ที่จริงเธอกับลู่เป๋าเหยียนจะเรียกว่าเป็คู่ที่โตมาด้วยกันก็ไม่ถูกแต่เห็นเลขาสาวดูดีอกดีใจขนาดนั้น ูเี่อันจึงไม่อยากอธิบายให้มากความเธอกินโจ๊กไปไม่กี่คำก็วางตะเกียบลง และเดินกลับห้องเพื่อนอนพักผ่อน
เธอมาลองคิดดูดีๆเกิดเื่ราวตั้งมากมาย แต่ลู่เป๋าเหยียนไม่เคยบอกเื่พวกนี้กับเธอเลย
ตอนที่เธอถูกฆาตกรจับตัวเขาก็มาช่วยเธอ พอรู้ว่าเธอโดนดักทำร้าย เขาก็มาหาเธอ เมื่อเธอต้องทำโอทียันเช้าเขาก็ไปรับเธอที่สถานีตำรวจ เมื่อวานเขาก็ตั้งใจเลิกงานก่อนเวลา...
เขาทำทุกอย่างเหมือนเป็เื่ปกติและไม่เคยเอ่ยถึงมันเลย เธอเป็คนไม่ค่อยคิดมาก พอเวลาผ่านไปจึงไม่ได้ใส่ใจแต่พอตอนนี้มาลองย้อนนึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงได้รู้ว่าลู่เป๋าเหยียนทำเพื่อเธอมามากขนาดไหน
นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกเราแต่งงานกันด้วยเหตุผลพิเศษเธอคงคิดไปแล้วว่าลู่เป๋าเหยียนชอบเธอ
แต่ว่าถังอวี้หลันกำชับให้ลู่เป๋าเหยียนดูแลเธอให้ดีเขาเป็คนเคารพเชื่อฟังแม่มากที่สุดเื่พวกนี้เขาอาจทำให้เธอเพียงเพราะเป็หน้าที่ก็ได้
ในเมื่อเขาไม่เคยพูดถึงมันเธอเองก็ไม่กล้าคิดมากไป
ส่วนเื่ที่เขาล่วงเกินเธอเมื่อวานเห็นแก่ที่เขายอมลดทิฐิลงไปซื้อผ้าอนามัยมาให้เธอ เธอจะให้อภัยเขาก็แล้วกัน
ว่าแล้วความเ็ปก็เริ่มแผลงฤทธิ์อีกครั้งูเี่อันจึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
เธอจะได้ยินเสียงคุณเลขาคุยโทรศัพท์แว่วๆ
“กินไปนิดหน่อยค่ะ....เธอกลับไปนอนพักแล้วค่ะ...ดูไม่ค่อยสบายเท่าไรค่ะ วางใจได้เลยค่ะ ถ้ามีอะไรดิฉันจะรีบโทรไปรายงานนะคะ”
อีกฝั่งคงจะเป็ลู่เป๋าเหยียนแต่ว่าทำไมเขาไม่โทรหาเธอโดยตรงล่ะ?
