ใครน่ะหรือ? เหลียนเซวียนเหยียดยิ้มมุมปาก
"พวกเ้าสืบไม่ได้เบาะแสอันใดเลยหรือ"
"องค์ชาย งานเลี้ยงในอุทยานฮั่นตั้นเป็พระเสาวนีย์ของหวงกุ้ยเฟย คนที่พระองค์พบคนสุดท้ายก็คือหวงกุ้ยเฟย เอ้อ... หลังจากขาวเื่พระองค์หายไป หวงกุ้ยเฟยก็กรรแสงจนเป็ลมไปหลายครา"
เหลยลี่รายงานด้วยทีท่าลังเล
"เหลยลี่ ความสัมพันธ์ของข้ากับนางเป็อย่างไร ผู้อื่นไม่รู้ก็ช่าง แต่เ้าเชื่อมารยาของนางรึ"
เหลียนเซวียนเสียงเย็นปานน้ำแข็ง
"ทูลองค์ชาย ข้าน้อยย่อมไม่เชื่อ เพียงแต่ยามองค์ชายไม่อยู่เมืองหลวง ข้าน้อยเข้าวังไม่ได้ ไปขอความช่วยเหลือจากองค์ชายใหญ่ให้ช่วยจับตาความเคลื่อนไหวของหวงกุ้ยเฟย เมื่อปีก่อนพระนางทูลขอฝ่าาไปสวดมนต์อธิษฐานให้ท่านที่วัดไท่ิอำเภอเฟิงไถ ข้าน้อยพาคนค้นหาจนทั่วอำเภอแต่ก็ไม่พบเบาะแสของพระองค์"
"ต่อมา หลังหวงกุ้ยเฟยไปจากอำเภอเฟิงไถไม่นาน ที่นั่นก็เกิดแผ่นดินไหว พื้นที่อำเภอเฟิงไถทรุดไปกว่าครึ่ง ผู้คนาเ็ล้มตายนับไม่ถ้วน ซ้ำร้ายยังเกิดโรคระบาด อำเภอเฟิงไถถูกปิดตาย จนกระทั่งวิกฤติโรคระบาดคลี่คลายถึงค่อยกลับคืนสู่ปรกติ แต่ราษฎรอำเภอเฟิงไถก็ล้มตายเกินครึ่งเมือง"
"นี่เป็การเสด็จแปรพระราชฐานเพียงครั้งเดียวของหวงกุ้ยเฟย ข้าน้อยไร้ความสามารถ ไม่อาจตรวจสอบสายสนกลใน"
เหลยลี่ก้มศีรษะ รู้แก่ใจว่าหวงกุ้ยเฟยออกจากวังต้องมีสาเหตุ แต่เขาก็พลิกหาทั่วอำเภอเฟิงไถแต่ไม่พบเบาะแสใดเลย เดิมทียังนึกอยู่ว่ารอให้หวงกุ้ยเฟยเสด็จกลับ ค่อยตรวจสอบวัดไท่ิ แต่ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีก กองกำลังของพวกเขาก็แทบเอาชีวิตไม่รอด
"ตอนนี้วัดไท่ิเป็อย่างไรบ้าง"
มิน่า่ที่ถูกขังอยู่ในคุกน้ำ ทุกวันอาหารที่ส่งเข้ามาจึงมีแต่อาหารเจ ตอนนี้มานึกดู ที่ตั้งของคุกน้ำก็คือใต้ดินของวัดไท่ิ ในวัดมีคนของสตรีผู้นั้นสถานะยังไม่ต่ำต้อย
"ด้านหลังของวัดไท่ิมีแม่น้ำไหลผ่าน ัดินพลิกตัว [1] ทำใหู้เาถล่ม ได้ยินว่าพระภิกษุบนูเาส่วนใหญ่ล้วนถูกน้ำซัดหายไป"
เหลยลี่เป็ใคร เขาติดตามข้างกายองค์ชายมาสิบกว่าปี เพียงเห็นสายตาและคำพูดเพียงประโยคเดียวก็คาดเดาความหมายได้เกือบทั้งหมด
"องค์ชาย หรือว่าตอนนั้นพระองค์อยู่ในวัดไท่ิ?"
