เหลียนเซวียนแต่งกายอาภรณ์สีน้ำเงินยืนอยู่หลังประตู สายตาหลุบลงมาอยู่ที่นิ้วมือของเซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งเตรียมจะเคาะประตู
"แหะๆ อรุณสวัสดิ์" เซวียเสี่ยวหรั่นกระตุกมุมปากเป็รอยยิ้มเก้อเขิน ก่อนลดมือลง "เมื่อคืนท่านนอนไม่หลับหรือ"
เซวียเสี่ยวหรั่นเงยหน้ามองสีหน้าเขาอย่างพิจารณา ดูเหมือนจะปรกติดี ไม่มีส่วนไหนผิดแผกไป
"ค่อนข้างดี" เหลียนเซวียนตอบแบบสั้นกระชับ ก้มไปสบตานาง
เซวียเสี่ยวหรั่นแหงนคอทำตาปริบๆ ก่อนถอยเท้าไปด้านหลัง เขาสูงเกินไป แหงนหน้ามองแล้วปวดคอ
เหลียนเซวียนเห็นปฏิกิริยาเล็กน้อยของนาง สายตาที่ออกจะเ็าพลันอาบย้อมไปด้วยรอยยิ้ม
"เมื่อหลับดี แล้ววันนี้ท่านตื่นสายได้อย่างไร" เซวียเสี่ยวหรั่นชะโงกศีรษะมองด้านหลังของเขาอย่างสอดส่อง
เหลียนเซวียนเห็นแล้วก็นึกสนุก เดินขึ้นหน้าไปสองก้าว หยุดตรงหน้านาง ทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงสองฝ่ามือ
เขารูปร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย ยามเข้ามาใกล้เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกเหมือนถูกพลังกดดันโถมเข้ามาจากด้านหน้า
"ท่าน... มีอะไรก็พูดสิ แต่อย่าเอาความสูงมาข่มผู้อื่น" กล่าวจบก็ถอยหลังกรูด ก่อนเงยหน้าขึ้นพลางถลึงตาใส่ ราวกับกำลังตำหนิว่าเขาใช้ความสูงรังแกคนที่เตี้ยกว่า
เหลียนเซวียนอดใจไม่ไหว หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง มุมปากกลั้นหัวเราะไม่อยู่อีกต่อไป
"..."
เซวียเสี่ยวหรั่นฉุนจัด กลอกตาใส่อย่างแรง แล้วหันหลังกลับไม่สนใจเขาอีก
"เสี่ยวเหล่ย หลันฮวา เลิกฝึกได้แล้ว เช็ดเหงื่อ ล้างมือแล้วมากินอาหารเช้า พวกเ้าบอกว่าจะไปดูเชิดัเชิดสิงโตมิใช่หรือ ไปเร็วหน่อยจะได้ตำแหน่งที่ยืนดีๆ ก่อน"
เหลียนเซวียนเดินไปที่รั้วกั้นระเบียง เห็นเซวียเสี่ยวหรั่นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้เซวียเสี่ยวเหล่ย แล้วช่วยพวกเขาเก็บกระบอง หลังจากนั้นก็พูดพล่ามกับพวกเขาอีกมากมายก่ายกองว่ามื้อเช้าจะกินอะไร
ถ้อยคำพูดจาเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เดินเหินเรื่อยเฉื่อยตามสบาย แม้ไม่เรียบร้อยสง่างามเยี่ยงคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่ก็ไม่วางตัวต่ำต้อยระวังตนทุกฝีก้าว
วางตนเหมาะสม ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มีความเที่ยงธรรม อุปนิสัยเช่นนี้สำหรับสตรีนับว่าหายากยิ่ง
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยเดินไปถึงข้างรั้ว ดึงแขนเสื้อเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตลุกวาวราวกับอยากปีนขึ้นไปบนตัวเขา
