“ปลื้ม! หยุด!” เสียงของเรนดังขึ้นเมื่อเห็นว่าปลื้มหันหน้ากลับมาและทำท่าเหมือนจะยกหมัดขึ้นมาต่อยแทนอีกรอบ “พอได้แล้ว” คนตัวเล็กเอ่ยบอกพร้อมกับเอาตัวเข้ามายืนขว้างระหว่างอัลฟ่าทั้งสองคนเอาไว้ ยิ่งเห็นว่าคนตัวเล็กดูมีท่าทีเหมือนจะปกป้องอีกฝ่ายปลื้มก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงคนตัวเล็กอีกแล้วแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ
ภายในใจของอัลฟ่าหนุ่มมันร้อนรุ่มไปหมด ในหัวเหมือนมีภาพที่แทนร้องเพลงแล้วส่งยิ้มให้เรนกับภาพที่ทั้งคู่เดินออกมาจากในห้องน้ำด้วยกันฉายสลับกันไปมา ในหัวก็คิดมากไปถึงขั้นที่ว่าหรือจริงๆแล้วที่เรนอยากเลิกกับเขาก็เป็เพราะมัน ไอ้แทน ปรรณกร
“เฮ้ยอะไรกันวะ”
“ต่อยเพื่อนกูทำเหี้ยอะไร” เสียงโวยวายของผู้ชายที่นั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกับแทนดังขึ้น ก่อนอีกฝ่ายจะลุกขึ้นยืนแล้วผลักอกปลื้มให้ถอยห่างออกไปจากเพื่อนของตัวเอง ร่างของอัลฟ่าหนุ่มเซถอยหลังไปชนเข้ากับโต๊ะด้านหลังเข้าอย่างจัง ขวดเบียร์ที่ถูกดื่มจนหมดทำให้มีน้ำหนักเบาเมื่ออยู่บนโต๊ะที่ไม่มั่นคงจึงล้มแล้วตกลงไปกระทบพื้นแตกกระจายจนเกิดเสียงดังสร้างความแตกตื่นให้กับคนที่อยู่บริเวณโดยรอบ
เพล้ง!
“กรี๊ดดดดด” เสียงกรีดร้องเริ่มดังขึ้นเมื่อมีคนใกับเสียงขวดแก้วแตกและท่าทางของคนสองกลุ่มที่เหมือนจะมีเื่กัน
“มึงผลักเพื่อนกูหรอ” จีนชี้หน้าคาดโทษใส่ผู้ชายที่พึ่งผลักปลื้มด้วยความไม่พอใจ คนตัวเล็กตั้งท่าจะเดินเข้าไปหาเื่คนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวแม้ว่าจะมีขนาดตัวที่ต่างกัน กำปั้นขาวถูกยกขึ้นในอากาศก่อนจะพุ่งเข้าหาใบหน้าของชายคนนั้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้ต่อยอีกคนอย่างที่ใจนึกข้อมือเล็กก็ถูกอีกคนกำรอบเอาไว้ก่อนด้วยมือเพียงข้างเดียว
“ปล่อย” จีนบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด คนตัวเล็กพยายามจะกระชากแขนของตัวเองกลับมาแต่ไม่ว่าจะใช้แรงแค่ไหนมันก็สู้แรงของอีกคนไม่ได้เลย
“ตัวแค่นี้ยังจะทำเป็เก่ง” ร่างเล็กถูกคนตรงหน้าดึงรั้งเข้าไปหาตัวด้วยแรงที่ไม่เบานัก ทำให้ร่างทั้งร่างเซถลาเข้าไปกระแทกกับอกแกร่งนั้นเข้าอย่างจัง แม้จีนจะพยายามขืนตัวเอาไว้แล้วแต่ถึงอย่างไรเสียโอเมก้าก็ไม่มีวันสู้แรงของอัลฟ่าได้อยู่ดี
“ปล่อยกู”
“เฮ้ยมึงทำเหี้ยไรวะ ปล่อยเพื่อนกูเลยนะไอ้สัด” เก่งโวยวายขึ้นมาเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กที่มักจะได้รับการทะนุถนอมจากทุกคนในกลุ่มเสมอถูกอัลฟ่าที่ไหนก็ไม่รู้กระชากไปซบอกก็เกิดไม่พอใจขึ้นมา เตรียมจะพุ่งใส่อีกฝ่ายเพื่อช่วยเพื่อนของตัวเองท่ามกลางความชุลมุนของผู้คนที่เริ่มโวยวายและวิ่งหนีเพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงจากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
เพล้ง!
