หนึ่งเดือนผ่านไปเป้าหมายเดิมที่ฉินโจ้วตั้งไว้ก็ยังไม่สำเร็จลุล่วงดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นจะมีความลึกลับและลึกซึ้งมากกว่าที่ฉินโจ้วจะจินตนาการได้ในความเป็จริงแล้ว ถ้าคิดอย่างรอบคอบก็จะพอเข้าใจได้พระในวัดเส้าหลินเองก็ไม่ได้มีสติปัญญาที่โดดเด่น ยังสามารถฝึกทักษะภายนอกได้ดีแต่ก็ยังมีบางรูปสามารถเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ผ่านมาพันปีเพิ่งจะมีไม่กี่คน ทำให้มันเป็เื่ปกติที่จะต้องฝึกฝนได้ยากถ้าฝึกฝนได้ง่ายสินั่นถึงเป็ปัญหา
ยาที่เป็วัตถุดิบที่เก็บไว้ก็หมดลงแล้วฉินโจ้วก็ใช้จ่ายไปไม่ต่ำกว่า 100,000 เหรียญทอง ในการซื้อวัตถุดิบตัวยาทั้งหลายและตัวยาที่เป็วัตถุดิบในปัจจุบันนี้ราคาก็ไม่ได้ถูกเหมือนตอนที่เริ่มเกมใหม่ๆเวลานี้ราคาของตัวยาแพงขึ้นมากกว่า 10 เท่า และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุด
"ย่ำหิมะไร้รอย"ตอนนี้อยู่ที่ระดับ 45ถึงแม้ว่าเขานั้นยังไม่สามารถเดินบนหิมะจริงได้อย่างไร้ร่องรอยแต่ว่ามันก็เร็วกว่าแต่ก่อนราวสิบเท่าแล้ว ยังคงไวกว่าม้าทั่วไปอยู่พอสมควรถึงแม้ว่าจะเอาไปเปรียบเทียบกับ BMW ในตำนานไม่ได้ก็ตาม
แม้ว่าเขาฝึกเคล็ดวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นยังไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้แต่ตัวยาที่ใช้ไปเป็จำนวนมากมายนั้นก็เห็นผลได้อย่างชัดเจนมากกล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรงขึ้นคล้ายกับเหล็กกล้า ทั้งแข็งแรงและยืดหยุ่นเขาลองใช้มีดสั้นเหล็กดำกรีดไปตามร่างกาย ก็ปรากฏไว้แค่รอยจางสีขาวเท่านั้นอาวุธขนาดเล็กคงยากที่จะทำให้เขาเกิดาแแล้ว
เมื่อเขาออกจากเกมน้ำหนักของฉินโจ้วอยู่ที่ 185 จิน (92.5 kg.) ดูเหมือนว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอีก55 จิน (27.5 kg.) นั้นขึ้นมาหลังจากที่เขาเริ่มฝึกเคล็ดวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นเพียงแต่เขาไม่ได้เคยสังเกต
การออกกำลังกายใน่เช้าฉินโจ้วได้ลองทดสอบกำปั้นของเขากับก้อนอิฐ เขาสามารถทุบทำลายอิฐเป็ชิ้นๆได้ในครั้งเดียว แต่ยังได้ผลไม่ดีนักเมื่อลองต่อยเข้ากับแผ่นเหล็กกล้าแม้กำปั้นของเขาก็ไม่ได้รู้สึกเ็ปแม้แต่น้อย มันดูคล้ายกับพลังมนุษย์ทองคำ แน่นอนว่ามันยังห่างไกลจากมนุษย์ทองคำอีกมากและถึงจะยังห่างไกลจากร่างกายของคิงคอง แต่มันก็ยังดูทรงพลังอยู่ดีอย่างน้อยก็สามารถจัดการกับนักเลงทั่วไป 3-5 คน ได้อย่างไม่มีปัญหา
ใน่เดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเกิดขึ้นในเขตเหยียนหวงอย่างรวดเร็วจนทำให้ผู้คนนั้นเตรียมตัวไม่ทัน
