“ทำไมคนเยอะจังวะ” อัลฟ่ารูปร่างสูงโปร่งหนึ่งในกลุ่มของชายหนุ่มทั้งสี่คนเอ่ยออกมาพร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อเพิ่มความสูงให้กับตัวเองและพยายามมองหาจุดสนใจที่ทำให้ผู้คนมากมายแห่แหนกันมายังบริเวณลานกว้างหน้าคณะศิลปกรรมศาสตร์
บรรยากาศที่ดูครึกครื้นแบบนี้หาไม่ได้บ่อยนักในรั้วมหาวิทยาลัยเพราะโดยปกติแล้วเวลาที่คณะไหนจัดงานหรือจัดกิจกรรมอะไรก็ตาม คนที่เข้าร่วมส่วนมากก็จะเป็เด็กในคณะนั้นๆมากกว่า แต่การที่นักศึกษาหลายคณะมารวมตัวกันมากมายแบบนี้แสดงว่างานนี้ต้องมีอะไรดีอย่างแน่นอน
ส่วนเหตุผลว่าทำไมพวกเขาทั้งสี่คนถึงได้มายืนหัวโด่กันอยู่ตรงนี้นั่นก็เป็เพราะคำชวนของเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งที่อยากพาคุณชายที่อกหักมาได้สองอาทิตย์ออกมาเจอผู้คนเผื่อว่าจะบังเอิญพบรักครั้งใหม่และเลิกเศร้าจากรักครั้งเก่าสักที
“ธรรมดาเห็นเขาว่าวันนี้ตัวตรึงสินกำจะมาโชว์ด้วย กูถึงชวนพวกมึงมาไง” อัลฟ่าอีกคนที่มีใบหน้าค่อนไปทางลูกครึ่งอย่างชัดเจนเอ่ยขึ้นบ้างก่อนจะยืดคอเพื่อมองหาคนที่เขาพึ่งเอ่ยถึง
“ใครวะตัวตรึงสินกำ” ชายหนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งสี่คนขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีคำเรียกแบบนี้อยู่ด้วย “อาจารย์หรอวะ”
“ไม่ใช่ มันก็เป็นักศึกษาเหมือนเรานี่แหละ แต่เพราะมันหล่อแล้วก็เล่นดนตรีเก่งมั้งคนเขาเลยเรียกมันว่าตัวตรึง”
“มึงรู้ได้ไงวะ”
“นี่กูใครอะค้าบ อะไรที่คนอื่นรู้กูก็รู้หมดแหละ” อัลฟ่าหนุ่มบอกพร้อมกับยืดอกขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
“ขี้เสือกว่างั้น” ท่าทางของเพื่อนสนิททำเอาคนตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะเอ่ยย้อนกลับไปให้คนฟังได้รู้สึกแสบๆคันๆกับคำพูดของเขา
“ผมมองว่ามันคือการใส่ใจเพื่อนร่วมโลก” แต่อีกคนก็ยังยอกย้อนกลับมาราวกับว่าไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดเหน็บแนมของเพื่อนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ...น่าเบื่อสัด” เสียงถอนหายใจที่ฟังดูเบื่อหน่ายของ ปลื้ม อัลฟ่าหนุ่มนักศึกษาปีชั้นที่3 คณะรัฐศาสตร์สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือที่หลายๆคนรู้จักกันในฐานะ ทีปกร กิตติไพศาริณ ลูกชายคนเล็กของท่านนักการทูตฝรั่งเศสกับคุณหญิงประทีปที่ทำงานเกี่ยวข้องกับด้านการขับเคลื่อนทางสังคมและเป็ถึงหนึ่งในคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติไม่เป็ธรรมระหว่างเพศ เรียกความสนใจจากเพื่อนทั้งสามคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ให้หันมามามองที่เขาอย่างพร้อมเพรียง
“เหี้ยเอ๊ย...หงอยเป็หมาเลยเพื่อนกู” พีคอัลฟ่าหนุ่มหน้าฝรั่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสภาพที่ดูซังกะตายของเพื่อนตัวเอง
“แค่เลิกกับแฟนมันต้องทำหน้าเบื่อโลกขนาดนั้นเลยหรอวะ” เก่งเลิกคิ้วถามขึ้นบ้างด้วยความสงสัย
