เผ่าัทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นตกตะลึงกับคำพูดของชายลึกลับ
คำสาปอันเป็เอกลักษณ์ของเผ่าั คำสาปร้ายแรงที่สูญหายไปนับพันปี ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในมือของชายลึกลับคนนี้
“เ้าพูดจริงหรือ?” ดวงตาของหลงไป๋จางกะพริบ
คำสาปมรณะมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้บ่มเพาะเผ่าั โดยเฉพาะผู้ที่สามารถเข้าถึงสมบัติลับมากมายของเผ่าัในสี่ทะเล อาจกล่าวได้ว่าคำสาปมรณะเป็หนึ่งในเงื่อนไขที่จำเป็ เนื่องจากสงวนไว้สำหรับเผ่าัเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกได้รับมัน
“ดูเอาเอง”
ชายลึกลับโยนกระดาษสีเงินแผ่นหนึ่งออกมา
กระดาษสีเงินแยกอากาศกลายเป็แสงสีเงิน และทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลงไป๋จางซึ่งลอยอยู่ในอากาศ คิ้วของหลงไป๋จางและคนอื่นๆ ต่างก็ขมวดมุ่นเมื่อเห็นมัน
หลงเติ้งอวิ๋น หลงจวิน และอัจฉริยะัอีกหลายคนก้าวไปข้างหน้า
กระดาษสีเงินอัดแน่นด้วยอักขระมากมายและมีลวดลายเล็กๆ สองหรือสามรูป
ในฐานะสมาชิกของเผ่าั พวกเขาเพียงแค่มองดูเผินๆ ก็รู้แล้ว
หลงไป๋จางและคนอื่นๆ มองหน้ากัน ไม่สามารถปกปิดความสุขของพวกเขาได้
“การปรากฏตัวของับรรพชนทะลวงท้องฟ้าเป็สัญญาณบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่ของเผ่าั แม้แต่คำสาปมรณะที่สูญหายไปก็ปรากฏขึ้น” หัวใจอันสงบสุขของหลงไป๋จางเริ่มเต้นแรงอีกครั้ง
จากหางตาของเขา เขามองไปที่หลัวเลี่ยที่กำลังฝึกฝนบนสังเวียนับรรพชน และแรงกระตุ้นอันแข็งแกร่งก็เกิดขึ้นในใจของเขา
เพื่อยึดสมบัติัทั้งหมดในมือของหลัวเลี่ย
เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถระงับมันได้
“เ้าคิดเห็นอย่างไร” ชายลึกลับกล่าว
หลงไป๋จางกล่าวว่า “ใช่ นี่คือคำสาปมรณะ”
ชายลึกลับกล่าวว่า “ด้วยคำสาปมรณะนี้ เ้าย่อมรู้วิธีใช้มัน”
“แน่นอน!”
หลงไป๋จางจ้องไปที่ชายลึกลับอยู่พักหนึ่ง “เ้าแน่ใจเหรอว่าจะไม่ขออะไรจากเรา ดังนั้นเ้าแค่ให้คำสาปมรณะแก่เราเปล่าๆ หรือ?”
ชายลึกลับหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป็ไปไม่ได้ที่จะบอกว่าข้าไม่้าอะไร”
“ข้าเชื่อว่าด้วยการฟื้นคืนชีพครั้งใหญ่ของเผ่าั หลงไป๋จางจะต้องกลายเป็บุคคลสำคัญ”
“แน่นอน ไม่ว่าเ้าจะขอสิ่งใดข้าก็จะไม่ปฏิเสธ ขอแค่เ้าไม่ต่อต้านเผ่าัของข้า ข้าให้สัญญากับเ้า” หลงไป๋จางโบกมืออย่างภาคภูมิใจ
“ก็ดี”
ชายลึกลับไม่กล่าวอะไรอีก
หลงไป๋จางเรียกอัจฉริยะัที่ฝึกฝนในระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์มาทั้งหมด
เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดเดินตามเส้นทางของการฝึกฝนเป็หลัก พวกเขาจึงมีความสามารถบางอย่างในฐานะปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีข้อจำกัดมากเช่นกัน เฉพาะในกรณีที่มีคนจำนวนมากเข้าร่วมกองกำลังเท่านั้น จึงจะสามารถใช้ผลของคำสาปมรณะได้
ในทางกลับกัน ไห่ปี้เถาและผู้คนที่ไม่ใช่เผ่าัคนอื่นๆ มองไปที่การกระทำของชาวเผ่าั แล้วมองไปที่ชายลึกลับด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขารู้สึกอยู่เสมอว่ามันอาจไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตอนนี้หลงไป๋จางเป็หนี้คนคนนี้ไปแล้ว และนั่นเป็คำสาปร้ายแรง เป็หนึ่งในคาถาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเผ่าั แต่กลับไปอยู่ในมือของชายลึกลับผู้นี้ได้ ก็น่าสงสัยไม่น้อย
“เราควรเตือนหลงไป๋จางหรือไม่?” สุ่ยอวิ๋นเหยาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ไห่ปี้เถาส่ายหัว “ไม่ได้ผลหรอก หลงไป๋จางเชื่อไปแล้วว่าความรุ่งเรืองของเผ่าัจะต้องมาจากเขา และด้วยการนำคำสาปมรณะมาหลอกล่อ รวมถึงคำพูดของชายคนนั้นที่จงใจชี้ทางให้เขาเชื่อว่าตนเองจะกลายเป็บุคคลสำคัญของเผ่าั หากเขายังมีสติสัมปชัญญะจะฟังคำเตือนจากเราก็เป็เื่น่าเหลือเชื่อแล้ว”
“เราจะทำอย่างไรดี?” สุ่ยอวิ๋นเหยาถาม
“แค่เฝ้าระวังไว้อย่าให้คลาดสายตา” ไห่ปี้เถากล่าว
คำสาปมรณะเป็เอกลักษณ์เฉพาะของเผ่าั และมีเพียงปรมาจารย์ของเผ่าัเท่านั้นที่สามารถร่ายคำสาปนี้ได้ ต่อให้คนอื่นจะเป็ผู้มัน พวกเขาก็จะไม่สามารถใช้ได้
เช่นนี้คำสาปมรณะไม่ใช่เื่ยากสำหรับเผ่าัในการฝึกฝน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควร โชคดีที่พวกเขาไม่จำเป็ต้องเชี่ยวชาญมันอย่างเต็มที่ พวกเขา้าเพียงหลงไป๋จางที่อยู่ระดับสูงสุดเท่านั้น หลังจากนั้นหลงเติ้งอวิ๋นและคนอื่นๆ ก็จะสามารถช่วยได้
ผ่านไปเพียงครึ่งวันพวกเขาก็พร้อมแล้ว
หลงไป๋จางและหลงเติ้งอวิ๋นยืนอยู่ที่ด้านหน้า และอีกสามสิบเจ็ดคนก็รวมตัวกันเป็รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านหลัง
ทุกคนมีพู่กันอยู่ในมือ และยกมันขึ้นมาพร้อมกัน
