ฟิ้ว!
เสี่ยวเฮยหมุนตัวพุ่งกลับมาพร้อมกับเสียงลมแหวกอากาศ ในสายตาของทุกคนเงาร่างสีดำของมันค่อยๆ เริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จากตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลพริบตาเดียวกลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าของทุกคนอีกครั้ง ร่างของมันสั่นกระตุกขึ้นครั้งหนึ่ง จากนั้นเงาร่างที่พุ่งแหวกอากาศมาด้วยความเร็วพลันหยุดลงในทันที
ฮะ! ทั้งสี่คนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ระดับความเร็วขนาดนี้ถือว่าเป็ที่น่าใเป็อย่างยิ่ง แต่ที่น่าใยิ่งกว่าคือ ในการเพิ่มระดับความเร็วและลดระดับความเร็ว เสี่ยวเฮยไม่จำเป็ต้องใช้เวลาในการเร่งหรือลดเลย มันทำเพียงแค่สั่นกระตุกร่างทีหนึ่งก็สามารถเพิ่มและลดระดับความเร็วได้อย่างใจนึก เื่ที่น่าเหลือเชื่อจนเกินไปเช่นนี้หากพูดบอกออกไปคงไม่มีผู้ใดเชื่ออย่างแน่นอน
“ตอนนี้ท่านเชื่อแล้วใช่ไหม อาศัยพลังความเร็วของข้าที่มี ขอเพียงอยู่ภายในป่า ัดำอย่าหวังจะได้เห็นแม้แต่เงาของข้า พวกท่านรีบไปเถอะ หากไม่มั่นใจว่าจะทำได้ข้าคงไม่ทำเื่ที่ฆ่าตัวตายอย่างโง่ๆ แน่นอน!” ดวงตาที่เร่าร้อนของเสี่ยวเฮยจ้องมองไปที่เย่ชิงหาน บอกเป็นัยๆ ว่าให้เชื่อตนเอง สำหรับพวกเย่สือซานและเย่สือชี ในฐานะที่เป็อสูรศักดิ์สิทธิ์มันี้เีแม้แต่จะสนใจ
“ไป!” เย่ชิงหานนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ส่งสายตาบอกให้เสี่ยวเฮยระวังให้มาก จากนั้นพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วหมุนตัวทะยานออกไปยังนอกหุบเขา
“ระวังด้วย เสี่ยวเฮย! พวกเราไป!”
เมื่อเห็นเย่ชิงหานพุ่งทะยานออกไปก่อน เย่สือซานไม่ได้พูดอะไรมาก หันหน้าไปทางเย่สือชีและเย่ชิงอู่แล้วพูดราบเรียบออกมาไม่กี่ประโยค ัดำตัวผู้ไม่อยู่ ตัวเมียอยู่ใน่ออกไข่พลังชีวิตลดลงเป็อย่างมาก พวกเขาไม่ต้องห่วงกังวลใดๆ โคจรพลังปราณรบเต็มที่พุ่งทะยานกลายเป็เงาเลือนรางมุ่งตรงออกไปยังภายนอกหุบเขาในทันที
.................................
เยาขาข่าอารมณ์เสียถึงที่สุด มองดูัดำที่ลอยขดตัวอยู่บนอากาศที่อยู่ห่างออกไปพร้อมกับเสียงร้องคำรามที่ดังออกมาไม่หยุด มองดูเหล่านักรบผู้ติดตามทั้งหลายของตนเองถูกัดำไล่ตามฆ่า หนีตายกันอุตลุด เช่นนี้เป็ใครก็คงจะอารมณ์ดีขึ้นมาไม่ได้แน่นอน
“ไอ้ลูกสุนัขถูเชียนจวิน ทำข้าซะเสียหายย่อยยับถึงเพียงนี้!”
ในการมาเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้บิดาของเขาส่งนักรบระดับหัวกะทิที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจมาให้จำนวนแปดคน ตอนนี้กลับเหลือแค่เพียงปีศาจจิ้งจอกและปีศาจเสือที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับนี้อยู่แค่เพียงสองคน ครั้งที่แล้วที่ตามไล่ตามสังหารพวกเย่อีถูกัดำฆ่าไปสองคน ตอนอยู่ช่องเขาหมาป่าจันทราสีเงินสองหัวถูกเ้าหมาป่าตัวนั้นฆ่าไปอีกสองคน ตอนนี้มีอีกสองคนที่ยังอยู่ภายในหุบเขาัดำเป็ตายไม่รู้ แต่คิดว่าคงไม่น่าจะรอดเช่นเดียวกัน
ครั้งนี้นำกองกำลังมาทั้งหมดหนึ่งพันกว่าคน บวกกับนักรบกองกำลังอื่นๆ ที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจนับรวมกันได้อีกสิบกว่าคน ต่อให้นักรบระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจคนอื่นๆ ตายหมดเขาก็ไม่รู้สึกเสียดายหรือเ็ปแต่อย่างใด แต่สองคนที่ยังอยู่ภายในหุบเขาัดำนั้นเป็ยอดฝีมือที่บิดามอบมาให้เป็ผู้รับใช้แก่เขา มีความจงรักภักดีต่อเขาเป็อย่างมาก และเป็ขุมกำลังที่เป็รากฐานสำคัญเมื่อเขาจะต้องขึ้นเป็ปีศาจศักดิ์สิทธิ์ผู้ปกครองเผ่าปีศาจในวันข้างหน้า งานประลองในครั้งนี้ลูกน้องของตนเองที่มีพลังฝีมือในระดับราชันย์ปีศาจตายไปถึงหกคน ยังไม่ต้องพูดว่าตนเองนั้นเ็ปใจมากแค่ไหน แค่ตอนกลับไปยังเผ่าปีศาจก็ไม่รู้ว่าทนรับกับความเดือดดาลของบิดาได้อย่างไร
“ต้องเป็แผนชั่ว มันจะต้องมีแผนชั่วอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ!”
