เย่เฟิงเข้าใจกระจ่าง ซ่งหู่กล้าทรยศพวกเขาแสดงว่าต้องมีผู้อยู่เื้ัแน่นอน อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้เฒ่าตระกูลหลินแล้ว แต่ที่กล้าทำอย่างนี้ย่อมแสดงว่าอีกฝ่ายก็มีอำนาจและอิทธิพลเทียบเท่าตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงเช่นกัน!
ตระกูลหลินเป็ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเยี่ยนจิง แต่หากพูดกันตามตรงตระกูลหลินไม่ใช่ตระกูลเดียวที่ครองอำนาจในเมืองเยี่ยนจิง ยังมีอีกหลายอิทธิพลที่คอยคานอำนาจกัน เช่นโหมวเจิ้นเฉียงที่เป็ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจ ตระกูลของเขาเป็หนึ่งในสี่ตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองเยี่ยนจิงเช่นกัน และตระกูลหลินก็แข็งแกร่งเหนือกว่าอีกสามตระกูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เย่เฟิงเดาได้เลยว่าเื้ัของเหล่าตระกูลใหญ่ล้วนมีเงาของคนในยุทธจักรอยู่เื้ั เช่นตระกูลหลงที่อยู่เื้ัตระกูลโหมว ตระกูลเย่ที่มีตระกูลหลินคอยหนุนหลัง แน่นอนว่าแม้ตระกูลเย่ในตอนนี้เหลือเพียงผู้เฒ่าเย่เวิ่นเทียนแค่คนเดียว เื้ัของตระกูลหลินย่อมมีแรงสนับสนุนจากคนอื่นๆ ในยุทธจักร
การประลองสติปัญญาของคนในโลกปกติก็สามารถนำความมั่งคั่งมาให้คนในยุทธจักรได้ พวกเขาจึงจำเป็ต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลในโลกปกติเพื่อให้ได้รับสิ่งที่้า เช่นผู้เฒ่าหลินที่มีบุคคลลึกลับฝีมือสูงส่งคอยคุ้มครอง แม้แต่นักแม่นปืนยอดฝีมือยังทำอะไรเขาไม่ได้
“ลูกพี่เย่ ถ้าไม่รีบกลับไปล่ะก็ เกรงว่าพี่สะใภ้เย่จะมีอันตรายได้” เตาปาลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยเตือน “ซ่งหู่มีหลานชายชื่อซ่งเทียนอิงที่เคยทะเลาะกับพี่เย่และพี่สะใภ้เย่บนรถไฟ บางทีพี่สะใภ้เย่...”
“ตอนนี้สถานการณ์เป็ยังไงบ้าง?” เย่เฟิงถาม
“คนสนิทที่ไว้ใจได้ของผมคอยดูแลพี่สะใภ้เย่ชั่วคราวครับ เพียงแต่หากซ่งหู่ร่วมมือกับแก๊งัดำ ผมเกรงว่าจะต้านไว้ไม่ไหว” เตาปาอธิบาย
เย่เฟิงถอนหายใจโล่งอก “งั้นก็ดี นายไปซื้อชุดใหม่ให้ฉันแล้วมารับฉันที่หมู่บ้านหนานกัง เมืองเป่าซาน ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี”
ในที่สุดเย่เฟิงก็ตัดสินใจสอนวรยุทธ์ให้เตาปา ไม่แน่ว่าเขาอาจเป็ผู้ช่วยมือดีของตนในอนาคตก็ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาความสามารถของเตาปาที่แสดงให้เห็นทำให้เย่เฟิงพอใจมาก เขาทำงานดีและในช่วยสร้างรากฐานให้แก๊งอสรพิษ์ไม่น้อย อีกทั้งมีคนสนิทที่ไว้ใจได้ในแก๊งอีกหลายคน ต่อไปไม่ว่าเย่เฟิง้าพลิกแผ่นดินตามหาซูเฟยหยิ่งหรือปกป้องคนของตัวเอง ก็จำเป็ต้องมีอิทธิพลเป็ของตัวเอง การหวังพึ่งคนอื่นคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไร
เมื่อวางสาย เย่เฟิงก็โทรหาซูเมิ่งหาน หลังจากเข้าไปในูเาก่อนหน้านี้ โทรศัพท์มือถือของเย่เฟิงก็ไม่มีสัญญาณเลย อีกทั้งต้องดำน้ำหลายครั้งจนโทรศัพท์พัง จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งมีโอกาสติดต่อซูเมิ่งหาน เขาไม่มีหนทางติดต่อกับเธอจริงๆ
ส่วนการตามหาซูเฟยหยิ่งจำต้องหยุดลงชั่วคราวก่อน ครึ่งเดือนที่ผ่านมานอกจากสัญลักษณ์ดาวเจ็ดแฉกที่บังเอิญเห็นในสุสานโบราณก็ไม่พบเบาะแสอย่างอื่นอีก ราวกับว่าซูเฟยหยิ่งอยู่ในสุสานโบราณเพียงไม่นานก็ไปจากที่นี่อย่างไร้ร่องรอย