“กรี๊ดดดดด” แล้วมันก็ยิ่งวุ่นวายมากกว่าเดิมไปอีกเมื่อระหว่างที่ใครหลายคนกำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอดอยู่นั้นดันไปชนเข้ากับโต๊ะจนทั้งขวดเหล้าและแก้วตกลงมาระเนระนาดจนเกิดเสียงแตกดังไปทั่วทั้งร้าน
“พ่อมึงมา!” เสียงะโของชายคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้ทุกคนที่ได้ยินยิ่งพากันใและวิ่งหนีเอาตัวรอดกันวุ่นวายมากกว่าเดิมโดยต่างก็ลืมคิดไปว่าตนเองนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด
ปลื้มที่กำลังยืนสะบัดหัวไล่ความมึนที่เกิดจากน้ำเมาและหมัดของแทนหันไปมองเหตุการณ์ชุลมุนรอบๆตัว ในหัวมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาว่าถ้าหากเขาโดนตำรวจจับมันต้องเป็เื่ใหญ่แน่ๆ คนเมาจึงพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด เขาหรี่ตามองหาเพื่อนของตัวเองท่ามกลางแสงไฟที่สลัวของร้านแล้วดวงตาคมก็มองเห็นพีคยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักมือหนาจึงเอื้อมออกมือไปคว้าแขนของเพื่อนตัวเองเอาไว้ก่อนจะออกแรงกระชากให้เพื่อนตัวดีวิ่งหนีตามเขาออกไปทางด้านหลังของร้าน ในหัวก็คิดไปด้วยว่าเก่งน่าจะดูแลจีนได้คงไม่ใช่ปัญหาอะไร
ฝ่ามือหนาจับกระชับกำรอบข้อมือบางของใครบางคนที่ไม่ใช่เพื่อนตัวเองเอาไว้แน่น ก่อนขายาวจะวิ่งนำอีกฝ่ายออกมาจนห่างจากสถานที่ที่เกิดเื่ได้ไกลพอสมควร เมื่อวิ่งมาได้สักพักจนมั่นใจว่าน่าจะปลอดภัยและไม่มีใครตามมาขายาวของอัลฟ่าหนุ่มก็หยุดลงพร้อมกับมือหนาปล่อยให้ข้อมือของอีกคนเป็อิสระ คนเมายืนเท้าเอวหอบจนตัวโยนด้วยความเหนื่อย ริมฝีปากหยักอ้าออกเล็กน้อยเพื่อช่วยจมูกระบายคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายและรับออกซิเจนเข้าไปแทน
“มึงลากกูออกมาด้วยทำเหี้ยอะไร” น้ำเสียงที่ฟังดูไม่คุ้นหูเลยแม้แต่น้อยที่ดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนที่ยืนหอบอยู่ให้หันหลังกลับไปมองด้วยความแปลกใจ ทำไมเสียงแม่งไม่เหมือนไอ้พีคเพื่อนเขาเลยวะหรือเขาจะเมาจนหูเพี้ยน
“มึง!” ปลื้มใจนตาโตเมื่อเขาได้เห็นใบหน้าที่แดงซ่านของอีกคนที่ยืนหอบหายใจไม่ต่างจากเขา ไม่ใช่ไอ้พีคเพื่อนเขาแต่เป็ไอ้แทน! “ทำไมเป็มึง แล้วเพื่อนกูไปไหน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยความใพร้อมกับพยายามมองหาว่าเพื่อนของเขาหายไปไหนแล้วแทนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
“กูจะรู้เพื่อนมึงมั้ย” แทนเอ่ยสวนกลับไปโดยที่ตัวเองก็ยังคงไม่หยุดหอบ
“...” นี่เขาคว้ามาผิดคนหรอวะเนี่ย แต่เขามั่นใจนะว่าเขาคว้าแขนไอ้พีคมาแล้วทำไมถึงออกมาเป็ไอ้คนที่พึ่งต่อยหน้าเขาได้วะ ปลื้มยกมือขึ้นมากุมหน้าผากตัวเองเอาไว้อย่างหัวเสีย แล้วตอนนี้พวกเพื่อนของเขาจะเป็อย่างไรบ้างเนี่ย ไม่ใช่แม่งโดนตำรวจรวบกันไปหมดแล้วนะ
“จะไปไหน” แทนที่เริ่มกลับมาหายใจในจังหวะปกติเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าปลื้มตั้งท่าจะเดินกลับไปในทิศทางเดิมที่พวกเขาพึ่งวิ่งจากมา
“กูจะไปดูเพื่อนกู”
