“ขั้นราชัน?”
บุรุษหนุ่มผู้นั้นโพล่งออกมาพลางจ้องมองพรมวิเศษด้วยแววตาเป็ประกาย
“น่าสนใจ!”
บุรุษหนุ่มกำหมัดแน่น คำของเขาไม่ค่อยเป็มิตรสักเท่าไร
“ตรงนั้นคือสำนักนาคา เป็พวกที่คลุกคลีกับงู ก่อนหน้านี้ข้าจับาางูของพวกเขามาต้มกินโดยไม่ตั้งใจ เลยมีความแค้นต่อกัน พวกเขาคิดแก้แค้นข้าอยู่ตลอดเวลา”
“ตรงนั้นเห็นไหม ที่มีคนอยู่เจ็ดคน นั่นคือสำนักต่อสู้เป่ยโต้ว พวกเขาเป็กลุ่มเทพ ต่อสู้กับความอยุติธรรมในหุบเขาสุขาวดีอยู่ตลอด เรียกตนเองว่าเทพบุตร ทว่าเป็พวกหน้าไหว้หลังหลอก หากไม่มีเื่อะไรจริงๆ จะมาทำอะไรที่หุบเขาสุขาวดี”
าามารตะวันตกยืนอยู่บนพรมวิเศษ พลางแนะนำอำนาจที่กระจายตัวอยู่ในบริเวณนี้ให้พวกเสิ่นเสวียนรู้ ขณะที่กำลังเหาะลงไปด้านล่างด้วยความเร็วสูง
“แล้วก็เห็นพวกหน้าโง่สี่คนนั้นไหม นั่นคือสำนักจตุรเทพ พลังของสี่คนนี้ไม่ได้ต่ำต้อยเลย แต่พวกเขากลับค่อนข้างโง่ โดนข้าโจมตีไปหลายครั้งแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลย” าามารตะวันตกปรายตามองไปทางสำนักจตุรเทพด้วยแววตาเหยียดหยาม
อีกฝ่ายเห็นเขาเป็คู่ต่อสู้ แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็คู่ต่อสู้เลย
“แล้วก็ตรงนั้น เ้าหนุ่มนั่นน่ะ”
าามารตะวันตกชี้ไปทางบุรุษหนุ่มบนยอดเขาเพื่อให้พวกเสิ่นเสวียนดูเป็พิเศษ
“เขามีพลังแข็งแกร่งมาก!”
เริ่นเสี้ยวเทียนถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ บุรุษหนุ่มผู้นั้นดูมีอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี ทว่าไอพลังบนร่างกลับเหมือนกระบี่พุ่งสูงเสียดฟ้า ดูโเี้อย่างน่าประหลาด อยู่ห่างกันขนาดนี้ยังรู้สึกได้ถึงสำนึกกระบี่ที่รุนแรง
“เด็กนั่นคือจี๋เล่อน้อย เป็คนที่มีพลังใกล้เคียงาามารมากที่สุดในหุบเขาสุขาวดี”
“เขายังดูเด็กอยู่เลยไม่ใช่หรือ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยกล่าว ในความคิดของนาง ผู้ที่มีพลังขั้นเดียวกับาามารต้องเป็คนแก่อายุหกสิบเจ็ดสิบปีแล้ว แต่มองอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังเด็กขนาดนี้ จะมีพลังแข็งแกร่งได้อย่างไร
“เขาชื่อเจี้ยน เกิดในหุบเขาสุขาวดี มีแม่เป็นักร่ายรำนางหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าพ่อเป็ใคร เขาใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาสุขาวดีมาตลอด อย่าเห็นว่าเขาดูอ่อนวัยเช่นนั้น เขามีอายุมากกว่าข้าอีก”
“อะไรนะ อายุมากกว่าท่าน?”
