“เสียงของเ้าเป็อะไรไป? คงมิใช่ว่าจะไม่น่าฟังเช่นนี้ตลอดไปหรอกนะ? มีวิธีปรับให้ดีขึ้นหรือไม่?”
เหตุใดองค์หญิงผู้นี้จึงได้สนอกสนใจต่อเสียงพูดของนางนัก? จนถึงขั้นที่พอเอ่ยปากครั้งแรกก็ไม่ถามเื่อื่น แต่กลับมาสนใจเื่เสียงพูดของนางว่าจะกลับมาเป็ดังเดิมได้หรือไม่? นางมาด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่?
แม้ว่าหลิ่วจิ้งจะใจเต้นไม่เป็ส่ำ แต่นางก็รู้ชัดว่าบางคราในเวลาเช่นนี้ อาจมีเพียงคนตรงหน้านี้เท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตนางเอาไว้ได้
และไม่รู้เพราะเหตุใด ในหัวของนางจึงรู้สึกรับรู้ได้อย่างรุนแรงเหลือเกินว่าคนตรงหน้านี้จะสามารถช่วยชีวิตนางได้
ดังนั้น นางจึงอธิบายไปด้วยความอดทนว่า “เพียงเพราะครอบครัวเกิดเื่พลิกผันใหญ่หลวงทำให้ร่างกายไม่สู้ดีนักเท่านั้น ขอบพระทัยองค์หญิงที่ทรงเป็ห่วงเพคะ”
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ สตรีผู้นั้นก็วางใจแล้วนางดึงหมวกคลุมหัวออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แสนจะงดงามหมดจด
ดวงตาหงส์คู่นั้นขนาบคู่กับสันจมูกโด่ง โค้งยาวเป็เส้นเล็กเรียวแววตามีความร้อนรนกระส่ำกระส่าย นางมองหลิ่วจิ้ง ก่อนจะกล่าวว่า “หลิ่วจิ้ง เ้าคงทราบว่าข้าคือใครใช่หรือไม่?”
หลิ่วจิ้งส่ายหน้า “ไม่ทราบเพคะ” ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมีพระโอรสสามพระองค์พระธิดาหกพระองค์ แต่นอกจากองค์ชายใหญ่ที่ปีนี้เพิ่งจะมีพระชนมายุครบแปดชันษาแล้วพระองค์อื่นๆ นอกนั้นล้วนยังอยู่ในวัยเด็กเล็กในเมื่อคนตรงหน้าเรียกขานตนเองว่าองค์หญิง คาดว่าต้องเป็เชื้อพระวงศ์เป็แน่หากมิใช่เชื้อพระวงศ์ก็ไม่มีทางเข้ามาพบกับตนใน่เวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ได้
หลิ่วจิ้งใคร่ครวญกับตัวเองพักหนึ่งที่สุดก็สามารถแน่ใจได้ว่าสตรีตรงหน้านี้ก็คือ หวงฝู่จิ้ง พระขนิษฐาพระองค์เล็กสุดของฮ่องเต้
ซึ่งก็คือองค์หญิงพระองค์เล็กที่เมื่อสามเดือนก่อนฮ่องเต้ทรงประกาศว่าจะให้ไปอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นชางอี้พระองค์นั้นน่ะหรือ?
เดิมทีหลิ่วจิ้งยังคงไม่ค่อยแน่ใจแต่หลังจากฟังนางพูดจนจบจึงแน่ใจขึ้นมาทันที
คนตรงหน้าต้องเป็หวงฝู่จิ้งพระขนิษฐาร่วมพระมารดาของฮ่องเต้แน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใด จู่ๆ คนผู้นี้ถึงมาหานางยามวิกาลเช่นนี้นาง้าสิ่งใดกันแน่?