“จะกลับไปให้พ่อมึงรวบหรือไง” แทนเอ่ยขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปรั้งแขนหนาภายใต้เสื้อเชิ้ตสีดำของอีกคนไว้ ก่อนจะออกแรงดึงให้อีกฝ่ายพลิกตัวหันเข้ามาหาตนเองด้วยแรงที่มากพอสมควร และไม่รู้ว่าเพราะแทนใช้แรงมากไปหรือปลื้มที่เมาอยู่เลยทำให้แข้งขาอ่อนแรงกว่าปกติ เมื่อถูกดึงถึงได้หมุนตัวไปมาหาอีกคนอย่างง่ายดายแถมยังเซจนเกือบจะล้มไปหน้าฟาดกับพื้นอีกโชคดีที่แทนยังตั้งหลักแล้วรั้งของอีกฝ่ายไว้ได้เสียก่อน
“ยืนดีๆไอ้สัด”
“ไม่ต้องมายุ่งกับกู” ปลื้มบอกพร้อมกับสะบัดมือของแทนออกจากแขนตัวเองจนเซไปด้านหลัง แทนส่ายหัวอย่างเอือมระอา ดวงตากลมทอดมองสภาพของคนตรงหน้าด้วยความเหนื่อยใจ เขามองสำรวจใบหน้าหล่อที่มีคราบสีแดงเข้มที่แห้งติดอยู่ที่มุมปากของอีกคนเพราะฝีมือของเขากับรอยช้ำบริเวณโหนกแก้มที่เริ่มมีสีเข้มขึ้น ดวงตาคมที่ปรือปรอยกว่าปกติของคนตรงหน้านั้นทำให้แทนค่อนข้างมั่นใจว่าปลื้มตอนนี้ไม่ใช่คนที่มีสติครบถ้วนดีอย่างแน่นอน
“กูก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก”
“ทั้งหมดก็เพราะมึง” คนเมาบอกพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าของอีกคนอย่างหาเื่
“เพราะกู?” แทนเลิกคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจ “กูนั่งแดกเหล้าอยู่ดีๆแต่มึงเดินมาต่อยกู คือกูผิด?” ตอนที่โดนต่อยเขางงมากว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาถึงได้โดนอีกฝ่ายต่อย แต่ถึงแม้ว่าจะงงแค่ไหนด้วยนิสัยที่ไม่ชอบยอมใครมาแต่ไหนแต่ไรจึงทำให้เขาต่อยสวนอีกฝ่ายกลับไปทันที
“ใช่ มึงผิด”
“ผิดอย่างไง กูหล่อเกินหน้าเกินตามึงไปหรอไอ้สัด”
“ไม่เห็นจะหล่อตรงไหน” ปลื้มบอกพร้อมกับคว่ำปากลงยั่วตีนอีกฝ่าย
“อ้าวไอ้เหี้ยนี่” แทนเริ่มรู้สึกฉุนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อโดนดูถูกเื่หน้าตา ปากดีแบบนี้มันน่าต่อยให้ปากแตกอีกสักข้าง “ยืนดีๆ เดี๋ยวก็ได้ล้มลงไปหัวฟาดพื้นตายห่าหรอกไอ้ควาย” ร่างบางเอ่ยบอกพร้อมกับยื่นมือไปจับคอปกเสื้อของอีกคนที่ยืนโงนเงนไปมาเอาไว้ แต่เหมือนว่าแรงที่แทนใช้นั้นจะมากเกินไปสำหรับคนเมาเลยทำให้ร่างของปลื้มเซถลาเข้ามาหาเขาทั้งตัว
ระยะห่างเพียงน้อยนิดระหว่างปลายจมูกรั้นและสันจมูกที่โด่งคมรับกับกรอบหน้าได้รูปนั้นทำเอาคนที่มีสติเผลอหายใจผิดจังหวะไป่หนึ่ง ร่างบางรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ถูกพ้นออกมารดรินผิวเนื้อสีขาวติดกับบริเวณริมฝีปาก้าของตนเอง
“ทำไมจะต่อยกูคืนอีกหรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม โดยทุกครั้งที่ริมฝีปากหนานั่นขยับเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาก็จะปัดป้ายผ่านกับริมฝีปากอิ่มของอีกคนอย่างผละแ่ทุกครั้งจนร่างบางต้องรีบเม้มปากของตัวเองเอาไว้และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเขาไม่สามารถถอนสายตาออกไปจากริมฝีปากหยักนั้นได้เลย โคตรแย่
“...”
“อึก” อยู่ดีๆปลื้มก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างตีขึ้นมาจุกที่บริเวณลำคอของเขา และตามสัญชาตญาณเขาก็ต้องปล่อยให้มันออกมา
“อย่านะมึง” แทนรีบพูดออกมาเมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกคน มันเป็สีหน้าที่เขารู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น มือขาวพยายามจับให้ใบหน้าของอีกคนหันไปทางอื่นแต่อีกฝ่ายก็ขืนคอเอาไว้
“อึก”
“ถ้ามึงอ้วกใส่กูกูต่อยมึงซ้ำนะ...”