พวกเขาเริ่มร่ายคำสาป
สักครู่หนึ่ง ไอน้ำไม่มีตัวตนภายในรัศมีหนึ่งลี้ก็รวมตัวกันจากทุกทิศทางและพุ่งไปยังปลายพู่กัน
อัจฉริยะัสามสิบเจ็ดคนที่อยู่ด้านหลังพวกเขาต่างชี้พู่กันของพวกเขาไปที่พู่กันของหลงไป๋จางและหลงเติ้งอวิ๋น
ลำแสงสามสิบเจ็ดลำพุ่งตรงไปที่ปลายพู่กันของคนทั้งสอง
หลงไป๋จางและหลงเติ้งอวิ๋นมองหน้ากัน และในเวลาเดียวกันก็ใช้นิ้วมือซ้ายของพวกเขาหยดเืสีแดงออกมา มีเงาัจางๆ อยู่ในเื และมันก็ตกลงไปที่ปลายพู่กัน
ทำให้ปลายพู่กันพ่นพลังงานออกมาและมีเสียงคำรามของั
พวกเขาทั้งสองหันไปด้านข้างพร้อมกัน และหันกลับมาอีกครั้งปลายพู่กันก็หันหน้าเข้าหากันหลอมรวมพลังเข้าด้วยกัน
แสงศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปร่างัลอยออกมาจากปลายพู่กัน แล้วพุ่งตรงไปที่สังเวียนับรรพชน
หมอกและแสงของัผู้พิทักษ์เคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติ และก่อตัวเป็ม่านพลังกีดขวางไว้
แต่ไม่สำเร็จ
หมอกและแสงของัผู้พิทักษ์ถูกรวมเข้ากับแสงศักดิ์สิทธิ์รูปร่างั
หลังจากนั้นไม่นาน หมอกที่หนาแน่นก็กระจายตัวไปเอง
เหลือเพียงแสงัผู้พิทักษ์ และแสงัผู้พิทักษ์นี้ก็สลายไปและรวมตัวกันเป็ครั้งคราว
“มันได้ผล” หลงไป๋จางพูดอย่างมีความสุข “ฮ่าๆ คราวนี้หลัวเลี่ยจะมีลูกไม้อะไรอีก”
ทุกคนตื่นเต้นมาก
ในเวลานี้ ชายลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ลงมือ ไม่รู้ว่าเขาถืออะไรอยู่ในมือ และเขาก็โยนมันไปทางสังเวียนับรรพชน
แสงัสองลำยิงลงมา ครอบคลุมเสวี่ยปิงหนิงและอาชาเดือนดารัญไว้
หลงไป๋จางและคนอื่นๆ มองไปที่ชายลึกลับด้วยความสับสน
ชายลึกลับไม่ได้อธิบาย เขาเพียงแต่เฝ้าดูอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นว่าชายลึกลับไม่ได้ทำอะไรอีกแล้ว และการกระทำนั้นไม่เกี่ยวข้องกับหลัวเลี่ย หลงไป๋จางก็เก็บความสงสัยที่พลุ่งพล่านไว้ในใจของเขา
เสวี่ยปิงหนิงและอาชาเดือนดารัญบนสังเวียนับรรพชนดูเหมือนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และยังคงฝึกฝนอย่างสันโดษ ราวกับว่าแสงัไม่มีผลกระทบต่อพวกเขาเลย
หลัวเลี่ยยิ่งเพิกเฉยต่อโลกภายนอกมากขึ้นไปอีก
เพราะเขารู้สึกถึงความก้าวหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
เขา้าที่จะทะลวงผ่านไปให้ได้
และมันก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
แต่เมื่อเขาทะลวงผ่าน แสงัผู้พิทักษ์ที่รวบรวมและกระจายออกไปก็กลายร่างเป็ัสีขาวที่สง่างาม
เมื่อทุกคนเห็น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลงไป๋จาง เพราะัขาวนั้นมีความคล้ายคลึงกับร่างจริงของเขาถึงแปดส่วน
ัขาวกะพริบแล้วะเิออกอีกครั้ง