อันดับแรกคือการก่อสร้างเมืองมีผลกระทบกับอาชีพนักขุดแร่ ในเวลานี้ นักขุดแร่ไม่ได้ขุดแร่แล้วแต่กลับเปลี่ยนไปขุดหินแข็งเช่นแกรนิตหรือหินเหล็กเงินต่อมาก็มีผู้เล่นอาชีพสายก่อสร้างเกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีใครคิดว่าจะมีภารกิจตราคำสั่งสร้างเมืองขึ้นทำให้มีผู้เล่นที่ฝึกฝนอาชีพก่อสร้างอยู่ไม่มาก ใน่เวลาอันสั้นความ้าของตลาดมีมากกว่าจำนวนคนที่มีอยู่ผู้เล่นที่มีอาชีพก่อสร้างนั้นเป็ที่้าเป็อย่างมากและทำให้เป็อาชีพที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
การก่อสร้างเมืองนั้นทำให้อาชีพที่เกี่ยวข้องเช่น ช่างตัดไม้ ช่างเย็บเสื้อ พ่อครัว ช่างไม้ และอาชีพอื่นๆได้รับการยกระดับขึ้นกลายเป็อุตสาหกรรมที่โดดเด่น และผู้เล่นสายสร้างในที่สุดก็ได้พบกับวันที่ชีวิตสดใสเสียที ถึงแม้ว่าระดับเลเวลอาจจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจนนักแต่ความมั่งคั่งร่ำรวยเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าอัศจรรย์ลองดูช่างตัดไม้ที่ปกติจะได้รับเงินเพียง 5-6 เหรียญเงินแต่มาวันนี้เขาสามารถทำเงินได้ 5-6 เหรียญทองเลยทีเดียวภายใต้ผลกระทบของบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟ็กต์ (เด็ดดอกไม้ะเืถึงดวงดาว) ทำให้ความมั่งคั่งของผู้เล่นเพิ่มขึ้นอย่างเป็ลำดับ
มีผู้เล่นอยู่คนหนึ่งที่ได้พบกับโชคดีอย่างพิเศษสุดผู้เล่นคนนี้ชื่อว่า ''ไวอากร้าไม่ใช่ยา'' เขามีอาชีพเป็คนเก็บสมุนไพร มีอยู่วันหนึ่งเขาออกไปเก็บหญ้าใบเจ็ดแฉกในขณะที่กำลังปีนูเาสูงที่ความสูงประมาณ 3,000 เมตร ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งความคล่องแคล่ว และด้วยใจที่ยึดมั่นไม่ยอมแพ้ พร้อมกับจอบขุดแร่แต่สถานการณ์เบื้องล่างทำให้เขาต้องตะลึง เขาจึงปีนขึ้นไปต่อและน่าเสียดายที่คนคนนี้ขาดประสบการณ์ในการปีนหน้าผาหิน เมื่อเข้าใกล้สมุนไพรเขากลับอยู่ในท่าที่ไม่ถนัดเมื่อจะเอื้อมเก็บสมุนไพร ผลก็คือเขาเกิดอุบัติเหตุลื่นตกลงมาจากหน้าผาได้ยินเพียงเสียงร้องอย่างหวาดกลัว เสียงก้องสะท้อนไปมาระหว่างหุบเขา
จุดเปลี่ยนของเื่ราวอยู่ที่นี่''ไวอากร้าไม่ใช่ยา'' ในขณะที่กำลังหล่นไม่รู้ว่าพลิกไปพลิกมากี่ตลบในขณะที่ไม่รู้ว่าทิศไหนหัวไหนเท้า สิ่งที่น่ายินดีก็คือ เขายังคงจับจอบที่มีราคาแค่7 เหรียญเงินไว้อย่างเหนียวแน่น
