ธรรมดา เพราะมันเปรียบดั่งการยอมรับของ์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับหลัวเลี่ย
เหตุผลก็คือเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์
เคล็ดวิชานี้สร้างขึ้นจากเนื้อหาพื้นฐานของเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมซึ่งเป็เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดในการฝึกฝนของระดับหยินหยาง ระดับแก่น์ และระดับวังชะตา แต่เคล็ดวิชาที่หลัวเลี่ยสร้างขึ้นกลับทรงพลังกว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิม ไม่เพียงทรงพลังกว่าเท่านั้นแต่ยังนับว่าเหนือกว่ามากจนทำให้์มองเห็นสิ่งที่พิเศษนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ที่หลัวเลี่ยสร้างขึ้นไว้ใช้ฝึกในพลังระดับหยินหยาง แก่น์ และวังชะตานี้มีความสมบูรณ์และทรงพลังกว่าเคล็ดวิชาั์ที่มีไว้ใช้ฝึกฝนในระดับผู้ฝึกตนเสียอีก ตอนนี้เคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์นับว่าแข็งแกร่งทิ้ง่ห่างจากเคล็ดวิชาอื่นๆ มาก
“ความรู้สึกที่ได้รับการยอมรับช่างดียิ่ง”
หลัวเลี่ยเงยหน้าขึ้นและปล่อยให้สายลมพัดผ่านเส้นผมของเขาจนปลิวไสว รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาอ้าแขนออกและรู้สึกได้ถึงเส้นทางรุ่งโรจน์ที่จะนำไปสู่์
เสียงอันเป็มงคลนั้นไม่มีตัวตน แต่กลับมีลำแสงนับพันส่องสว่างไปทั่วเมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลง
หากกล่าวว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ส่องแสงร่วมกันมาก่อนหน้านี้เป็วิถีการต่อสู้ของหลัวเลี่ยและไก้อู๋ซวง
เช่นนั้นตอนนี้ได้เวลาแสดงพลังที่แท้จริงออกมาแล้ว
ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงแผดเผาอยู่บนศีรษะและดวงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้า
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลอยอยู่บนท้องฟ้า และลำแสงของทั้งสองดวงก็ตัดกันตกลงมาที่ร่างของหลัวเลี่ยส่งผลให้ตอนนี้ร่างของเขาเปล่งประกายออกมาราวกับเทพที่ตกลงมาจาก์ นอกจากนี้บริเวณด้านล่างของเท้าหลัวเลี่ยยังมีดอกบัวสีทองปรากฏขึ้นมารองรับเท้าของเขาเองไว้อีกด้วย
กลีบของดอกบัวสีทองพลิ้วไสวแสดงถึงการพาหลัวเลี่ยขึ้นไปบน์
ทันใดนั้นก็มีเสียงัและนกฟีนิกซ์ดังขึ้น
ัมรกตหนึ่งตัวและนกฟีนิกซ์หนึ่งตัวปรากฏกายขึ้นทางซ้ายและขวาของหลัวเลี่ยพร้อมๆ กัน พวกมันส่งเสียงคำรามออกมาเล็กน้อยและเปล่งแสงออกมา การปรากฏตัวของพวกมันทำให้เื่นี้มีสีสันมากขึ้น
หลัวเลี่ยกลายเป็ตัวเอกที่ทุกคนสนใจในทันที
“รูปงามมาก!”
“ยอดไปเลย!”
หญิงสาวทั้งหลายต่างะโออกมา
ส่วนพวกผู้ชายก็มีทั้งคนที่ชื่นชม อิจฉา และเกลียดปะปนกันไป
ใครๆ ก็อยากจะแทนที่หลัวเลี่ยและกลายเป็จุดสนใจของผู้คน
หลัวเลี่ยยกยิ้มมุมปากขึ้นแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า “ข้าเฝ้ามองแสงจันทร์ แล้วจากนั้นข้าก็เห็นข้อบกพร่องของเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิม ข้าจึงใช้ประโยชน์จากสมบัติรูปัสร้างเคล็ดวิชาขึ้นมาใหม่ และสุดท้ายข้าก็สร้างเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ขึ้นมาได้สำเร็จด้วยพลังจากการกดดันของไก้อู๋ซวงจนได้รับการยอมรับจาก์ วันนี้ข้า หลัวเลี่ย จึงขอประกาศไปทั่วดินแดนเหยียนหวง”
“ต่อจากนี้เป็ต้นไป เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดในการฝึกฝนของระดับหยินหยาง ระดับแก่น์ และระดับวังชะตาจะไม่ใช่เคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมอีกแล้ว แต่เป็เคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ที่ข้าสร้างขึ้น!”
