เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิตสังหารภายในดวงตาของเทียนอู่ฮ่องเต้ กูเฟยเยี่ยนไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ ทั้งสิ้น
ในเมื่อนางกล้าคุกคามนางก็ต้องมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม!
เป็อย่างที่คาดคิดเอาไว้ว่าเทียนอู่ฮ่องเต้จะประนีประนอม พระองค์ไอพลางพูดกับเหมยกงกงว่า “ไป ไปนำยามาให้แพทย์หญิงกูดูแล้วตาม…ตามซูไท่อี! ”
เหมยกงกงรีบรับคำสั่ง แต่ก่อนที่จะออกไปก็ตั้งใจพูดกับอวิ้นกุ้ยเฟย “กุ้ยเฟยเหนียงเหนี่ยง พระองค์โปรดออกไปก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
อวิ้นกุ้ยเฟยไม่ได้เป็ผู้เชี่ยวชาญในเื่สมุนไพรจึงไม่เข้าใจว่ากูเฟยเยี่ยนพูดอะไร นางทราบเพียงแค่ว่าตนเองก่อเื่ไว้แล้ว เมื่อเห็นว่าฝ่าาไม่กล่าวโทษ นางก็แทบอยากจะรีบออกไป ใครจะไปกล้าพูดอะไรได้อีก? นางโน้มตัวแสดงความเคารพแล้วรีบหนีออกไปด้วยความจนมุม
ทหารองครักษ์ล้วนถอยออกไปแล้ว ภายในห้องยาสำนักหมอหลวงหลงเหลือเพียงแค่เทียนอู่ฮ่องเต้กับกูเฟยเยี่ยนสองคนเท่านั้น
เทียนอู่ฮ่องเต้ก้มหน้าไออย่างหนักจนหยุดไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงการจ้องกูเฟยเยี่ยนเลย แม้แต่มองกูเฟยเยี่ยนเขาก็ไม่สามารถทำได้แล้ว เดิมทีใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนมีความเคารพนอบน้อม ทว่าบัดนี้นางยกแขนทั้งสองข้างกอดอกพลางหรี่ตามองด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
นางไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดฮ่องเต้ผู้เฒ่าที่เลวทรามเหี้ยมโหดถึงได้ให้กำเนิดจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยที่เป็บุคคลประดุจเทพเ้าเช่นนี้? ดูท่าว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะสืบสายเืสูงศักดิ์มาจากพระมารดาท่านนั้นของเขา
ไม่ช้าเหมยกงกงก็นำเม็ดยามา ซูไท่อีก็มาถึงเช่นกัน
เมื่อซูไท่อีเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนอยู่ที่นี่ก็เกิดความใแต่ไม่กล้าถามอะไรมากนัก เขารีบเข้าไปจับชีพจรของเทียนอู่ฮ่องเต้ ทันทีที่จับชีพจรสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “ฝ่าา นี่คือ…”
เหมยกงกงกำลังจะอธิบาย แต่กูเฟยเยี่ยนเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยความจริงจัง “ดื่มชาที่มีปลายตังกุยอยู่ถ้วยใหญ่ ประสิทธิภาพของเม็ดยาต่ออายุขัยที่ใช้ไปจึงถูกทำลายเสียหาย ประสิทธิภาพของปลายตัวกุยยังคงอยู่ในร่างกาย ในเวลานี้หากใช้เม็ดยาต่ออายุขัยอีกก็ไร้ประโยชน์แล้ว ลองใช้การฝังเข็มดูว่าจะสามารถยับยั้งอาการไอได้หรือไม่” ท่าทีจริงจังของกูเฟยเยี่ยนไม่เหมือนแพทย์หญิงตัวน้อยเลยสักนิด แต่เหมือนกับอาจารย์แพทย์ผู้เฒ่าที่มีประสบการณ์มากมาย
เทียนอู่ฮ่องเต้ไอไปด้วยพินิจพิเคราะห์กูเฟยเยี่ยนไปด้วย ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าตนเองประเมินนังหนูคนนี้ต่ำไป อีกทั้งยังเข้าใจแล้วว่าเหตุใดจิ้งหวางจึงให้ความสำคัญกับนาง