เริ่นเสี้ยวเทียนได้ยินดังนั้นยิ่งอยากรู้มากขึ้นกว่าเดิม เสิ่นเสี่ยวเม่ยก็เช่นเดียวกัน
เสิ่นเสวียนจ้องมองไปยังบุรุษหนุ่มผู้นั้น และบุรุษหนุ่มผู้นั้นก็เหมือนจะสังเกตเห็นว่าเสิ่นเสวียนมองตนเองอยู่ ทำให้สายตาของพวกเขาสบประสานกันแม้จะอยู่ห่างไกล
“จะว่าไปก็แปลก ร่างกายของเขามีปัญหาเล็กน้อย พออายุสิบห้าปีก็หยุดเจริญเติบโตไป กระดูกและอวัยวะต่างๆ ในร่างกายหยุดเจริญเติบโตเช่นกัน ทำให้เขาดูเหมือนเด็กหนุ่มอยู่ตลอดเวลา แต่เป็เพราะเขามีพร์โดดเด่น ไม่ค่อยสนทนากับใคร รักสันโดษ จึงไม่มีศัตรูเท่าไรนัก ผู้คนในหุบเขาเรียกเขาว่าจี๋เล่อน้อย มิอาจดูถูกได้เลย”
“ใช่แล้ว สุสานเปิดออกครั้งนี้เขาต้องเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน พวกเ้าต้องระวังเขาให้มาก”
“เขาก็เข้าไปด้วยหรือ สุสานตรวจสอบไม่ได้เลยหรือ” เริ่นเสี้ยวเทียนถามขึ้นด้วยความสงสัย ผู้เฒ่าจี๋เล่อมีความสามารถขนาดไหน แต่กลับตรวจสอบเื่นี้ไม่ได้
“ตรวจสอบไม่ได้เลย ข้าเคยตรวจสอบเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เขามีร่างกายอายุสิบห้าปี ผู้เฒ่าจี๋เล่อล่วงลับไปนานแล้ว ค่ายกลก็เก่ามากแล้วด้วย ที่ตรวจสอบไม่ได้ก็คงเป็เื่ปกติ เมื่อสามสิบปีก่อนเขาเคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้คงไม่มีข้อยกเว้น”
สุสานจะถูกเปิดออกทุกๆ สามสิบปี หากคนผู้นี้อายุมากกว่าาามารตะวันตกแล้วครั้งก่อนเขาเข้าไปได้ ครั้งนี้ก็คงเข้าได้เช่นกัน
เดิมทีเสิ่นเสวียนคิดว่าเข้าไปในสุสานครั้งนี้คงไม่มีความท้าทายอะไรมาก เพราะคงมีเพียงผู้ที่เทียบเท่าขั้นมหายานของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรเท่านั้น แต่ตอนนี้มีคนเหล่านี้เข้าร่วมด้วย ทำให้มันต่างไปจากเดิมมาก
พรมวิเศษค่อยๆ เหาะลงไปด้านล่าง ข้างๆ ทะเลสาบ
ข้างๆ ทะเลสาบเป็ที่ราบกว้างใหญ่ พื้นดินอุ้มน้ำอุดมสมบูรณ์ มีพืชพรรณมากมายเจริญเติบโตขึ้น
เมื่อลงมาถึงพื้นแล้ว พรมวิเศษจึงขยายใหญ่ขึ้นและฝังรากลงไปที่พื้น จากนั้นก็มีกระโจมอีกหลายหลังปรากฏขึ้น นี่คือข้อดีของศาสตราวิเศษขั้นปฐี สามารถเป็บ้านที่ปลอดภัยได้ทุกที่ หากเป็ไปได้อาจให้คนโดยสารไปด้วยได้ถึงพันคนเลยทีเดียว หากใช้วิธีการนี้ในการศึก อาจเคลื่อนย้ายทหารทั้งกองทัพได้ตามอำเภอใจ
หลังจากลงถึงพื้นได้ไม่นาน ทั้งสี่คนจากสำนักจตุรเทพพากันเข้ามาหาาามารตะวันตก
“พวกเ้าสี่คนเองหรือ”
าามารตะวันตกกางแขนออกเพื่อบิดี้เีพลางหาว
“พวกข้าอยากท้าสู้กับท่าน”
บุรุษวัยกลางคนที่เป็ผู้นำมีชื่อว่าต้าเซี่ยง เขาประสานมือพลางกล่าวกับาามารตะวันตก
จากนั้นเอ้อร์เซี่ยง ซานเซี่ยง และซื่อเซี่ยงที่ยืนอยู่ด้านหลังพลันก้าวเดินหน้ามาหนึ่งก้าว เตรียมพร้อมท้าสู้กับาามารตะวันตก
“ตอนนี้ข้าไม่มีเวลา รอให้สุสานปิดลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
าามารตะวันตกกล่าวอย่างเกียจคร้าน
“แต่...”
