จวินจิ่วเฉินไม่ได้อนุญาตให้พักผ่อน ทุกคนจริงไม่กล้าขยับเขยื้อน ได้แต่รอคอยด้วยความเงียบ
จวินเย่าเฉิงแทบจะทุ่มสุดแรงเกิด เพื่อที่จะรีบมาสกัดกั้นรถม้าขององค์หญิงหวายหนิงที่หน้าประตูพระราชวังได้
อย่างไรเขาก็เป็ถึงองค์ชายใหญ่ แม้ว่าเ้าหน้าที่ราชการจะได้รับคำสั่งมาจากจิ้งหวาง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะไม่เกรงใจองค์ชายใหญ่
จวินเย่าเฉิงแสร้งทำเป็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถามไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะไปพร้อมกับองค์หญิงหวายหนิง ข้าจะดูสิว่าใครกันที่มันกล้าใส่ร้ายป้ายสีองค์หญิง! ”
หลังจากที่เขาเอ่ยจบก็ขึ้นไปบนรถม้า เ้าหน้าที่ราชการมองหน้ากันและกัน แต่ก็ไม่กล้าขัดขวาง
่เวลาที่เ้าหน้าที่ไปกุมตัวมาก็ได้อธิบายรายละเอียดของคดีกับอวิ้นกุ้ยเฟยอย่างชัดเจนแล้ว องค์หญิงหวายหนิงรับรู้ดี นางร้องไห้อยู่บนรถม้ามานานแล้ว ทันทีที่เห็นท่านพี่ขึ้นมานางจึงโน้มตัวไปที่อกเขาและร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีก
“ท่านพี่ ท่านต้องช่วย…”
หญิงสาวยังเอ่ยไม่ทันจบ จวินเย่าเฉิงก็ขัดจังหวะขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เบาลงหน่อย เ้ายังคิดว่าปัญหายังใหญ่ไม่มากพออีกหรือ? ”
องค์หญิงหวายหนิงจึงลดเสียงให้เบาลง พลางสอบถามด้วยความกระสับกระส่าย “ท่านพี่ ทำอย่างไรดี? ฟู่หวงจะสังหารข้าหรือไม่? ข้าจะทำให้ท่านกับหมู่เฟยติดร่างแหไปด้วยหรือไม่? ”
“เ้าทำให้พวกเราติดร่างแหไปแล้ว! ”
จวินเย่าเฉิงลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถึงเื่ราวที่ตนเองสังหารอาจารย์แพทย์เจี่ยนและสร้างหลักฐานเท็จเอาไว้ เขาไม่ได้บอกหมู่เฟยในเื่นี้ เดิมทีอยากจะปกปิดเอาไว้ให้ถึงที่สุด แต่ในเวลานี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น
“ทำไมถึงเป็ท่าน? ”
องค์หญิงหวายหนิงประหลาดใจมาก หลังจากที่นางรับรู้ว่าลิ่วตันซางลู่มีพิษนางจึงเข้าใจว่าตนเองถูกหลอกใช้ และเข้าใจว่าเื่นี้มีคนร้ายตัวจริงคอยอยู่เื้ั นางคิดมาโดยตลอดว่าอาจารย์แพทย์เจี่ยนเป็คนของคนร้ายตัวจริงและเจตนาฆ่าตัวตายเพื่อทิ้งหลักฐานไว้ใส่ร้ายตระกูลฉี
นางมองไปที่จวินเย่าเฉิงด้วยความคาดไม่ถึง “ท่านคือคนร้ายตัวจริง! ท่าน…”
จวินเย่าเฉิงรีบปิดปากของนางด้วยความร้อนรน เขาเกือบจะทนไม่ไหวบีบคอนางให้ตาย!