“แหวะ”
“เวรเอ๊ย” แทนสบถออกมาพร้อมกับหลับตาลงแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้น้าอย่างหัวเสีย เมื่อคนตรงหน้าอ้วกออกจนเลอะเสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่เต็มไปหมด นี่มันวันซวยอะไรของกูวะเนี่ย ร่างบางได้แต่คิดในใจ โดนต่อยทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วแม่งยังต้องมาโดนอ้วกใส่อีกเวรจริงๆ
ตุบ
เสียงของร่างสูงที่ถูกปล่อยให้ลงไปนั่งกองกับพื้นดังขึ้นโดยที่ร่างบางไม่แม้แต่จะสนใจ เขาก้มลงสำรวจความสกปรกของเสื้อยืดสีดำที่ขนาดใหญ่กว่าตัวกับกางเกงยีนสีซีดที่เข่าทั้งสองข้างขาดเป็รูกว้างจนเห็นเนื้อเข่าที่เขาสวมใส่อยู่อย่างหัวเสีย ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยไปที่ตัวร่างสูงที่นั่งเหยียดขาไม่สุดก้มหน้ามองมือที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างบนพื้นเพื่อระบายอารมณ์ ดวงตากลมปรายตามองคนเมาบนพื้นอีกครั้งก่อนจะค่อยๆก้าวถอยหลังและหันตัวเดินจากไป
“...” ปลื้มไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้ใครอีกคนที่เขาเผลอไปจับมือให้วิ่งหนีออกมาด้วยกันจะเดินจากไปไกลแค่ไหนแล้ว ร่างสูงเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองมากกว่า ดวงตาคมจับจ้องไปยังฝ่ามือของตัวเองอย่างเหม่อลอยท่ามกลางความเงียบที่โอบรอบตัวของเขา ก่อนความร้อนผ่าวจะค่อยๆวิ่งแล่นไปรอบดวงตาน้ำสีใสเริ่มเอ่อคลอล้นออกมาโดยที่เ้าตัวเองก็ไม่อาจห้ามมันเอาไว้ได้ ไหล่กว้างของอัลฟ่าตัวโตที่นั่งอยู่บนพื้นค่อยๆสั่นไหวมากขึ้นอย่างช้าๆ แสดงความอ่อนแอออกมาโดยที่ไม่คิดจะปกปิดมันเอาไว้อีกต่อไป ก่อนเปลือกตาหนาจะปิดลงพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หยดลงจากหัวตาพอดี
“ฮึก เจ็บสัด” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแ่เบา “ตอนแรกไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้เลย” ทำไมการโดนทิ้งมันถึงได้เ็ปขนาดนี้กันนะ ทั้งๆที่ตอนแรกไม่เคยคิดที่จะรักเลยแท้ๆพอรักก็ไม่เคยคิดว่าจะรักมากขนาดนี้เลยจริงๆ ไหล่กว้างของอัลฟ่าหนุ่มเริ่มสั่นแรงขึ้นจนคนใครบางคนที่หลบอยู่ในความมืดรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ ขาเรียวของใครคนนั้นกำลังจะก้าวออกมาจากจุดที่แอบซ่อนแต่ก็ต้องหยุดชะงักลง เพราะร่างบางของใครบางคนที่พึ่งเดินจากไปกำลังเดินกลับเข้ามาหาปลื้มอีกครั้ง
กึก
“ภาระฉิบหาย” เสียงทุ้มใสเอ่ยขึ้นเมื่อสุดท้ายเขาก็เดินกลับมายืนอยู่ที่เดิม ดวงตาคมของคนเมาที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่บนพื้นปรือขึ้นก่อนเหลือบมองไปยังรองเท้าConverseหุ้มข้อสีดำของใครบางคนที่มาหยุดยืนอยู่ข้างกายของเขา
“...”
“ร้องไห้เป็เด็กไปได้แค่ล้มลงไปนั่งกับพื้นมันเจ็บขนาดนั้นเลยหรือไง ตัวโตซะเปล่า”
“...”
มือขาวหยิบเอาซองบุหรี่ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าด้านหลังออกมาคาบไว้ในปาก ก่อนจะล้วงไปที่กระเป๋ากางเกงด้านหน้าเพื่อหาไฟแช็กแต่ก็ไม่เจอ ลองล้วงอีกข้างก็ไม่เจอ ตบทุกกระเป๋าทั้งหน้าทั้งหลังก็ไม่เจออยู่ดีจนนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองนั่นน่าจะลืมเอาไว้บนรถ แทนส่ายหัวอย่างเซ็งๆ ให้กับความสะเพร่าของตัวเอง ก่อนจะหลุบสายตาลงไปมองร่างสูงบนพื้น
“...”