“กูรักเขา” แต่เหมือนว่าปลื้มจะตอบไม่ตรงคำถามสักเท่าไรนัก และคำตอบที่ได้รับก็ทำให้อัลฟ่าหนุ่มทั้งสองคนอดที่จะกลอกตามองบนไม่ได้
“เลิกกันได้ซะก็ดี” คำพูดของจีนโอเมก้าเพียงคนเดียวในกลุ่มที่เอ่ยขึ้นทำเอาเก่งและพีครีบหันขวับไปมองที่จีนจนคอเกือบเคล็ด “กูจะได้เลิกแช่งให้เลิกกันสักที” คนตัวเล็กพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้างก็จีนน่ะรู้สึกไม่ชอบแฟนเก่าของปลื้มั้แ่ยังไม่ได้คบกันแล้ว จะว่าอย่างไงดีล่ะมันเหมือนมีเซ้นส์บางอย่างบอกกับเขาว่าเอาละคนคนนี้ไม่ธรรมดาั้แ่่ที่มาตามจีบเพื่อนเขาแล้ว แต่พอคบกันเขาก็ไม่อยากจะยุ่งเห็นว่าเพื่อนดูมีความสุขและไม่ใช่เื่ของเราก็เลยทำตัวเฉยๆเข้าไว้ แต่พอเลิกกันเขาก็รู้สึกยินดีมากที่เพื่อนของเขาหลุดออกมาได้สักที
“แรงอย่างต่อเนื่องเลยว่ะ” พีคหันไปมองหน้ากับเก่งหลังจากที่ได้ยินจีนพูดจนจบประโยค
“เฟรนโซนมั้ยมึงว่าไง” อัลฟ่าหนุ่มตั้งคำถามกับเพื่อนที่เป็ลูกคู่กันด้วยน้ำเสียงเชิงทีเล่นทีจริง
“เฟรนโซนพ่อมึงสิ” จีนพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปผลักหัวของเก่งเต็มแรง จนศีรษะของอีกคนนั้นจนโยกไปอีกด้านหนึ่ง
“เชี่ยคอเกือบหลุด ตัวก็แค่นั้นไปเอาแรงมาจากไหนจริงจังวะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือที่ยกขึ้นมาจับต้นคอของตัวเองไว้เพื่อเช็กว่ายังอยู่ดีมั้ยหรือหลุดออกจากตัวไปแล้ว
“มึงก็จะเศร้าเหี้ยไรนักหนาไอ้ปลื้ม มูฟออนได้ละ หล่อๆแบบมึงหาเมียได้อีกเป็สิบ” หลังจากที่จัดการกับเก่งเสร็จจีนก็หันไปสนใจปลื้มต่อ คำพูดของเพื่อนสนิทตัวเล็กไม่ได้ดูเกินจริงไปเลยดูได้จากตอนนี้ที่หลายสายตาเริ่มหันมาให้ความสนใจกับปลื้มมากขึ้น
ทีปกรเป็ชายหนุ่มที่มีผิวพรรณขาวและรูปร่างค่อนข้างสูงความสูงของเขาอยู่ที่ร้อยแปดสิบเิเนิดๆ สัดส่วนของเขาเพียงแค่มองด้วยตาเปล่าผ่านชุดนักศึกษาที่เขาสวมใส่อยู่ตอนนี้ก็บอกได้แล้วว่ามันสมบูรณ์แบบมากขนาดไหน เื่เรียนก็จัดว่าเป็คนเก่งเบอร์ต้นๆของคณะและแทบจะเป็ลูกรักของอาจารย์ทุกคนเลยด้วยซ้ำ โดยรวมแล้วถือได้ว่าเขาเป็อัลฟ่าที่เพียบพร้อมมากคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ส่วนเื่นิสัยตอนไม่มีแฟนกับตอนมีแฟนก็ค่อนข้างที่จะแตกต่างจะกันอยู่พอสมควร ก่อนมีแฟนก็จะเป็ไอ้เสือแพรวพราวมีเขี้ยวมีเล็บเป็ของตัวเองแต่เวลามีแฟนก็จะโฟกัสที่คนรักของตัวเองคนเดียวพร้อมถอดเขี้ยวเล็บทิ้งแบบไม่เหลือคาบไอ้เสือให้เห็น
“จริง อย่างมึงหาใหม่ได้อีกเยอะเว้ยเพื่อน” พีครีบเสริมขึ้นมาทันทีเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับเพื่อนตัวเอง
“คนต่อคิวรอเป็เมียมึงอีกยาวเลยเพื่อนอย่าเศร้าไป” เก่งพูดขึ้นบ้างพร้อมกับยื่นมือมาบีบไหล่ให้กำลังใจเพื่อนของตัวเอง
“พวกมึงแม่งไม่เข้าใจหรอก” ปลื้มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยหน่ายเต็มที
“...”