พรึ่บ!
ผู้คนทั่วทั้งเหตุการณ์ตกอยู่ในความเงียบ
แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็ส่งเสียงะโออกมา
ทุกคนต่างตกตะลึงกับคำพูดของหลัวเลี่ย เดิมทีผู้คนคิดว่านิมิตของ์ที่เกิดขึ้นกับหลัวเลี่ยนั้นมาจากที่เหตุผลอื่น ซึ่งหากเป็การสร้างเคล็ดวิชานี้จริงก็เป็เื่ที่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมหลัวเลี่ยจึงได้รับเกียรตินี้ การสร้างเคล็ดวิชานั้นต่อให้ผู้สร้างจะเป็เทพหรือคนที่มีพลังอยู่ในระดับหยินหยางก็ยังไม่น่าใเท่ากับการสร้างเคล็ดวิชาที่สามารถเอาชนะเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดและได้รับการยอมรับมากที่สุดขึ้นมาได้
เคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมที่จักรพรรดิประจิมไท่อีหลงเหลือเอาไว้นั้นเป็ที่รู้จักและได้รับการนับถือมานานแล้ว นอกจากนี้เคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมยังได้รับการยอมรับจากมหาเทพและได้รับการแก้ไขจนเกิดเป็เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดมาแล้วด้วย
เห็นได้ชัดว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมนั้นไม่ธรรมดาเลย
ดังนั้นการที่หลัวเลี่ยสร้างเคล็ดวิชาอื่นขึ้นมาเป็อันดับหนึ่งแทนที่เคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมจึงเป็สิ่งที่ทำให้ทุกคนใมาก
ทุกคนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหลัวเลี่ยไม่ได้สร้างเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ขึ้นมาด้วยตนเองทั้งหมด เขาใช้ความรู้พื้นฐานที่จักรพรรดิประจิมไท่อีหลงเหลือไว้รวมกับเศษเสี้ยวความทรงจำที่เกี่ยวกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วหลัวเลี่ยก็เป็คนรวบรวมและสร้างทุกอย่างขึ้นมาเองอยู่ดี
ก่อนที่นิมิตอันเป็มงคลแห่ง์จะสลายไป ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งไปมองด้วยความตื่นเต้น
แม้ว่าคนจากกลุ่มเต่าสุพรรณจะเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ไว้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นกับเื่นี้เช่นกัน พวกเขาปรายตามองไปยังหลัวเลี่ยที่พวกเขาเคยปรามาสเอาไว้ ซึ่งคนคนนี้ก็เป็คนเดียวกับที่ทำพวกเขาเข้าใจหลักการของพลังหยินหยาง
“มีชายเช่นนี้อยู่จริงๆ หรือ คนที่จะเก่งไปหมดทุกอย่าง ชายผู้เป็อันดับหนึ่งในตอนนี้!”
หลงโต้วไห่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งหนึ่งในสี่แม่ทัพแห่งเผ่าัอุทานขึ้น คำอุทานนี้เมื่อออกมาจากปากของคนที่มีสถานะสูงส่งเช่นเขาแล้วก็นับว่ามีความสำคัญมาก
หลงเยียนหรันพึมพำกับตัวเองว่า “เป็ข้าที่ประเมินพลังของคนที่มีพร์ต่ำไป ข้าคิดว่าคงจะมีแค่ 'ผู้มีัอยู่ในเป้า' คนเดียวเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่เก่งกาจจนข้าเทียบไม่ติดอย่างหลัวเลี่ยอยู่บนดินแดนแห่งนี้ด้วย”
หลงเยียนหรันผู้ภาคภูมิใจในตัวเองเสมอก้มหน้าลง
จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางเสียงะโของผู้คน เสียงหัวเราะนั้นดังมาจากองค์ชายเหลยเจิ้นจื่อแห่งอาณาจักรโจวนั่นเอง “สหายหลัว เหลยเจิ้นจื่อยอมท่านแล้ว ท่านเป็คนอายุน้อยแต่กลับสร้างเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งเป็อันดับหนึ่งของพลังวรยุทธ์ทั้งสามระดับได้ เื่นี้เห็นทีว่าแม้แต่เทพก็คงไม่อาจทำได้ พร์ของท่าน เหลยเจิ้นจื่อยอมรับแล้ว ตอนนี้ในฐานะที่ข้าเป็องค์ชาย ข้าขอประกาศยกเลิกคำสั่งที่ห้ามท่านเข้าอาณาจักร นับแต่นี้อาณาจักรโจวต้อนรับท่านเสมอ!”
ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเหลยเจิ้นจื่อชื่นชมหลัวเลี่ย เขาจึงพูดเพียงว่าไม่ต้อนรับหลัวเลี่ยและไม่ได้พูดว่าห้ามหลัวเลี่ยเข้าอาณาจักรโจว ซึ่งคำพูดของเขาก็ทำให้คนของทางอาณาจักรโจวไม่พอใจมาก เพราะพวกเขาไม่้าให้ความรู้สึกส่วนตัวของเหลยเจิ้นจื่อส่งผลกระทบต่ออาณาจักร
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เอ่ยขัดคำสั่งของเหลยเจิ้นจื่อเื่การเปลี่ยนแปลงการเข้าออกอาณาจักรของหลัวเลี่ยแล้ว ตรงกันข้ามพวกเขากลับดีใจมากที่เหลยเจิ้นจื่อเคยแสดงความเมตตาไปในตอนนั้น
หลัวเลี่ยเป็ผู้ที่สร้างเคล็ดวิชาอันดับหนึ่งของพลังวรยุทธ์ทั้งสามระดับ เื่นี้ย่อมต้องส่งผลต่อความคิดของจักรพรรดิเป็แน่
นี่คือความเป็จริงของดินแดนเหยียนหวง
ในฐานะผู้ฝึกวรยุทธ์ ทุกสิ่งล้วนเป็ไปได้
“มันก็แค่โชคดี!” องค์ชายแห่งอาณาจักรชางอย่างชางจื่อเฟิงพูดพร้อมกัดฟัน
เหลยเจิ้นจื่อพูดในขณะที่ปราศจากรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นเ้าก็แสดงโชคของตัวเองออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ”
ชางจื่อเฟิงฮึดฮัดด้วยความโกรธ
คนที่อยู่รอบๆ กายชางจื่อเฟิงต่างหัวเราะเยาะเขา เหตุการณ์นี้ทำให้ใบหน้าของชางจื่อเฟิงยิ่งบิดเบี้ยวด้วยความโกรธมากขึ้น เขาพูดขึ้นมาว่า “ให้เขามีชีวิตรอดก่อนเถิด ถึงอย่างไรไก้อู๋ซวงก็ต่องฆ่าเขาแน่!”
ไม่ว่าจะเป็ความอิจฉาหรือความเกลียดชัง แต่การที่หลัวเลี่ยสร้างเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ขึ้นมาได้ก็ทำให้เขาใมากเช่นกัน
บริเวณบนยอดต้นไม้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีร่างของสตรีสองคนยืนอยู่
พวกนางก็ใกับการกระทำของหลัวเลี่ยเช่นกัน
“เ้าเคยเสียใจไหมที่เอาแต่สนใจ 'ผู้มีัอยู่ในเป้า'“ เทพีน้ำแข็งจัวชิงหยิ๋งเอ่ยเสียงต่ำ
เทพีจันทราเย่เิหลงยกยิ้มแล้วพูดว่า “ชิงหยิ๋ง พวกเราก็รู้จักกันมานานหลายปีแล้ว ในสายตาของเ้า ข้าเป็คนเช่นนั้นหรือ คนที่ข้ายอมรับมีเพียงเขาเท่านั้นและจะเป็เช่นนี้ตลอดไปไม่มีวันแปรเปลี่ยน แม้ว่าสุดท้ายมันจะเป็ได้แค่ความฝันก็ตาม” นางหยุดชะงักไปเล็กน้อยแล้วยกยิ้มที่คล้ายไม่ยิ้มขึ้นพร้อมเอ่ยว่า “แล้วเ้าเล่า ภายใต้ภาพลักษณ์เ็าที่แสดงออกมา แต่ถึงอย่างไรเ้าก็ยังเป็ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ดี เมื่อเ้าได้พบกับวีรบุรุษคนหนึ่งเช่นหลัวเลี่ย เ้าจะตกหลุมรักเขาั้แ่แรกพบหรือไม่”
สีหน้าของจัวชิงหยิ๋งไม่ได้แสดงถึงความหวั่นไหวใดๆ นางยังคงเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ความสามารถทางวรยุทธ์ของหลัวเลี่ยไม่ได้เป็สิ่งที่ดึงดูดข้าเลยสักนิด เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะเื่ที่เขา้าล้างแค้นให้ข่งเยวี่ยเจินก็เท่านั้น และตอนนี้ข้าก็เห็นว่าเขายังไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย”
“ถ้าเขาทำเช่นนั้นแล้ว เ้าจะชอบเขาหรือไม่” เย่เิหลงถาม
จัวชิงหยิ๋งไม่ได้เอ่ยตอบ