เจียงหงหนิงเป็เด็กที่จริงจังเป็อย่างยิ่ง
ทั้งยังทำงานเก่งมากเช่นกัน
เขาเริ่มจากการย้ายอ่างอาบน้ำใบหนึ่งเข้ามาในห้องของหลินหวั่นชิว จากนั้นก็ไปยกน้ำร้อนจากห้องครัวมาทีละครึ่งถัง
เด็กชายออกแรงจนหน้าแดงไปหมด หลินหวั่นชิวเห็นแล้วใจอ่อนยวบ
เด็กชายหน้าตาน่ารักผู้แปลกประหลาดคนนี้ต้องดูแลทั้งพี่ใหญ่ที่มักออกไปล่าสัตว์ ไม่ค่อยอยู่บ้าน กับพี่ชายคนรองที่นอนป่วยติดเตียง
อายุแค่นี้แต่กลับต้องดูแลทั้งครอบครัว กินไม่อิ่ม ใส่ไม่อุ่น ต้องคอยพะวงเื่การอยู่รอด จะไม่ให้สงสารได้อย่างไร?
หลินหวั่นชิวที่เป็ลูกคนเดียวรู้สึกอิจฉาคนที่มีพี่น้องมาก
ทั้งครอบครัวครึกครื้นมีชีวิตชีวา คงจะมีความสุขน่าดู
น่าเสียดาย พ่อแม่นางยากจน ไม่กล้ามีลูกเยอะ หากมีเยอะคงไม่พอกิน
หลินหวั่นชิวรู้สึกเศร้าขึ้นมาเมื่อนึกถึงพ่อแม่ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนกว่าพ่อแม่จะรู้ว่านางไม่อยู่ที่โลกนั้นแล้ว…
หนึ่งปี สองปี หรือสามปี?
ซื้อหนึ่งแถมสาม…หากไม่มีหมอนั่นคงดีกว่านี้ มีน้องชายให้นางรักเพิ่มมาสองคนก็ไม่เลว
“เสร็จแล้ว น้ำไม่ร้อนมาก อาบเสร็จแล้วเรียกข้านะ ข้าจะได้เอาน้ำออกไปเท” เจียงหงหนิงทำงานเสร็จก็ใช้มือปาดเหงื่อบนหน้าไปด้วย พูดกับหลินหวั่นชิวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไปด้วย
เขาหันหลังเดินออกไปเมื่อพูดจบ ทั้งยังช่วยปิดประตูให้ด้วย
“ขอบคุณนะเสี่ยวหนิง!” หลินหวั่นชิวะโไปทางประตู เจียงหงหนิงที่อยู่ด้านนอกต้องได้ยินอยู่แล้ว เขาเดินไปทางห้องเจียงหงป๋อ พูดกับเด็กหนุ่มที่นอนอิดโรยบนเตียงว่า “พี่รอง พี่สะใภ้ใหญ่เหมือนจะไม่หนีนะ นางช่วยข้าไล่หมอสวี ทั้งยังบอกว่าพี่ใหญ่เป็ผู้ชายของนาง”
เด็กหนุ่มบนเตียงหัวเราะเสียงเย็น “เ้าอย่าถูกนางหลอก เมื่อคืนเ้าก็ได้ยินแล้ว ตอนนี้นางยังไม่ยอมเข้าห้องหอกับพี่ใหญ่! แล้วยังแนะนำพี่ใหญ่ให้หาเมียที่มีลูกได้ทันที…นางกำลังถ่วงเวลาให้ตัวเองหายดีแล้วหนี เลวเหมือนผู้หญิงสองคนก่อนหน้านี้ เ้าทำตามที่ข้าพูดนั่นแหละ จับตาดูไว้ก่อน!”
เด็กชายเดาได้แม่นมาก หลินหวั่นชิวคิดจะหนีจริงๆ
“อื้อ…” สีหน้าเจียงหงหนิงหม่นมัวลง แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเข้าห้องหอคืออะไร แต่ฟังจากที่เจียงหงป๋อพูด ดูเหมือนว่าการเข้าห้องหอจะเป็เครื่องหมายว่าพี่สะใภ้ใหม่ไม่คิดหนี หากไม่เข้าหอก็เท่ากับมีใจเป็อื่น
เด็กชายตัวน้อยรู้สึกผิดหวังในตัวหลินหวั่นชิวมาก
หลินหวั่นชิวที่กำลังแช่ตัวในน้ำร้อนไม่รู้เลยว่าเด็กชายทั้งสองคุยอะไร หากนางรู้ว่าพวกเขาแอบฟังนางกับเจียงหงหย่วนคุยกัน ไม่แน่ว่าอาจโมโหขึ้นมาอีกรอบ
หลินหวั่นชิวรู้สึกสบายตัวมาก แต่ไม่นาน น้ำใสสะอาดในอ่างก็เปลี่ยนเป็สีดำ ทั้งยังมีคราบสกปรกมันเลื่อมลอยบนผิวน้ำ!
นี่คือผลลัพธ์ของโอสถชำระไขกระดูก?
ั้แ่ท้องเสียไปจนถึงขับสิ่งสกปรกบนผิว นี่คือการขจัดพิษแบบสามร้อยหกสิบองศา?
น้ำสกปรกขนาดนี้ หลินหวั่นชิวจะกล้าเรียกให้เจียงหงหนิงมาเทได้อย่างไร!