ในเวลานั้นด้านล่างหุบเขามีบอสงูเขียวมงกุฎทองคำกำลังนอนอาบแดดอยู่อย่างสบายใจเป็เวลาเที่ยงวัน แสงแดดกำลังอบอุ่นที่สุดเลยไม่ได้คาดคิดว่าจะมีอันตรายมาจากท้องฟ้า บางสิ่งที่อยู่ในมือของไวอากร้าไม่ใช่ยากระแทกเข้ากับงูแรงกระแทกอย่างรุนแรงตกกระทบใส่หัวของบอสงูเขียวมงกุฎทองคำจนทำให้หัวแบะออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยดูเหมือนโชคร้ายคราวนี้จะเป็ของบอสงูเขียวมงกุฎทองคำที่ต้องตายไปโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่แน่นอนว่าไวอากร้าไม่ใช่ยาก็มีสภาพที่ไม่ต่างจากโคลนกองหนึ่งที่ไม่สามารถตายได้มากกว่านี้อีกแล้ว
หลังจากที่ระบบตัดสินว่าจอบของไวอากร้าไม่ใช่ยากระทบถูกหัวของบอสงูเขียวมงกุฎทองคำ นั่นก็หมายถึงว่าบอสงูเขียวมงกุฎทองคำตายก่อนที่พลังชีวิตไวอากร้าจะเหลือ 0 เพียงเสี้ยววินาทีสุดท้ายก็ตัดสินว่า ไวอากร้าไม่ใช่ยา จัดการบอสระดับ 40 ได้สำเร็จและได้เพิ่มระดับขึ้นอีก 5 เลเวล
เนื่องจากไวอากร้าไม่ใช่ยาระดับเลเวลไม่ถึง20 ดังนั้นถึงจะเสียชีวิตระดับก็ไม่ลดลง แต่กลับกันกลับเพิ่มระดับขึ้นถึงเลเวล 24และบอสงูเขียวมงกุฎทองคำก็ตายลงอย่างไม่ยุติธรรม และเต็มไปด้วยความเศร้าก่อนจะดรอปตราคำสั่งสร้างเมืองออกมา
ไวอากร้าไม่ใช่ยาได้เพิ่มระดับขึ้นอีก4 เลเวล และแถมยังได้รับตราคำสั่งสร้างเมืองอีกในขณะเดียวกันเมื่อเื่นี้แพร่กระจายออกไปก็กลายเป็สัญลักษณ์ของเด็กที่โชคดีชั่วขณะ ผู้เล่นจำนวนมากเรียกว่า เขาโชคขี้หมาแน่นอนว่าผู้เล่นพวกนี้ก็เป็พวกองุ่นเปรี้ยวหลังจากนั้นไวอากร้าไม่ใช่ยาก็ส่งตราคำสั่งสร้างเมืองเข้าประมูลที่งานประมูลฉินหวังในที่สุดก็ประมูลไปที่ราคา 3 ล้านเหรียญทองทำให้ไวอากร้าไม่ใช่ยาเปลี่ยนจากลูกจ้างบริษัทเล็กๆ ที่มีเงินเดือนเพียง 2,600หยวน กลายเป็เศรษฐีพันล้านที่มีทรัพย์สิน 3 พันล้านหยวน ซึ่งเหมือนฝันไป
อีกคนหนึ่งที่ได้ตราคำสั่งสร้างเมืองอย่างกะทันหันก็คือคนตระกูลหยก ตั้งตามชื่อ เป็ตระกูลที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องประดับหลังจากนั้นตระกูลหยกก็ก่อตั้งเมืองแกะขึ้นมา
หลังจากก่อตั้งเมืองแกะได้ไม่นานก็มีคนพบบอสปีศาจออร์ค ระดับ 42 ในดินแดนทุรกันดาร ตระกูลผู้นำด้านการบินตระกูลดวงดาว และตระกูลบาคาร่า รวม 3 ตระกูล กับกิลด์ต้นไม้ทงเทียนรวมกลุ่มกันเพื่อสู้กับบอสหลังจากผ่านไปหนึ่งวันกับหนึ่งคืนของการต่อสู้ที่ดุเดือด กิลด์ต้นไม้ทงเทียนได้เฉือนชนะตระกูลอื่นไปอย่างเฉียดฉิวและได้รับตราคำสั่งสร้างเมืองมาในที่สุด ก่อนจะก่อตั้งเมืองลิงขึ้น
มีข่าวลือมาว่ามีผู้เล่นไม่ต่ำกว่า 90,000 คน ที่เข้าร่วมในาครั้งนี้และมีผู้เล่นที่ถูกลดระดับลงราว 80,000 คนเลยทีเดียวาครั้งนี้กลายเป็การต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดและยาวนานที่สุดั้แ่มีการต่อสู้เกิดขึ้นในเขตเหยียนหวง และได้ถูกจัดอันดับไว้อยู่ในรายชื่อาระดับต้นๆอีกด้วย
ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเองได้มีกองกำลังที่แข็งแกร่งปรากฏขึ้นมาให้เห็น เป็กลุ่มทหารม้า 5,100 คนไล่กวาดล้าง มอนสเตอร์ระดับต่ำกว่า 40 ในทุ่งราบทะเลทราย การที่มีทหารม้าจำนวน5,100 นาย ปรากฏขึ้นมานั้นเป็สิ่งที่น่าใเป็อย่างยิ่งการจัดแถวเป็ระเบียบเรียบร้อย สายตาเ็าและเต็มไปด้วยความดุร้ายท่าทางที่เ็าให้ความรู้สึกราวกับคมดาบเมื่อต้องเผชิญหน้าทำให้รู้สึกราวกับว่าไม่มีอะไรที่พวกเขาทำลายไม่ได้
ทหารม้า5,100 นาย ซึ่งเป็จำนวนที่มากที่สุดในขณะนี้ และเป็ทหารม้าที่ทรงพลังมากที่สุดพวกเขาก็คือ ''ปราสาทแห่งความมืด'' ถึงแม้จะทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกประหลาดใจแต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่านี่เป็กองกำลังที่แข็งแกร่งมาก
การปรากฏตัวของทหารม้า5,100 นายนั้น เป็สัญญาณการประกาศเปิดตัวของปราสาทแห่งความมืด ถึงแม้ว่าการมาจะทำให้ตกตะลึงอยู่บ้างผู้คนทั่วไปต่างรับรู้ได้ถึงความร้ายกาจ หลังจากนั้นปราสาทแห่งความมืดจึงประกาศก่อตั้งเมืองขึ้น ชื่อว่า ''เมืองไก่''
ถึงแม้ว่าปราสาทแห่งความมืดนั้นจะแข็งแกร่งแต่หลังจากที่เขาได้รับตราคำสั่งสร้างเมืองมา ก็ทำให้โลกต้องตกตะลึงจนถึงกับพูดไม่ออก
หลังจากที่มีธนาคารฉินหวังก็มีธนาคารแห่งที่สองเกิดขึ้นตามมา นั่นก็คือ ธนาคารทองคำ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองหนูในวันที่เปิดงานของกลุ่มธนาคารทองคำ มีผู้นำกิลด์ต่างๆ ให้การสนับสนุนถึงแม้ว่าไม่ได้มาเองก็ส่งตัวแทนมาร่วมงาน เพื่อให้เป็ที่สนใจการเกิดขึ้นมาของธนาคารทองคำเหมือนจะทำให้ทุกอย่างปั่นป่วนหรือจะเรียกอดีตศัตรูว่าเป็เพื่อนร่วมอาชีพก็ได้สำหรับเื่นี้นั้นเนื่องจากซูหลิงและหวังโหรวกำลังยุ่งเกินกว่าจะจัดการได้
หลังจากนั้นอีกไม่นานสามกิลด์สุดท้ายก็เผยโฉมออกมาให้คนทั่วไปได้รู้ ก็มีกลุ่มดอกไม้ร่วงโรยกลีบดอกไม้เจ็ดสี และเผ่าหมาป่าอเวจี จนถึงตอนนี้มีตราคำสั่งสร้างเมืองเพียง 10ชิ้น ในเขตเหยียนหวง ซึ่งถูกเจ็ดกิลด์ประกาศใช้ไปแล้วส่วนอีกสามกิลด์ยังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืดจนกระทั่งบัดนี้คนส่วนใหญ่ยังคงรู้เพียงแค่ชื่อเท่านั้น ส่วนเื่ที่ว่าหัวหน้ากิลด์คือใคร มีสมาชิกเป็ใครบ้าง มีจำนวนคนอยู่เท่าไร ยังคงไม่มีใครรู้ทั้งหมดนี้ยังไม่มีใครได้รู้ ซึ่งทำให้ทั้งสามกิลด์นี้ดูลึกลับมากขึ้น
เวลาไหลเรื่อยไปไม่เคยหยุดราวกับสายน้ำครึ่งเดือนได้ผ่านเลยไป ในขณะที่หลั๋วอีอีกำลังปรุงยาอยู่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากห้องของฉินโจ้วสมาธิของเธอถูกรบกวนไปชั่วขณะ ก่อนที่ยาที่กำลังปรุงอยู่ก็พลันล้มเหลว