ความสามารถที่แท้จริงของนังหนูคนนี้เกรงว่าจะสูงกว่าที่แสดงเอาไว้ในคดีย่าวซ่านเสียอีก
เทียนอู่ฮ่องเต้รู้สึกโชคดีโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่เมื่อสักครู่นี้ตนเองไม่ได้สังหารนังหนูคนนี้
ผู้เชี่ยวชาญฟังคำพูดของผู้ที่เชี่ยวชาญล้วนเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ซูไท่อีไม่ซักถามอะไรแล้วรีบไปฝังเข็มให้กับเทียนอู่ฮ่องเต้ แต่อย่างไรก็ตามการฝังเข็มไม่สามารถยับยั้งอาการไอได้ ทำได้เพียงบรรเทาอาการชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อกูเฟยเยี่ยนเห็นเช่นนี้จึงไม่รอช้า นางรับเม็ดยาที่เหมยกงกงยื่นให้มาดมพลางเอ่ยถามด้วยความจริงจัง “ยาตัวนี้มีนามว่าอะไร? ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาเทียนอู่ฮ่องเต้ที่ไอจนหายใจไม่ทันก็หยุดชะงักทันที ทางด้านของเหมยกงกงนั้นถึงกับต้องซักถามด้วยโทสะ “อีนังหนู เ้า…เ้าไม่รู้จักยาตัวนี้? ”
เมื่อสักครู่นังหนูคนนี้พูดจามีเหตุผลเสียเต็มประดา ทว่าบัดนี้กลับไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของยา? เป็ไปได้หรือไม่ว่านางขู่ขวัญพูดจาสะเปะสะปะ?
กูเฟยเยี่ยนขัดจังหวะขึ้นมา “ชนิดของเม็ดยาต่ออายุขัยมีมากมาย ข้าไม่ใช่เทพเ้า ยาที่ไม่เคยพบจะสามารถวิเคราะห์ว่ามันคือชนิดไหนได้อย่างไร? ” ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาทุกคนล้วนตะลึงงัน
เทียนอู่ฮ่องเต้ทนไม่ไหวจึงต้องเอ่ยถาม “นังหนู ความหมายของเ้าคือ…นอกจากอี้เสินตันเม็ดนี้แล้วบนโลกใบนี้ยัง ยัง…ยังมีเม็ดยาชนิดอื่นที่มีประสิทธิภาพในการต่ออายุขัยอีกหรือ? ”
“อี้เสินตัน? ” กูเฟยเยี่ยนพูดด้วยความจริงจัง “ชื่อนี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ทว่าเม็ดยาที่มีประสิทธิภาพคล้ายคลึงกับตัวนี้ ข้ารู้ไม่น้อยเลย”
เทียนอู่ฮ่องเต้ปลื้มปีติยินดีมาก ต้องทราบไว้ว่าเพื่อที่จะตามหาอี้เสินตันแล้ว เขาแทบจะพลิกดินแดนเสวียนคง! เขาคิดมาโดยตลอดว่ายาต่ออายุขัยมีเพียงชนิดเดียว
เขาถามด้วยความร้อนรน “ยังมีชนิดไหนอีก? เ้ามีเก็บไว้หรือไม่? ”
สำหรับเม็ดยาอี้เสินนั้น ได้รับใบสั่งยามาแล้วก็ไร้ประโยชน์เพราะต้องผ่านการกลั่นออกมา และระยะเวลาในการกลั่นอย่างน้อยที่สุดจำเป็ต้องใช้เวลาถึงสามปี อย่างมากต้องใช้เวลาถึงห้าปี เม็ดยาอี้เสินในมือเขาล้วนซื้อกลับมาด้วยราคาที่สูงมากจากนักสะสมเม็ดยาสมุนไพร จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ยังไม่ทราบเลยว่าผู้ใดสามารถกลั่นออกมาแล้วผลิตออกมาได้ ในมือเขาเหลือเพียงสามขวดและสามารถใช้ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น ถ้าหลังจากผ่านไปครึ่งปีแล้วยังตามหายาไม่พบ เขาก็ทำได้เพียงฟังลิขิต์แล้ว
กูเฟยเยี่ยนเผชิญหน้ากับความตื่นเต้นดีใจของเทียนอู่ฮ่องเต้โดยไม่สะทกสะท้าน นางตั้งใจดอมดมกลิ่นของยาอี้เสินด้วยใบหน้าครุ่นคิด
