เมื่ออวิ๋นซีได้ทราบข่าวแล้วก็เลิกคิ้วถาม “คนตายหรือยัง? ” คนตระกูลลู่นั้นล้วนแต่โเี้อำมหิต ลู่เหวินเจิ้นผู้นี้เองก็เช่นกัน เพราะนับแต่ที่เขาเห็นแก่ตัวถึงขั้นเสพสังวาสกับลูกเลี้ยงของตนได้ นางก็รู้แล้ว
ยิ่งกว่านั้น ฮูหยินลู่สวมหมวกเขียวให้เขา ไม่ว่าอย่างไรลู่เหวินเจิ้นก็จักต้องหาวิธีสังหารคนแน่ และเหตุที่ต้องอดทนมากว่าสองเดือนก็เพียงเพราะเขายังหาเวลาที่เหมาะสมไม่ได้ก็เท่านั้น
เซียงเอ๋อร์ตอบ “ยังเพคะ แต่ท่านหมอบอกว่า คงอยู่ได้อีกไม่นาน”
อวิ๋นซียิ้มเ็า
เซียงเอ๋อร์รีบถามต่อ “ให้พวกเราเติมเชื้อไฟอีกหน่อยหรือไม่เพคะ? ”
เซียงเอ๋อร์และสาวใช้อีกสามคนล้วนเป็คนที่จวินเหยียนฝึกฝนมา พวกนางจึงซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อจวินเหยียนเป็อย่างยิ่ง ขณะที่พระชายาเองก็กระทำเื่เหล่านี้โดยมิได้คิดปิดบัง ดังนั้น เซียงเอ๋อร์ย่อมทราบความคิดของนายหญิงตนดี
อวิ๋นซีส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอก เื่นี้คนของเราอย่าได้เข้าไปพัวพันด้วยเลย เพราะฟางเส้นสุดท้ายของฮูหยินลู่มิควรเป็การกระทำของคนของเรา” เื่เช่นนี้ ต่อให้พวกนางไม่ทำ แน่นอนว่าต้องมีผู้อื่นทำ
ณ จวนตระกูลลู่
ตอนที่ลู่อวี้ฉิงย่างก้าวเข้าไปในห้องของฮูหยินลู่ ทั่วทั้งห้องนั้นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเืเสียจนอดไม่ได้ให้ต้องเบะปากด้วยความรังเกียจที่อัดแน่น จากนั้นนางจึงหันไปพูดกับสาวใช้และผ่อจื่อที่เฝ้าอยู่ในห้อง “พวกเ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะดูแลท่านแม่อยู่ที่นี่เอง”
ลู่อวี้ฉิงเป็ถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนนี้ ทั้งยังเป็บุตรสาวแท้ๆ ของฮูหยินลู่ แน่นอนว่าทุกคนย่อมไม่มีทางขัดขืนหรือเห็นแย้งอันใด
ลู่อวี้ฉิงเดินไปยังข้างกายฮูหยินลู่ เมื่อได้เห็นท่าทางใกล้จะหมดลมหายใจของผู้เป็มารดา นางก็เรียกเสียงต่ำ “ท่านแม่ ท่านหลับแล้วหรือ? ”
ฮูหยินลู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นบุตรสาวอยู่เคียงข้างก็ราวกับมองเห็นดาวช่วยชีวิตก็ไม่ปาน “อวี้เอ๋อร์ ไปเชิญท่านหมออวิ๋นมาที่นี่ให้แม่ที” นางรู้ หากหนนี้ยังไม่เชิญท่านหมออวิ๋นมาอีก ตัวนางจักต้องสิ้นชีวิตไปเป็แน่ นางยังไม่อยากตาย
เมื่อลู่อวี้ฉิงได้ยินคำขอร้องอ้อนวอนนั้นก็สะบัดมือคนที่เกาะกุมมือตนออกทันที แค่นเสียงเ็า “จะเชิญท่านหมออวิ๋นมาทำอันใดหรือเ้าคะ ? มิใช่ว่า ตอนนี้ท่านได้นอนอยู่เช่นนี้ก็นับว่าดีมากแล้วหรอกหรือ เหตุใดจึงต้องเชิญหมอมาที่นี่อีก”