“มีไฟแช็กมั้ย” ร่างบางเอ่ยถามออกมาโดยที่ปากอิ่มนั้นยังคงคาบบุหรี่เอาไว้
“มี” คนเมาเอ่ยตอบ ก่อนจะชี้ไปยังกระเป๋าทางด้านซ้ายเหมือนบอกว่ามันอยู่ตรงนี้ แทนจึงย่อตัวลงและใช้มือตบไปที่บริเวณนั้นเพื่อเช็กก่อนว่ามันอยู่ตรงไหน เมื่อเจอแล้วมือบางจึงซุกหายเข้าไปในกระเป๋าของกางเกงสแลคสีดำที่อีกคนใส่อยู่และหยิบไฟแช็กสีเงินออกมา ร่างบางดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเมื่อได้ในสิ่งที่้า เขาไม่รอช้าที่จะใช้มันจ่อที่ปลายบุหรี่ในปากและจุดไฟให้ค่อยๆมอดไหม้ที่ปลายบุหรี่ ก่อนที่เขาจะสูดสารนิโคตินที่มีกลิ่นเย็นๆ ผสมกลิ่นเปรี้ยวๆ ของเชอรี่เข้าไปจนเต็มปอดและพ้นควันสีขาวขุ่นออกมาจนมันฟุ้งหายไปกับอากาศ
แทนไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมตัวเองถึงเดินกลับมา ทั้งๆที่จะทิ้งให้อีกคนนั่งอยู่แบบนี้ก็ได้ สงสัยจะเป็เพราะสามัญสำนึกในความเป็คนดีของเขามันทำงานดีเกินไปเขาถึงได้ไม่ใจร้ายพอที่จะทิ้งคนที่เมาหมดสภาพให้นั่งอยู่ในสถานที่แบบนี้คนเดียว
ความเงียบเข้ามาครอบคลุมพื้นที่แห่งนี้อีกครั้งเมื่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างพากันเงียบเสียงลงทั้งหมด ร่างบางของอัลฟ่าหนุ่มหล่อแห่งคณะศิลปกรรมศาสตร์ทำเพียงแค่อัดควันบุหรี่เข้าปอดและพ้นมันออกมาอยู่อย่างนั้น ในขณะที่อัลฟ่าร่างหนาอีกคนที่นั่งอยู่บนพื้นกำลังร้องไห้อย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้ปลื้มไม่กล้าพอที่จะร้องไห้ออกมาต่อหน้าของใครเลยแม้แต่ต่อเพื่อนสนิทเขาก็ไม่กล้าเปิดเผยความอ่อนแอที่แท้จริงของตัวเองออกมาให้เห็น แต่คงเป็เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายถึงได้ทำให้เขาเลือกที่จะร้องไห้ต่อหน้าคนแปลกหน้าแบบนี้ แต่มันก็รู้สึกดีเหมือนกันที่เขาสามารถอ่อนแอต่อหน้าใครสักคนได้บ้าง
“มึงพักอยู่ที่ไหน” หลังจากที่ยืนอัดสารนิโคตินเข้าปอดจนพอใจแล้ว มวนบุหรี่ที่ถูกคีบไว้ด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลางก็ถูกลดระดับให้ต่ำลง
“ทำไม” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถาม
“จะได้บอกคนขับรถถูก” แทนบอกพร้อมกับมือที่กดนู่นนี่ในโทรศัพท์ไปด้วย
“กูปักหมุดคอนโดไว้ในโทรศัพท์” ร่างสูงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงยานครางก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วยื่นส่งให้กับคนที่ยื่นค้ำหัวเขาอยู่ หลังจากที่ได้อ้วกออกไปและนั่งพักสติของปลื้มก็เหมือนจะเริ่มมีมากขึ้น
“ดี รหัสอะไร” แทนโยนบุหรี่ที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งมวนลงบนพื้นก่อนจะดับมันด้วยการกดปลายเท้าลงไปบนส่วนปลายที่ติดประกายไฟจนมันมอดดับลงไป
“970214”
“...” แทนกดรหัสตามที่ปลื้มบอก ร่างบางชะงักไปนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าภาพหน้าจอของร่างสูงนั้นเป็รูปคู่ของเ้าของโทรศัพท์กับใครบางคนที่เขาเคยรู้จักและคุ้นเคยในระดับหนึ่ง “ไม่ใช่ว่าเลิกกันแล้วหรอ” ร่างบางเอ่ยพึมพำ ก่อนเขาจะกดค้นหาหมุดของที่พักที่อีกคนบอกว่าตัวเองปักหมุดเอาไว้ ก่อนจะใช้มือจับที่คอเสื้อของอีกคนแล้วออกแรงดึงให้ปลื้มนั้นลุกขึ้นมายืนด้วยความทุลักทุเล
“...”
