กูเฟยเยี่ยนพูดจนริมฝีปากแห้ง แต่จวินจิ่วเฉินกลับยังไม่หยุดเรี่ยวแรงบนมือ
นี่เป็ครั้งแรกที่กูเฟยเยี่ยนได้พบกับบุคคลที่ยากต่อการรับมือเช่นนี้ ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่าตนเองควรที่จะพูดอะไรที่มีประโยชน์ออกมาหน่อย มิฉะนั้นแล้วเป็การยากที่จะโน้มน้าวเขาได้
นางเอ่ยอย่างจริงจัง “อู๋กงกงเป็สายสืบของคนร้ายตัวจริง เขา้าตรวจสอบกากยาแต่ดันถูกข้าพบเข้า ในตอนแรกข้าสงสัยว่าคนร้ายตัวจริงจะเป็คนในพระราชวัง แต่ในภายหลังได้มาคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วคิดว่าคนร้ายตัวจริงน่าจะไม่ใช่คนจากในพระราชวัง
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาในที่สุดจวินจิ่วเฉินก็ได้หยุดแรงที่มือลง แล้วถามกลับอย่างเ็า “เพราะเหตุใด? ”
กูเฟยเยี่ยนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วเอ่ยตอบ “เพราะว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนร้ายตัวจริงไม่ใช่การสังหารเฉิงอี้เฟย แต่เป็การยั่วยุตระกูลเฉิงและตระกูลฉีสองตระกูลกองกำลังทหาร! ประการแรกข้าคือคู่หมั้นของฉีอวี้เดิมก็ไม่ควรที่จะถูกส่งไปยังค่ายทหารตระกูลเฉิงเพื่อส่งมอบยา แต่ดันกลับถูกสั่งให้ไปส่งมอบยา ประการที่สองคนร้ายตัวจริงมีความสามารถที่จะสับเปลี่ยนยา แต่ไม่สามารถสับเปลี่ยนใบสั่งยาได้ ทว่าดันกลับทิ้งใบสั่งยาปลอมเอาไว้ให้เป็หลักฐาน ลองคิดดู หากว่าในคืนนั้นสาเหตุที่ทำให้เฉิงอี้เฟยเสียชีวิตลงคือใบสั่งยาปลอมแล้วผู้คนตระกูลเฉิงจะคิดอย่างไรกับข้า? จะสงสัยหรือไม่ว่าเื่นี้เป็เพราะตระกูลฉีที่ขัดขวาง? ”
จวินจิ่วเฉินพยักหน้าลง กูเฟยเยี่ยนจึงพูดต่อ “วันรุ่งขึ้นที่ข้ากลับไปยังพระราชวังข่าวลือนั้นก็ได้แพร่กระจายไปทั่วสารทิศว่าข้าสบประมาทเหยียดหยามตระกูลฉีและสร้างความอัปยศอดสูให้แก่ตระกูลเฉิง การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ก็เป็การยั่วยุเพื่อสร้างความขัดแย้ง ทันทีที่ทั้งสองกองทัพเกิดความโกลาหลเทียนเหยียนก็จะโกลาหลไปด้วยแน่นอน ดังนั้นข้าจึงสงสัยว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนร้ายตัวจริงคือการทำให้เทียนเหยียนเกิดความวุ่นวาย คนผู้นี้หากไม่ใช่ฏแล้วต้องเป็ศัตรูจากภายนอกอย่างแน่นอน! ไม่ว่าจะเป็ฏหรือศัตรูจากภายนอกล้วนต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างแน่นอน ขาดเพียงโอกาสในการส่งกองกำลังมาเท่านั้น! ”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดพวกนี้จวินจิ่วเฉินเกิดความประหลาดใจ เกินความคาดหมายเป็อย่างมาก!
อันที่จริงแล้วการที่เขาจี้ชิงตัวนางมาเพียงเพราะ้าทดลองบีบบังคับซักถามเล็กน้อยเกี่ยวกับเบาะแสของคนร้ายตัวจริง เขาคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่นางรู้มีเพียงไม่มาก ทว่าสามารถใช้เบาะเเสที่มีอยู่อย่างจำกัดมาวิเคราะห์ได้เป็ข้อมูลมากมายเช่นนี้และยังวิเคราะห์ได้ทะลุปรุโปร่งเสียด้วย! เื่ราวพวกนี้แม้แต่เฉิงอี้เฟยและพ่อลูกตระกูลฉีก็ล้วนคิดไม่ถึง นางคือสาวน้อยผู้หนึ่งกลับคิดออกมาได้
สาวน้อยผู้นี้ น่าสนใจ!