เหลยลี่ตะลึงพรึงเพริด เขาสั่งให้คนค้นทั่ววัดและละแวกใกล้ๆ แทบจะพลิกหาแต่ไม่พบเบาะแสอะไรเลย
"ด้านล่างของวัดมีคุกน้ำใต้ดิน ข้าถูกขังอยู่ในคุกน้ำราวครึ่งปี อาศัย่ัดินพลิกตัวครานั้น ลอยคอออกมาตามกระแสน้ำจนไปถึงเทือกเขาเยว่หลิงซาน แล้วก็ติดอยู่บนหุบเขาอีกเกือบครึ่งปี ถึงออกมาได้ ต้องตรากตรำเดินทางจนมาถึงตอนนี้"
เหลียนเซวียนเล่าเื่ที่เกิดขึ้นตลอดหนึ่งปีด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เหลยลี่เบิกตากว้าง "องค์ชาย หวงกุ้ยเฟยทรงเป็ผู้อยู่เื้ัจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ช่างเป็สตรีอำมหิตนัก โลกนี้จะมีสตรีใดโเี้ได้เพียงนี้อีก มีคำกล่าวว่าเสือร้ายย่อมไม่กินลูกตน พระนางทรงโหดร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร"
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธจัด ลืมแม้แต่เบาเสียงลง
"แฮ่ม เบาเสียงหน่อย" เหลียนเซวียนปรายตามองเขา
"พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย" เหลยลี่รีบสำนึกผิด
เื่ของสตรีผู้นั้นกลับไปเมืองหลวงค่อยว่ากัน เหลียนลี่แต่งงานกับผู้ใด" เหลียนเซวียนผ่อนลมหายใจ เขาไม่อยากคุยเกี่ยวกับสตรีผู้นั้นเป็การชั่วคราว
"อภิเษกกับกู่มู่เหยาธิดาสายตรงคนรองของเสนาบดีกรมพิธีการกู่หลินยวนพ่ะย่ะค่ะ"
เหลยลี่ลอบมองเ้านายของตนเองปราดหนึ่ง ตอนแรกกู่มู่เหยาผู้นี้เคยเข้ามาใกล้ชิดกับองค์ชายบ่อยครั้ง พระองค์ก็สนิทชิดเชื้อกับนางมากกว่าสตรีอื่น
ใครเล่าจะรู้ องค์ชายทรงหายตัวไปไม่นาน งานอภิเษกสมรสระหว่างมู่กู่เหยากับองค์ชายหกก็ถูกกำหนดลงมา หญิงผู้นั้นไม่ใช่ของดีอันใด หน้าตาก็จิ้มลิ้มพริ้มเพราดีอยู่ แต่การกระทำกลับไร้ยางอาย
ในที่สุดนางก็ได้สมใจปรารถนา
แววเยาะฉายชัดจากก้นบึ้งดวงตาของเหลียนเซวียน "เสียนเฟยทรงยอมรับ?"
แม้กรมพิธีการจะทรงเกียรติ แต่ก็เป็น้ำใส อำนาจแท้จริงมีไม่มาก มิอาจสนับสนุนแผนการใหญ่ของพวกเขาเท่าใดนัก
"ฝ่าาทรงมีพระบรมราชโองการ" เหลยลี่กล่าว "องค์ชายหกทรงไปขอพระราชทานสมรสด้วยพระองค์เอง ได้ยินว่าพระสนมเสียนเฟยโกรธจนหน้าเขียวหน้าดำ"
เหลียนเซวียนลูบถ้วยชาสีขาวดำดิ่งสู่ห้วงความคิด
กู่มู่เหยาสามารถทำให้เหลียนลี่ไปขอพระราชทานสมรสด้วยตนเอง เหลียนเซวียนไม่นึกประหลาดใจ สิ่งที่นางขาดไม่ใช่เล่ห์กลและแผนการ แต่เป็เป้าหมายชัดเจน
เพราะเหตุใดนางถึงเลือกเหลียนลี่ ไม่ใช่เพราะเขามีความเป็ไปได้ในการสืบทอดราชสมบัติหรอกหรือ ส่วนตนเอง เพราะปัญหาเื่สถานะของหวงกุ้ยเฟย จึงถูกตัดจากรายชื่อผู้มีสิทธิ์สืบทองราชบัลลังก์
และนี่ก็เป็เหตุผลว่าเพราะเหตุใดนางกล้าลงมือกับเขาอย่างโเี้
เขามัวแต่ระแวงหวงกุ้ยเฟย แต่กลับถูกดอกไม้สีขาวเล็กๆ ลวงตา
เหลียนเซวียนเหยียดหยันตนเองอย่างเ็า
"องค์ชายทรงถูกวางยาพิษหรือพ่ะย่ะค่ะ" เหลยลี่หาข้อพิสูจน์อย่างระมัดระวัง หากไม่ถูกวางยา ด้วยวรยุทธ์เหนือสามัญขององค์ชายไหนเลยจะตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถเพียงนี้
"ยาสลายเอ็นกร่อนกระดูก" เหลียนเซวียนเอ่ยเรียบๆ
ม่านตาของเหลยลี่พลันหรี่วูบ "ยาสลายเอ็นกร่อนกระดูกของสำนักอิ่นเหมิน?"