“นอกจากต้องขอโทษแล้วอย่าลืมขอบคุณกูด้วยละกัน” แทนบอกก่อนจะยัดโทรศัพท์ของตัวเองลงในกระเป๋าด้านหลัง ยืนรอไม่นานรถที่แทนเรียกไว้ก็มาถึงเขาจับปลื้มให้ขึ้นไปบนรถก่อนที่จะขึ้นตามไป ร่างบางส่งโทรศัพท์ที่เปิดจีพีเอสไว้แล้วส่งให้คนขับเพื่อให้เขาพาไปส่งยังจุดหมาย ตั้งใจว่าพอไปถึงก็จะส่งไอ้คนขี้เมาที่กำลังร้องไห้งอให้ยาม แล้วทางนั้นจะจัดการอะไรต่อมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้วเพราะแค่นี้ก็ถือว่าเขาทำดีมากแล้วในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งที่โดนมันเดินเข้ามาต่อยจนหน้าหัน
เมื่อรถที่มีแทนและปลื้มนั่งอยู่ขับออกไป ร่างบางปริศนาของใครบางคนที่ซ่อนตัวเองไว้ในความมืดและยืนมองการกระทำของสิ่งมีชีวิตที่เป็ชนชั้นที่สูงที่สุดทั้งคนสองคนอยู่ตลอดก็ค่อยๆก้าวออกมา ั์กลมโตจับจ้องไปยังไฟท้ายรถจนมันหายลับออกไปจากสายตาด้วยแววตาที่เดาได้ยากว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่เพราะมันแฝงเอาไว้ทั้งความเ็ปและความเกลียดชัง ก่อนที่ขาเรียวจะค่อยๆหมุนตัวและเดินออกไปจากบริเวณนี้เช่นกัน
ปรรณกรไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมกูถึงพาตัวเองมายืนอยู่หน้าลิฟต์ของคอนโดหรูใจกลางเมืองแทนที่จะนั่งรถกลับไปที่บ้านตัวเอง ภายในคืนเดียวเขาทำเื่ที่แม้แต่ตัวเองก็หาคำตอบไม่ได้ว่า ‘ทำทำไม’ หรือ ‘ทำไปเพื่ออะไร’ ลงไปหลายเื่เหลือเกิน แล้วมันใช่เื่มั้ยที่กูมายืนตัวเหม็นอ้วกคนอื่นอยู่หน้าลิฟต์แบบนี้แถมแม่งยังต้องมาแบกไอ้เ้าของอ้วกไว้ไม่ให้ทิ้งตัวลงไปกับพื้นอีก
ติ้ง
เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องโดยสารขนาดสี่เหลี่ยมที่เปิดออกด้านในว่างเปล่าไร้เงาของผู้คนทำให้แทนรู้สึกเบาใจที่อย่างน้อยกลิ่นอ้วกบนตัวเขาก็ไม่สร้างความอึดอัดใจให้ใครที่ต้องทนอยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกัน แทนแบกร่างของคนเมาที่เริ่มทิ้งน้ำหนักมาที่เขามากขึ้นเข้าไปในลิฟต์ด้วยท่าทางที่ดูลำบากอยู่พอตัวเพราะถึงจะเป็อัลฟ่าเหมือนกันแต่ขนาดตัวที่ต่างกันก็ทำให้เรี่ยวแรงพลอยต่างกันไปด้วย
“รอด้วยครับ” เสียงของใครบางคนดังขึ้นในขณะที่แทนกำลังยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูของลิฟต์มือบางจึงสลับฝั่งไปกด ปุ่ม Openค้างเอาไว้ เพื่อรอให้บุคคลที่อยู่ด้านนอกเข้ามาด้านในได้ ชายหนุ่มสองคนที่มีรูปร่างใกล้เคียงกันเดินเข้ามาด้านในโดยไม่ลืมที่จะก้มให้แทนเล็กน้อยแทนคำขอบคุณที่อุตส่าห์เปิดประตูลิฟต์รอพวกเขา
“ชั้นไหน” เสียงทุ้มเอ่ยถามสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติเล็กน้อย
“ชั้นอะไร” คนเมาขมวดคิ้วถามเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนพูด
“ห้องมึงอะอยู่ชั้นไหน”
“ยี่สิบเจ็ด”
“...” เมื่อได้รับคำตอบมือเรียวจึงเอื้อมมือไปกดที่หมายเลขชั้นตามที่อีกคนบอก และไม่ลืมที่จะหันไปถามผู้โดยสารอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วย “ชั้นไหนหรอครับ”
“ยี่สิบห้าครับ” ผู้ชายที่ดูรูปร่างเล็กที่สุดในลิฟต์ตอนนี้เอ่ยตอบออกมาอย่างสุภาพ
“ครับ” แทนเอ่ยรับคำ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดชั้นที่อีกฝ่าย้าให้
หลังจากนั้นทั้งห้องโดยสารขนาดสี่เหลี่ยมก็มีเพียงความเงียบที่เกิดขึ้น จนกระทั่งอัลฟ่าหนุ่มที่เมามายไม่ได้สติเอ่ยพึมพำอะไรบางอย่างออกมา
“หอม กลิ่นหอม” แทนที่ยืนอยู่ชิดกับปลื้มได้ยินเสียงงึมงำนั้นแต่ก็ไม่ชัดพอให้ฟังรู้เื่จึงคิดว่าปลื้มอาจจะบ่นอะไรเรื่อยเปื่อยตามประสาคนเมา ก่อนที่เขาจะเริ่มรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของคนข้างตัวที่เพิ่มสูงขึ้น และกลิ่นหอมบางอย่างที่หอมฟุ้งขึ้นมาภายในพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบๆนี้