“หลิ่วจิ้ง ที่ข้ามาในวันนี้ด้วย้าจะทำข้อตกลงกับเ้าข้อหนึ่ง” นางกล่าว
หลิ่วจิ้งใช้มือยันพื้นหยัดตัวขึ้นมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งอย่างยากลำบาก ก่อนจะหยิบหมั่นโถวที่อยู่ข้างๆมากัดคำหนึ่ง
หวงฝู่จิ้งมองนิ้วมือที่เต็มไปด้วยดินทราย พลันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความรู้สึกรังเกียจพร้อมทั้งความสะอิดสะเอียนในน้ำเสียงและแววตา “ของเหล่านี้มีไว้ให้คนกินหรือ? หากเ้ารับปากข้อเสนอของข้า ข้าสามารถสั่งให้คนส่งอาหารดีๆมาให้เ้ากินยามกลางคืนมื้อหนึ่งได้”
ลำคอของหลิวจิ้งเหือดแห้ง เมื่อกลืนหมั่นโถวเนื้อหยาบลงไปจึงฝืดติดในลำคอจนรู้สึกระคายเคืองนางสำลักไอหลายครั้ง จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยดวงตาเด็ดเดี่ยวว่า “ข้อตกลงใดเหตุใดองค์หญิงไม่ทรงเอ่ยมาตามตรง?”
หวงฝู่จิ้งจับจ้องมาที่คนตรงหน้าเกิดความลังเลบางเบาแล่นเข้ามาในใจ
ดูไปแล้วคล้ายว่าอาจิ้งแห่งจวนหลิ่วผู้นี้มิได้มีความรู้มากมายดังเช่นคำร่ำลือ และไม่รู้ว่าที่ตนเลือกนางเป็สิ่งที่ถูกต้องหรือไม่หากนางไม่อาจรับภาระสำคัญนี้ได้หรือไม่หากวันหน้านางถูกพระสวามีแห่งแคว้นชางอี้นั่นจับได้ขึ้นมาได้ เช่นนั้นแล้วตนควรจะทำเช่นใด?
หลังจากไตร่ตรองอยู่พักใหญ่หวงฝู่จิ้งก็ยังตัดสินใจจะลองทดสอบนางดู
เพราะเื่นี้เกี่ยวพันถึงสิ่งที่นางต้องเลือกไปชั่วชีวิตนางไม่มีทางยินยอมให้เกิดความผิดพลาดเอากลางทางแม้แต่ความผิดเพียงเศษเสี้ยวเดียวนางก็ไม่อาจยอมรับได้
“เราอยากจะลองทดสอบเ้าดู เ้าว่าอย่างไร?” เมื่อเห็นว่านางนิ่งเงียบไม่ตอบอยู่เป็นาน หวงฝู่จิ้งจึงเอ่ยว่า“เราเพียงอยากจะรู้ว่าเ้าเฉลียวฉลาดดังเสียงร่ำลือข้างนอกหรือไม่ก็เพียงเท่านั้นเพราะสิ่งที่เราต้องตัดสินใจต่อนี้ไม่เพียงมีผลต่อสิ่งที่เ้าต้องเลือกไปชั่วชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็การตัดสินที่ส่งผลกระทบต่อชะตาชีวิตของเราด้วย”
เมื่อได้ยินคำนาง หลิ่วจิ้งก็พอจะเดาจุดประสงค์ที่นางมาได้แล้ว
จึงถามเข้าประเด็นไปทันใดว่า “องค์หญิงไม่ประสงค์จะอภิเษกเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นชางอี้ที่อยู่ชายแดนใช่หรือไม่เพคะ?”
ดวงตาหวงฝู่จิ้งเป็ประกายขึ้นมาดูไปแล้วแม้เวลานี้หลิ่วจิ้งจะตกอยู่ในฐานะนักโทษแต่ดีที่นางได้รับการบ่มเพาะทั้งความรู้และกริยามารยาทมาในฐานะคุณหนูแห่งจวนหลิ่วมาเนิ่นนานถึงยังไม่เสียกริยาของคุณหนูผู้สูงศักดิ์ไปหวงฝู่จิ้งคิดขึ้นมาอย่างชอบใจ
หลิ่วจิ้งเห็นว่านางไม่เอ่ยคำ พลันมีความยินดีปรากฏบนสีหน้าทั้งยังเดาว่านางจะต้องพึงพอใจเป็อย่างยิ่งที่ตนเองเดาจุดประสงค์ในการมาของนางถูกจึงเอ่ยต่อว่า“องค์หญิงไม่ทรงมีพระประสงค์จะอภิเษกกับราชบุตรเขยแห่งแคว้นชางอี้ผู้นั้น เป็เพราะทรงเชื่อตามในคำร่ำลือว่าบุรุษในแคว้นชางอี้ทั้งผอมทั้งเตี้ยหน้าตาอัปลักษณ์ปากแหลมแก้มตอบหน้าตาเหมือนลิงใช่หรือไม่เพคะ?”