นางกล้าที่จะพูดเื่พวกนี้กับเขา เขาก็เต็มใจเชื่อนาง
จวินจิ่วเฉินนำหวางเป่าติงวางไว้บนโต๊ะแล้วนั่งลงมา
เมื่อเห็นเช่นนี้กูเฟยเยี่ยนจึงแอบดีใจ ในสายตาของนางทอประกายแสงแห่งความเ้าเล่ห์ไปครั้งหนึ่งแล้วรีบร้อนนั่งลงวิเคราะห์ต่อไป “ตำรับยาเฉพาะของซูไท่อีสามารถพูดได้ว่าอยู่ในระดับสูงหาก้าทำลายนั้นไม่ง่ายเลย แต่คนร้ายตัวจริงกลับสามารถใช้เซี่ยซูจื่อหนึ่งชนิดมาทำลายประสิทธิภาพลงได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเซี่ยซูจื่อมันสามารถทำลายปอดจนปางตายได้ นั้นหมายความว่าคนร้ายตัวจริงหากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านยาแล้ว รอบกายของเขาก็ย่อมมีผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านยาคอยช่วยเหลืออยู่แน่นอน ในครั้งนี้ไม่สามารถสังหารเฉิงอี้เฟยได้เขาต้องวางแผนครั้งต่อไปเป็แน่ แม้กระทั่งอาจใช้ห้องยาสำนักหมอหลวงมาลงมือต่อผู้มีอำนาจท่านอื่นของเทียนเหยียนแน่ กล่าวอีกในหนึ่งคือยาเป็อาวุธสังหารของคนร้าย!
เมื่อกูเฟยเยี่ยนพูดมาถึงตรงนี้จึงลอบมองไปยังจวินจิ่วเฉิน เมื่อเห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่คัดค้านการคาดเดานี้นางจึงอาจหาญพูดต่อไป
“ทางด้านของยา ข้ายินดีเป็อย่างยิ่งที่จะอุทิศตนคอยช่วยเ้า! ”
กูเฟยเยี่ยนแอบคิดไปถึงผลประโยชน์ต่อตนเอง การเผชิญกับชายหนุ่มผู้ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ องค์หญิงหวายหนิง ตระกูลฉี รวมไปถึงเฉิงอี้เฟยก็จะไม่นับว่าเป็ปัญหายุ่งยากแล้ว ในเมื่อหลบหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเขา นางจะลองพึ่งพาอาศัยเขาดูก็ได้
ถ้าหากเขาเป็องค์ชายจริงๆ อย่างนั้นก็สามารถเกลี้ยกล่อมองค์หญิงหวายหนิงได้ใช่หรือไม่? ต้องรู้ไว้ว่าองค์หญิงหวายหนิงยังทรงอยู่ในพระราชวังรอคอยนางอยู่!
ไม่รู้ว่าจวินจิ่วเฉินนั้นจะมองออกถึงความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของกูเฟยเยี่ยนหรือไม่ เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันมาที่นางอย่างเ็า
กูเฟยเยี่ยนรีบมอบรอยยิ้มดั่งลูกสุนัขในทันที “ทักษะทางด้านยาของข้าจะทำให้เ้าพอใจอย่างเเน่นอน! ไม่อย่างนั้นเ้าลองเชื่อข้าสักครั้ง ให้ข้าอยู่ต่อ? ”
จวินจิ่วเฉินคิดไม่ถึงว่าสาวน้อยนิสัยโผงผางมีความหยิ่งยโสผู้นี้กลับมี่เวลาที่เป็ดั่งลูกสุนัขเช่นนี้
ในสายตาของเขามีความเล่นสนุกแฉลบผ่านไป แต่ไม่พูดอะไรออกมา
ในจิตใจของกูเฟยเยี่ยนเกิดความไม่ยินดี ทว่าพยายามที่จะโน้มน้าวตนเองว่าโอกาสมาแล้วไม่ควรปล่อยให้หลุดมือ ต้องปรับตัวให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ ปรนนิบัติรับใช้ชายผู้นี้ยังดีกว่าไปปรนนิบัติรับใช้องค์หญิงหวายหนิงเยอะ!