ยังไม่ทันได้คำตอบูเี่อันก็เผลอหลับไปก่อนอย่างอ่อนเพลีย
ณบริษัทสาขาเครือตระกูลลู่
หลังจากถามไถ่อาการของูเี่อันแล้วเรียบร้อยลู่เป๋าเหยียนก็วางสายและทำงานของตนเองต่อเขายุ่งถึงขนาดที่แม้แต่ข้าวเที่ยงยังต้องกินในออฟฟิศ
เมื่อเสิ่นเยว่ชวนได้ยินว่าูเี่อันไม่สบายเขาจึงไม่กล้าพูดให้มากความ และก้มหน้าก้มตาทำงานเคียงข้างเ้านายอย่างแข็งขันจนกระทั่งหก 6 โมงกว่า งานทั้งหมดของวันนี้ก็จบลง
ยังไม่ทันเก็บเอกสารดีลู่เป๋าเหยียนก็รีบกลับโรงแรมทันทีเลขาบอกกับเขาว่า ูเี่อันนอนั้แ่เที่ยงจนถึงตอนนี้ระหว่างนั้นเธอตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำสองครั้งโดยไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาดูท่าอาการจะหนักยิ่งกว่าเดิม แต่เธอยังคงยืนยันว่า ไม่จำเป็ต้องไปหาหมอ
เขาบอกให้เลขาเลิกงานได้และเดินกลับเข้าไปในห้องนอน
ูเี่อันไม่ได้เปิดไฟไว้กว่าครึ่งหนึ่งของห้องจึงมืดสนิท ส่วนอีกครึ่งได้รับแสงสว่างจากภายนอกต่างอยู่บ้างเธอนอนหลับอยู่บนเตียงอ่อนนุ่ม ขนตางอนยาวปิดสนิทสีหน้าดูขาวซีดและอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงยิ่งกว่าเมื่อเช้าเสียอีก
เหมือนปีศาจน้อยที่ได้รับาเ็สาหัสกำลังนอนพักรักษาตัวไม่มีผิด
ลู่เป๋าเหยียนรู้สึกปวดหัวใจราวกับเจ็บแทนเธอเขานั่งลงบนเตียงพลางพูด
“ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลเถอะนะ”
ูเี่อันได้ยินดังนั้นจึงรู้ตัวว่าลู่เป๋าเหยียนได้กลับมาแล้ว เธอส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฉันไม่อยากไป...”
เธอไม่ชอบโรงพยาบาลอีกอย่าง เธอก็ไม่ได้ป่วยหนักอะไร
ลู่เป๋าเหยียนปัดกลุ่มผมที่ปรกอยู่ตรงหน้าผากของเธอพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“งั้นลุกขึ้นเถอะ เดี๋ยวฉันพาเธอไปกินของอร่อย”
ได้ยินดังนั้นูเี่อันจึงลืมตาขึ้นมาั์ตาดำขลับส่องประกายสดใสขึ้นบ้าง
“กินอะไร?”
“เธออยากจะกินอะไรล่ะ”
เป็ครั้งแรกที่ลู่เป๋าเหยียนตามใจเธอขนาดนีู้เี่อันรีบคว้าโอกาสตรงหน้า สมองเธอในตอนนี้มีภาพของอร่อยนานาชนิดของเมือง G ผุดขึ้นมาไม่หยุดแต่สุดท้ายความอยากอาหารก็พ่ายแพ้ให้กับความเ็ปบริเวณท้องน้อยเธอพยายามลุกขึ้นนั่ง จากนั้นยกมือสางผมที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยขึ้นและเดินตามลู่เป๋าเหยียนออกไป
เธอไม่นึกเลยว่าตัวเองจะฝืนมากเกินไปเพียงแค่เดินออกมาจากประตูห้อง เธอก็รู้สึกเสียดท้องน้อยกะทันหันจนขาไร้เรี่ยวแรงและล้มลงไป
“ลู่เป๋าเหยียน”เธอพูดเสียงอ่อนแรง
ลู่เป๋าเหยียนที่ััได้ว่าเธอเดินเซไปมาั้แ่เมื่อครู่จึงรีบยื่นมือไปประคองเธอในทันที
“เจี่ยนอัน!”
ูเี่อันรู้สึกหมดแรงแต่เธอก็พยายามเปิดตามองหน้าลู่เป๋าเหยียนและได้เห็นสายตาคู่ที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ หาใช่ความเ็าดั่งทุกที
เขากำลังเป็ห่วงเธออย่างที่ใครๆต่างก็บอกเธอจริงๆ ด้วย
เธออยากมองให้ชัดอีกสักครั้งเพื่อยืนยันให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เห็นภาพหลอน ทว่าเปลือกตาเริ่มหนักขึ้นทุกทีๆสุดท้ายภาพทั้งหมดก็ดับไป
“ูเี่อัน!”