“กูรักเรนมากนะเว้ย”
“เชื่อ”
“เชื่อ”
“เชื่อ” เพื่อนทั้งสามคนตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยเสียงที่ดังพอสมควรทำให้หลายคนที่นั่งอยู่บริเวณโดยรอบได้ยินและหันมามองที่พวกเขาเป็ตาเดียว
“พวกมึงจะเสียงดังกันทำไมวะเนี่ย” ปลื้มมองไปรอบๆตัวด้วยความอาย
“รักเขาจนไม่รักตัวเอง รักจนยอมเขาทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งมึงไปอยู่ดี เคยคิดจะถามเขาบ้างมั้ยว่าเขาเคยรักมึงบ้างหรือเปล่าไม่ใช่เอาแต่บอกว่าตัวเองรักเขาอยู่แบบนี้อะ”
“มา เป็ ชุด” พีคยกมือขึ้นมาบังหน้าของตัวเองฝั่งที่มีปลื้มกับจีนนั่งอยู่เอาไว้ก่อนจะขยับปากเป็คำพูดที่ไร้เสียงให้เก่งที่อยู่ตรงข้ามได้เห็นและเข้าใจตรงกัน
“กูเข้าใจมึงนะเว้ยว่ามึงรักเขาอะปลื้ม แต่ตัดใจเถอะว่ะ” เก่งหันไปบอกกับปลื้มด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังมากขึ้น “เขามูฟออนไปแล้ว มึงก็ต้องมูฟออนให้ได้นะเว้ย”
“ตัดใจไม่ได้ง่ายเหมือนตัดกระดาษนะมึง”
“มันจะง่ายถ้ากรรไกรที่มึงใช้มันคมพอ”
“กูว่าเราเลิกพูดเื่นี้กันดีกว่า ยิ่งพูดแม่งก็ยิ่งคิดถึง ตัดใจไม่ได้สักที” พีคเป็คนเอ่ยขึ้นเพื่อเปลี่ยนเื่หลังจากที่สถานการณ์ตรงหน้าเริ่มดูน่าอึดอัดมากขึ้น “เชี่ยนั่นใช่เรนป่ะ”
“ไหนวะ” เก่งถามขึ้นพร้อมกับมองหาอย่างลืมตัว
“น่ะๆยืนอยู่ตรงนั้น”
“ใช่” ปลื้มที่มองตามมือของพีคที่ชี้ให้เก่งดูเอ่ยขึ้น เรียกสติของเพื่อนสนิททั้งสองคนให้นึกขึ้นมาได้ว่าพวกเขาได้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำลงไปแล้วเมื่อกี้นี้
“โง่นัก” จีนบอกพร้อมกับส่ายหัวไปมาด้วยความเอือมระอาใจกับเพื่อนทั้งสองคน
“เฮ้ยมึงอย่ามองๆ” เมื่อตั้งสติได้พีคก็รีบยกมือขึ้นมาบังตาของปลื้มเอาไว้เพื่อไม่ให้มองไปยังร่างบางอีกฝั่งที่กำลังยืนยิ้มหัวเราะกับเพื่อนของเขาอยู่
“ไม่ทันแล้ว” ปลื้มเอ่ยบอกพร้อมกับจับมือของพีคให้ลดต่ำลงจากสายตาของเขา โดยที่ดวงตาคมนั้นยังคงเอาแต่จับจ้องไปยังร่างของโอเมก้าหนุ่มที่ยืนยิ้มกว้างอยู่ อีกคนก็ดูจะมีความสุขดีที่ไม่มีเขา
“เริ่มแล้ว” เสียงเก่งเอ่ยขึ้นก่อนที่เสียงของเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งจะดังขึ้นท่ามกลางเสียงพูดคุยของเหล่านักศึกษามากมายที่ยืนรวมกันอยู่ แต่เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบเสียงลงในทันที
“คนนั้นไง แทน ปรรณกร ตัวตรึงสินกำ”
“เออหล่อจริง” จีนเอ่ยพึมพำออกมาอย่างลืมตัว
“...” ปลื้มที่กำลังจดจ่ออยู่กับใบหน้าน่ารักของคนรักเก่าค่อยๆละสายตาออกมาแล้วเปลี่ยนไปจับจ้องร่างของชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวคนหนึ่งที่กำลังยืนเป่าแซคโซโฟนอยู่แทน สายตาคมเริ่มไล่มองั้แ่ใบหน้าที่หล่อแบบที่เพื่อนของเขาเอ่ยชมเลื่อนต่ำลงไปตามแขนเรียวและปลายนิ้วที่จับประคองแซคโซโฟนเอาไว้ ทั้งที่ภาพตรงหน้าของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าชายหนุ่มที่ยืนเป่าแซคโซโฟนอยู่แต่น่าแปลกที่เขาไม่สามารถที่จะละสายตาออกไปจากภาพตรงหน้าได้มันเหมือนเขาถูกตรึงเอาไว้ด้วยเสียงของเครื่องดนตรีที่อีกฝ่ายกำลังเล่นอยู่
“ถ้ากูเป่าแซคโซโฟนบ้างจะหล่อแบบนั้นมั้ยวะ” เก่งพูดขึ้นโดยที่สายตายังไม่ละออกไปจากร่างของแทนที่กำลังยืนเป่าแซคโซโฟนอยู่
“เป่าขลุ่ยให้ไม่บอดก่อนเถอะมึงน่ะ”
“เชื่อแล้วว่าตัวตรึง ตรึงสายตากูไว้แบบละออกไปไหนไม่ได้เลย” จีนพูดขึ้นมาบ้าง
“ใช่” ปลื้มเองก็เห็นด้วยกับจีนเช่นกัน ไม่รู้ทำไมแต่มันช่างยากเหลือเกินที่จะหันไปสนใจสิ่งอื่นแทนที่จะเป็คนคนนี้ “ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อว่ะ” คำพูดของปลื้มทำให้เพื่อนทั้งสามคนต้องหันมามองที่เขาอีกครั้ง
“สายตาแบบนั้นคืออะไรอะ”
