บทที่ 65 ลู่จิ่งซานปากไม่ตรงกับใจ
นี่มันเื่อะไรกัน!
คุณนายลู่ถึงกับหน้าบึ้งตึงทันที แต่สวี่จือจือกลับยิ้มปลอบใจ “คุณย่าคะ เื่ของจิ่งซานเป็เื่ใหญ่ เื่ของชาติจะละเลยไม่ได้นะคะ”
ดูสิ ความคิดความอ่านของเธอสูงส่งขนาดไหน ไม่มีทางที่เธอจะคิดรอให้เขาไปก่อนแล้วตัวเองค่อยได้สำแดงฤทธิ์เดชเสียหน่อย
ลู่จิ่งซานเหลือบมองเธอ
สวี่จือจือส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้เขา แล้วรีบพูดแก้ตัว “อย่างมาก...เดี๋ยวพอ่ที่เขาไม่ยุ่งแล้ว หนูจะไปเยี่ยมเขาที่หน่วย B ก็ได้นี่คะ ใช่ไหม?” เธอถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
ดวงตาของลู่จิ่งซานเป็ประกายขึ้นมาทันที
ความคิดนี้ก็เข้าท่าดี
สวี่จือจือ “...”
ที่เธอพูดไปแบบนั้นก็เพราะเห็นหญิงชราเศร้าเลยพูดปลอบใจเฉยๆ พี่ใหญ่อย่าถือเป็จริงเป็จังสิ
แต่ลู่จิ่งซานดันถือเป็จริงเป็จัง
พอตกเย็นตอนเก็บข้าวของ ลู่จิ่งซานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวพอกลับไปคราวนี้ ผมจะทำเื่ยื่นรายงานเลย”
“รายงานอะไรเหรอ?” สวี่จือจือที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงยหน้ามองเขา พอสบกับดวงตาคมกริบของเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ารายงานที่เขาพูดถึงคืออะไร เธออดจะประหม่าไม่ได้ “เื่...เื่ขออนุญาตแต่งงานเหรอ? แต่มัน...เขาว่าต้องคบกันไปก่อนไม่ใช่เหรอ?”
นี่จะยื่นเื่เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
คนพวกนี้ทำงานอะไรก็เฉียบขาดรวดเร็วอย่างนี้เลยหรือไง?
ลู่จิ่งซานวางของในมือลงแล้วเดินเข้ามาหา มองเธอแล้วพูดว่า “ถ้าคุณจะไปหน่วย B พวกเราไม่ยื่นเื่ให้เรียบร้อย มันจะมีปัญหาได้”
ปัญหาอะไร?
ดวงตาผลซิ่งของสวี่จือจือเต็มไปด้วยความสงสัย
ลู่จิ่งซานย่อตัวลงเล็กน้อยให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับเธอ “่ก่อนหน้านี้ที่ผมโทรศัพท์ไปบอกว่าแต่งงานแล้วถึงได้ลาพักร้อน เื่นี้ผมควรจะยื่นรายงานั้แ่กลับไปคราวนี้แล้ว”
พอยื่นเื่ไปผ่านการตรวจสอบประวัติ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะถูกบันทึกไว้อย่างเป็ทางการที่หน่วย B ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่ใช่แค่คนรักกันอีกต่อไป แต่จะเป็สามีภรรยากันแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเธอกำลังจะไปหน่วย B ยังไงก็คงเข้าไปในฐานะคนรักไม่ได้ ต้องเข้าไปในฐานะคนในครอบครัวถึงจะถูก
“ฉัน...เห็นคุณย่าดูเสียใจมาก ฉันเลยพูดออกไปแบบนั้น” สวี่จือจือพูดพลางเคาะโต๊ะ “คุณ...อยากให้ฉันไปเยี่ยมจริงๆ เหรอ?”