“เธอ...” แทนหันไปมองตามเสียงเรียกที่ได้ยินก่อนจะพบว่าตอนนี้คนตัวเล็กที่พึ่งเอ่ยคุยกับเขาไปเมื่อคู่กำลังยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมหนึ่งของลิฟต์ ก่อนมือบางจะรีบยกขึ้นมาปิดจมูกทันทีเมื่อมีกลิ่นหอมที่แรงมากรอยมาปะทะเข้ากับจมูกของเขา ใบหน้าหล่อปนสวยเบ้ไปเล็กน้อยเพราะกลิ่นหอมนั้นเป็กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าที่อยู่ใน่ฮีท
“หอม” เสียงทุ้มแหบพึมพำอยู่ใกล้กับใบหูบาง กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าตอนฮีทนั้นกำลังกระตุ้นบางอย่างในตัวของอัลฟ่าหนุ่มทั้งสองคนให้ตื่นขึ้นโชคดีที่แทนยังมีสติจึงสามารถจัดการกับความอดทนของตัวเองได้แต่ปลื้มในตอนนี้ไม่เหลือสติในการที่จะควบคุมตัวเองอีกแล้ว อัลฟ่าหนุ่มดันตัวเองให้ออกห่างจากร่างของแทนและตั้งท่าที่จะพุ่งเข้าใส่โอเมก้าคนนั้นทันที
“อย่านะ” ร่างโปร่งอีกคนที่มาด้วยกันกับโอเมก้าคนนั้นรีบเดินเข้ามาขว้างตัวปลื้มเอาไว้ไม่ให้เข้าไปใกล้กับอีกคน
“หลบ” ปลื้มเอ่ยออกมาเสียงดุ พร้อมกับปล่อยกลิ่นฟีโรโมนป่าสนออกมาจนคลุ้งไปทั่วทั้งลิฟต์ โอเมก้าตัวน้อยที่รับรู้ได้ถึงภัยคุกคามได้แต่ก้มหน้าตัวซุกกับหน้าขาของตัวเองด้วยความกลัว ร่างทั้งร่างสั่นเทาไปหมดช่างน่าสงสารจับใจ
“ปลื้ม” เสียงทุ้มของแทนดังขึ้นพร้อมกับมือบางที่คว้าแขนของปลื้มเอาไว้ แต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างง่ายดาย
“กูบอกให้หลบ” ร่างสูงเอ่ยบอกกับร่างโปร่งของชายแปลกหน้าที่ยืนขว้างตนเองอยู่อีกครั้ง แต่คนตรงหน้ากลับไม่มีท่าทีว่าจะทำตามที่เขาสั่งแต่อย่างใด
“ฮื่อ” เสียงสะอื้นไห้ของโอเมก้าผู้น่าสงสารดังออกมาจนผู้เป็คนรักรู้สึกเ็ปตามไปด้วยไม่ต่างกัน “อย่าเข้ามานะ ฮึก”
“อย่ามายุ่งกับแฟนกู” แม้ว่าจะรู้ตัวว่าถ้าหากต้องสู้กันจริงๆตนเองคงไม่มีทางที่จะสู้อัลฟ่าตรงหน้าได้แต่เขาก็ยังเลือกที่จะปกป้องคนที่เขารักให้ถึงที่สุด
“ไอ้ปลื้ม” แทนเรียกชื่อของอัลฟ่าที่ไร้สติอีกครั้ง แรงกดดันที่ปลื้มออกมามันรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมจนแม้แต่แทนที่เป็อัลฟ่าเหมือนกันยังรู้สึกอึดอัดไม่ต้องพูดถึงโอเมก้าคนนั้นเลยว่าจะแย่แค่ไหน
พรึ่บ
ร่างบางตัดสินใจใช้แรงทั้งหมดกระชากตัวปลื้มให้หันมาหาตัวเองก่อนจะโถมตัวกอดอีกคนไว้ ฝ่ามือขาวข้างหนึ่งวางลงบนเส้นผมสีดำนุ่มมือที่ถูกเซตไว้เป็ทรงก่อนจะออกแรงกดให้ศีรษะของอีกคนก้มต่ำลงมาจนใบหน้าหล่อเหลาซุกอยู่กับซอกคอของเขา
แทนหลับตาแน่นเขาใช้แรงที่มีกอดรัดร่างของอัลฟ่าที่ตัวใหญ่กว่าเอาไว้แม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนที่จะออกไปจากอ้อมแขนของเขามากเท่าไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะเริ่มปล่อยแรงกดดันของตัวเองออกมาพร้อมกลับกลิ่นฝนที่แผ่กระจายออกไปทั่วลิฟต์กลบกลิ่นหอมของโอเมก้าที่ปล่อยออกมาแทบจะทั้งหมดราวกับฝนที่ตกลงมาเพื่อชะล้างทุกสิ่งให้จางหายไปหลงเหลือเพียงกลิ่นอายของสายฝนทิ้งเอาไว้
อัลฟ่าหนุ่มที่กำลังคลั่งเพราะถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าใน่ฮีทเริ่มเบาแรงในการขัดขืนลง เมื่อได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย ความเข้ากันของกลิ่นไอฝนและป่าสนเริ่มหวนกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้งเพียงแค่ไม่มีสติพอที่จะนึกให้ออกว่าเคยได้กลิ่นหอมนี้มาจากที่ไหน ในตอนแรกที่แทนต้องใช้แรงกดใบหน้าของอีกคนให้แนบชิดไปกับแอ่งชีพจรของเขาเอาไว้ตอนนี้กลายเป็จมูกโด่งคมที่ซุกไซ้และสูดดมกลิ่นฟีโรโมนของเขาเสียเอง
ร่างโปร่งที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและคิดเพียงว่าอัลฟ่าทั้งสองคนกำลังปล่อยแรงกดดันออกมาเพื่อข่มแฟนของตนก็เอาแต่จับจ้องมายังแทนและปลื้มอย่างไม่วางตา จนแทนที่รู้สึกได้ว่าปลื้มเริ่มสงบลงบ้างแล้วต้องเอ่ยออกมา
“รีบพาแฟนของคุณออกไปซะ”
“...”