เทียนอู่ฮ่องเต้ถามอีกครั้งด้วยความร้อนใจ “นังหนู เจิ้นถามเ้าอยู่นะ! ”
ไม่รู้ว่ากูเฟยเยี่ยนได้ยินหรือไม่เพราะนางยังไม่ตอบกลับมา
เทียนอู่ฮ่องเต้วิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีรับสั่งออกมาเสียงดังลั่น “กูเฟยเยี่ยน ตอบ…ตอบคำถามเจิ้น! ”
ในขณะที่กูเฟยเยี่ยนกำลังตรวจสอบยา สิ่งที่นางเกลียดมากที่สุดก็คือการถูกรบกวน นางหันไปมองด้วยสายตาโกรธเคืองพลันตำหนิตักเตือนด้วยน้ำเสียงที่ดุร้ายกว่าเทียนอู่ฮ่องเต้เสียอีก “รีบไปทำไม! ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องปรุงยาออกมาเพื่อยับยั้งอาการไอและห้ามเื! เื่อื่นไว้ค่อยเจรจา! ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้กระทบลงมา ทั่วทั้งห้องทรงพระอักษรก็จมลึกอยู่ในความเงียบสงัด
เทียนอู่ฮ่องเต้ตกตะลึงแล้ว
เหมยกงกงกับซูไท่อีก็เกิดอาหารตกตะลึงตาค้างและขวัญหนีดีฝ่อเช่นกัน ต้องทราบไว้ว่าแม้แต่องค์รัชทายาทกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยที่ได้รับการโปรดปรานมากที่สุดยังไม่กล้าพูดจาเสียงดังกับฝ่าาเลย ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงการตำหนิตักเตือนด้วยความดุ
กูเฟยเยี่ยนนังหนูคนนี้ตัวเล็กกระจิริดก็จริง แต่ก็มีความน่าเกรงขามมาก! เพียงแต่ว่านางจะไม่รักษาชีวิตเอาไว้แล้วหรือ
ภายในใจของกูเฟยเยี่ยนล้วนเต็มไปด้วยเื่ของเม็ดยาสมุนไพรจึงไม่ได้ตระหนักว่าเมื่อสักครู่นี้ตนเองทำอะไรลงไป อีกทั้งยังไม่ทราบด้วยว่าผู้คนภายในห้องล้วนจับจ้องมาที่นาง
นางขมวดคิ้วเป็ปมพลางก้าวเดินไปด้านข้าง หญิงสาวนำเม็ดยาละลายน้ำแล้วเริ่มตรวจสอบด้วยความจริงจัง
แม้ว่าใบสั่งยาของยาต่ออายุขัยเหล่านี้จะซับซ้อนแต่นางก็คิดออกมาได้โดยง่าย สำหรับนางแล้วเื่ที่ยากคือการควบคุมระดับความแรงของไฟในตอนกลั่นยาและระยะเวลา
สมุนไพรชนิดเดียวกัน มีวิธีการปรุงยาที่แตกต่างกัน สรรพคุณทางยาที่ไม่เหมือนกัน ประสิทธิภาพจึงต่างกัน ใบสั่งยานั้นเหมือนกัน ระดับความแรงของไฟในการปรุงไม่เหมือนกัน ประสิทธิภาพของยาก็จะแตกต่างกัน สำหรับการกลั่นเม็ดยาในเตาปรุงยาตัวเดียวนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือระดับความแรงของไฟในการกลั่น รวมไปถึงระยะเวลาการกลั่นของสมุนไพรแต่ละชนิด
หากกูเฟยเยี่ยน้าเพิ่มยาเข้าไปหนึ่งชนิดเพื่อลบล้างประสิทธิภาพของตังกุยในร่างกายเทียนอู่ฮ่องเต้แล้วให้ประสิทธิภาพของเม็ดยาอี้เสินออกฤทธิ์ต่อไป นางจำเป็ต้องไตร่ตรองเม็ดยาอี้เสินให้เข้าใจอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนถึงจะทราบว่าเพิ่มยาชนิดใดเข้าไปจึงจะเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
ต้องทราบไว้ว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ใช้ยาบังคับประคองร่างกายเอาไว้ให้อยู่ต่อไปอีกครึ่งปี! หากเกิดเื่ผิดพลาดขึ้นแล้วกระทบมาที่นางมันจะเป็ความผิดโทษฐานสังหารกษัตริย์เชียวนะ!