หลังจากนั้นแสงัผู้พิทักษ์ที่เสียหายจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไปข้างนอก บางส่วนกลายเป็แสงสีขาวและลอยไปที่สังเวียนับรรพชน
ทันใดนั้นแสงสีขาวที่หนาแน่นก็ส่งเสียงคำรามลงมา ราวกับเป็การข่มขู่ว่าจะจมสังเวียนับรรพชน
“เกิดอะไรขึ้น? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” หลงไป๋จางพูดด้วยความโกรธ “คำสาปมรณะไม่ควรเป็เช่นนี้ มันไม่ได้มีไว้เพื่อกระจายแสงของัผู้พิทักษ์ ทำไมมันถึงไม่โจมตี สิ่งที่เ้ามอบให้เราไม่ใช่คำสาปที่สมบูรณ์ มันเป็คำสาปที่ถูกปรับเปลี่ยนแล้ว”
ชายลึกลับกล่าวอย่างสงบ “ใครจะสามารถแก้ไขคำสาปมรณะได้ คงเป็เพราะว่าเ้าฝึกฝนด้วยความเร่งรีบ จึงไม่สามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริง เ้าคิดว่าใครจะสามารถใช้คำสาปมรณะได้อย่างเชี่ยวชาญด้วยการฝึกฝนเพียงครึ่งวัน”
หลงไป๋จางเหลือบมองสังเวียนับรรพชนเสวี่ยปิงหนิงและอาชาเดือนดารัญถูกควบคุมโดยแสงัและไม่ได้ถูกโจมตีด้วยแสงสีขาว เขาก็เข้าใจทันที “เ้าวางแผนไว้นานแล้ว เ้าทำเพื่อปกป้องเสวี่ยปิงหนิงและอาชาตัวนั้น ไม่ใช่เพื่อปกป้องหลัวเลี่ย แต่เพื่อฆ่าเขา เ้าช่างน่ารังเกียจจริงๆ เ้าวางแผนต่อต้านเผ่าัของข้า”
“วางแผน?” ชายลึกลับหัวเราะเบาๆ “เ้าจะยอมแพ้ก็ได้นะ แต่มันคงสายเกินไปที่จะหยุดตอนนี้”
ใบหน้าของหลงไป๋จางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ชายลึกลับยิ้มอย่างเยาะเย้ยและกล่าวว่า “ข้าจำได้ว่าเป็เ้า เ้าขอบคุณหลัวเลี่ยที่นำสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่มาสู่เผ่าั เ้าไม่อยากฆ่าเขา แต่อยากชิงสมบัติของเขามาเท่านั้นใช่หรือไม่ แต่ตามที่เ้าได้ให้สัญญากับข้า ข้าขอทวงมันเสียั้แ่ตอนนี้ เ้าจะยอมแพ้หรือฆ่าหลัวเลี่ยเพื่อชิงสมบัติ ตัดสินใจเลือกเองเถิด ฮ่าๆ”
ใบหน้าของหลงไป๋จางมืดมนราวกับเมฆดำในทันที
สายตาชั้นยอดจากทั่วทุกมุมโลกจับจ้องไปที่หลงไป๋จาง พวกเขาสงสัยว่าเขาจะเลือกอะไร
หลงเติ้งอวิ๋นและคนอื่นๆ ก็พูดไม่ออกเช่นกัน
จะให้หยุดตอนนี้ได้อย่างไร พวกเขาก็มีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของเผ่าัแต่พวกเขาถูกปิดกั้นจากแสงัผู้พิทักษ์ จึงได้แต่ปล่อยให้หลัวเลี่ยอยู่ในสังเวียนับรรพชนอย่างปลอดภัย หนึ่งปีต่อจากนี้เหล่าปรมาจารย์รวมทั้งัาุโจะมาถึง จากนั้นสมบัติในมือของหลัวเลี่ยก็จะไม่ใช่ของพวกเขาอีกต่อไป
เมื่อนึกถึงกิ่งก้านของต้นั มงกุฎจักรพรรดิั และสมบัติล้ำค่าอื่นๆ แล้ว พวกเขาจะยินดีมอบให้ผู้อื่นได้อย่างไร?
หลังจากนั้นไม่นานหลงไป๋จางก็กัดฟันและกล่าวว่า “เพื่อความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่ของเผ่าั ข้าหลงไป๋จางจะแบกรับความอับอายจากการละทิ้งศักดิ์ศรีของข้าในครั้งนี้เอง”