ลู่จิ่งซานมองเธอโดยไม่พูดอะไร สวี่จือจือขมวดคิ้ว
ในใจคำนวณเวลาคร่าวๆ ตอนนี้เดือนแปดแล้ว เหลือเวลาอีกปีกว่าๆ จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยระดับของเธอในตอนนี้ยังไงก็สอบได้แน่นอน
แต่ตอนนี้ลู่ซือหยวนกลับมาแล้ว เธอก็ยังคิดจะรอให้ปีหน้ามีการผ่อนปรนเื่นโยบาย แล้วค่อยหาอะไรทำเงินด้วยกัน
ให้ปลาเขาไปก็สู้สอนวิธีจับปลาไม่ได้นี่นา
“คุณไม่อยากมาก็ไม่เป็ไร” ลู่จิ่งซานยิ้มแล้วลูบศีรษะเธอเบาๆ “เดี๋ยวปีหน้าที่ผมลาพักร้อนได้แล้วค่อยกลับมาเยี่ยมคุณ”
สวี่จือจือกำลังครุ่นคิดอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินลู่จิ่งซานพูดแบบนั้น ในใจอดขำไม่ได้
เขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนที่พูดประโยคพวกนี้ น้ำเสียงดูผิดหวังขนาดไหน
คนปากไม่ตรงกับใจ
“อย่างนั้นก็ได้” สวี่จือจือถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย “ทีแรกฉันนึกว่าจะรอใกล้ๆ ปีใหม่ ฉันกับพวกเสี่ยวอวี่จะไปเยี่ยมที่หน่วย B สักหน่อย”
“แต่ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้ว ฉันจะไม่ฝืนใจก็แล้วกัน” เธอส่งยิ้มหวานให้เขา “พวกเราฉลองปีใหม่กันเองที่บ้านก็ได้เหมือนกันนี่นา”
“คุณว่าอะไรนะ?” ลู่จิ่งซานกำไหล่ของเธอแน่น ดวงตาคมกริบเป็ประกายระยิบระยับ จ้องมองเด็กสาวด้วยความตื่นเต้น “คุณว่า...คุณบอกว่าคุณจะมาเยี่ยมผมที่หน่วย B เหรอ?”
“ถ้าคุณไม่เต็มใจก็แล้วไปนะ” สวี่จือจือเบ้ปาก
สิ้นเสียง ร่างของเธอก็ถูกโอบกอดไว้ในอ้อมแขนที่อบอุ่นและแข็งแรง
เหนือศีรษะคือเสียงที่ตื่นเต้นของลู่จิ่งซาน “ใครบอกว่าผมไม่เต็มใจ คุณมาเยี่ยมผมได้ ผมดีใจมากเลย”
“จือจือ” เขาก้มหน้ามองเด็กสาวด้วยความตื่นเต้น “จริงเหรอ?”
สวี่จือจือไม่เคยเห็นลู่จิ่งซานเป็แบบนี้มาก่อน เหมือนกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นยังไงยังงั้น?
แต่การที่คนใหญ่คนโตอย่างเขายอมเผยด้านนี้ออกมาให้เธอเห็น สวี่จือจือก็ทั้งรู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นใจ สองมือโอบรอบเอวที่แข็งแรงของเขาแล้วพูดว่า “อืม จริงสิ”
ลู่จิ่งซานไม่คิดเลยว่าเธอจะรุกเข้ามาแบบนี้ ร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ กว่าจะรู้สึกตัวอีกที รอยยิ้มที่มุมปากก็ห้ามไม่อยู่แล้ว
ทั้งสองคนโอบกอดกันอยู่อย่างนั้น ในห้องเงียบสงบแต่ก็เต็มไปด้วยบรรยากาศชวนฝัน ราวกับมีฟองสบู่สีชมพูเต็มไปหมด
“ผมขอจูบคุณได้ไหม?”
สวี่จือจือชะงักไป เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาก็เห็นลู่จิ่งซานคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มองเธอด้วยสายตาที่อยู่ในระดับเดียวกัน แล้วถามว่า “สวี่จือจือ ผมอยากจูบคุณ”
ปัง! สวี่จือจือรู้สึกว่าใบหน้าของเธอแทบจะไหม้แล้ว
คนคนนี้! จะจูบคนอื่นยังต้องขออนุญาตด้วยเหรอ?
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน แต่ก็เคยเห็นฉากจูบจากในนิยาย และเคยจินตนาการถึงฉากจูบแรกของตัวเอง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจูบแรกในสองชาติของเธอจะเป็การถูกขออนุญาตแบบนี้
เธอสึกขำปนเอ็นดู ไม่นึกเลยว่าลู่จิ่งซานที่ดูสุขุมเยือกเย็นจะมีด้านที่ใสซื่อบริสุทธิ์แบบนี้ด้วย ไม่ควรจะเป็ประธานเผด็จการเหรอ?