ลู่เป๋าเหยียนกอดเธอไว้หัวใจของเขาเ็ปไปหมด เขารู้ดีว่าเธอคงแค่เป็ลมหมดสติไปแต่ทำไมเขากลับรู้สึกราวกับกำลังสูญเสียโลกทั้งใบ
เขากำลังกลัวกลัวสูญเสียเธอในอ้อมกอดคนนี้ เหมือนกับที่เสียพ่อไปเมื่อตอนอายุสิบหก
ลิฟต์ส่วนตัวเคลื่อนลงมาที่ชั้นหนึ่1อย่างรวดเร็วเขาอุ้มูเี่อันเดินออกจากโรงแรมอย่างเร่งรีบผู้จัดการโรงแรมเองเคยเจอลู่เป๋าเหยียนมาแล้วก็หลายครั้งทุกครั้งเขามักจะดูสง่างามเต็มไปด้วยอำนาจ แต่ว่าตอนนี้เขากำลังอุ้มภรรยาในอ้อมแขนพลางขมวดคิ้วมุ่นสายตาที่ไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกอะไรเป็พิเศษ ทว่าหากมองดูดีๆก็จะพบว่าเขากำลังกังวลใจอย่างมาก
ผู้จัดการไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นแต่ก็รีบสั่งให้คนขับรถเตรียมรถให้พร้อมจากนั้นจึงเดินไปช่วยลู่เป๋าเหยียนเปิดประตูรถ
ลู่เป๋าเหยียนอุ้มูเี่อันขึ้นรถเรียบร้อยแล้วจึงพูดว่า
“ไปโรงพยาบาลแจ้งเสิ่นเยว่ชวนด้วยว่าให้จัดการเตรียมหมอให้เรียบร้อย”
“ครับ!”
คนขับรถรีบออกรถในทันทีโดยไม่รีรอรถยนต์สมรรถภาพเป็เลิศคันงามวิ่งด้วยความเร็วแซงหน้ารถราที่อยู่ตามท้องถนนไปทีละคันเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้
ลู่เป๋าเหยียนกอดูเี่อันเอาไว้พลางกุมมือเธอที่ตอนนี้เย็นเยียบเสียจนน่าใ เขารีบถอดเสื้อคลุมมาคลุมตัวเธอไว้แต่เขายังรู้สึกว่าไม่อุ่นพอ จึงกอดเธอให้แน่นขึ้นอีก
ูเี่อันหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างว่าง่ายหายใจแ่เบาราวกับเด็กน้อยที่เพลียและอ่อนล้าจนถึงขีดจำกัด
นิ้วเรียวยาวของลู่เป๋าเหยียนััพวงแก้มของูเี่อันอย่างแ่เบาเขาในตอนนี้ไม่อาจเก็บซ่อนความรู้สึกห่วงใยเอาไว้ได้อีก
ถ้าเป็ไปได้เขาอยากจะขอรับความเ็ปที่เธอต้องเผชิญในตอนนี้เอาไว้เองเธอจะได้กลับมาสดใสร่าเริงดังเดิม
เสิ่นเยว่ชวนจัดการเื่ที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วเขาให้แพทย์และพยาบาลที่ดีที่สุดรอรับการมาของลู่เป๋าเหยียนเมื่อรถของลู่เป๋าเหยียนจอดลงที่ด้านหน้าทีมแพทย์ก็รีบพาูเี่อันเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินในทันที
คนที่ยืนอยู่ถัดจากทีมแพทย์ออกมาอย่างเสิ่นเยว่ชวนเมื่อเห็นสีหน้าของูเี่อันแล้วก็อดบ่นออกมาไม่ได้
“น่าเป็ห่วงจริงๆ ด้วยทำไมถึงได้ป่วยหนักขนาดนี้นะ” มิน่าคิ้วของลู่เป๋าเหยียนถึงได้ผูกเป็โบทั้งวัน
ที่จริงเธอไม่ได้ป่วยเป็โรคอะไรเมื่อการตรวจเสร็จสิ้นหัวหน้าทีมแพทย์ประจำห้องฉุกเฉิน ก็ได้เชิญลู่เป๋าเหยียนเข้าไปฟังอาการของูเี่อัน