“ไม่ขอปิดบังเ้า เป็ดังนั้นจริงเรามีตัวเลือกของพระสวามีเอาไว้ในใจแล้วฉะนั้นไม่อาจฝืนใจตนไปอภิเษกกับสวามีที่ต่ำช้าได้เช่นนั้นจริงๆ ” หวงฝู่จิ้งเห็นว่าหลิ่วจิ้งสอบถามเพียงไม่กี่คำก็สามารถคาดเดาจุดประสงค์การมาและเหตุผลแท้จริงที่ตนไม่ยินยอมอภิเษกไปอยู่ที่ห่างไกลได้เวลานี้จึงไม่เหลือข้อกังขาเกี่ยวกับเสียงร่ำลือของตัวหลิ่วจิ้งอีกกลับกันตอนนี้นางคิดแต่อยากจะรีบโน้มน้าวให้หลิ่วจิ้งยอมรับข้อเสนอของตนไวๆจะได้ตัดรากถอนโคนความยุ่งยากนี้ให้พ้นจากตัว
“องค์หญิงทรงคิดว่าหลิ่วจิ้งในฐานะนักโทษผู้หนึ่งจะมีปัญญาช่วยเหลือองค์หญิงได้อย่างไรเพคะ?” คำพูดนี้ของนางถือเป็การตัดสินผลการทดสอบที่ชัดเจนเป็ที่สุดแล้วหากพูดให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือนางสอบถามองค์หญิงว่าท่าน้าให้ข้าช่วยแต่ฐานะของข้าในยามนี้ไม่อาจช่วยท่านได้ หากองค์หญิงสามารถช่วยให้ข้าได้กลับเป็อิสระข้าอาจจะพิจารณาดูว่าจะช่วยท่านได้อย่างไร
หวงฝู่จิ้งสามารถคิดแผนเปลี่ยนตัวองค์หญิงแสนเ้าเล่ห์นี้ออกมาได้นางย่อมไม่ใช่ตะเกียงพร่องน้ำมันแต่อย่างใด และย่อมต้องฟังความหมายในคำพูดของหลิ่วจิ้งออก
นางยิ้มอย่างเย่อหยิ่งโน้มตัวลงมาครึ่งหนึ่งเพื่อขยับเข้าใกล้หลิ่วจิ้ง“เ้าเชื่อหรือไม่ว่าบนแผ่นดินนี้นอกจากเราก็ไม่มีผู้ใดอีกแล้วที่สามารถช่วยเ้าออกไปจากที่แห่งนี้ได้ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงเื่คืนอิสรภาพให้แก่เ้าด้วย?”