เยาขาข่าวิ่งตะบึงหลบหนีอย่างไม่สนเส้นทาง ภายในใจร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง เื่นี้เมื่อเริ่มคิดไตร่ตรองให้ละเอียดเขารู้สึกว่าอาจจะเป็แผนการร้ายที่นครแห่งเทพและเขตปกครองเทพาร่วมมือกันทำขึ้น ถ้าไม่อย่างนั้นทั้งสี่ตระกูลจะโชคดีอะไรทุกครั้งถึงขนาดนั้น? คราวที่แล้วพอดีมีกองกำลังหนึ่งผ่านมาและยังะโเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาแบบไม่เสียดายชีวิต สุดท้ายยังล่อพวกเขาให้เข้าไปในช่องเขาเพื่อเผชิญกับหมาป่าสีเงินสองหัวได้สำเร็จอย่างพอดิบพอดี
ครั้งนี้ยิ่งหนักกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าถ้าไม่ใช่อยากให้พวกเขาตายแล้วมันคืออะไร? ัดำที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมเช่นนี้ ต่อให้รวมกำลังของนักรบทั้งหมดทั่วทั้งเกาะแห่งความมืดมิดก็ใช่ว่าจะสามารถสังหารมันลงได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับพวกเขาเพียงแค่สองพันคน?
หนี! หนี!
หนีกลับไปค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราว เขาตัดสินใจว่าจะไม่กลับออกมาจากค่ายใหญ่อีกแล้ว สมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์อะไรก็ไม่เอาแล้ว ถ้าไม่มีชีวิตแล้วอะไรก็คงไม่มีสักอย่าง
หมันก้านเองก็อารมณ์เสียอย่างมากเช่นเดียวกัน แน่นอนเพราะไม่ว่าใครหากถูกัตัวหนึ่งไล่ตามก้นมาอารมณ์คงไม่สามารถที่จะดีได้ เขาไม่เหมือนเยาขาข่า นักรบระดับหัวกะทิของเผ่าคนเถื่อนล้วนเป็ประชาชนของเขา ตายแม้เพียงคนเดียวเขาก็รู้สึกโกรธแค้นเดือดดาล เพียงเพื่อคำสัญญาเลื่อนลอยเกี่ยวกับสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ และเพื่อผูกมิตรไมตรีกับนครแห่งเทพ นักรบระดับหัวกะทิของเผ่าคนเถื่อนกลับต้องมาตายมากมายเช่นนี้จะไม่ให้เขาโกรธแค้นเดือดดาลได้อย่างไร? มองดูประชาชนของตนเองด้านหลังที่ถูกไฟพลังัแผดเผาจนกลายเป็ตอตะโก มองดูประชาชนของตนเองถูกหางของัฟาดจนกลายเป็กองเนื้อบด เขายิ่งโกรธแค้นเป็เท่าทวีคูณ
เพียงแต่ในเวลานี้นอกจากวิ่งหนีแล้วไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เลย ดังนั้นอารมณ์ในตอนนี้ทั้งอึดอัด ทั้งเดือดดาล ไม่รู้ว่าจะระบายออกมาอย่างไร
“เื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็เพราะเ้าคนเผ่ามนุษย์ที่ชื่อเย่ชิงหานเป็ต้นเหตุ หากมีโอกาสข้าจะต้องฉีกมันให้เป็ชิ้นๆ ให้ได้!” หมันก้านใช้สองมือทุบอกของตนเองไปรอบหนึ่งอย่างรุนแรง แล้วก็วิ่งตะบึงต่อไป
สภาพการณ์ภายนอกหุบเขาัดำมองดูเป็ที่น่าสนุกสนาน เหมือนกับเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนสนามหญ้าด้วยความโกรธแค้น ใช้เท้าไล่เหยียบฝูงมดที่วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปทั่วทุกทิศด้วยความแตกตื่นใ...