อยากจะหัวเราะขึ้นมา แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าหัวเราะออกมาคงจะน่าอายมากแน่ๆ
เธอกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็มีคนมาจูบที่หน้าผากเธอเบาๆ จากนั้นลู่จิ่งซานก็ลูบศีรษะอีกครั้ง “เอาล่ะ ผมไปเก็บของก่อนนะ” พูดจบก็รีบลุกขึ้นยืนเก็บข้าวของของตัวเองอย่างเสียไม่ได้
อาการที่เรียกว่าหนีไปอย่างทุลักทุเล คงจะหมายถึงลู่จิ่งซานเมื่อกี้นี้
สวี่จือจือรู้สึกเสียดายเล็กน้อย รู้อย่างนี้เมื่อกี้ไม่น่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน ควรจะพยักหน้าตกลงไปเลย อีกใจก็คิดว่าที่เมื่อกี้เขาบอกว่าจะจูบตัวเอง ที่แท้ก็แค่จูบที่หน้าผากเหรอ?
เธอจ้องมองเนื้อหาในหนังสืออยู่นานก็อ่านไม่เข้าสมองสักที
ทางด้านลู่จิ่งซานก็ไม่ดีไปกว่ากัน ในใจด่าตัวเองแทบตาย
รู้สึกเสียใจ ทำไมถึงได้ผลีผลามแบบนี้นะ? ดูสิ เขาทำให้เธอใขนาดไหนกัน จนคนดู ‘ซื่อบื้อ’ ไปเลย
สวี่จือจือคน ‘ซื่อบื้อ’ “...” ถ้ารู้ว่าลู่จิ่งซานคิดอะไรอยู่ คงได้ร้องไห้ออกมา
เธอไม่ได้ใสักหน่อย ในใจก็แอบตั้งตารออยู่ต่างหาก
“ผม...”
“คุณ...”
“คุณพูดก่อน”
“คุณพูดก่อน”
ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
สวี่จือจือหัวเราะออกมา แล้วมองลู่จิ่งซาน “คุณประหม่าเหรอ?”
วันนี้เธอเพิ่งรู้ว่าที่จริงแล้วลู่จิ่งซานก็มีมุมน่ารักแบบนี้ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่นักเขียนคนนี้จะชอบเขามากขนาดนี้ แต่พอคิดว่าผู้ชายคนนี้ในอนาคตอาจจะเป็ของเธอ ในใจก็ยิ่งหวานชื่น
“อะไรเหรอ?” ลู่จิ่งซานกัดฟันล่าง “เมื่อกี้คุณจะพูดอะไร?”
“ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ฉันอยาก...” สวี่จือจือพูด
ลู่จิ่งซานเหลือบมองเธอ “คุณอยากทำอะไร?”
“เมื่อกี้คุณอยากจะพูดอะไร?” สวี่จือจือยิ้ม “ฉันก็แค่อยากทำอย่างนั้น?”
ลู่จิ่งเหนียนที่เดินผ่านหน้าต่างพวกเขา “...” สรุปว่าสองคนนี้ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน กำลังเล่นอะไรกันอยู่เนี่ย?
“ทีแรกฉันว่าจะเรียกหาลู่จิ่งเหนียน” สวี่จือจือพูด
ลู่จิ่งเหนียนที่แอบฟังอยู่ข้างนอก “พี่...พี่สะใภ้สาม ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง ผมแค่เดินผ่านมาจริงๆ นะ” ใแทบตายแล้ว!
สวี่จือจือ “...อ้อ ฉันไม่รู้ว่านายอยู่ข้างนอก ฉันมีเื่จะคุยด้วยพอดี นายรอ...”
“ไม่มีธุระอะไรกับนาย” ลู่จิ่งซานขัดจังหวะสวี่จือจือพูดกับลู่จิ่งเหนียนที่อยู่ข้างนอก “รีบๆ นอน จะได้ตัวสูงๆ”
ลู่จิ่งเหนียน “...” แทงใจดำ!
แม้ว่าเขาจะไม่สูงเท่าพี่สาม แต่ก็ไม่ถือว่าเตี้ย สูงตั้งหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดเิเ ถือว่าใช้ได้แล้ว
บอกว่ารีบนอนจะได้สูง ยังคิดว่าเขาเป็เด็กสิบขวบเหรอ?
แต่คำพูดนี้เขาไม่กล้าตอบโต้ ได้แต่หนีไป
พวกพี่เล่นอะไรก็เล่นกันไป ผมสู้ไม่ได้ก็หลบแล้วกัน!
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้