ไม่นานนักซูเมิ่งหานก็รับสาย
“ฮัลโหล?” เสียงนุ่มนวลของหญิงสาวในความทรงจำดังขึ้นทำให้เย่เฟิงโล่งใจกว่าเดิม
ค่อยยังชั่ว ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว เมิ่งหานตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” เย่เฟิงถาม
“วันนี้วันหยุดฉันก็อยู่บ้านน่ะสิ... เออจริงสิ หลายวันมานี้คนจากแก๊งอสรพิษ์วนเวียนอยู่ข้างนอกหมู่บ้าน พวกเขามาทำไมเหรอ?”ซูเมิ่งหานถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“พวกเขาคอยคุ้มกันเธอน่ะ” เย่เฟิงอธิบายก่อนกล่าวต่อ “จริงสิ คืนนี้ฉันจะกลับบ้านนะ จำไว้ว่าหากฉันยังไม่ถึงบ้านเธอห้ามออกนอกวิลล่าเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“ทำไมล่ะ? จะมีอันตรายเหรอ?” ซูเมิ่งหานใ ทว่าไม่กังวลมากนัก เพราะตอนนี้ความสนใจของเธออยู่ที่เย่เฟิง “ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน? กลับมาคืนนี้ใช่ไหม? นายนี่เรียนไม่ได้เื่เลยจริงๆ สอบครั้งที่แล้วนายได้อันดับที่หนึ่งแต่นับจากสุดท้ายนะ...”
เย่เฟิงรู้สึกพูดไม่ออก ทำไมเวลานี้ถึงยังพูดเื่สอบได้ล่ะ? เพียงแต่คะแนนอันดับที่หนึ่งจากล่างสุดถือเป็เื่ล้มเหลวที่สุดในประวัติของเขาแล้ว...
“เหอะๆ วางใจเถอะ ฉันจะตั้งใจอ่านหนังสือก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจริงๆ เชื่อฉันนะ” เย่เฟิงกล่าวเพิ่มเติมสองสามประโยค ก่อนย้ำไม่ให้เธอออกนอกวิลล่า เพราะหากเธอบังเอิญเจออันตรายก็ให้วิ่งไปที่ห้องอื่นภายในบ้าน หรือไม่ก็อาจเรียกเย่เวิ่นเทียนให้ออกมาช่วยได้ หากเป็แบบนั้นก็ไม่มีอันตรายอะไรแล้ว หลังจากเตือนเธอไปหลายรอบเย่เฟิงก็วางสาย
เย่เฟิงได้ยินเสียงร้องโอดครวญจากอันธพาลสี่คนที่อยู่ด้านข้าง ยิ่งทำให้หงุดหงิดมากขึ้น จนหันไปเตะพวกนั้นจนสลบไปทั้งหมด ใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า มีชาวบ้านมุงดู เขาจึงไม่ฆ่าพวกมันเพราะไม่จำเป็ต้องทำให้เื่ยุ่งยาก
ไม่เหมือนสถานการณ์ขณะอยู่ที่หุบเขาโล่งกว้าง ตอนนั้นเขาอยากฆ่าก็ฆ่า ไม่ว่าจะเป็หลี่จวิ้นหลง ลัวลี่ ลัวเหลย และหลงเสียนต่างก็ถูกฆ่าตายด้วยฝีมือชายสวมหน้ากากโม่จิ่วเกอ และมันไม่เกี่ยวข้องกับเย่เฟิงเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่เขายืนรออยู่ริมถนนก็ปล่อยให้อันธพาลทั้งสี่คนนอนสลบเหมือด ไม่นานนักก็มีรถตู้ขนาดกลางเข้ามาในหมู่บ้าน
เย่เฟิงเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่าเป็กลุ่มคนที่มาจากเมืองเป่าซาน พวกเขาคงมาแก้แค้นแทนอันธพาลทั้งสี่คนนี้ ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ไม่รอให้อีกฝ่ายลงจากรถก็ก้าวเท้าเข้าไปหา เพียงพริบตาก็ยืนอยู่ข้างรถตู้คันนี้เสียแล้ว
ผู้ที่นั่งข้างคนขับเป็ชายร่างอ้วนพุงพลุ้ย เขาปาดผมด้วยเจล แต่งกายด้วยชุดสูทเรียบร้อย สวมแว่นตาสีเงิน ดูคล้ายคนในยุคก่อน เมื่อเห็นเย่เฟิงปรากฏตัวข้างประตูรถอย่างฉับพลันก็คิดว่าตัวเองตาฝาดแล้วขยี้ตามอง
“ออกมาหาฉัน” เย่เฟิงี้เีพูดจาไร้สาระจึงเปิดประตูรถดึงชายอ้วนออกมา “แกเป็ลูกพี่ใหญ่ของไอ้อันธพาลพวกนี้ใช่ไหม? ลูกพี่ใหญ่แก๊งเป่าซาน?”