ยังดีที่นางรู้สึกมีแรงขึ้นมาก ไม่ได้เอาแต่เวียนหัวอีก ไข้ก็เหมือนจะลดลงแล้วเช่นกัน
หลินหวั่นชิวตัดสินใจแล้วว่าจะทำความสะอาดเอง แต่นางเจอปัญหาอีกอย่าง นางไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน!
อาบน้ำแล้วกลับไปใส่ชุดเหม็นๆ นั่นคงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะอาบน้ำทำไม?
นางพลิกหาเสื้อผ้าในตู้ ยังดีที่เจอชุดกางเกงของเจียงหงหย่วน แม้จะเต็มไปด้วยรอยปะแต่ก็สะอาดดี ดมดูแล้วมีกลิ่นสดชื่นของจ้าวเจี่ยว [1]
นางสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าตัวใหญ่กว่านางมาก ให้ความรู้สึกเหมือนสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม
หลินหวั่นชิวต้องพับแขนเสื้อหลายทบกว่าจะเห็นข้อมือ ขากางเกงก็เช่นกัน
หยิบผ้าผูกเอวมารัดกางเกงให้แน่น หาเชือกฟางมารัดเอว จากนั้นจึงหยิบถังเปล่าด้านข้างมาตักน้ำออกไปเท
แม่เ้า เหนื่อยนะเนี่ย!
เจียงหงหนิงเดินเข้ามาช่วยเมื่อได้ยินเสียง แต่หลินหวั่นชิวห้ามไว้ “ไม่ต้องเข้ามา ข้าทำเองได้!”
นางจะให้เจียงหงหนิงเห็นไม่ได้ว่าน้ำสกปรกขนาดไหน ยอมเหนื่อยเป็หมาดีกว่ายอมเสียหน้า
หลินหวั่นชิวไม่เพียงแค่ยืนหยัดจนเทน้ำเสร็จ แต่นางยังลุกขึ้นมาซักเสื้อผ้าต่อ
ส่วนฟูกกับผ้าปู โชคดีที่นางไม่ได้ปีนขึ้นเตียงตัวเปลือย มีเสื้อผ้ากั้นหนึ่งชั้น ที่นอนจึงไม่ได้สกปรก
หลินหวั่นชิวที่เหนื่อยเป็หมาปีนกลับไปนอนแผ่บนเตียง เจียงหงหนิงมองนางอย่างไม่วางใจ ถามนางว่าจะดื่มน้ำไหม
หลินหวั่นชิวมองเจียงหงหนิงตาเขียว “ข้าไม่อยากดื่มน้ำ ข้าอยากกินข้าว อยากกินข้าวสวย!”
เจียงหงหนิง “…”
ข้าวสวย?
ข้าวสวยถ้วยหนึ่งต้มเป็โจ๊กแบ่งกันกินได้อย่างน้อยก็สองคน!
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เจียงหงหนิงปฏิเสธหลินหวั่นชิว “ไม่มีข้าวสวย…แต่…มีมันเผาอยู่หนึ่งหัว” เขาใส่ลงไปเผาในท้องเตาตอนที่ต้มน้ำก่อนหน้านี้ กะว่าจะให้พี่รองกินให้หวานปาก เพราะตัวเขาเองไม่กล้ากินอยู่แล้ว
ช่างเถอะ อีกเดี๋ยวค่อยใส่เข้าไปเผาอีกหัว รอให้พี่ใหญ่ออกไปล่าสัตว์ เขาค่อยเอาจูเฉ่าที่ตัดไปแลกกับป้าๆ น้าๆ ในเมือง
“เช่นนั้นก็กินมันเผา!” หลินหวั่นชิวรู้สึกหิวจะตายอยู่แล้ว อย่างน้อยมันเผาก็เป็อาหารแห้ง เติมท้องให้อิ่มได้ ไม่เหมือนเหมือนโจ๊กที่ต่อให้ข้นเพียงใด ฉี่ออกไปสองครั้งก็หมดแล้ว
ไม่นาน เจียงหงหนิงก็นำมันเผามาให้หลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวแบ่งมันเผาเป็สองส่วน ไอร้อนพวยพุ่ง ส่งกลิ่นหอมหวาน เนื้อมันสีเหลืองทองทำให้มองแล้วรู้สึกเหมือนจะมีน้ำตาลไหลออกมา แค่มองก็น่าอร่อยกว่ามันเผาที่ขายตามท้องถนนในยุคปัจจุบันเป็ร้อยเท่า
หลินหวั่นชิวกัดเข้าปากอย่างอดใจไม่ไหว โอ้โห้ หวานมาก!
นางกินอย่างเคลิบเคลิ้มได้หนึ่งคำเสร็จก็สังเกตเห็นว่าเจียงหงหนิงยืนมองมันเผาในมือนางพร้อมกับกลืนน้ำลายอยู่ด้านข้าง
นางรีบยื่นมันเผาอีกครึ่งหนึ่งให้เขา “เอาไป พวกเราแบ่งกันคนละครึ่ง!”
เจียงหงหนิงทำหน้าบึ้ง “ข้าไม่หิว” พูดจบก็วิ่งออกไป
เชิงอรรถ
[1] จ้าวเจี่ยว(皂角) สมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ฝักสามารถนำมาทำเป็สบู่ได้