“มองอะไรขนาดนั้นก่อน” เสียงของโอเมก้าร่างบางทางด้านซ้ายมือของอัลฟ่าหนุ่มที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่านักศึกษามากมายเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าสายตาที่เพื่อนสนิทของตัวเองกำลังใช้มองตัวตรึงต่างคณะอยู่นั้นมันดูเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างบอกไม่ถูก
“ปลื้มหรอ” พีคเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“กูก็แค่คิดว่าเขาหล่อแล้วก็มีเสน่ห์ดี ยิ่งตอนที่เป่าแซคโซโฟนแม่งยิ่งโคตรเท่เลยว่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบออกไปโดยที่สายตาไม่ได้มองมาที่หน้าของเพื่อนตนเองด้วยซ้ำ
“ทรงนี้ กูว่าปลื้มเขาชัวร์”
“อื้อ ปลื้มเลยว่ะ เหมือนโดนตกเต็มๆ สงสัยต้องไปสมัครเป็แฟนบอยเขาไว้แล้วล่ะ”
“เป็เอามากนะ”
ชายหนุ่มเลิกสนใจเพื่อนตัวเองแล้วหันไปโฟกัสที่คนที่กำลังตกเป็ที่สนใจของใครหลายคนอีกครั้ง ทีปกรนั้นรู้สึกชื่นชมในความสามารถและเสน่ห์ของคนตรงหน้าจริงๆ มันเหมือนกับว่าคนคนนี้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ใบหน้าที่แสดงออกถึงความสุขนั้นมันทำให้คนมองอดไม่ได้เลยที่จะเผลอยิ้มตามออกมาอย่างไม่รู้ตัว เนิ่นนานพอสมควรที่สายตาของปลื้มเอาแต่จับจ้องไปยังร่างของหนุ่มหล่อแห่งคณะศิลปกรรมศาสตร์คนนี้ จนบทเพลงผ่านไปเพลงแล้วเพลงเล่าแต่เ้าตัวก็ไม่อาจเลิกมองตามการเคลื่อนตัวของอีกคนได้เลยทำไมถึงได้เป็คนที่ทำอะไรก็ดูน่ามองไปหมดได้มากขนาดนี้นะ
“ไม่เป่าแล้วหรอวะ” พีคที่เห็นว่าแทนเปลี่ยนจากจับแซคโซโฟนมาจับไมค์แทนก็อดพูดขึ้นมาด้วยความเสียดายไม่ได้
“มึงก็ให้เขาพักบ้างเถอะเป่าขนาดนั้นแก้มช้ำหมดแล้วมั้งไอ้เหี้ย” เก่งพูดขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นมานวดที่แก้มของตัวเองราวกับว่าตนเป็คนที่ปวดแก้มเสียเอง
“...”
“มันคงเป็ความรักว่ะ” เก่งเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงอินโทรของดนตรีที่ดังขึ้น
“โรแมนติกบอย” พีคหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้กับเก่ง
“มันคงเป็ความรักที่ทำให้ตัวฉันยังยืนอยู่ตรงนี้” เพียงแค่เสียงทุ้มติดใสที่ปลายเสียงเอ่ยร้องออกมาในท่อนแรกของเพลงก็เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมรอบๆได้เป็จำนวนมากจนเ้าตัวยังต้องเผลอหลุดยิ้มออกมา “มันคงเป็ความรักที่ทำให้ใจฉันไม่ยอมหยุดเสียที”
“เสียงแม่งอย่างเพราะเลยว่ะ”
“ขนลุกั้แ่หัวยันปลายเท้าเลยไอ้สัด”
“ไอ้เหี้ยแดกแผ่นเสียงเข้าไปเปล่าวะ” เก่ง พีค และจีนพึมพำออกมาพร้อมกัน
“...” เสียงของคนตรงหน้านั้นเพราะจริงๆแค่เพียงขึ้นท่อนแรกก็สามารถสะกดคนฟังเอาไว้ได้อยู่หมัดแล้ว
“แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้ ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่อสายตาของคนที่เขากำลังมองอยู่เหมือนจะจับจ้องไปยังทิศทางที่มีแฟนเก่าของเขายืนอยู่ และถ้าตาของปลื้มไม่ได้ฝาดไปเหมือนว่าเขาจะสังเกตเห็นรอยยิ้มจางๆที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแทนด้วย นั่นยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับเขามากขึ้นกว่าเดิม แต่เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าแค่กวาดสายตามองไปรอบๆเท่านั้นคิ้วเข้มจึงเริ่มคลายตัวลง ปลื้มคิดว่าเขาคงจะคิดมากเกินที่จริงแล้วมันคงไม่มีอะไรหรอก
“หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็ไร ใจฉันก็ไม่ยอม ก็ต่อให้ฉันหยุดหัวใจ คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน”
“...” ในจังหวะที่สายตาของแทนเคลื่อนผ่านมาจนถึงจุดที่ปลื้มยืนอยู่ ทันทีที่สายตาของเขาทั้งคู่สบกันมันทำให้ปลื้มรู้สึกราวกับว่าโลกหยุดหมุนเหมือนกับท่อนเพลงที่อีกฝ่ายร้องจริงๆ ก่อนที่ปลายจมูกโด่งคมจะได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างที่ลอยปะปนมาในอากาศ มันเป็กลิ่นที่เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยได้กลิ่นนี้มาก่อนมันเป็กลิ่นของ...