ฮูหยินลู่มองบุตรสาวตนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “อวี้เอ๋อร์ เ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอันใดอยู่? ”
ลู่อวี้ฉิงหัวเราะเ็า “แน่นอน ข้าต้องรู้แน่อยู่แล้ว อีกประการ เื่ก็มาถึงตอนนี้แล้ว ท่านอย่าได้เรียกข้าว่าอวี้เอ๋อร์อีกเลย อย่าทำให้ข้าต้องรู้สึกขยะแขยงไปมากกว่าอีกเลย ข้าจะบอกความจริงแก่ท่าน ต่อให้ท่านจะอยากเชิญหมอมา แต่จงรู้ไว้เสียว่า ลู่เหวินเจิ้นไม่มีทางยอมให้สตรีดอกหยางน้ำ [1] เยี่ยงท่านมีชีวิตอยู่ต่อไปหรอก”
นางมองมารดาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าชั่วร้าย ในดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารเข้มข้น “แปลกใจมากใช่หรือไม่ที่ข้าพูดเช่นนี้ แล้วความรู้สึกของการลอบมีสัมพันธ์กับผู้อื่นเล่า เป็อย่างไร? ข้าอยากจะถามท่านแม่ที่แสนดีของข้าเสียจริง เพราะตอนที่ท่านกระทำเื่เช่นนั้นกับผู้อื่น ตัวท่านหาได้นึกถึงข้าไม่ ตอนที่ท่านอุ้มท้องลูกของคนอื่นทั้งๆ ที่อยู่กินกับลู่เหวินเจิ้น ท่านเคยนึกถึงข้าบ้างหรือไม่? ท่านก็รู้ดีมิใช่หรือ หากคนเช่นเขาได้ล่วงรู้เข้าย่อมไม่มีทางยอมปล่อยข้าไปแน่”
“อะไรนะ เขารู้แล้ว” ฮูหยินลู่คิดอยากจะดิ้นรนลุกขึ้น แต่ร่างกายท่อนล่างกลับเจ็บแปลบจนนางไม่อาจขยับตัวได้อีกแม้สักกระผีก
ไม่หรอก เื่นี้ถูกปิดบังมานานหลายปี จะมีคนมาล่วงรู้เข้าเอาตอนนี้ได้อย่างไร? เนื่องจากระหว่างพวกเขาล้วนไม่เคยเปิดเผยความน่าสงสัยใดให้เล็ดลอดออกมา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครรู้หรอก
“ใช่ เขารู้อยู่นานแล้ว” ลู่อวี้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเ็ายิ่ง “เขาไม่เพียงรู้ว่าท่านเป็สตรีดอกหยางน้ำ แต่ยังรู้อีกด้วยว่า ข้ามิใช่ลูกแท้ๆ ของเขา ท่านแม่คนดีของข้า ประหลาดใจมากใช่หรือไม่ อยากรู้ใช่หรือไม่ว่าข้าต้องอ่อนน้อมและอดทนเยี่ยงไรถึงได้รอดจากเงื้อมมือเขามาได้? ”
“อวี้เอ๋อร์ อวี้เอ๋อร์ เขาทำอันใดเ้าหรือไม่? จงรีบหนีไปเสีย รีบไปหาท่านลุงเ้าที่ด่านฉีเหมิน” ฮูหยินลู่รีบพูดด้วยรู้ดีว่าตนเองนั้นคงหลบเลี่ยงชะตากรรมนี้ไม่พ้นแล้ว หากจะต้องตายก็ช่างเถอะ แต่บุตรสาวของนางและเขาจะตายไม่ได้
ลู่อวี้ฉิงมองดูความลนลานในดวงตาของอีกฝ่าย จากนั้นจึงหัวเราะเ็าออกมา “ท่านแม่คนดี สายเกินไปแล้ว” เมื่อพูดจบ นางก็คว้ามือของฮูหยินลู่มาทาบทับบนท้องน้อยของตนอย่างเบามือ “รู้หรือไม่ว่าด้านในนี้มีสิ่งใดอยู่? ยามนี้ข้าตั้งครรภ์แล้ว เด็กนี่เป็ลูกของลู่เหวินเจิ้น”
