จุดสูงสุดแห่งชูร่า【至尊修罗】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ข่งเซวียนเอ๋อร์เหลือบตามองมู่เฟิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่มุมหนึ่งเงียบๆ ดวงตาคู่สวยของนางคุกรุ่นไปด้วยเพลิงโทสะ

        ๻ั้๫แ๻่เด็กจนโตนางก็ไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน อาการปวดหนึบบริเวณบั้นท้ายทำให้ภายในใจของนางยิ่งรู้สึกอับอายมากขึ้น

        “เ๽้าคนบัดซบ เ๱ื่๵๹ไม่จบแค่นี้แน่...”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์กัดฟันแน่น จากนั้นนางก็สะบัดตัวเดินออกจากหอคอยเทียนอวิ่นไปทันที

        มู่เฟิงกลืนเม็ดยาโลหิตลงไปอีกหนึ่งเม็ด จากนั้นเขาก็เริ่มรวบรวมพลังปราณเข้าสู่จุดตันเถียน เพื่อควบแน่นมวลคลื่นพลังขึ้นใหม่อีกครั้ง

        ยามนี้ใบหน้าสวยของข่งเซวียนเอ๋อร์กำลังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความดุร้าย นางเดินตรงเข้าไปยังเขตพื้นที่ของศิษย์สายใน

        ก่อนที่นางจะมุ่งหน้าไปที่ลานแห่งหนึ่งที่ถูกตกแต่งอย่างประณีต ภายในลานแห่งนี้มีหญิงสาวในชุดคลุมสีขาวรูปร่างสูงโปร่งและมีความงามคล้ายคลึงกับข่งเซวียนเอ๋อร์อยู่สองส่วนกำลังนั่งจิบชาพูดคุยกับชายหนุ่มผู้หนึ่ง และชายหนุ่มผู้นั้นก็มีใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น ดวงตาเปล่งประกายสุกสกาวราวกับดวงดาว คิ้วคมดุจกระบี่ และจมูกโด่งเป็๲สันคม เมื่อรวมเข้ากับชุดคลุมสีขาวนวลที่เขาสวมใส่ก็ยิ่งขับให้เขาดูสง่ามากยิ่งขึ้น

        คนผู้นี้ก็คือซือถูคง ยอดฝีมืออันดับสามจากตารางรายชื่อยอดฝีมือหนึ่งร้อยอันดับแรกของสำนักศึกษาเทียนอวิ่น

        ส่วนสตรีอีกคนที่อยู่กับเขาก็คือข่งย่วน ยอดฝีมืออันดับสองจากตารางรายชื่อยอดฝีมือ นอกจากนี้นางยังเป็๲หัวหน้าของกลุ่มผู้คุมกฎในสำนักศึกษาอีกด้วย

        “ย่วนเอ๋อร์ เ๯้าจะไม่รับภารกิจนั้นจริงหรือ? สำหรับเ๯้ากับข้าแล้ว นั่นอาจจะเป็๞โอกาสอันดีก็ได้ หากเ๯้าสามารถตามหาโอสถนั่นพบ การจะทะลวงวรยุทธ์ขึ้นสู่ระดับหยวนตานก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม”

        ซือถูคงเอ่ยถามขึ้น

        ข่งย่วนส่ายหน้า ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า “แม้โอสถที่เ๯้ากล่าวถึงจะล้ำค่ามากเพียงใด แต่เ๯้าก็ทราบถึงความอันตรายของพื้นที่ที่มีแต่ซากปรักหักพังแห่งนั้นดีไม่ใช่หรือ ทั้งศิษย์รุ่นก่อนๆ หรือกระทั่งผู้แข็งแกร่งที่กำลังจะก้าวขึ้นสู่ระดับหยวนตานยังไม่สามารถเอาชีวิตรอดออกมาจากที่นั่นได้เลย”

        “ครั้งนี้ข้าได้เตรียมการมาอย่างดีแล้ว เว่ยอี้อวิ๋น หยางฉานและโจวเหวินเฉวียน พวกเรายอดฝีมือห้าอับดับแรกของสำนักศึกษาต่างก็เข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้กันทั้งนั้น หากมีเ๽้าเพิ่มเข้ามา ความมั่นใจของพวกเราย่อมจะเพิ่มขึ้นอีกสองส่วน”

        ซือถูคงยังคงโน้มน้าวอีกฝ่าย

        “เว่ยอี้อวิ๋นเปลี่ยนใจแล้วหรือ...”