หลั๋วอีอีรู้สึกผิดเล็กน้อยนี่ก็เป็เงินทั้งนั้น ก่อนที่ฉินโจ้วจะผลักประตูออกมาหลั๋วอีอีชำเลืองมองและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะลึงงันรู้สึกเหมือนว่าฉินโจ้วมีความเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเมื่อวานรู้สึกว่ามีความแตกต่าง แต่บอกไม่ได้ว่าต่างกันอย่างไร หน้าตายังคงดูเหมือนแต่ก่อนแต่รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป แต่ไม่สามารถแยกออกด้วยสายตาได้ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเปลี่ยนจากภายใน ซึ่งน่าจะมีผลกระทบโดยตรงกับจิตใจ
ฉินโจ้วไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ที่ไหนบนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม รู้สึกเหมือนมีสายลมอุ่นแผ่กระจายออกมาจากรอยยิ้มทำให้รู้สึกอบอุ่นทำให้หลั๋วอีอีเหมือนจะเห็นภาพลวงตา โดยที่จุดสนใจอยู่ที่ฉินโจ้วที่อยู่ในห้อง
"ผลการฝึกเป็อย่างไรบ้าง?"หลังจากที่ถาม หลั๋วอีอีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่จำเป็ต้องถาม
ฉินโจ้วพยักหน้าแทนคำตอบ
"ยินดีด้วยนะ"หลั๋วอีอีนั้นรู้สึกยินดีที่ทำสำเร็จ
"ต้องขอบคุณคุณด้วยถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ ผมคงไม่สามารถฝึกได้ภายในหนึ่งปีครึ่ง"ฉินโจ้วรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ ถึงแม้ว่าจะเป็ความสำเร็จเล็กๆแต่สำหรับบางคนนั้นเกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้ใน่ชีวิตของพวกเขา
"ยินดีด้วยค่ะหัวหน้า"กลุ่มนกขมิ้นพูดขึ้นพร้อมกัน โดยมีเด็กผู้หญิงยืนอยู่รอบๆมากกว่าสิบคนในฐานะพนักงานพวกเขารู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับเื่นี้ว่าฉินโจ้วกำลังฝึกฝนทักษะเวทที่ทรงพลังสำหรับความแข็งแกร่งของมันนั้นยังไม่ค่อยชัดเจน แต่เมื่อมองดูสมุนไพรหลายร้อยล้านรายการที่ใช้พวกเธอเดาได้ว่ามันน่าจะทรงพลังมาก
ฉินโจ้วรู้สึกใไปชั่วขณะยกเว้นเพื่อนร่วมห้องทั้งสามของหลั๋วอีอี พวกเธอส่วนใหญ่ล้วนแปลกหน้าแต่เมื่อเขาออกจากการทำสมาธิ หลั๋วอีอีบอกกับเขาว่าเพื่อทำให้ร้านขายยาเดินหน้าต่อไป และสามารถทำรายได้ให้ฉินโจ้วมากขึ้นหลั๋วอีอีกับพี่น้องทั้งสามของเธอจึงรับสมาชิกเข้ามาเพิ่มล้วนเป็คนที่มีความสามารถดีเยี่ยมและที่สำคัญพวกเธอนั้นรู้จักซึ่งกันและกันเป็อย่างดี จึงเชื่อถือและ ไว้วางใจได้