มิน่าเล่า พิษชนิดนี้ไร้สีไร้กลิ่น ความร้ายกาจของพิษรุนแรงมาก หากต้องพิษ พละกำลังจะสลายสิ้น มือเท้าไม่มีแรง เหมือนกลายเป็คนพิการ หากไม่ได้ยาถอนพิษพิเศษโดยเฉพาะ ก็ไม่อาจแก้ได้
"องค์ชาย เมื่อปีก่อนคุณชายผูหยางเขียนจดหมายถึงพระองค์ ข้าน้อยตอบกลับไปบอกเล่าสถานการณ์ของพระองค์ให้เขาทราบแล้ว คุณชายผูหยางเดินทางจากซีฉีกลับมาแคว้นฉี แต่ยังไม่แน่ชัดว่าตอนนี้อยู่ที่ใด ข้าน้อยจะส่งคนไปค้นหาเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ"
ศิษย์พี่มิได้ตอบจดหมายเ้ากลับมาหรอกรึ" เหลียนเซวียนถาม
"ตอบพ่ะย่ะค่ะ" เหลยลี่ลังเลชั่วขณะ "คุณชายผูหยางบอกว่า เอ่อ... พระองค์ไม่เป็อะไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ"
"เฮอะ เขาพูดเช่นนี้?" เหลียนเซวียนเลิกคิ้ว
เหลยลี่แข็งใจเอ่ยความตามต้นฉบับอีกรอบ "คุณชายผูหยางกล่าวว่า พระองค์... ตัวหายนะอายุยืนพันปี ไม่เป็อันใดแน่นอน"
เหลียนเซวียนมุมปากกระตุก ใครเป็ตัวหายนะ คงไม่ใช่ตนเองหรอกกระมัง
"..."
ตะเกียงในห้องของเหลียนเซวียนไม่ได้ดับทั้งคืน
เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นขึ้นมาตอนเช้า เสียเวลาไปการเกล้ามวยห่วงคู่จนเสร็จ หลังจากนั้นก็ปักปิ่นทองรูปดอกกุ้ยฮวา และสวมต่างหูไข่มุก เป็อันเรียบร้อย
ยามออกจากห้อง อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยกำลังฝึกกระบอง
เพียงแต่ขาดคนชี้แนะการฝึกไปหนึ่งคน
เห็นประตูห้องของเหลียนเซวียนยังปิดสนิท
เซวียเสี่ยวหรั่นก็อึ้งเล็กน้อย
เหลียนเซวียนถึงกับนอนตื่นสาย พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกหรือไง?
เซวียเสี่ยวหรั่นเงยหน้ามองท้องฟ้า
อาเหลยะโจากราวกั้นลงมา แล้วกระโจนเข้าหาเธอ
"ไอ้หยา อาเหลย ข้าเพิ่งหวีผมมา เ้าอย่าทำยุ่งเชียวนะ"
่นี้อาเหลยถูกเซวียเสี่ยวเหล่ยจับอาบน้ำจนสะอาดทุกวัน เซวียเสี่ยวหรั่นจึงอุ้มมันมาเล่นอย่างพึงพอใจ
ผลที่ตามมาคือทำให้อาเหลยติดนิสัยชอบโผกอดคน
"ปล่อยมือนะ มิเช่นนั้นต่อไปจะไม่อุ้มเ้าอีกแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นดึงมือของมันจากหัวไหล่ลงมา
การข่มขู่ได้ผล อาเหลยยอมอยู่นิ่งๆ ให้เซวียเสี่ยวหรั่นลูบขนของมัน แล้วอุ้มไปนั่งบนม้าหิน หันกลับไปมองด้วยสีหน้าฉายแววกังขา
พวกนางเสียงดังขนาดนี้ เหลียนเซวียนยังไม่ตื่นอีกหรือ
ผิดปรกติแล้ว
"เขายังไม่ตื่นหรือ?"
เซวียเสี่ยวหรั่นกระซิบถามอูหลันฮวา
อูหลันฮวาส่ายหน้า ตอนที่นางตื่น ประตูห้องก็ปิดอยู่
คงไม่ได้เป็อะไรหรอกนะ? เซวียเสี่ยวหรั่นวางอาเหลยบนโต๊ะหิน ก่อนลุกขึ้นเดินไปที่ประตูห้องของเหลียนเซวียน
"แอ๊ด..." เสียงประตูเปิดออก
...
[1] ัดินพลิกตัว หมายถึงแผ่นดินไหว