บางครั้งก็มีนักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่ไม่สนว่าหนทางหลบหนีจะเป็ทางใด คิดอยากที่จะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในการหลบหนี เพียงแต่เมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกเปิดใช้งานขึ้นมันจะปรากฏแสงสว่างลานตาขึ้นมาแวบหนึ่ง และที่สำคัญที่สุดคือมันต้องใช้เวลาอยู่หลายวินาทีในการเคลื่อนย้ายจนสำเร็จ ใน่หลายวินาทีนั้นเองผู้ที่อยู่ภายในค่ายกลเคลื่อนย้ายต่างกลายเป็กองกระดูกและเนื้อบดภายใต้การโจมตีของัดำ สิ่งที่ถูกเคลื่อนย้ายไปจึงมีเพียงแค่กองกระดูกสีขาวและกองเนื้อบด หลังจากที่ทดลองกันไปหลายครั้งจึงไม่มีใครกล้าที่จะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในการหลบหนีอีก ต่างหันกลับมาวิ่งตะบึงหนีกันอย่างสุดชีวิตดังเดิม
.................................
พวกเย่ชิงหานทั้งสี่ออกมาจากหุบเขาเป็ที่เรียบร้อย แน่นอนว่าไม่กล้าหยุดพักและทำการเดินวนรอบหุบเขาเพื่ออ้อมไปอีกฟากทางด้านหลัง จากนั้นถึงค่อยออกแรงวิ่งตะบึงไปอีกทางที่ตรงกันข้ามกับัดำ
วิ่งตะบึงออกมาได้ราวสิบนาทีกว่าๆ จึงหยุดพักฝีเท้าอยู่ที่ป่าแห่งหนึ่งเชิงตีนเขา ภายในป่ามีต้นไม้และเครือเถาวัลย์ขึ้นอย่างหนาแน่น เมื่อเข้ามาภายในลักษณะของป่าที่ขึ้นล้อมรอบราวกับรังของสัตว์ที่มองเข้ามาจากภายนอกไม่สามารถที่จะมองเห็นพวกเขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาค้นพบค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งหนึ่งอยู่ภายในป่าด้วย
พวกเขาเตรียมที่จะหยุดพักรออสูรกลืนิญญาเสี่ยวเฮยอยู่ที่นี่ แม้ว่าเย่ชิงหานและเสี่ยวเฮยจะมีพันธสัญญาทางิญญาที่สามารถติดต่อกันได้ แต่ถ้าหากห่างไกลจนเกินไปก็ไม่อาจที่จะััถึงกันได้ ดังนั้นหลังจากที่ค้นพบสถานที่แห่งนี้จึงได้ตัดสินใจว่าควรหยุดพักรออยู่ที่นี่อย่างสงบให้เสี่ยวเฮยกลับมา
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปภายในหุบเขายังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แม้แต่น้อย ไม่มีวี่แววของเสี่ยวเฮย ทุกคนเริ่มเป็กังวลขึ้นมา โดยเฉพาะความกระวนกระวายบนใบหน้าของเย่ชิงหานที่ไม่สามารถจะปกปิดได้ เขาเดินวนไปมาอยู่ภายในป่า สายตาสอดส่องออกไปยังภายนอกป่ารอบด้าน แต่ก็ไม่เห็นเงาร่างสีดำที่คุ้นเคยโผล่มาให้เห็นสักที
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ยังคงไม่มีเงาร่างของเสี่ยวเฮยโผล่มาให้เห็น ในขณะที่ใบหน้าของทุกคนเริ่มดำคล้ำเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทันใดนั้นภายในหุบเขาัดำพลันบังเกิดเสียงร้องคำรามของัดังขึ้นด้วยความโกรธแค้น จากนั้นสถานที่บางแห่งที่ห่างไกลออกไปบังเกิดเสียงร้องคำรามของัที่โกรธแค้นเดือดดาลยิ่งกว่าอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เสี่ยวเฮย!”
เย่ชิงหานมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างสะดุ้งใ ปากร้องออกมาด้วยความเป็ห่วงกังวล แน่ชัดแล้วว่าเสี่ยวเฮยคงทำอะไรภายในหุบเขาัดำแห่งนั้นแล้วแน่ ถึงได้ทำให้ัตัวเมียร้องขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นโดยไม่คำนึงถึงว่าจะกระทบต่อร่างกายที่กำลังอ่อนแอของมันเอง มันร้องเพื่อเรียกัดำตัวผู้ให้กลับมา เมื่อได้ยินเสียงัดำตัวผู้ร้องขึ้น สีหน้าของทุกคนยิ่งไม่น่าดูขึ้นไปอีก เสียงร้องคำรามของมันแม้จะรู้สึกเหมือนว่ายังอยู่ห่างไกลออกไป แต่พวกเขารู้ดีว่ามันอยู่ไม่ไกลแล้ว มารอสูรระดับแปดคุณภาพขั้นสูงเช่นมันรีบเร่งลอยมาไม่กี่นาทีก็กลับมาถึงหุบเขาัดำได้ ถ้าหากเสี่ยวเฮยถูกมันดักไว้กลางทางคงต้องเผชิญกับอารมณ์โกรธแค้นเดือดดาลและความโหดร้ายป่าเถื่อนที่มันจะระบายออกมาอย่างแน่นอน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้