“แต่อะไร พวกเรามาที่นี่เพื่ออะไร ไม่ใช่เพราะสุสานหรอกหรือ รู้จักแยกแยะความสำคัญบ้าง เข้าใจไหม”
“หวังว่าถึงเวลานั้นท่านจะไม่หลบเลี่ยงอีก พวกข้ารอวันนี้มานานมากแล้ว”
ต้าเซี่ยงครุ่นคิดเล็กน้อย เขารู้สึกว่าาามารตะวันตกกล่าวได้มีเหตุผล จึงพยักหน้ารับคำ
“หลบเลี่ยง? ฮ่าๆ ข้าไม่หลบหรอก ข้าจะรอพวกเ้า กลับไปได้แล้ว”
าามารตะวันตกได้ยินคนพวกนั้นบอกว่าเขาหลบเลี่ยงจึงหัวเราะเสียงดัง ชื่อเสียงของเขาในหุบเขาสุขาวดีไม่ใช่ว่าหลบเลี่ยงแล้วจะปรากฏขึ้นได้ แต่เป็สิ่งที่เขาได้รับมาจากการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน
“พวกเราไปกันเถอะ เตรียมพร้อมต่อสู้ในสุสานอย่างสุดความสามารถ”
ต้าเซี่ยงกล่าวกับอีกสามคน
าามารตะวันตกมองเหล่าจตุรเทพเดินจากไปพลางส่ายหัวอย่างจนใจ เ้าพวกนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ นิสัยไม่ดีมาั้แ่เกิด
หลังจากลงมาถึงพื้นแล้ว หลายคนต่างรู้ว่านี่คืออาณาเขตของาามารตะวันตก นอกจากสำนักจตุรเทพแล้วไม่มีใครสักคนกล้าเข้ามา
าามาร... ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ชื่อเรียกเฉยๆ
และนี่ยังเป็การลดปัญหาให้กับพวกเขาด้วย หลังจากกระโจมเ่าั้ปรากฏขึ้น พวกเขาก็เข้าไปนอนในกระโจมของตนเอง เพื่อรอสุสานเปิดในวันรุ่งขึ้น
แม้จะซ่อนตัวอยู่ในกระโจม แต่ม่านพลังที่ปกคลุมอยู่เหนือพรมวิเศษสามารถปกป้องพวกเขาไว้ได้ ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งขั้นราชันเข้ามาก็อย่าหวังจะเข้าไปได้ในทันที
หลังจากเสิ่นเสวียนเข้าไปในกระโจมแล้ว เขาก็เข้าไปในมิติ
หลังจากที่เข้าไปในมิตินั้นหลายชั่วยาม เขาออกมาอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย แล้วจึงนอนพักอยู่ภายในกระโจม
คืนก่อนสุสานเปิดออกถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ แม้มีคนอยู่มากมายและส่วนใหญ่ยังเป็อัจฉริยะหนุ่มแห่งหุบเขาสุขาวดี แต่ที่นี่กลับเงียบสงบอย่างน่าประหลาด เงียบมากจนน่ากลัว
แม้นอนหลับอยู่ในกระโจม เหมือนจะได้ยินเสียงิญญาร้องโหยหวนออกมาอยู่เรื่อยๆ
หากคนอื่นได้ยินเสียงเหล่านี้จะต้องรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่สำหรับเสิ่นเสวียนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยแล้ว เสียงเหล่านี้ไม่ได้แปลกอะไรเลย