มีสมาชิกใหม่ทั้งหมด16 คน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเคยได้พบฉินโจ้วแล้วแต่ทุกครั้งเขาจะมาและกลับไปอย่างรีบร้อน ทำให้ไม่เคยได้คุยกันเลย ซึ่งในตอนนี้ฉินโจ้วใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนทำให้เวลามองผู้คนนั้นไม่แตกต่างอะไรกับการมองดอกไม้ริมข้างทางเป็แค่เพียงการมองเห็น แต่ไม่ได้รู้สึกนึกคิดแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากที่ได้รับรู้แล้วทุกสิ่งที่เหลือก็ไม่ต่างอะไรกับเมฆที่ลอยอยู่
พนักงานเหล่านี้ได้ทำงานมาระยะหนึ่งแล้วการได้พบกับฉินโจ้วนั้นไม่ใช่เื่ยาก แต่พวกเขาต่างยังไม่เคยได้พูดคุยกันเลยทำให้การแสดงความยินดีกลายเป็การแนะนำตัวไปแทน
ฉินโจ้วยิ้มและกล่าวขอบคุณเมื่อพวกเธอเริ่มแนะนำชื่อของตนเองกับเขา ก่อนจะให้กำลังใจเล็กน้อยกับพวกเธอเมื่อเห็นว่านี่ได้เวลาเลิกงานแล้ว เขาจึงพูดขึ้นว่า"ผมเองมัวแต่ยุ่งอยู่กับการฝึกฝนเป็เวลานาน เลยทำให้ละเลยทุกคนไปอย่างไรก็อย่าถือโทษโกรธผมเลยนะ ผมจะบอกแค่ว่า จงขยันทำงานทุกคนจะไม่ผิดหวังกับเงินเดือนที่ได้ หลังจากนี้ทุกคนเป็เพื่อนร่วมงานกันแล้วเราจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน"
"เราจะไม่ทำให้หัวหน้าต้องผิดหวัง"พวกสาวๆ พากันตอบอย่างยิ้มแย้ม ตอนนี้เงินเดือนของหลั๋วอีอีมากกว่าที่อื่นอยู่ 50เหรียญเงิน จนกลายเป็ 501 อย่างรวดเร็ว ผู้จัดการที่ใจดี หัวหน้าก็ไม่ขี้เหนียวดังนั้นแล้วพวกเขาจึงมองฉินโจ้วในแง่ดี
"ตามกฎของบริษัทพนักงานใหม่เมื่อมาก็จะต้องมีการจัดเลี้ยงอาหารค่ำ เมื่อก่อนอาจจะละเลยไปบ้างขอแก้ตัวอีกทีแล้วกัน ทุกคนเตรียมเก็บของกันได้แล้ว เราจะไปภัตตาคารเปี่ยมโชคกัน"ฉินโจ้วพูดด้วยเสียงอันดัง
"เย้ๆ...ขอให้หัวหน้ามีอายุยืน" นอกจากหลั๋วอีอีแล้ว พวกสาวๆ พากันะโโลดเต้นส่งเสียงดีใจกันใหญ่
ที่ภัตตาคารเปี่ยมโชค
ทุกคนนั่งล้อมวงอยู่ที่โต๊ะเดียวกันบนโต๊ะกลมนั้นเต็มไปด้วยจานอาหารมากมายหลายชนิด ไม่ต้องพูดถึงไก่ เป็ด ปลามีแต่อาหารแพงๆ เต็มไปหมด ซุบงูเอย... อุ้งตีนหมี... กลิ่นหอมหวนกระจายไปทั่วทำให้ผู้คนอยากจะลิ้มรสอาหารกันแล้ว
พวกเธอเองก็ยังเป็วัยรุ่นเลยไม่จำเป็ต้องกล่าวพิธีเปิด ฉินโจ้วโบกมือก่อนจะพูดแค่เพียงหนึ่งประโยคนั่นทำให้พวกสาวๆ รู้สึกประทับใจในตัวฉินโจ้ว หัวหน้าที่เป็กันเอง ไม่ถือตัวมักจะได้รับความชื่นชมมากกว่าคนที่เข้มงวด ไม่ยืดหยุ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกหนุ่มสาว สิ่งสุดท้ายที่เขาชื่นชอบน้อยที่สุดนั่นก็คือการทำตามกฎระเบียบนั่นเอง