ชั่วขณะนั้นฮูหยินลู่ก็รู้สึกราวกับฟ้าถล่มดินทลายถึงขนาดที่นางคลับคล้ายหายใจไม่ออก “เ้าว่าอันใดนะ? เ้าตั้งครรภ์หรือ? และเด็กเป็ลูกของลู่เหวินเจิ้น? ” ไม่ ทุกอย่างต้องไม่ใช่เช่นนี้ บุตรสาวสุดที่รักของนางควรจะได้แต่งให้บุรุษที่มีตำแหน่งสูงส่ง ไม่ใช่เดรัจฉานเยี่ยงลู่เหวินเจิ้น
ลู่อวี้ฉิงหัวเราะหึหึเ็า “จริงแท้แน่นอน ท่านรู้หรือไม่ ในตอนนั้นเขาให้ข้าเลือกระหว่างยอมตายกับยอมโอนอ่อนให้เขา ซึ่งแน่นอนว่า ข้าเลือกที่จะโอนอ่อนให้เขา ทั้งยังเป็คนปลดเสื้อปลดเข็มขัดให้เขาด้วยตัวเอง พวกเราเองก็ทำเื่เช่นเดียวกันนั้นใต้จมูกท่านจนกระทั่งข้าตั้งครรภ์เด็กคนนี้ ท่านแม่คนดีของข้า ในใจท่านมีความรู้สึกผิดบาปสักนิดบ้างหรือไม่? เป็เพราะท่าน เป็พวกท่านที่ทำให้ข้าต้องมีชีวิตเช่นนี้”
เดิมทีคิดว่า หากยอมโอนอ่อนให้บุรุษผู้นั้น อย่างน้อยๆ ในอนาคตข้างหน้าตนก็จะได้มีชีวิตความเป็อยู่ที่ดี มิคาดยามนี้จะมีอวี้จู๋โผล่มาอีกคนหนึ่ง อวี้จู๋ที่ทั้งงดงามกว่านาง ทรงเสน่ห์และมีชั้นเชิงยิ่งกว่า คนสามารถทำให้ลู่เหวินเจิ้นรั้งอยู่ในห้องตนได้ทั้งวันทั้งคืน หากปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไป หรือหากอวี้จู๋เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ไม่แน่ตัวนางก็อาจต้องตาย
ยิ่งฮูหยินลู่ได้ฟัง สายตาที่ทอดมองบุตรสาวตนก็ยิ่งไม่ปกติ ขณะเดียวกันนั้นลู่อวี้ฉิงยังคงพูดต่อ “ท่านรู้หรือไม่? ครั้งนี้ที่ท่านต้องกลายเป็เช่นนี้ควรต้องขอบคุณข้า มิเช่นนั้น ท่านก็คงไม่แท้ง และยิ่งไม่มีทางมีอันตรายถึงชีวิต”
เมื่อฮูหยินลู่ฟังถึงตรงนี้ก็นับว่าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ที่แท้เหตุที่ตนแท้งจนต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ล้วนเป็เพราะบุตรสาวของตน
“เพราะอะไร เ้าทำเช่นนี้ทำไม” นางดึงชายเสื้อของบุตรสาวไว้อย่างเอาเป็เอาตายพร้อมเอ่ยถาม
ลู่อวี้ฉิงหัวเราะหึหึ “เพราะลู่เหวินเจิ้นอยากให้ท่านตาย ข้าเองก็อยากให้ท่านรีบตายเช่นกัน เมื่อท่านตายไปแล้ว ก็จะได้เป็การเว้นที่ว่างไว้ให้ข้าอย่างไรเล่า ท่านไม่คิดหรือว่า ตำแหน่งฮูหยินลู่ที่ท่านได้ครองมาสิบกว่าปีสมควรจะเปลี่ยนคนได้แล้ว”
“อ้า” ถ้อยคำเ่าั้ที่ออกจากปากบุตรสาว ทำให้ฮูหยินลู่ที่ได้แต่อดทนฟังถึงกับทนไม่ไหวอีกต่อไป นางกระอักเืออกมาคำหนึ่ง