ผ่านไปแล้วครึ่งคืน าามารทิศเหนือจึงเข้ามาถึงที่นี่ นอกจากเหลยป้าเทียนแล้วยังมีเด็กหนุ่มอีกสองคนและขั้นราชันอีกสี่คน นี่เป็เพียงพลังที่เขาแสดงออกมาให้เห็น หากนับรวมผู้แข็งแกร่งที่เฝ้าจวนาามารเอาไว้ ผู้แข็งแกร่งขั้นราชันข้างกายเขาคงต้องใช้สองมือนับเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็อันดับแรกของหุบเขาสุขาวดี
ครั้งนี้าามารทิศเหนือฉลาดมาก เขาวางใจที่จะตั้งฐานที่มั่นอยู่ห่างจากาามารตะวันตกไปราวๆ สามจั้ง พวกเขาอยู่ใกล้กันเพื่อเข้าช่วยเหลือกันได้อย่างทันท่วงที
จากเื่นี้ดูออกได้ว่า าามารทิศเหนือกลัวจะโดนล้อมสังหารอีก
เสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนอยู่ในกระโจมของาามารตะวันตก เพื่อที่จะปิดบังคนอื่น เขาต้องแสดงเคล็ดวิชาภาพสะท้อนออกมาหลายชั้นเพื่อปกปิดไอพลังทั้งหมดของที่นี่เอาไว้ ไม่มีทางตรวจสอบได้เลย
“่เวลาสุสานเปิดออกคือพรุ่งนี้ยามเว่ย[1] ตำแหน่งน่าจะเป็ใจกลางทะเลสาบ ถึงตอนนั้นคนที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีจะเข้าไปได้”
าามารตะวันตกกำชับพวกเสิ่นเสวียน เขาเข้าไปไม่ได้ แต่จำเป็ต้องให้พวกเสิ่นเสวียนเข้าไป
“ในนั้นมีสิ่งของที่ท่าน้าหรือเปล่า” เสิ่นเสวียนถาม
“มี ตอนข้าอายุสิบเก้าปีเคยเข้าไปครั้งหนึ่ง ข้าหวังว่าเ้าจะพาเขาออกมาได้”
าามารตะวันตกอารมณ์ดิ่งลงอย่างกะทันหัน
“ร่างไร้ิญญาร่างหนึ่ง”
“ร่างไร้ิญญาร่างหนึ่ง?”
ทั้งสองคนใเป็อย่างมาก เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะเป็ของล้ำค่าบางอย่าง คิดไม่ถึงว่าจะเป็ร่างไร้ิญญาร่างหนึ่ง หรือว่าจะเป็ร่างของผู้เฒ่าจี๋เล่อ หากเป็เช่นนี้คงยากมากอย่างแน่นอน ร่างไร้ิญญาต้องตั้งอยู่ในอาณาเขตสำคัญ เต็มไปด้วยอันตราย
“ใช่ เป็ร่างของเด็กสาวคนหนึ่ง ตอนนั้นพวกเราเข้าไปพร้อมกัน สุดท้ายแล้วข้าออกมาได้แต่นางต้องอยู่ในนั้นไปตลอดกาล”
ขณะที่กล่าว าามารตะวันตกที่มักห้าวหาญอยู่เสมอมีแววตาอ่อนโยนลงมาก
................................................
[1] ยามเว่ย คือ่เวลา 13.00 น. - 14.59 น.