กูเฟยเยี่ยนไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นว่าทั่วทั้งห้องได้เกิดบรรยากาศเงียบสงบและปลีกวิเวกผิดปกติอย่างมาก นางนั่งก้มหน้าก้มตาจดจ่ออย่างเอาจริงเอาจัง ทั้งๆ ที่ร่างกายจะเล็กกระจิริด แต่ก็มีอานุภาพและความสง่างามน่าเกรงขามที่ทำให้คนไม่กล้ารบกวนแผ่ออกมาจากกาย
ทันใดนั้นเทียนอู่ฮ่องเต้ก็ไอออกมาอีกครั้ง
เหมยกงกงกับซูไท่อีจึงได้สติกลับมามองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความใจเต้นแรงตุบตับๆ เพราะความหวาดกลัว แม้ว่าจะเห็นด้วยตาตนเองแต่พวกเขาก็ยังคงไม่กล้าเชื่อว่านังหนูน้อยคนหนึ่งจะกล้าตำหนิตักเตือนฝ่าา!
ทว่าหลังจากที่เทียนอู่ฮ่องเต้ไอเสร็จแล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกรธที่กูเฟยเยี่ยนไม่เคารพนอบน้อม เขามองไปที่ใบหน้าตั้งอกตั้งใจของกูเฟยเยี่ยนด้วยแววตาชื่นชม
การที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหวางเป่าติ่งทำให้กูเฟยเยี่ยนต้องสูญเสียพละกำลังไปมากจนในที่สุดก็เข้าใจเม็ดยาอี้เสินอย่างถ่องแท้ เทียนอู่ฮ่องเต้ไม่สนใจที่จะชื่นชมกูเฟยเยี่ยนแล้ว เขาอาเจียนเืออกมามากมายและหายใจแ่เบาลง
หญิงสาวรีบซักถามซูไท่อีถึงอาการของเทียนอู่ฮ่องเต้แล้วสรุปอาการของเทียนอู่ฮ่องเต้กับประสิทธิภาพของยาอี้เสินเข้าไว้ด้วยกัน หลังจากที่พิจารณาไปครู่หนึ่งนางก็พูดออกมาด้วยความจริงจัง "ใช้ตังกุยเหมือนเดิม นำตังกุยส่วนหัวมาแช่น้ำเพื่อใช้ร่วมกับยาอี้เสิน"
เหมยกงกงทำตามอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ทานยาเข้าไปเทียนอู่ฮ่องเต้ก็หยุดไอแล้วผล็อยหลับด้วยความอ่อนเพลีย
ซูไท่อีแน่ใจแล้วว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ทรงปลอดภัย กูเฟยเยี่ยนจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแล้วเตรียมจะออกไป
แต่ใครจะไปทราบว่าเหมยกงกงจะขวางเอาไว้พลางเอ่ยออกมาด้วยความเ็า “แพทย์หญิงกู หากไม่มีรับสั่งจากฝ่าา เ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น! เ้ารอไปก่อนเถอะ! ”
กูเฟยเยี่ยนสะดุ้งใ ภายในใจคิดว่านางช่วยชีวิตคนไว้แล้วพวกเขายังอยากจะสังหารนางเพื่อปิดปากอีกหรือ?