“มันคงเป็ความรัก ที่เปลี่ยนคำว่าชีวิตเลยฟังดูมีความหมาย มันคงเป็ความรัก ที่ทำให้การรอคอย เป็เื่ง่ายดาย”
แปะ แปะ
“กลิ่นฝน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแ่เบาราวกับเสียงกระซิบในจังหวะเดียวกันกับที่เสื้อนักศึกษาที่ร่างสูงสวมใส่อยู่ถูกหยดน้ำตกลงมากระทบที่บริเวณหน้าอกด้านซ้าย หยดน้ำเม็ดเล็กค่อยๆซึมซับผ่านเนื้อผ้าและทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เห็นเป็วงเล็กๆ
“เชี่ยฝนตก”
สายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าทำให้ผู้คนเริ่มเดินแยกย้ายกันไปหาที่หลบฝน บางคนก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยนักดนตรีเก็บของเข้าไปหลบที่ใต้ถุนของตึกคณะ ส่วนพวกปลื้มก็เลือกที่จะวิ่งมาหาที่หลบฝนใกล้ๆเอาไม่ได้วิ่งไปหลบที่ฝั่งของตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์แต่อย่างใด
ดวงตาคมเหม่อมองไปยังสายฝนที่ตกลงมาโดยที่ในหัวของเขายังคงเอาแต่นึกถึงเื่กลิ่นหอมที่ได้กลิ่นก่อนหน้านี้ มันเป็กลิ่นหอมของไอฝนไม่ผิดแน่แต่ก็อาจจะเป็เพราะฝนใกล้จะตกเลยทำให้เขาได้กลิ่นแบบนั้น แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นชินกับกลิ่นที่บางเบานี้ได้นะ
“เอาไงต่อดีวะ”
“รอฝนซาก็แยกย้ายกันกลับ แล้วค่อยออกมาเจอกันคืนนี้” จีนเสนอ
“ได้ ว่าแต่ใครจะมาจองโต๊ะกับกู”
“ก็ต้องกูอยู่แล้วมั้ยเพื่อนรัก” พีคบอกพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดคอของเก่งเอาไว้ ก่อนจะหันไปพูดกับปลื้ม “อย่าสายนะไอ้หล่อ”
“เออ”
“ไม่ปฏิเสธหน่อยหรอวะ”
“ก็กูหล่อจริงๆ” ปลื้มตอบออกมาหน้าตาย
“หลงตัวเองสัดๆ”
“อยากมาหลงด้วยมั้ยล่ะ”
“พวกมึงติดเฟรนโซนอีกแล้วนะ” เก่งพูดขึ้นก่อนจะหรี่ตามองจีนกับปลื้มอย่างจับผิด แต่ในใจก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้มีอะไรเลย พวกเขาทั้งสี่คนก็แค่เพื่อนที่สนิทกันมากเท่านั้นและถ้าจีนมันชอบปลื้มจริงป่านนี้ก็คงจะได้กันไปนานแล้วไม่เป็เพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้หรอก
ร่างสูงของอัลฟ่าหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปีภายใต้เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแลคเอวสูงเข้ารูปสีเดียวกัน ก้าวเดินเข้ามาในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความบันเทิงยามค่ำคืนของเหล่าผีเสื้อราตรีมากหน้าหลายตา เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งร้านทำให้ปลื้มอดไม่ได้ที่จะเบ้หน้าให้กับความดังของมันที่เขายังรู้สึกไม่คุ้นชิน ขายาวค่อยๆพาร่างของตัวเองเดินแทรกผ่านผู้คนที่บ้างก็ยืนบ้างก็นั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเองไปยังโต๊ะที่มีพวกเพื่อนของเขารออยู่ด้วยความลำบากนิดหน่อย
“กูคิดว่าจะโดนโต๊ะอื่นฉุดไปแล้ววะ” เก่งพูดขึ้นก่อนจะหันไปยักคิ้วให้พีคเมื่อปลื้มเดินมาถึงที่โต๊ะ
“มันเป็หล่อนะคืนนี้” พีคอดที่จะเอ่ยแซวไอ้เพื่อนตัวดีออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าผมหน้าม้าที่มักจะถูกปล่อยให้ตกลงปิดหน้าผากเอาไว้ได้ถูกเซตขึ้นเป็ทรงอวดใบหน้าที่หล่อฉิบหายให้ใครหลายคนได้มองตามกันจนตาเยิ้ม
“ไม่ห่วงว่าโต๊ะอื่นจะโดนกูฉุดมั่งหรอ” ปลื้มบอกกับเก่งพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างและไม่ลืมที่จะยักคิ้วให้พีคหนึ่งครั้งแทนการตอบรับคำชม ก่อนจะมือหนาจะยื่นออกไปรับแก้วเหล้าที่พีคส่งมาให้ขึ้นจิบไปหนึ่งอึกแล้วจึงวางลงบนโต๊ะด้านหน้าของตนเอง
“มันเอาว่ะ ไอ้ปลื้มคนเดิมต้องกลับมาแล้วมั้ยจังหวะนี้”
“หึ” ปลื้มยิ้มขำให้กับคำพูดของเก่ง
“ไอ้เสือกูจะออกจากถ้ำได้ยังอะ”
“ใส่เขี้ยวเล็บถูกมั้ย ต้องให้กูสอนเปล่าวะ”
“ถอดไปตั้งสองปี ลืมแล้วมั้งต้องใส่อย่างไง”
“พวกมึงนี่ปากดีนะ”
“ตายยากจริง” จีนที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้น
“มึงหมายถึงใครวะ” พีคขมวดคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจ
“โจทก์เก่าไอ้ปลื้มไง ไปที่ไหนก็เจอตลอด” จีนกลอกตาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อตำแหน่งที่เขานั่งอยู่นั้นทำให้กวาดสายตาไปเจอกับร่างของแฟนเก่าเพื่อนสนิทที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเข้าพอดี
“ตรงไหนวะ” ปลื้มเริ่มหันหน้ามองหาใครคนนั้นด้วยความอยากรู้
“มึงไม่ต้องรู้หรอก” ถึงแม้ว่าจีนจะพูดแบบนั้นแต่ปลื้มก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะสอดสายตาเพื่อมองหาอดีตแฟนของตนเอง แต่มองอย่างไรก็ไม่เจอสักทีเขาจึงยอมแพ้แล้วหันมานั่งดื่มเหล้าคุยเื่สัพเพเหระกับเพื่อนต่อแทน หลังจากที่ดื่มกันไปได้สักพักอาการหนึ่งที่มักเกิดขึ้นเมื่อดื่มเหล้าเยอะๆนั่นก็คือปวดฉี่
“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ปลื้มบอกกับเพื่อนของเขาก่อนจะลุกยืนขึ้น
“ให้ไปเป็เพื่อนปะ ถือคนเดียวไหวมั้ยต้องไปช่วยถือเปล่า” พีคแกล้งเอ่ยแซวพร้อมกับมองไปยังเป้ากางเกงของเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่แทนการบอกว่าช่วยถืออะไร
“ไหวอยู่ถือคนเดียวไม่ลำบากเท่าไร แต่ถ้ากูเดินไหล่หลุดออกมาให้รู้ไว้เลยนะว่ามันหนัก” ปลื้มตอบพร้อมกับทำหน้ากวนตีนกลับไป
“Xวยหรือเสาไฟฟ้าอะหนักเหี้ยไรขนาดนั้น” จีนที่ทนฟังอยู่นานอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้
“ถ้ามันใหญ่เท่าเสาไฟฟ้ามึงก็ไม่น่าจะมีเพื่อนเป็คนแล้วนะ” ปลื้มหันไปบอกกับจีน “กูไปจริงละ”
“เออ ขากลับฝากสั่งน้ำแข็งเพิ่มด้วยหมดเร็วฉิบหาย ค่าเหล้าไม่เท่าไรหรอกไอ้ค่าน้ำแข็งนี่แหละที่บานปลายอะ ไอ้สัด น้ำแข็งร้านเหล้าละลายเร็วมากกูงงไม่ไหว”
“เออได้” ปลื้มตอบรับคำของเก่งก่อนที่จะเดินหายไปกับฝูงชน
“ขอโทษครับ” ร่างสูงของปลื้มที่กำลังเดินกลับไปที่โต๊ะหลังจากที่จัดการธุระของตัวเองในห้องน้ำเสร็จแล้วถูกใครบางคนชนเข้าด้วยแรงที่ไม่เบานักจนตัวเขาเซไปชิดกับผนังของทางเดินที่เชื่อมไปยังส่วนของห้องน้ำโดยที่เขาเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
“จิ๊” ปลื้มจิ๊ปากด้วยความขัดใจ เขารู้สึกหัวเสียไม่น้อยที่ใครอีกคนเดินไม่ระวังแล้วมาชนเข้ากับเขาจนทำให้ตัวเขาเองเสียหลักกระแทกกับผนังจนรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่แขนไม่น้อย ทางก็ไม่ใช่จะแคบเดินดีๆหน่อยไม่ได้หรือไงวะ “เดินระวังหน่อยก็ดีนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยออกไปพร้อมกับหันไปมองคู่กรณีด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ก่อนที่ลมหายใจของเขาจะสะดุดไป่หนึ่งเมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกคนในระยะที่ใกล้มากพอสมควร โชคดีที่อีกคนใช้มือยันกำแพงเอาไว้ได้ทัน แต่ท่าทางของเขาทั้งสองคนในตอนนี้ก็ล่อแหลมไม่เบาเพราะมันเหมือนว่าอีกฝ่ายเท้าแขนคร่อมตัวปลื้มเอาไว้อย่างไงอย่างงั้นและระยะห่างระหว่างเรามันก็ใกล้มากพอที่จะทำให้เขาได้กลิ่นน้ำหอมที่อีกคนฉีดตีขึ้นมาในจมูกอย่างชัดเจนเพราะอีกฝ่ายนั้นยังไม่ได้ถอยห่างออกไปเนื่องจากบริเวณด้านหลังยังมีผู้คนเดินผ่านไปมาอยู่
“ครับ” คนตรงหน้าเอ่ยตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่เหมือนว่าจะไม่พอใจเช่นกัน ก่อนจะถอยหลังกลับไปยืนตามเดิมและรีบหันตัวเดินจากไปทันที
“...” ยังไม่ทันที่ปลื้มจะได้พูดอะไรต่อเพราะยังคงใกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นแบบกะทันหันระหว่างตัวเองกับใครอีกคน แผ่นหลังของใครคนนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำเสียแล้ว เป็ครั้งแรกในรอบวันที่ปลื้มรู้สึกอยากจะต่อยปากตัวเองให้แตก มึงพูดแบบนั้นกับแทนได้ไงวะไอ้ปลื้ม
“มายืนทำอะไรตรงนี้วะ” ปลื้มที่กำลังยืนตบตีกับตัวเองอยู่ถูกดึงสติกลับมาด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนสนิทตัวเล็กอย่างจีน คนตัวเล็กจ้องหน้าเพื่อนตัวเองที่ทำหน้าเหมือนกำลังตบตีกับตัวเองอยู่ด้วยความแปลกใจ
