ทั่วทั้งห้องเกิดความเงียบสงัด
ดูเหมือนว่ากูเฟยเยี่ยนจะค้นพบอะไรบางอย่างจึงเงยหน้ามองขึ้นมาโดยไม่มีลางบอกก่อน ในพริบตาเดียวจึงได้สบตาลึกลับคู่นั้นของจวินจิ่วเฉิน
นางใอีกแล้ว เส้นประสาทของนางคิดว่าเขากำลังพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่ คิดว่าเขายังคงไม่เชื่อในความสามารถของนาง ดังนั้นนางจึงจับจ้องไปยังดวงตาของจวินจิ่วเฉินแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “เ้าไม่ต้องมองข้าเช่นนี้ ข้าพูดไว้แล้วว่าจะทำให้เ้าพอใจ ดังนั้นก็จะทำให้เ้าพอใจอย่างแน่นอน”
จวินจิ่วเฉินมีความไม่เป็ตัวของตัวเองอย่างเด่นชัด เพียงแต่ในไม่ช้าก็ปรับสภาพกลับมาเ็าอย่างที่เคยเป็มาตลอด “เ้ามองออกถึงสิ่งใดแล้ว? ”
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยอย่างจริงจัง “ส่งกระดาษและพู่กันให้ข้า! เร็วเข้า! ”
จวินจิ่วเฉินหยิบกระดาษและพู่กันมาด้วยตนเอง กูเฟยเยี่ยนนำใบสั่งยาแผ่นแรกวางไว้ด้านข้าง แล้วนำใบสั่งยาที่เหลืออีกสิบแผ่น ในทุกๆ แผ่นจะดึงชื่อตัวยาสมุนไพรออกมาหนึ่งชนิด โดยมีจวินจิ่วเฉินคอยเขียนทีละตัว
ชื่อของสมุนไพรทั้งสิบชนิดตามลำดับแล้วได้แก่ ทู่เอ๋อร์เฟิง เหริ่นตงฮวา ไป๋เมี่ยนกู หงตงชิง เสวียนจี๋ เตี้ยวหวางจง หรงจ่าวเย่ ถู่ซันชี เปาเย่มู่ และ เหยี่ยเทียนเหมินตง
ใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนเกิดความจริงจัง “สมุนไพรทั้งสิบชนิดถูกซ้อนไว้ในใบสั่งยาทั้งสิบแผ่น ความลึกลับนั้นอยู่ในสมุนไพรทั้งสิบชนิดนี้”
จวินจิ่วเฉินมองไม่เห็นถึงเบาะแส “ว่าอย่างไร? ”
“นามแฝง! ”
กูเฟยเยี่ยนอดทนต่อความรู้สึกวิงเวียนศีรษะ หยิบพู่กันมาเขียนนามแฝงของสมุนไพรไว้ด้านล่างของชื่อสมุนไพรทั้งสิบชนิดตามลำดับด้วยตนเอง หนึ่งจือเซียง สองเป่าฮวา สามไป๋เฉ่า สี่จี้ชิง ห้าเว่ยจื่อ หกเอ๋อร์หลิง เจ็ดเย่เหลียน แปดเซียนเฉ่า สิบเหลี่ยงเย่ และสุดท้ายคือ ไป่ปู้
ทันทีที่เห็นถึงนามแฝงเหล่านี้ จวินจิ่วเฉินก็เข้าใจโดยทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาจำเป็ต้องมองหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้ด้วยสายตาที่ทึ่งอีกครั้ง ใบสั่งยาพวกนี้หมางจ้งให้แพทย์ชั้นสูงอวุโสและอาจารย์แพทย์อวุโสที่เกษียณอายุไปแล้วหลายคนมาดู แต่ผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นกลับมองไม่ออกถึงความลึกลับที่หลบซ่อนอยู่ภายใน ทว่าหญิงสาวผู้นี้กลับใช้เวลาเพียงแค่ประมาณหนึ่งถ้วยชาก็สามารถทำลายรหัสลับของใบสั่งยาได้แล้ว
เขาพึมพำเบาๆ “หมายเลขเก้าหายไป! ”
กูเฟยเยี่ยนมั่นใจเป็อย่างมาก “ใช่แล้ว! ขาดหมายเลขเก้า”
จวินจิ่วเฉินรับรู้ถึงกลอุบายในจดหมายลับนี้แล้ว เขาเอ่ยถามว่า “แล้วเจี้ยนเสวี้ยโฉวล่ะ? นามแฝงคือมีชื่อว่าอะไร? ”