“ดิฉันคิดว่าเป็อาการประจำตัวที่มีมานานแล้วล่ะค่ะอาการนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในเร็ววันยาแผนตะวันตกคงทำได้แค่ระงับความเ็ป แต่หลังจากนี้คงต้องค่อยๆ ปรับสมดุลร่างกายเพื่อให้หายขาดค่ะ”
“ทำไมเธอถึงมีอาการแบบนี้ได้ครับ”ลู่เป๋าเหยียนถาม
“เคสนี้ค่อนข้างหายากน่ะค่ะคงเป็เพราะสมัยวัยรุ่นคุณนายลู่ยังไม่เข้าใจเื่การดูแลรักษาร่างกาย”แพทย์หญิงอธิบายพลางจดอะไรบางอย่างลงบนกระดาษโน้ต“คุณควรพาเธอไปรักษากับแพทย์แผนจีนนี่คือชื่อของแพทย์จีนที่ดีและมีคุณวุฒิที่สุดของเมือง A ค่ะ รอให้คุณนายลู่หมดประจำเดือนแล้วลองนัดตรวจดูอีกทีนะคะ คิดว่าใช้เวลารักษาสักครึ่งปีก็น่าจะหายขาดแล้วล่ะค่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนรับกระดาษโน้ตแผ่นนั้นมาเก็บไว้อย่างดีจากนั้นจึงเดินกลับไปหาูเี่อันที่ห้องผู้ป่วย
ใบหน้าเธอในตอนนี้ยังคงขาวซีดเฉกเช่นด้วยกับสีของผนังห้องผู้ช่วยเธอกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ผ้าห่มที่คลุมอยู่เพียงแค่่อกเผยให้เห็นลำคอและแนวกระดูกไหปลาร้าชัดเจน จากที่เคยรู้สึกว่าน่ามองแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าเธอผอมเกินไป คนที่สูงถึงหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดเิเอย่างเธอเวลาอุ้มขึ้นมากลับเบาหวิวจนเหมือนไร้น้ำหนัก
คนที่หลับสนิทอย่างูเี่อันเหมือนรู้สึกได้ถึงสายตาของลู่เป๋าเหยียนอย่างไรอย่างนั้นขนยางอนยาวของเธอเริ่มขยับและลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
เธอรู้ในทันทีว่าตนอยู่ที่โรงพยาบาลจึงรีบลุกขึ้นมา แต่ลู่เป๋าเหยียนก็จับเธอไว้
“เธอกำลังถูกให้น้ำเกลือ”
ที่จริงการให้น้ำเกลือก็แค่ทำให้เธอมีเรี่ยวแรงขึ้นก็เท่านั้นเธอทำท่าจะดึงเข็มน้ำเกลือออกมา
“ฉันอยากกลับโรงแรม”
ลู่เป๋าเหยียนรั้งมือเธอไว้“ให้น้ำเกลือเสร็จก่อนแล้วค่อยกลับ เจี่ยนอัน ทำไมถึงกลัวโรงพยาบาล?”
ครั้งที่แล้วที่เขาพาเธอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกลางดึกเธอทำท่าวิตกกลัวว่าเขาจะกลับไปก่อนคราวนี้พอรู้ตัวว่าตนอยู่โรงพยาบาลก็ร้องจะกลับโรงแรมทันทีเห็นได้ชัดว่าเธอกลัวการมาที่นี่
“แม่ฉันเสียที่โรงพยาบาล”
ูเี่อันยังจำวันนั้นได้ดีตอนที่เธออายุสิบห้า ทุกอย่างหยุดนิ่งภายใต้เสียงอันหนักอึ้งกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ฉุนแสบจมูกของโรงพยาบาล ผนังสีขาวโพลนของห้องผู้ป่วยใบหน้าของแม่ที่ถูกผ้าสีขาวคลุมเอาไว้ เธอก็แค่ดูเหมือนคนที่กำลังหลับเท่านั้นแต่หมอกลับบอกว่าเธอจากไปแล้ว เธอจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีกแล้ว