หลิ่วจิ้งพยักหน้า ไร้ซึ่งแววกังขาใดๆ
หวงฝู่จิ้งแย้มยิ้มอีกหน สมกับเป็องค์หญิงแห่งราชสำนักยามนางขยับมือเท้า ต่อให้เป็เพียงรอยยิ้มบางๆก็ยังคงมีความสูงส่งที่ไม่อาจอธิบายได้ซึ่งมาจากการอบรมสอนสั่งมาเป็อย่างดีนางเอามือซ้ายขึ้นมาแตะริมฝีปากเบาๆ กระซิบว่า “เ้าช่างเป็สตรีที่รู้ใจเราเสียจริงหลายปีมาแล้วที่เราไม่เคยพบผู้ที่ถูกใจเช่นนี้ น่าเสียดายนัก”
“ไม่น่าเสียดายหรอกเพคะ ได้มีโอกาสยลพระสิริโฉมอันแสนงดงามขององค์หญิงก่อนตายก็นับว่าเป็วาสนาของหลิ่วจิ้งแล้วเพคะ”
หลิ่วจิ้งในเวลานี้ไม่ได้ไร้ชีวิตชีวาหรือสลดหดหู่เหมือนตอนที่เพิ่งเข้ามาในคุกอีกแล้วนางยิ้มจนทั้งคิ้วทั้งตาแย้มเป็เส้นโค้งแม้ยังมีฝุ่นดินสีดำเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าหลายแห่งแต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ว่าใบหน้าเดิมของนางนั้นต้องมีความงดงามอยู่หลายส่วนหาไม่แล้วหวงฝู่จิ้งคงจะไม่มีทางเสี่ยงมาหานางเช่นนี้
หวงฝู่จิ้งถูกนางเยินยอจนดีใจยกใหญ่ จึงคร้านจะอ้อมค้อมกับนางอีกแล้วนางเอ่ยไปตรงๆ ว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ ปากของเ้านี่เยินยอคนเก่งนักแต่เราก็ยังชอบลูกไม้นี้ของเ้า” นางเอามือปิดปากหัวเราะดูท่าว่าอารมณ์ดีไม่น้อยเลย “เรามาหาเ้า เพราะ้าจะช่วยเ้าออกไปแต่เ้าก็ควรจะรู้ว่าเราไม่มีทางเสี่ยงภัยท่วมฟ้าเช่นนี้เพื่อช่วยเ้าออกไปเปล่าๆเงื่อนไขแรกในการช่วยเ้า ก็คือให้เ้าไปแต่งงานที่แคว้นชางอี้แทนเรา เ้าว่าอย่างไร?”
แม้จะคาดเดาจุดประสงค์ที่นางมาเอาไว้แล้วแต่เมื่อได้ยินกับหูว่าตนเองจะถูกผู้อื่นนำไปซื้อขายแลกเปลี่ยนประหนึ่งเป็สินค้าหลิ่วจิ้งก็ยังทำใจไม่ให้เ็ปและตื่นตระหนกไม่ได้
ทว่านางกลับไม่ได้แสดงมันออกมาทางสีหน้า เพียงเอ่ยไปเรียบๆ ว่า“ตกลงเพคะ หม่อมฉันยอมรับข้อเสนอขอเพียงท่านสามารถรับประกันความปลอดภัยให้ข้าได้”
ชายชาตรีล้างแค้นสิบปีไม่สาย ‘หวงฝู่หวา’ ข้าขอฝากหนี้ก้อนนี้เอาไว้ก่อนเถิดในวันที่ข้าหลิ่วจิ้งกลับมา ข้าจะให้คนสกุลหวงใช้เืชดใช้หนี้เืนี้!
หวงฝู่จิ้งมองไม่เห็นความเกลียดชังรุนแรงที่ปะทุอยู่ในแววตาของหลิ่วจิ้งนางเพียงแต่สวมหมวกที่มีผ้าคลุมหน้ากลับเข้าไปอย่างมีความสุขลุกขึ้นยืนแล้วสั่งความว่า “ดี เราชอบนิสัยตรงไปตรงมาของเ้าจริงๆ อีกประเดี๋ยวตอนดึกๆ เราจะให้คนไปรับเ้าออกมา จากนั้นก็จะหาคนมาอยู่ตรงนี้แทนเ้าอย่าได้ทำให้เราผิดหวังเป็อันขาด”
“เพคะ”แววตามืดดำของหลิ่วจิ้งจับจ้องไปยังภาพเื้ัของสตรีที่กำลังเดินออกไปนอกห้องขังด้วยท่าทีดีอกดีใจหากคนที่อยู่ข้างหน้าหันหลังกลับมา ก็จะต้องพบว่าแววตาของนางในเวลานี้ทั้งเย็นเยือกและเปี่ยมด้วยความอาฆาตแค้นน่ากลัวเสียจนทำให้ขนพองสยองเกล้าเลยทีเดียว
____________________________
เชิงอรรถ
[1] ไม่ใช่ตระเกียงพร่องน้ำมัน เป็สำนวน หมายถึง มีสติปัญญามีเล่ห์เหลี่ยม จอมแผนการ