กูเฟยเยี่ยนตอบกลับ “นามแฝงของเจี้ยนเสวี้ยโฉวมีไม่น้อยเลย หนึ่งในนั้นมีชื่อหนึ่งที่ไม่ค่อยถูกเรียก มีชื่อว่า เจี้ยนเสี่ย…เฟย! ”
“เฟย” คำนี้ พอเห็นก็ทราบได้ถึงความหมายแฝงในทันที นั่นก็คือเฉิงอี้เฟย
ในส่วนของหมายเลข “เก้า” นั้นกูเฟยเยี่ยนก็นึกถึงจิ้งหวางจวินจิ่วเฉินในทันที ในชื่อไม่เพียงแต่มีหมายเลข “เก้า” แล้ว แต่ในบรรดาองค์ชายพระองค์ทรงมีลำดับที่เก้าอีกด้วย
กูเฟยเยี่ยนครุ่นคิดจนสมองแทบะเิก็ไม่มีทางคิดว่าชายตรงหน้าก็คือจิ้งหวางจวินจิ่วเฉิน นางกระวนกระวายใจแล้ว “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยตกอยู่ในอันตราย จำเป็ต้องคิดหาวิธีเตือนพระองค์โดยทันที! ”
จวินจิ่วเฉินนั้นสงบนิ่งมาก “คิดไม่ถึงเลยว่าอู๋กงกงก็เป็ผู้เชี่ยวชาญทางด้านทักษะยา”
เขาสามารถเข้าใจได้ถึงความหมายของเ้านายผ่านทางจดหมายลับในใบสั่งยาเหล่านี้ อู๋กงกงนั้นมีฝีไม้ลายมืออยู่บ้างจริงๆ
กูเฟยเยี่ยนไม่สนใจว่าความสามารถของอู๋กงกงจะเป็เช่นไร นางเป็กังวลจนต้องเน้นย้ำออกมาอีกครั้ง “เป้าหมายต่อไปของพวกเขาจะเป็จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ทางด้านของเฉิงอี้เฟยได้พลาดท่าไปแล้ว พวกเขาจะต้องร้อนใจเป็แน่ พวกเขาจะต้องใจร้อนจนต้องรีบลงไม้ลงมือต่อจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยอย่างแน่นอน! ”
เมื่อเห็นถึงท่าทางตื่นเต้นของกูเฟยเยี่ยนจวินจิ่วเฉินอดไม่ได้ที่จะถาม “เ้ากังวลไปทำไม? ”
กูเฟยเยี่ยนถามกลับไปโดยไม่ได้คิดอะไร “เ้าไม่กังวลหรือ? ได้ยินมาว่าฮ่องเต้ทรงพระประชวร หากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงมีอันเป็ไป องค์รัชทายาทที่ทรงพระเยาว์วัยจะสามารถแบกรับอะไรได้? ตระกูลฉีและตระกูลเฉิงสองตระกูลนี้เกิดความขัดแย้งอย่างใหญ่หลวง ราชสำนักนี้จะไม่วุ่นวายหรือ? ”
ในความเป็จริงแล้วเหตุผลเหล่านี้ที่กูเฟยเยี่ยนพูดออกมาไม่ได้เป็เหตุผลที่แท้จริงที่นางเป็กังวล สิ่งที่นางคิดจริงๆ คือจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงเคยช่วยชีวิตนางเอาไว้ นาง้าตอบแทนบุญคุณ นางไม่อยากพูดความจริงกับชายผู้นี้จึงทำได้เพียงหาเหตุผลอื่น
จวินจิ่วเฉินสนใจในการวิเคราะห์ของนางมากทีเดียว เขาพยักหน้าขึ้นลงอย่างคิดอะไรอยู่ “พูดต่อไป”
กูเฟยเยี่ยนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อไป “ได้ยินมาว่าั้แ่ไหนแต่ไรมาจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงไม่เคยหาพรรคพวกเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แม้แต่ตระกูลฉีและตระกูลเฉิงสองตระกูลนี้พระองค์ก็ไม่ถือหางให้ท้ายใคร หากว่าเ้าสามารถค้นหาตัวคนร้ายตัวจริงออกมาได้แล้วช่วยให้จิ้งหวางหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ยากลำบากจะต้องทำให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมองด้วยสายตาที่ทึ่งอย่างแน่นอน”