ความสิ้นหวังที่ปกคลุมอยู่เต็มหัวใจเธอในตอนนั้นหนักอึ้งเสียยิ่งกว่าทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ หลังจากนั้นเป็เวลานานเธอมักจะฝันถึงพื้นที่สีขาวอันกว้างใหญ่เวิ้งว้างทุกครั้งที่เห็นสีขาวเธอมักจะรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังในตอนนั้นที่ถาโถมเข้ามา ราวกับจะทำลายเธอให้สูญสิ้น
เธอมองลู่เป๋าเหยียนอย่างอ้อนวอน“ไปที่ไหนก็ได้ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
“เธอปวดท้องหนักจนเป็ลมไปจำเป็ต้องรอให้น้ำเกลือหมดก่อน” ลู่เป๋าเหยียนพูดอย่างอ่อนโยน
“เจี่ยนอันพ่อของฉันก็เสียที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลไม่ใช่ฆาตกรที่พรากพวกเขาไปจากเราเธอจะใช้สิ่งนี้เป็ข้ออ้างในการหลีกหนีความจริงไม่ได้”
ูเี่อันเข้าใจดีแต่ทุกครั้งที่เธอเห็นโรงพยาบาล เธอก็มักคิดถึงความตายของแม่ขึ้นมาเธอขดตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างไม่อาจทานทน
“ยังต้องให้น้ำเกลืออีกนานแค่ไหน”
“ครึ่งชั่วโมง”ผ่านไปชั่วอึดใจลู่เป๋าเหยียนก็พูดเสียงเบาขึ้นว่า
“ฉันจะอยู่ที่นี่เป็เพื่อนเธออย่ากลัวไปเลย”
ได้ยินดังนั้นแววตาของูเี่อันก็เริ่มส่องประกายสดใสขึ้นบ้าง
“อืม” เธอตอบเขาไปั์ตาคู่ดำขลับของเธอมองลู่เป๋าเหยียนนิ่ง เขาในตอนนี้ดูต่างไปจากทุกทีไม่นานสายตาดังกล่าวก็เลือนหายไปกลับสู่ปกติ
เธอไม่อาจปฏิเสธว่าคำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีที่พึ่งพิง
ก่อนที่เธอจะหมดสติไปเธอพยายามยืนยันกับตัวเองว่า สายตาที่ดูเป็ห่วงเธอคู่นั้นคือความจริง เมื่อครู่ที่จ้องตาเขาถึงแม้จะไม่เห็นแววตาของความร้อนใจอยู่แล้ว แต่เธอก็มองออกว่าลู่เป๋าเหยียนคิดจะอยู่เป็เพื่อนเธอจริงๆ
แต่แล้วพยาบาลสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำอุ่นและยาอีกหนึ่งซอง
“ยาแก้ปวดค่ะ”
ยาห้าถึงหกเม็ดเม็ดใหญ่มีขนาดเกือบเท่าหัวนิ้วมือ ส่วนเม็ดเล็กก็เล็กพอๆ กับเม็ดข้าวทุกเม็ดเป็สีขาว เมื่อเปิดซองออกมาก็ได้กลิ่นยาในทันที ูเี่อันมองพวกมันแล้วจึงมุดเข้าใต้ผ้าห่มไป
เธอไม่กลัวฟ้ากลัวดินไม่กลัวอะไรทั้งนั้น นอกจากของขมๆ กับการกินยา ตอนเด็กเวลาเธอไม่สบาย คนทั้งบ้านต่างพากันวุ่นวายกับการกล่อมเธอให้กินยาอย่าว่าแต่แม่หรือพี่ชายเธอเลย ขนาดคนรับใช้ในบ้านยังเดือดร้อนไปด้วยเธอคิดทุกวิถีทางเพื่อซ่อนตัว ถ้าถูกหาพบ เธอก็รีบวิ่งหนีไป ถ้าโดนจับได้อีกเธอก็จะร้องไห้และรีบเข้าไปกอดซูอี้เฉิงในทันที เพราะพี่ชายเป็คนที่โอ๋เธอมากที่สุดเขาเป็คนเดียวที่ไม่บังคับเธอ
แต่ว่ากับลู่เป๋าเหยียน...ดูท่าจะหลอกได้ไม่ง่าย...
ูเี่อันคิดพลางหลับตาลงแกล้งเป็ลมสลบไป