เหลียนเซวียนแกะนิ้วเล็กๆ ของมันออก พลางตวัดหางตาใส่มัน "ตามใจจนนิสัยเสีย"
ตัวโตขนาดนี้ยังจะให้คนอุ้ม
อาเหลยเป็ลิงที่อ่านสายตาคนเป็ ประกอบกับขี้ฟ้องเป็ที่สุด พอเห็นเหลียนเซวียนทำตาดุใส่ มันก็วิ่งไปเกาะต้นขาเซวียเสี่ยวหรั่นแล้วถือโอกาสฟ้องเสียเลย
เซวียเสี่ยวหรั่นถูกมันดึงกระโปรงก็รู้สึกละเหี่ยใจ ย่อมตัวลงตีมือเล็กๆ ของมันเบาๆ "บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าดึงกระโปรง ถ้าหากวันไหนสายรัดกระโปรงผูกไม่แน่น ถูกเ้าดึงหลุดไป ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน"
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง มันมาฟ้องแท้ๆ แต่กลับถูกดุ
"เขาเคยทำสีหน้าดีกับเ้าั้แ่เมื่อไร ชอบไปตอแยผู้อื่นเอง มาฟ้องก็ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่มีปัญญาออกหน้าแทนให้หรอกนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นลูบขนของมันอย่างนุ่มนวล "พวกเราอย่าไปสนใจเขาเลย เดี๋ยวพี่สาวจะแกะผลเหอเถาให้กิน ไม่ต้องไปเล่นกับเขาหรอก"
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยดีใจขึ้นมาทันตา
ผลเหอเถาค่อนข้างแข็ง อาเหลยแทะไม่เข้า เอาไปทุบเองก็แตกละเอียด นานๆ ถึงจะได้แบบดีๆ สักลูก ดังนั้นหากมีคนช่วยแกะให้ มันย่อมจะดีใจเป็ที่สุด
"..."
เหลียนเซวียนผู้ถูกคนทั้งกลุ่มหมางเมินพลันรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
หลังกินมื้อเช้าเสร็จ อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยก็ออกไปดูการแสดงเชิดัและสิงโต
เซวียเสี่ยวหรั่นพาอาเหลยเข้ามาในห้องแกะผลเหอเถาให้ แล้วนั่งฝึกเขียนอักษร
เธอฝึกเขียนพู่กันมาพักหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ค่อยก้าวหน้านัก หากใช้คำพูดของเหลียนเซวียนมาอธิบาย ก็คืออักษรอ่อนแอไร้พลัง ยังขาดความสง่างาม ต้องแข็งขันฝึกปรือให้มากขึ้น
เซวียเสี่ยวหรั่นคิดว่าไม่เป็ไร การฝึกเขียนพู่กันใช่ว่าจะสำเร็จได้ในเวลาสั้นๆ
ขณะที่กำลังเขียนอยู่ มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นภายในเรือน เสียงยังไม่เบาอีกด้วย
เซวียเสี่ยวหรั่นเงยหน้า มองออกไปทางช่องหน้าต่าง
พอเห็นหัวคนดำๆ อยู่เต็มลานก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
นะ... นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
"เสี่ยวหรั่น ออกมา"
น้ำเสียงค่อนข้างเข้มของเหลียนเซวียนทะลุผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงเื่ที่เขาเคยบอกกล่าวไว้
คนเหล่านี้... หรือว่าจะเป็องครักษ์ของเขา?
เยอะขนาดนี้เชียว!