ตามที่กูเฟยเยี่ยนเข้าใจแล้ว ก่อนที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงเสด็จกลับมายังเมืองจิ้นหยางการ่ชิงราชบัลลังก์ดุเดือดเป็อย่างมาก มีองค์ชายไม่น้อยเลยที่รังแกองค์รัชทายาทน้อย และมักจะคิดร้ายต่อองค์รัชทายาท แต่หลังจากที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงเสด็จกลับมาเหล่าองค์ชายจึงไม่กล้าที่จะรังแกองค์รัชทายาทอีก จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยนั้นทรงไม่่ชิงราชบัลลังก์และก็ไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมา่ชิงราชบัลลังก์กับพระอนุชาแท้ๆของพระองค์ เหล่าองค์ชายไม่ว่าจะยุยงส่งเสริมหรือจะตีสนิทสร้างความสัมพันธ์ก็ล้วนไร้ประโยชน์สำหรับพระองค์ โดยเหล่าองค์ชายนั้นสามารถพูดได้ว่า มีทั้งความหวาดกลัวและความจงเกลียดจงชัง แต่ในขณะเดียวกันก็อยากจะผูกมิตรไมตรีกับพระองค์ด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าจวินจิ่วเฉินไม่ปริปากพูดอะไรออกมากูเฟยเยี่ยนจึงรีบเสริมอีกหนึ่งประโยค “การผูกมิตรไมตรีต่อจิ้งหวางดีกว่าการเป็ศัตรูกับจิ้งหวาง อย่างน้อยจิ้งหวางก็ทรงติดหนี้บุญคุณเ้าหนึ่งครั้ง นี่เป็เื่ที่พันเหรียญทองก็ไม่สามารถซื้อได้เลยนะ”
“ฮ่าๆ พันเหรียญทองก็ซื้อไม่ได้หรือ? ”
มุมปากของจวินจิ่วเฉินยกขึ้นมาดั่งเส้นรัศมีวงกลม ทำให้รู้สึกว่ายากที่จะพิจารณาใคร่ครวญ เขาลุกขึ้นออกห่างกันไม่มากนักแล้วโน้มตัวลงมานำหวางเป่าติงน้อยยื่นไปด้านหน้าของกูเฟยเยี่ยน เขามองไปยังดวงตาของนางแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “สามารถทำให้ข้าพอใจได้จริงเสียด้วย หวางเป่าติงคืนให้เ้า ส่วนเ้า ข้าจะรับไว้แล้วกัน”
ไม่รู้ว่าเป็เพราะสายตาของเขาที่จริงจังเกินไป หรือเป็เพราะว่าเขาเข้าใกล้เกินไป กูเฟยเยี่ยนจึงเกิดความตื่นใเล็กน้อยหัวใจเต้นผิดจังหวะ
จวินจิ่วเฉินพูดจบก็เตรียมจะจากไปกูเฟยเยี่ยนจึงได้สติขึ้นมา นางดีอกจีใจอย่างไร้ที่เปรียบแล้วรีบพุ่งไปด้านหน้าของจวินจิ่วเฉินเพื่อเอ่ยถาม “องค์หญิงหวายหนิงทรงมีรับสั่งโยกย้ายข้าไปจากห้องยาสำนักหมอหลวง เ้าจะปกป้องข้าใช่หรือไม่! ”
แม้ว่านางจะปฏิเสธความหวังดีของเฉิงอี้เฟยโดยง่าย แต่ว่าในใจของนางก็รู้ชัดเจน ทันทีที่นางไปในที่ขององค์หญิงหวายหนิงแล้วจะต้องมีแต่ตายหนทางเดียวอย่างแน่นอน ในตอนนี้นางลงมือทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อชายผู้นี้ปรากฏขึ้นมาแล้วแน่นอนว่านางก็ต้องคว้าโอกาสเอาไว้ให้แน่น!