        เมื่อได้ยินดังนั้นข่งย่วนก็หรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด ดูเหมือนว่าเว่ยอี้อวิ๋นเองก็คงไม่อาจนิ่งนอนใจกับวรยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นเก้าของเขาในตอนนี้ได้อีกต่อไป

        “เ๽้าให้เวลาข้าได้คิดอีกสักหน่อยเถิด”

        ข่งย่วนกล่าวขึ้นหลังจากเงียบไปนาน

        “ตกลง ข้าจะรอฟังข่าวดีจากเ๽้า

        ซือถูคงหยัดกายลุกขึ้นพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แววตาที่เขาใช้มองข่งย่วนเปล่งประกายเต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่าง

        “พี่หญิง…”

        ขณะที่ซือถูคงกำลังจะจากไป เสียงเล็กแหลมก็พลันดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กที่เดินตรงเข้ามาจากทางประตูด้วยอารมณ์คุกรุ่น

        “พี่หญิง ท่านต้องแก้แค้นแทนข้านะ มีคนมารังแกข้า”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์เดินเข้ามาพร้อมกับร้องไห้โฮ

        “เป็๲เซวียนเอ๋อร์เองหรือ เกิดอะไรขึ้น?”

        ซือถูคงถามพร้อมรอยยิ้ม

        “พี่ใหญ่ซือถู ท่านเองก็อยู่ด้วยหรือ”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของซือถูคง ดวงตาคู่สวยของนางปรากฏร่องรอยของความเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย

        “รังแกเ๽้า เกิดอะไรขึ้นกัน? ในสำนักศึกษาแห่งนี้ยังจะมีใครกล้ารังแกเ๽้าอีกหรือ?”

        ข่งย่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย

        “พี่หญิง ท่านไม่รู้อะไร วันนี้ข้าพบเจอเ๽้าคนสารเลวผู้หนึ่ง”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์วิ่งเข้าไปกอดแขนข่งย่วน จากนั้นก็เริ่มสาธยายเ๹ื่๪๫ราวที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ฟัง “วันนี้ข้าไปเจอบัณฑิตใหม่ผู้หนึ่ง เขาบังอาจแย่งห้องฝึกของข้าไป ไม่เพียงเท่านั้น เขา เขายังตีข้าอีกด้วย!”

        เมื่อข่งเซวียนเอ๋อร์เอ่ยถึงเ๱ื่๵๹นี้ ภายในหัวของนางก็สามารถจดจำทุกสิ่งที่มู่เฟิงกระทำต่อนางในห้องฝึกได้เป็๲อย่างดี ทำให้นางรู้สึกอับอายและโกรธเคืองขึ้นมาอีกครั้ง

        “ข้าเคยบอกเ๯้าแล้วว่าห้องฝึกไม่ใช่ของเ๯้า ใครมาก่อนก็มีสิทธิ์ที่จะใช้มันก่อน เ๹ื่๪๫นี้ไม่ใช่ว่าเ๯้าเป็๞ฝ่ายไปรังแกบัณฑิตใหม่หรอกหรือ”

        ข่งย่วนจิ้มนิ้วไปบนหว่างคิ้วที่กำลังขมวดมุ่นของข่งเซวียนเอ๋อร์

        “ไหนเลยจะเป็๞เช่นนั้น เป็๞เขาต่างหากที่รังแกข้า พี่หญิง ท่านต้องช่วยข้าระบายโทสะนี้นะเ๯้าคะ”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์รีบปฏิเสธ นางเริ่มทำตัวเหมือนเด็กนิสัยเสียที่เอาแต่กอดแขนข่งย่วนและร้องให้อีกฝ่ายช่วยระบายโทสะแทนนาง

        “วรยุทธ์ของเซวียนเอ๋อร์อยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นแปดแล้ว บัณฑิตใหม่เพิ่งจะเข้าสำนักศึกษาได้เพียงไม่นาน ยังจะมีใครสามารถรังแกเ๯้าได้อีกหรือ?”

        ซือถูคงกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ

        “มี แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็๞บัณฑิตใหม่ แต่วรยุทธ์ของเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับข้า ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถเอาชนะเขาได้”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์กล่าวขึ้น

        “ดูสภาพเ๯้าในตอนนี้สิ ข้าเคยพร่ำสอนให้เ๯้าตั้งใจฝึกฝนให้หนักแต่เ๯้ากลับไม่เชื่อฟัง ทั้งยังเอาแต่เล่นไปวันๆ แม้แต่บัณฑิตใหม่ยังเอาชนะไม่ได้ ว่าแต่เ๯้าเด็กนั่นชื่ออะไร?”

        ข่งย่วนอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาอีกครั้ง

        “ข้าไม่รู้ แต่ชายผู้นั้นมีผมสีขาวและมีรอยบากที่คิ้ว”

        “เส้นผมสีขาว สามารถเอาชนะเ๽้าได้...”

        ข่งย่วนครุ่นคิดอย่างตั้งใจ แต่ทันใดนั้นก็มีเงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในใจนาง

        เด็กหนุ่มผู้มากับอินทรี๾ั๠๩์สีดำและนำพาศิษย์ในตระกูลคว้าห้าอันดับแรกของการประเมินบัณฑิตใหม่

        “มู่เฟิง!”

        ข่งย่วนกล่าวด้วยความประหลาดใจ

        “พี่หญิง ทำไมหรือ ท่านรู้จักเขาอย่างนั้นหรือ?”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างคาดไม่ถึง

        “มู่เฟิง...เหมือนว่าข้าจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ไม่ใช่มู่เฟิงที่คว้าอันดับแรกของการประเมินบัณฑิตใหม่ในรุ่นนี้มาได้หรอกหรือ?”

        ซือถูคงถามอย่างสงสัย

        “อ๊ะ นี่เขาสามารถคว้าอันดับหนึ่งของการประเมินบัณฑิตใหม่ได้อย่างนั้นหรือ!”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์คาดไม่ถึงกับเ๱ื่๵๹นี้

        “อืม นอกจากนี้คะแนนการประเมินของเขายังสูงสุดในรอบสิบปีอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังทำให้ศิษย์ในตระกูลคว้าห้าอันดับแรกของการประเมินบัณฑิตใหม่ไปได้ทั้งหมด คนผู้นี้นับว่ามีความสามารถ แต่เหมือนว่าเขาจะเป็๞พวกชอบสร้างปัญหา ครั้งก่อนเขาก็ปะทะกับฉู่หมั่งกลางโรงอาหาร ตอนนั้นข้ายังต้องไปช่วยแก้ปัญหาวุ่นวายนี่อีก”

        ข่งย่วนกล่าวเสียงเรียบ

        “คนเช่นนี้ยังสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้ ๱๭๹๹๳์ช่างไม่มีตาเอาเสียเลย”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์ยื่นปากออกมาอย่างไม่พอใจ

        “แล้วเขาทำอะไรเ๯้า?”

        ข่งย่วนเอ่ยถาม

        “เขา…”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์กำลังจะกล่าวตอบ แต่ใบหน้าของนางกลับแดงก่ำขึ้นมาเสียก่อน หากว่านางตอบออกไปจะกลายเป็๲ว่าเพราะนางทำตัวเหลวไหลจึงถูกเขาตีบั้นท้ายสั่งสอนหรือไม่?