“ฮะ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแทนการถามซ้ำออกไปว่าเมื่อกี้มึงถามกูว่าอะไรนะ
“กูถามว่ามึงมายืนทำอะไรตรงนี้ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า แล้วนี่มึงมาตามกูหรอ” ร่างสูงเอ่ยบอกอย่างปัดๆก่อนจะถามอีกฝ่ายย้อนกลับไปแทน
“กูก็จะมาเข้าห้องน้ำเหมือนกัน คนเยอะมั้ยวะ” จีนบอกพร้อมกับชะโงกหน้ามองผ่านไหล่ของเพื่อนตัวสูงไปยังทางเข้าของห้องน้ำชาย
“ก็เยอะอยู่ เดี๋ยวกูอยู่เป็เพื่อนมึงแล้วกัน อยู่คนเดียวอันตราย” ปลื้มบอกพร้อมกับขยับตัวไปยืนชิดกับจีนมากขึ้น เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมายังร่างของเพื่อนสนิทตัวน้อยของเขา
“ห้องริมแม่งเสียงดังสัด”
“กูว่าเอากันแน่เลยว่ะ”
“เออจริง”
“มีคนเอากันในห้องน้ำหรอ” จีนที่ได้ยินบทสนทนาของชายแปลกหน้าสองคนที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำพูดคุยกันหันไปเลิกคิ้วถามปลื้มด้วยความสงสัย
“ไม่รู้ ตอนกูเข้าไปไม่เห็นจะได้ยินเสียงอะไรเลย” ปลื้มไหวไหล่ก่อนจะเอ่ยตอบออกไปว่าเขาเองก็ไม่รู้เื่นี้เช่นกัน
“ไม่มีเงินไปเปิดโรงแรมหรือไงถึงต้องมาเอากันในห้องน้ำร้านเหล้า” จีนบ่นพึมพำออกมา ก่อนจะเดินนำปลื้มเข้าไปในห้องน้ำ
“เชี่ย...”
“...”
“ปลื้ม” เสียงใสของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่หน้าห้องริมสุดจากด้านในดังขึ้นเมื่อหันมาเห็นชายหนุ่มที่ยืนขว้างประตูห้องน้ำชายอยู่ด้วยใบหน้าที่ใไม่ต่างจากคนที่โดนเอ่ยเรียกชื่อ
“...” มันเป็เสียงที่ปลื้มรู้สึกคิดถึงมาตลอดเขาคาดหวังที่จะได้พบเจอกับอีกคนและได้ฟังคนตัวเล็กเอ่ยเรียกชื่อเขาให้ได้ยินอีกสักครั้งไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนก็ตาม แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วเขาว่าสถานการณ์แบบนี้แม่งก็เหี้ยเกินไป
“ขอทางด้วยครับ” เพราะมัวแต่สนใจแฟนเก่าจึงทำให้ปลื้มไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้แทนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขา
“ไอ้ปลื้ม” จีนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของปลื้มหันไปมองเพื่อนของตน ก่อนจะจับร่างที่เหมือนไร้ิญญาของอัลฟ่าหนุ่มให้ขยับหลบแทนที่้าจะเดินออกไปจากห้องน้ำ
“...” ร่างสูงรู้สึกเหมือนโดนของแข็งฟาดเข้าที่ศีรษะอย่างแรง ขายาวเหมือนหมดแรงที่จะขยับเขยื้อนไปไหนเขารับรู้ได้ถึงอาการชาั้แ่หัวจรดปลายเท้าของร่างกายตัวเองเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนสองคนที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุด ก่อนในหัวจะมีภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ่เย็นผุดขึ้นมา
“แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้ ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม”
สายตาแปลกๆที่เห็นในตอนนั้นคงเป็เพราะแบบนี้เองสินะ ตลกสัดเลยชีวิตกู
“เฮ้ย! ไอ้เชี่ยปลื้ม” เก่งร้องออกมาด้วยความใเมื่ออยู่ดีๆเพื่อนสนิทที่พึ่งเดินกลับมาถึงที่โต๊ะก็ยกขวดเหล้าเพรียวๆขึ้นดื่มโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น
“มันเป็อะไรวะ” พีคหันไปถามจีนที่เดินตามหลังปลื้มมาด้วยความอยากรู้ “หรือว่าไปเจอเรนมา”
“อือ” จีนพยักหน้าตอบ
“อย่าเศร้าไปเพื่อน มึงลองมองไปทางนั้นเห็นที่โต๊ะนั่นปะ แทนสินกำคนที่มึงปลื้มเขานั่งอยู่ตรงนั้นเว้ย” เก่งที่แย่งขวดเหล้าออกมาจากมือปลื้มได้สำเร็จเอ่ยบอกพร้อมกับชี้ไปยังโต๊ะที่อยู่ถัดออกไปจากโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ประมาณสามโต๊ะ “กูพึ่งเห็นเขาเดินมาที่โต๊ะก่อนมึงกับไอ้จีนจะมาได้แป๊ปเดียวเอง พรหมลิขิตปะ”
“พรหมลิขิตขีดเขี่ยให้เหี้ยเดินอะดิ” ปลื้มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่ดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อเย็นกูยังเห็นชมเขาอยู่เลย จะเป็แฟนบอยไม่ใช่หรอวะ”
“ไม่เป็แล้ว”
“...”