เมื่อลู่อวี้ฉิงเห็นเช่นนั้นก็รีบะโเสียงดัง “มีใครอยู่ด้านนอกหรือไม่ ตามหมอเร็ว ตามหมอเร็ว ให้เขารีบมาช่วยท่านแม่ข้าที”
เพียงไม่นาน ข่าวการแท้งตายของฮูหยินลู่ก็แพร่ออกไป คนมากมายที่รับรู้ต่างอดไม่ได้ให้รู้สึกเสียใจและเสียดาย เพราะลู่เหวินเจิ้นเองก็เฝ้ารอให้สตรีในจวนตนตั้งครรภ์มานานหลายปี ทว่า ตอนนี้ภรรยาเอกตั้งครรภ์แล้ว ทั้งยังมีความเป็ไปได้มากว่าจะได้บุตรชายเมื่อเข้าวัยกลางคน แต่ใครเล่าจะรู้ว่าคนต้องมาพบเจอกับเื่เช่นนี้
ในคืนเดียวกันกับที่ฮูหยินลู่สิ้น ตระกูลลู่ก็ได้แพร่ข่าวออกมาว่า เหตุเพราะมารดาสิ้น คุณหนูใหญ่ตระกูลลู่ที่โศกเศร้าเกินไปจึงได้สิ้นใจตามไปด้วยอีกคน ยามนี้ทั้งฮูหยินลู่และคุณหนูเพียงคนเดียวของตระกูลล้วนตายสิ้น
คนมากมายต่างคิดกันไปว่า การมีสตรีในเรือนหลังมากเกินไปก็หาใช่เื่ดี เป็เหตุให้คนมั่งมีจำนวนไม่น้อยพากันส่งตัวอนุเล็กๆ ของตนออกไป และเก็บไว้เพียงอนุที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว
ในบ้านต่อให้จะมีแค่บุตรสาว หากอยากได้บุตรชายก็สมควรยิ่งที่จะไปพยายามกับผู้เป็ภรรยาเอก เพราะไม่ว่าอย่างไรก็นับว่าดีกว่าหากตนจะได้มีบุตรชายสายตรงที่ภรรยาเอกเป็ผู้ให้กำเนิด แต่ตระกูลลู่ก็โชคร้ายนักที่นายหญิงของจวนกลับถูกอนุเล็กๆ ปองร้ายจนตาย
ชั่วขณะนั้น เหล่าภรรยาเอกไม่น้อยที่ได้ทราบเื่นี้ต่างก็รู้สึกว่าฮูหยินลู่ตายได้ดี ตายได้เยี่ยม ตายได้เหมาะ สมกับตำแหน่งอันทรงเกียรติและหน้าที่อันสูงส่งยิ่งแล้ว
ทว่า ตอนที่อวิ๋นซีได้ทราบข่าวนั้น นางกำลังกินข้าวอยู่กับจวินเหยียนพอดี จึงได้แต่เผยรอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปากตน “ที่แท้คนก็จะใช้กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ [2] เพื่อมอบชีวิตใหม่และสถานะใหม่ให้ลู่อวี้ฉิง”
“เ้าหมายความว่า ลู่เหวินเจิ้นจะตบแต่งลู่อวี้ฉิงเข้ามา? ” จวินเหยียนเลิกคิ้วมองไปยังอวิ๋นซี พูดตามจริง หากเป็เื่อื่นเขายังสามารถคาดเดาได้ แต่สำหรับเื่ระหว่างชายหญิงนี้ เขาใส่ใจเพียงอาซีนับแต่แรกเริ่มและตลอดไป
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] สตรีดอกหยางน้ำ(水性杨花)หมายถึง สตรีหลายใจมากรัก
[2] กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ(金蝉脱壳)หมายความถึงกลยุทธ์ที่ใช้ในการหลบหลีก หลอกล่อ อำพรางโดยมิให้ผู้ใดล่วงรู้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้