“เร็วสิ” แทนเอ่ยเร่งพร้อมกับเอื้อมมือไปกดปุ่มให้ลิฟต์เปิดออกในชั้นถัดไป ชายคนนั้นจึงรีบหันไปหาแฟนตัวเล็กของตน โอเมก้าตัวน้อยถูกคนรักอุ้มมาไว้ในอ้อมแขนก่อนทั้งคู่จะเดินออกไปทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก และกลิ่นหอมของโอเมก้าคนนั้นก็จางหายไปเมื่อประตูลิฟต์ปิดลงเหลือไว้เพียงกลิ่นฝนที่คลอเคล้าไปกับกลิ่นของสายฝนเท่านั้น
“อย่ากัด” แทนเอ่ยดุอัลฟ่าคันฟันที่กำลังงับคมเขี้ยวลงบนลำคอของเขา น่าแปลกทั้งที่เวลาอัลฟ่าปล่อยกลิ่นใส่กันมันคือการข่มขวัญอีกฝ่ายแท้ๆแต่ทำไมการที่เขาปล่อยกลิ่นออกมาข่มอีกคนมันถึงไม่ได้ทำให้อัลฟ่าตรงหน้ารู้สึกหวาดกลัวหรือย่ำเกรงกันเลย แถมแม่งเหมือนจะชอบอีกต่างหาก
“กูบอกว่าอย่ากัด”
“...”
“เป็หมาหรือไงไอ้สัด” แทนบอกพร้อมกับพยายามที่จะดันใบหน้าของปลื้มให้ผละออกจากลำซอกคอของเขา แต่อีกคนก็ขืนหน้าของตัวเองเอาไว้ จนสุดท้ายร่างบางก็ตัดสินใจที่จะจิกมือลงบนเส้นผมสีเข้มนั้นและออกแรงกระชากหัวของอีกคนให้ผละห่างออกไป
“เวร...อย่าบอกนะว่ามึง...”
“...” ดวงตาคมของอัลฟ่ากลิ่นป่าสนจับจ้องมายังร่างบางด้วยสายตาที่หยาดเยิ้มจนคนที่ถูกมองต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความประหม่า
“มึงรัทหรอปลื้ม”
“...”
อาการรัทของอัลฟ่านั้นน่ากลัวว่าอาการฮีทของโอเมก้าเสียอีก เพราะเมื่อไรก็ตามที่อัลฟ่าเกิดรัทขึ้นมา มันหมายถึงความ้าในการสืบพันธุ์ที่จะรุนแรงกว่าปกติ และอัลฟ่าที่เกิดอาการแบบนี้จะหวงถิ่นและหวงคู่มาก โดยปกติแล้วอัลฟ่าจะรัทเมื่อถูกกระตุ้นด้วยฟีโรโมนแห่งคู่โชคชะตา หรือไม่ก็รัทด้วยตัวเองตามธรรมชาติแต่มันจะเกิดเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น แต่ที่สำคัญคืออาการรัทมันจะสร้างความทรมานให้กับอัลฟ่าเป็อย่างมากหากไม่ได้รับการปลดปล่อยอาจจะทำให้อัลฟ่านั้นช็อคได้เลย
“...” ร่างสูงไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกลับมา ลิ้นร้อนดันกระพุ้งแก้มของตัวเองที่ไม่รู้ว่าแดงซ่านเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเกิดจากอาการรัท ให้นูนออกมาด้วยท่าทางที่ดูแบดบอยกว่าปกติ ก่อนจะส่งมันออกมาเลียรอบๆริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเองโดยที่ดวงตาคมยังคงเอาแต่จับจ้องใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา และผมของเขาก็ยังคงถูกอีกฝ่ายกำไว้จนแน่น แต่ใบหน้าหล่อนั้นกลับไม่แสดงอาการเ็ปออกมาเลยแม้แต่น้อย
“ขอกัดหน่อย” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก่อนจะใช้ลิ้นหนาแตะไปที่เขี้ยวของตัวเองต่อหน้าของอีกคน
“กัดตีนกูดิ” แทนตอบออกไปอย่างปากดีแม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาจะเริ่มแสดงความอึดอัดออกมาแล้วก็ตาม เพราะกลิ่นป่าสนที่แกร่งกว่าถูกปล่อยออกมาเข้มมากขึ้นจนข่มกลิ่นฝนเอาไว้ในทุกทาง