นางกุมมือทั้งสองข้าง ดวงตาโตและแวววาวคู่นั้นกะพริบตาปริบๆ พูดอย่างน่าสงสารว่า “ข้ารับรองว่าจะไม่ก่อปัญหาให้เ้า ไม่แจ้งศาลต้าหลี่เกี่ยวกับเื่ของเ้าทุกอย่าง เ้ารับข้าไว้เถอะนะ! ”
จวินจิ่วเฉินชื่นชมลักษณะที่น่าสงสารของนางจนพอใจแล้ว ในที่สุดก็เอ่ยคำพูดดั่งทองคำสำหรับนางขึ้นมา “ได้! ”
กูเฟยเยี่ยนปลื้มปีติยินดีเป็อย่างยิ่งแต่ยังไม่ทันได้ขอบคุณ จวินจิ่วเฉินก็ได้ยื่นใบสั่งยามาให้หนึ่งแผ่นแล้วเสริมว่า “นี่คือใบสั่งยาที่คัดลอกมาจากห้องของอู๋กงกง เป็ไปได้ว่าจะเป็จดหมายลับจากคนร้าย หากเ้าถอดรหัสออก ข้าจะรับเ้าไว้”
กูเฟยเยี่ยนคาดไม่ถึงว่าการเคลื่อนไหวของชายผู้นี้จะเร็วเพียงนี้ ไม่เพียงแต่ตรวจสอบอู๋กงกงแล้ว แต่ยังได้หลักฐานมาอีกด้วย! ดูท่าว่าสิ่งที่นางคาดเดาไว้จะไม่ผิด ตัวตนของเขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
กูเฟยเยี่ยนรีบเก็บสีหน้าน่าสงสารในทันทีแล้วดูใบสั่งยาอย่างเอาจริงเอาจัง ทว่านางมองซ้ายมองขวาก็มองไม่ออกถึงปัญหาของใบสั่งยาแผ่นนี้
“ตำรับยานี้เป็ยาทาภายนอกใช้สำหรับรักษารอยฟกช้ำและอาการาเ็ ปริมาณการใช้ยาในหนึ่งครั้งไม่จำเป็ต้องมีวิธี ทว่าหากให้พูดจริงแล้วมียาหนึ่งชนิดที่ใช้ได้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก เพียงแต่ว่าใช้มากไปก็ไม่มีอะไรรุนแรง ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพในการรักษา”
จวินจิ่วเฉินเอ่ยถามอย่างรีบเร่ง “ยาชนิดใด? ”
“เจี้ยนเสวี้ยโฉว”
กูเฟยเยี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบเปลี่ยนคำพูด “ไม่ใช่ พูดให้ถูกคือไม่ใช่ใช้ได้ไม่เหมาะสม แต่เป็ใช้ได้ไม่ดีพอ ยาชนิดนี้มีรสขม ตำรับยาความเย็น ระบายพิษร้อนภายใน บรรเทาอาการบวม บรรเทาอาการปวด ระบายอาการเืคั่ง หากว่าไม่ใช้กับผู้ที่มีอาการเืคั่งอย่างไรก็ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง สำหรับใบสั่งยาแผ่นนี้ในความเป็จริงแล้วไม่เพิ่มยาชนิดนี้เข้าไปจะดียิ่งกว่า”
จวินจิ่วเฉินมองลักษณะท่าทางของกูเฟยเยี่ยนที่ละเอียดรอบคอบ ชำนาญและจริงจัง ภายในใจก็ลอบนับถือ
หมางจ้งได้ตามหาแพทย์ยาอวุโสของห้องยาสำนักหมอหลวงสองสามท่านที่เกษียณอายุไปแล้วมาดูใบสั่งยาแผ่นนี้ล้วนมองไม่ออกถึงเบาะแสใดๆ หญิงสาวผู้นี้แม้ว่าจะอายุน้อย ทว่าความละเอียดรอบคอบและความชำนาญกลับไม่แพ้ผู้อวุโสเ่าั้แม้แต่นิด
เขาเอ่ยถามว่า “ใบสั่งยาแผ่นนี้ยังมีปัญหาอื่นอีกหรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนมั่นใจเป็อย่างมาก “มีเพียงตัวยาชนิดนี้ที่มีปัญหา เพียงแต่ว่ายาเพียงหนึ่งชนิดสามารถถ่ายทอดอะไรได้? ”