“ฉัน ฉันเป็...” ความน่าเกรงขามของเย่เฟิงทำให้ชายอ้วนคนนี้ขวัญหนีดีฝ่อ
คนพวกนี้เป็เพียงแก๊งอันธพาลเล็กๆ ตามเขตชนบทที่มีผู้อาศัยแค่หลักร้อย พวกมันทำธุรกิจเก็บค่าคุ้มครองเช่นเดียวกับสี่คนนี้ที่ใช้มีดเพื่อปล้นชิงและฆ่าคน แต่ก็ถึงคราวซวยเพราะถูกไข่มุกราตรีดึงดูดจนคิดแย่งชิง เย่เฟิงจึงต้องปล่อยหมัดส่งไปให้แทน
ลูกพี่ใหญ่ของแก๊งเป่าซานคนนี้ อย่างดีก็เป็ได้แค่คนอ้วนที่มีตำแหน่งเป็หัวหน้าแก๊งเล็กๆ ไหนเลยจะเทียบกับเตาปาผู้เป็หัวหน้าแก๊งอิทธิพลมืดขนาดใหญ่ที่ผ่านสมรภูมิเืมานักต่อนักได้
“ฉันพูดกับนายตามตรงนะ อย่ากวนโมโหฉัน” เย่เฟิงเตือน “ถ้ายังไม่อยากตาย ก็อยู่นิ่งๆ ไปซะ”
ชายร่างอ้วนถูกเขาจับคอเสื้อก็พยายามขัดขืนสุดแรงจนใบหน้าแดงก่ำ ทว่าไม่สามารถหลุดจากมือของเย่เฟิงได้ กลุ่มวัยรุ่นที่พึ่งลงจากรถตู้ได้ไม่นานเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่กล้าลงมือผลีผลาม
เย่เฟิงมองกลุ่มคนเหล่านี้พลางยิ้มเยาะในใจ เมื่อเทียบกับคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของแก๊งอสรพิษ์แล้วกลุ่มคนพวกนี้ก็เป็เพียงพวกอันธพาลกระจอกๆ เท่านั้น
ลูกน้องระดับเหรียญทองของแก๊งอสรพิษ์เพียงคนเดียวก็จัดการกลุ่มคนเหล่านี้ได้ถึงสี่ห้าคนอย่างไม่เป็ปัญหา
วัยรุ่นสองสามคนที่ลงจากรถต่างจ้องเย่เฟิง พวกเขาพยายามข่มขู่ให้ชายหนุ่มปล่อยตัวชายร่างอ้วนพลางหาโอกาสช่วยผู้เป็นาย
แต่น่าเสียดาย คนอย่างเย่เฟิงจะมีช่องโหว่ให้พวกเขาลงมือได้อย่างไร? เขายิ้มเยาะขณะจับตัวชายร่างอ้วนด้วยท่าทีสบายๆ แม้จะดูเหมือนจับเป็ตัวประกัน ทว่าความเป็จริงเขาเพียงี้เีลงมือเท่านั้น
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านต่างตกตะลึง เด็กหนุ่มคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน กระทั่งลูกพี่ใหญ่แก๊งเป่าซานยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ตกลงว่าเขาเป็ใครกันแน่?
เมื่อเหตุการณ์มาถึงจุดที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ไม่นานเตาปาก็ขับรถฮัมเมอร์พุ่งเข้ามาอย่างอุกอาจ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้