สาวๆเริ่มเคี้ยวและกลืนอาหารอย่างช้าๆ เนื่องจากต้องรักษาภาพลักษณ์ของหญิงสาวเอาไว้แต่หลังจากดื่มไปเพียงไม่กี่แก้ว ก็ไม่มีคำว่า ภาพลักษณ์ หลงเหลืออยู่เลยพูดจากันอย่างโผงผาง กอดคอเฮฮา กินกันเยอะมากราวกับนักกินก็ไม่ปานกินกันอย่างมูมมามเต็มที่ ดูแย่ยิ่งกว่าฉินโจ้วกินเสียอีก ราวกับลมพายุพัดผ่านเหลือเพียงแค่เศษอาหารเล็กน้อยอยู่บนโต๊ะ ดูเหมือนว่าพวกสาวๆนั้นไม่ห่วงภาพลักษณ์เอาเสียเลย พวกเธอพากันนอนพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านส่วนหลั๋วอีอีนั้นดื่มไปบ้างเล็กน้อย สีหน้าแดงเรื่อราวกับดอกไม้ที่บอบบาง
"ผมอยากจะบอกข่าวดีให้พวกคุณฟังนอกจากเมืองั ตอนนี้มีเมืองเกิดขึ้นมาอีก 9 แห่งซึ่งในแต่ละแห่งนั้นมีธุรกิจของพวกเราอยู่แน่นอนว่าตอนนี้ยังอยู่ใน่กำลังก่อสร้าง แต่ถ้าหลังจากสร้างเสร็จแล้วผมจะเลือกจากคนที่มีความสำคัญสูงสุดในกลุ่มของพวกคุณเพื่อคอยบริหารจัดการในบริษัทของเราตราบเท่าที่คุณมีความสามารถ ผมก็พร้อมจะให้โอกาสกับคุณในการแสดงความสามารถทุกคนมีโอกาสที่จะเป็ผู้จัดการ ผมหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่"ใน่เวลานี้ ฉินโจ้วกำลังอยู่ใน่ฟื้นตัวแต่สิ่งที่เขาได้รู้มาจากโลกภายนอกนั้นและมาจากการที่ให้หลั๋วอีอีซื้อร้านแทนใน่เวลาสั้นๆ ทำให้เขากลายเป็นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์คนหนึ่ง
พวกสาวๆต่างดีใจกันอีกรอบ นี่ถ้าไม่ติดว่ากินมากไป คงจะลุกขึ้นะโโลดเต้นเป็แน่ในขณะที่อยู่หัวโต๊ะ นี่เป็ตำแหน่งที่ดี ในอดีตโต๊ะดูเหมือนจะยาวมากแต่มาวันนี้สงสัยว่าจะยาวไม่พอเสียแล้ว ขณะที่พวกเธอมองมาที่ฉินโจ้วด้วยสายตาที่ชื่นชอบมากขึ้นเรื่อยๆ
"หัวหน้าไม่ต้องเป็ห่วงพวกเราจะไม่ทำให้ผิดหวัง" พวกเด็กสาวต่างพากันส่งเสียงอย่างพร้อมเพรียง
ก่อนที่เย่เซี่ยวหรูจะพูดขึ้นว่า"หัวหน้าคะ เรายังมีข่าวดีที่จะบอกคุณ"
"ว่ามาเลยถ้าเป็ข่าวดีจริงล่ะก็ มีรางวัลให้อย่างแน่นอน"ฉินโจ้วกลับพบว่าเมื่อเย่เซี่ยวหรูพูดถึงเื่ข่าวดีท่าทางของหลั๋วอีอีพลันดูกระสับกระส่าย ช่วยไม่ได้ที่ในใจจะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อจะได้รู้ถึงสิ่งที่คาดหวัง
"อีอีได้เลื่อนขั้นเป็นักปรุงยาระดับสูงเมื่อวานนี่ไม่ใช่เื่น่ายินดีหรอกหรือ" เย่เซี่ยวหรูยิ้มหน้าบานถ้าเป็เื่เงินแล้วล่ะก็ ฉินโจ้วมักจะเป็คนใจกว้างเสมอ
"จริงหรือ!...ยอดเยี่ยมมาก นี่สิถึงจะเป็ข่าวดีอย่างแท้จริง ''อีอี''คุณเก่งมาก คุณเป็สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในบริษัทของเรา"ฉินโจ้วมองไปที่หลั๋วอีอีด้วยความรู้สึกชื่นชมจากก้นบึ้งของจิตใจ
หลั๋วอีอีกำมือแน่นแต่ใบหน้านั้นกลับแดงมากขึ้น
"อย่างนั้นเดือนนี้ทุกคนได้โบนัสเพิ่มเป็สองเท่า"ฉินโจ้วโบกมือก่อนจะประกาศออกมาด้วยความภูมิใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้