จวินจิ่วเฉินนำใบสั่งยาที่เหลืออยู่ทั้งหมดยื่นไปให้นาง “ทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่แล้ว สายลับพบว่าใบสั่งยาบางตัวถูกทำลายอยู่ที่ห้องด้านนอกของอู๋กงกง พวกนี้ถูกซ่อนไว้ในบ้านของเขา"
กูเฟยเยี่ยนรับมาอย่างร้อนใจแล้วเปิดดูทีละแผ่นอย่างจริงจัง นางเปิดดูหมดครบหนึ่งรอบแต่ก็ไม่พบว่ามีความผิดปกติอะไร “ใบสั่งยาพวกนี้ค่อนข้างที่จะสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็การเลือกใช้สมุนไพรหรือปริมาณการใช้ยาล้วนไม่พบปัญหา”
จวินจิ่วเฉินยังไม่ทันเอ่ยอะไรออกมานางก็เริ่มเปิดดูใบสั่งยาั้แ่แผ่นแรกอีกครั้งแล้วพึมพำกับตนเอง “ใบสั่งยาไม่มีปัญหาก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความลึกลับ เป็ไปได้ไหมว่าจะซ่อนอักษรเอาไว้? ”
ดวงตาของนางจดจ่ออยู่กับใบสั่งยา สีหน้าเอาจริงเอาจังเจ็ดส่วน อีกสามส่วนละเอียดและรอบคอบ ทำให้ผู้คนไม่กล้ารบกวน ถึงแม้ว่าไข้ของนางเพิ่งจะลดลง ใบหน้าซีดเผือดผอมแห้งโรยแรง มีความสกปรกเล็กน้อย ผมเผ้าและเสื้อผ้าอาภรณ์ล้วนเลอะเทอะไปหมด ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทันทีที่คิ้วอันงดงามของนางขมวดขึ้นมาทั่วทั้งร่างก็แพร่กระจายถึงความงามที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ประหนึ่งว่าท่วงท่าอันสง่างามและความเฉลียวฉลาดที่เต็มไปทั่วท้องฟ้าถูกคิ้วขมวดของนางเข้าครอบงำ
จวินจิ่วเฉินลืมตาขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ สายตาประจวบเหมาะกระทบไปที่ระหว่างคิ้วของนาง สายตาของเขาหยุดตัวลง คำพูดที่อยู่บริเวณริมฝีปากก็หยุดลงโดยไม่รู้ตัว เขาไม่กล้ารบกวนนาง
ภายใต้ความเงียบสงัดเวลาได้ผ่านไปทีละน้อยอย่างรวดเร็วดั่งกระแสน้ำ นางกำลังมองใบสั่งยา เขากำลังจ้องมองไปที่นาง ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปแล้ว
ด้านนอกห้องมีหมางจ้ง ที่หลบซ่อนคอยแอบมองเมื่อได้พบเจอเข้ากับฉากนี้จึงตกตะลึงจนต้องปิดปากเอาไว้
ในความสง่างามเฉลียวฉลาดที่สุดในยุค สตรีที่สวยหยาดฟ้ามาดิน ฝ่าาล้วนเคยพบเจอแล้วทั้งสิ้น เคยมีครั้งใดบ้างที่สายพระเนตรของพระองค์จะทรงค้างอยู่บนรูปร่างหน้าตาอันวิจิตรงดงามบ้าง?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาการใจลอยเลย! หมางจ้งคิดว่าตนเองมองผิดไป เพียงแต่ว่าเขาลอบยื่นศีรษะออกไปดูอีกครั้งก็เห็นถึงนายเหนือหัวของตนเองที่มีจิตใจเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด
หมางจ้งไม่กล้าเข้าไปง่ายๆ ทำได้เพียงยกถ้วยยารอคอยอยู่หน้าประตู…