ความตื่นเต้นและความคาดหวังของกูเฟยเยี่ยนล้วนเขียนอยู่บนใบหน้าเล็กทว่าจวินจิ่วเฉินกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ “เป็เด็กดีรักษาตัวอยู่ที่นี่ ในเช้าวันพรุ่งนี้จะมีคนมารับเ้า”
กูเฟยเยี่ยนปลื้มปีติยินดีมาก นางโค้งกายคำนับอย่างจริงจังแล้วถามว่า “เ้านาย ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไรดี? ”
นางคิดไว้ว่าชายผู้นี้ควรที่จะบอกฐานะที่แท้จริงและเปิดเผยใบหน้าตนเองได้แล้วถูกไหม? อย่างไรก็ตามจวินจิ่วเฉินกลับทำเพียงแค่เหลือบมองนางเท่านั้น แล้วก็หันหลังเดินจากไป
เขาหมายความว่าอย่างไรกัน?
เมื่อกูเฟยเยี่ยนไล่ตามออกไปก็ไม่พบร่างของจวินจิ่วเฉินแล้ว
นางซุบซิบนินทาขึ้นมา “ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องพูดออกมา จะมาหลอกล่อให้อยากรู้แล้วไม่บอกไปทำไม? ในเมื่อไม่บอกข้าก็จะเรียกเ้าว่า…นายอันธพาล! ”
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะสม เลยเปลี่ยนเป็อีกชื่อหนึ่ง “เหมือนกับน้ำแข็งซะขนาดนี่ งั้นก็เรียกเ้าว่านายก้อนน้ำแข็งเหม็น! ”
หมางจ้งที่หลบซ่อนอยู่หลังประตูได้ยินถึงเสียงซุบซิบนินทาของกูเฟยเยี่ยน สีหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากเรียกได้ว่าตื่นตระหนกใ
อันธพาล? ต่อให้บุรุษบนโลกใบนี้ทั้งหมดเป็อันธพาล แต่เ้านายของเขาไม่มีทางที่จะเป็อันธพาลอย่างแน่นอน! ก้อนน้ำแข็งเหม็น? เ้านายของเขาเ็าก็จริงทว่าคำว่าเหม็นนั้นไม่เข้ากันเลยรู้หรือไม่!
หมางจ้งไม่สามารถจินตนาการได้ถึงปฏิกิริยาของเ้านายตนเองเมื่อได้ยินชื่อเรียกเช่นนี้ เมื่อกูเฟยเยี่ยนเข้าไปในห้องเขาจึงได้นำยาเข้ามาส่ง ในวินาทีนี้กูเฟยเยี่ยนจึงรู้ว่ายังมีทหารคุ้มกันอยู่อีกนายหนึ่ง นางหยั่งเชิงสองสามประโยคแต่หมางจ้งไม่พูดอะไรออกมา แสร้งทำเป็หูหนวกและเป็ใบ้ เมื่อวางยาลงแล้วก็ถอยออกไป
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้คิดอะไรมากดื่มยาเข้าไปอย่างมีความสุข
แม้ว่าการประลองฝีมือกับนายน้ำแข็งเหม็นนั้นตนเองพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ทว่าอารมณ์ของนางกลับดีเป็พิเศษ
เพราะฐานะของแพทย์หญิงนั้นถ่อมตนและต่ำต้อยจนเกินไป ฐานะในคู่หมั้นตระกูลฉีก็ไม่เป็ที่น่าพอใจในทุกทาง ต่อให้นางจะมีความสามารถมากเพียงใดก็เป็เื่ยากที่จะได้แสดงออกมาในห้องยาสำนักหมอหลวง แล้วปักหลักยืนด้วยตนเองอย่างมั่นคง ไม่ต้องพูดถึงการรังแกองค์หญิงหวายหนิงเลย หากเป็แพทย์ชั้นสูงผู้ใดก็ได้ที่มีระดับขั้นสูงกว่านางหนึ่งระดับ ถ้า้าที่จะรังแกนางก็ล้วนง่ายดายมาก
แต่ว่าในตอนนี้นางมีคนหนุนหลังแล้ว ทุกอย่างล้วนไม่เหมือนเดิม…