ตายละหว่า... บ้านเขาเป็ตระกูลใหญ่แบบไหนกันเนี่ย นี่ไม่โอเวอร์เกินไปหน่อยหรือ
เซวียเสี่ยวหรั่นจูงอาเหลยเดินออกมา เหลียนเซวียนกวักมือเรียกอยู่ตรงระเบียงห้อง
"มาทำความรู้จักกันก่อน นี่คือเหลยลี่ องครักษ์เหลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นมองเหลยลี่ซึ่งยืนห่างออกไปห้าก้าว รูปร่างกำยำสูงใหญ่หน่วยก้านดี สวมอาภรณ์สีดำขลิบเงินพอดีตัว แลดูองอาจผ่าเผยไม่ธรรมดา
"องครักษ์เหลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกชื่นชมในความองอาจกล้าหาญขององครักษ์ของเหลียนเซวียน เอ่ยปากทักทายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เหลยลี่คารวะคุณหนูเซวีย" เหลยลี่ประสานมือโค้งคำนับ
ขณะเดียวกันก็ลอบพินิจหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าอย่างแเี
เมื่อคืนเขาทราบเื่ราวหมดแล้ว องค์ชายถูกแม่น้ำเชี่ยวกรากซัดไปถึงหุบเขาเยว่หลิงซาน คุณหนูเซวียผู้นี้เป็คนช่วยชีวิตไว้ หลังจากนั้นก็ดูแลองค์ชายมาตลอดทางจนถึงบัดนี้
ต่อไปมีแนวโน้มว่าคุณหนูเซวียอาจกลายมาเป็นายหญิงในภายภาคหน้า
เหลยหลี่รีบสำรวมความคิดแล้วแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม
อาเหลยเห็นผู้คนเต็มเรือนก็รู้สึกตื่นกลัว มันเดินอ้อมเซวียเสี่ยวหรั่นไปหาเหลียนเซวียน
ยามพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ อาเหลยจะวิ่งเข้าหาผู้ที่สามารถพึ่งพิงได้และทำให้มันรู้สึกปลอดภัยที่สุด
เหลียนเซวียนก้มลงมองวานรที่กอดขาตนเองอยู่ เ้าลิงตัวนี้ช่างไม่รู้จักจำ
"อาเหลย มานี่ เดี๋ยวถูกเขาตี ข้าช่วยเ้าไม่ได้นะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นกระซิบเรียกมัน
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อาเหลยกลัวคนชุดดำกลุ่มใหญ่ฝั่งตรงข้ามเหล่านี้มากกว่าเหลียนเซวียน ดังนั้นมันจึงไม่ยอมปล่อยมือ
เซวียเสี่ยวหรั่นตวัดสายตาไปที่ลานสวน เห็นมีคนไม่ทราบจำนวนยืนอยู่ จึงเข้าไปหาเหลียนเซวียน พลางกระซิบ "องครักษ์ของท่านมากมายเหลือเกิน อาเหลยกลัว"
"อื้ม" เหลียนเซวียนพยักหน้ารับรู้ "เหลยลี่ ให้ฟางขุยอยู่ก่อน"
องครักษ์ชุดดำขลิบเงินเหมือนกันทั้งกลุ่มที่อยู่ในลานสวนถอยออกไปอย่างเงียบเชียบทันที
"นี่คือองครักษ์ฟางขุย เป็ผู้ช่วยของเหลยลี่" เหลียนเซวียนพยายามไม่สนใจอาเหลยที่กอดต้นขาของตนเองอยู่ หันไปแนะนำให้เซวียเสี่ยวหรั่นต่อไป
"องครักษ์ฟาง"
ฟางขุยเตี้ยกว่าเหลยหลี่เล็กน้อย รูปร่างค่อนข้างเพรียว หน้าตาหมดจดแฝงกลิ่นอายทรงภูมิ ท่วงท่าไม่เหมือนชื่อของเขาแม้แต่น้อย
"ฟางขุยคารวะคุณหนูเซวีย" ฟางขุยประสานมือทำความเคารพ
"อ้อ ไม่ต้องเกรงใจเช่นนั้น" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมของที่นี่ ได้แต่มองเหลียนเซวียนอย่างรับมือไม่ถูก
เหลียนเซวียนเห็นนางส่งสายตาขอความช่วยเหลือ มุมปากก็โค้งขึ้นน้อยๆ แต่ความร้อนที่น่องกลับทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งชะงักงัน เ้าลิงขนฟูกอดขาเขาแน่นจนแทบจะออกควันอยู่แล้ว
"แฮ่ม เอามันไปที"
เหล่าองครักษ์ก็ถอยไปหมดแล้ว ยังจะอะไรกับเขาหนักหนา
"อ้อ อาเหลยมานี่ เ้าอย่าเกาะเหลียนเซวียนเช่นนั้นสิ เขาไม่มีเหอเถาให้เ้ากินหรอกนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นก็แปลกใจอยู่ เหลียนเซวียนไม่ค่อยให้อาหารอาเหลยสักเท่าไร แต่อาเหลยกลับชอบเกาะติดตัวเขา
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยปล่อยมือจากต้นขาที่ทำให้มันรู้สึกปลอดภัยอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
เหลยลี่กับฟางขุนลอบสบตากัน
คุณหนูเซวียถึงกับเอ่ยพระนามขององค์ชายโดยตรง โอ... ดูท่าจะมีความนัยอันน่าขบคิด