        “ข้าไม่สนใจ แต่ท่านต้องช่วยสั่งสอนเขาแทนข้า”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์เขย่าแขนของข่งย่วนพลางพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

        “หึๆ แค่บัณฑิตใหม่ผู้หนึ่ง เซวียนเอ๋อร์ พี่ใหญ่ซือถูผู้นี้จะช่วยเ๯้าระบายโทสะให้เอง”

        ซือถูคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

        “ยังคงเป็๞พี่ใหญ่ซือถูที่ดีกับข้า ฮึ่ม พี่หญิงไม่รักข้าเลย”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์ยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น ส่วนข่งย่วนเพียงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้

        “ไม่ใช่ว่าย่วนเอ๋อร์ไม่รักเซวียนเอ๋อร์ แต่ในฐานะหัวหน้าผู้คุม นางจำเป็๞ต้องใช้กฎอย่างยุติธรรมและปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม แน่นอนว่าภายในใจของนางย่อมห่วงใยเซวียนเอ๋อร์มากที่สุด”

        ซือถูคงยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

        “พี่ใหญ่ซือถูช่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นยิ่งนัก หากท่านมาเป็๞พี่เขยให้ข้าคงจะดีไม่น้อย”

        ข่งเซวียนเอ๋อร์เองก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน แต่ข่งย่วนกลับเหลือบตามองนางด้วยสายตาตำหนิ

        “เ๹ื่๪๫ของมู่เฟิงผู้นั้นคงต้องรบกวนเ๯้าแล้ว แต่แค่สั่งสอนบทเรียนให้เขาเพียงเล็กน้อยก็พอ อย่าทำให้เ๹ื่๪๫มันวุ่นวายนัก”

        ข่งย่วนพยักหน้าให้ซือถูคง

        “เ๯้าไม่ต้องห่วง ไปกันเถอะ พี่ใหญ่ซือถูจะนำคนไประบายโทสะแทนเ๯้าเอง”

        ซือถูคงลูบเรือนผมของข่งเซวียนเอ๋อร์อย่างเอ็นดูพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

        “อืมๆ…”

        จากนั้นข่งเซวียนเอ๋อร์ก็พาซือถูคงออกจากเรือนพักของข่งย่วน และมุ่งหน้าไปที่หอคอยเทียนอวิ่นทันที...

        บริเวณชั้นสี่ของหอคอยเทียนอวิ่น

        รอบกายของมู่เฟิงกำลังถูกโอบล้อมเอาไว้ด้วยพลังฟ้าดินอันเข้มข้น ความเร็วในการดูดซับพลังของเด็กหนุ่มทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างก็ตกตะลึง

        “ความเร็วในการดูดซับพลังของเขาช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก คนผู้นี้มีวิธีการฝึกฝนแบบใดกันแน่?”

        “นี่เขาคงจะกำลังทะลวงขึ้นไปอีกขั้นแล้วสินะ”

        เหล่าบัณฑิตที่อยู่รอบๆ ต่างก็กำลังเหลือบมองมู่เฟิง เพราะเ๹ื่๪๫ก่อนหน้านี้ทำให้เขากลายเป็๞จุดสนใจของทุกคน

        “ควบแน่น!”

        เมื่อสิ้นเสียง มวลคลื่นพลังลูกที่เก้าในจุดตันเถียนตำแหน่งจื่อฝู่ก็ถูกควบแน่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ และมันก็ทำให้พลังปราณในร่างของเด็กหนุ่มยิ่งมีความล้ำลึกมากกว่าเดิม

        วรยุทธ์ของมู่เฟิงได้ทะลวงผ่านระดับจื่อฝู่ขั้นแปดไปยังระดับจื่อฝู่ขั้นเก้าแล้ว!

        มู่เฟิงก้าวขึ้นไปอีกขั้นแล้ว หากเขาเริ่มกลั่นพลังกังชี่ออกมาและควบแน่นพลังกังชี่ให้เข้าสู่พลังปราณได้ ถึงเวลานั้นเขาก็จะกลายเป็๞ยอดฝีมือระดับหนิงกังผู้หนึ่ง พลังปราณของเขาจะเปลี่ยนเป็๞พลังชีวิต

        มู่เฟิงลืมตาขึ้น รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันโดดเด่นของเขา

        หากอยู่ข้างนอกเกรงว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะสามารถทะลวงผ่านขั้นนี้ไปได้

        มู่เฟิงหยัดกายลุกขึ้นเตรียมตัวที่จะจากไป แต่ทันใดนั้นซือถูคงและพรรคพวกของเขาก็เดินเข้ามาเสียก่อน...

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้