“กูไม่ปลื้มแม่งละไอ้เหี้ย”
“คือไรวะ” เก่งทำหน้างงด้วยความไม่เข้าใจ
“เมื่อกี้พวกกูเจอเรน” จีนบอกกับเพื่อนทั้งสองคนที่ยังคงตามสถานณการไม่ทัน
“แล้ว?”
“อยู่กับแทนในห้องน้ำ”
“ใครๆก็ปวดฉี่ได้มั้ยอะไอ้สัด”
“มีคนบอกว่าสองคนนั้นเอากันในห้องน้ำ”
“O M G” พีคอุทานออกมาด้วยความใ
“น่าจะมีซัมติงกันจริงว่ะ พวกมึงดูนู้นดิ” เก่งบอกพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปในทิศทางที่มีแทนนั่งอยู่ เพื่อนทั้งโต๊ะจึงหันไปให้ความสนใจกับทางนั้นด้านทันที
คิ้วเข้มค่อยๆขมวดเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆตามจังหวะการก้าวเดินของคนตัวเล็กที่กำลังเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งชนแก้วอยู่กับเพื่อนบนโต๊ะ มือหนากระชากขวดเหล้าที่อยู่ในมือเก่งขึ้นมายกดื่มอีกครั้งโดยที่สายตาไม่ได้ละออกไปจากร่างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็แฟนเก่าเลยแม้แต่วินาทีเดียว แล้วคิ้วเข้มก็ยิ่งผูกกันเป็ปมมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเขาทั้งสองขยับใบหน้าเข้าหากันมากขึ้น
ปัง!
“กูไม่ทนละไอ้เหี้ย” ปลื้มฟาดมือลงบนโต๊ะอย่างหมดความอดทน ร่างสูงของอัลฟ่าหนุ่มลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน มองด้วยตาเปล่าก็รู้ได้ทันทีว่าไอ้คนนี้มันเมาแล้ว ก่อนสองขายาวจะเดินดุ่มๆเข้าไปหาคนสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ด้วยท่าทางที่ดูเอาเื่เต็มที่
“เชี่ยปลื้มมึงจะไปไหน”
“เฮ้ยๆ ไอ้ปลื้ม!” พีคที่รีบเดินตามหลังปลื้มมาพยายามจะเอื้อมมือไปคว้าแขนของเพื่อนตัวเองเอาไว้แต่มันก็ช้าเกินไป
ผลัวะ!
มือหนาคว้าเข้าที่แขนเล็กของโอเมก้าคนสวยก่อนจะออกแรงกระชากให้คนตัวเล็กถอยห่างออกมาจากอัลฟ่าอีกคนที่นั่งอยู่ ไม่พูดอะไรมากมายไม่มีแม้กระทั่งคำทักทายกำปั้นของเขาก็ถูกเหวี่ยงออกไปปะทะกับใบหน้าหล่อของอีกฝ่ายจนต้องหันไปตามแรงที่ถูกกระทำ
“เป็เหี้ยไรไอ้สัด!” คนที่โดนต่อยหันหน้ากลับมามองใบหน้าของปลื้มอย่างเอาเื่ ก่อนจะออกแรงเหวี่ยงหมัดกระแทกใส่หน้าของปลื้มบ้างเพื่อเป็การเอาคืน เื่อะไรที่เขาจะต้องโดนต่อยอยู่ฝ่ายเดียวล่ะจริงมั้ย
ผลัวะ!
ใบหน้าหล่อของคนที่มีแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายมากเกินไปหันไปตามแรงกระแทกที่ได้รับ ปลื้มรู้สึกถึงความชาที่ค่อยๆแล่นริ้วไปทั่วทั้งใบหน้าด้านที่โดนถูกหมัดของอีกคนกระแทกลงมา ก่อนเขาจะเริ่มรับรู้ได้ถึงของเหลวอุ่นๆรสชาติเหมือนสนิมที่ไหลออกมาจากบริเวณมุมปากจนต้องยกมือขึ้นมาปาดมันออก
ปลื้มต่อยแทนจนหน้าหันส่วนแทนก็สวนกลับมาจนปลื้มเืกบปากเช่นกัน