“นังหนู หมู่เฟยไม่ได้คลอดสมองให้เ้าหรือ? ”
เขาจะเป็คนร้ายตัวจริงได้อย่างไร? แม้ว่าเขาจะ้าชีวิตของจิ้งหวาง แต่ก็ไม่มีทางที่จะทำลายตระกูลเฉิงกับตระกูลฉี! การที่เขาสังหารอาจารย์แพทย์เจี่ยนไม่ใช่เป็เพราะตามเช็ดล้างให้นางหรอกหรือ? นางคาดเดาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
องค์หญิงหวายหนิงถูกความพิโรธเดือดดาลของพี่ชายแท้ๆ ทำให้ใจนไม่กล้าขยับเขยื้อน
จวินเย่าเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งก่อนจะกระซิบแ่เบา “หวายหนิง เ้าจำไว้ให้ดี เมื่อไปถึงศาลพิจารณาคดีเ้าจงมอบตัวแล้วพูดความจริงออกมาให้หมด เ้าจำไว้ เ้าต้องพูดว่าไม่รู้ว่าลิ่วตันซางลู่มีพิษ สำหรับการตายของอาจารย์แพทย์เจี่ยน เ้ายอมรับไปแทนข้า เ้าพูดไปว่า…”
องค์หญิงหวายหนิงใมาก นอกจากจะไม่กล้าขยับเขยื้อนแล้วนางยังแทบจะหยุดหายใจไปด้วย ผ่านไปครู่หนึ่งถึงส่ายหน้าไปมาอย่างรุนแรง “ข้าไม่เอาด้วย! ” จวินเย่าเฉิงหรี่ตาตักเตือน “หากเ้าไม่แบกรับเอาไว้ทั้งหมด เมื่อจิ้งหวางสืบจนมาถึงตัวข้า พวกเราก็จะไม่มีหวังแล้ว! เ้าแบกรับมันไว้ทั้งหมด อย่างน้อยข้ากับหมู่เฟยก็ยังสามารถปกป้องเ้าได้ ยังสามารถวิงวอนต่อหน้าฟู่หวงแทนเ้าได้ เ้าคิดดูเอาเองก็แล้วกัน! ”
องค์หญิงหวายหนิงตกตะลึงอย่างยิ่ง นางมองไปที่จวินเย่าเฉิงโดยไม่พูดอะไรออกมา น้ำตาของหญิงสาวราวกับเขื่อนกั้นน้ำที่แตกจนน้ำไหลโหมซัดออกมา
ท้ายที่สุดหญิงสาวก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง “ท่านพี่ ข้าเสียใจแล้ว! ข้าเสียใจแล้ว! ฮึกๆ…ข้าเสียใจในภายหลังแล้วจริงๆ ! ”
บนโลกนี้มียารักษาความเสียใจในภายหลังด้วยหรือ?
องค์หญิงหวายหนิงไม่มีทางเลือกอื่น นางจึงทำได้เพียงยอมรับคำขอของจวินเย่าเฉิง เมื่อมาถึงศาลพิจารณาคดีจวินเย่าเฉิงวางมาดดึงหน้าตึง แล้วเดินเข้ามาก่อนองค์หญิงหวายหนิง
ดวงตาทั้งสองข้างขององค์หญิงหวายหนิงผ่านการร้องไห้จนเหมือนกับดวงตาของกระต่าย ไม่น่าดูเป็อย่างยิ่ง ทันทีที่นางผ่านประตูใหญ่มาก็มองเห็นสองพ่อลูกตระกูลฉีคุกเข่าอยู่กลางศาลพิจารณาคดี เมื่อเห็นว่าพวกเขาหันหน้ามามอง นางจึงก้มหน้าทันที หญิงสาวแทบอยากจะหันหน้าหนีแล้ววิ่งออกไป น่าเสียดายที่นางไม่กล้า นางทำได้เพียงก้าวเข้าไปด้านในทีละก้าว
กูเฟยเยี่ยนกำลังเล่นนิ้วมือ ทันทีที่เห็นองค์หญิงหวายหนิงดวงตาของนางก็ทอประกายแสงแวววาว ผู้ที่ไม่ทราบเื่ราวคงจะคิดว่านางพบสมบัติอะไรบางอย่าง มุมปากของนางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ภายในใจเกิดความคิดว่า “ในที่สุดก็มาแล้ว”
สายตาของจวินจิ่วเฉินกวาดมองไปที่กูเฟยเยี่ยนโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะตั้งใจหยุดสายตามองไปที่ฝ่ามือของนางแล้วมองขึ้นไปถึงท่าทีของนาง จากนั้นจึงมีความรู้สึกแทบจะอดหัวเราะออกมาไม่ได้
แน่นอนว่าเขาละสายตาอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยด้วยความเ็า “ทหาร คุมตัวฉีฟู่ฟางขึ้นมา! ”
ในเมื่อองค์หญิงหวายหนิงมาแล้ว ฉีฟู่ฟางก็ควรที่จะมาเผชิญหน้าเช่นกัน
ทันทีที่องค์หญิงหวายหนิงได้ยินสิ่งนี้ จึงนึกถึงท่าทางคลุ้มคลั่งของฉีฟู่ฟางตอนที่ถูกคุมตัวไป นางเกิดความหวาดกลัวมากกว่าเดิมจนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองจวินเย่าเฉิงที่อยู่ด้านข้าง
จวินเย่าเฉิงนั้นกลัวว่านางจะหันมามองตนเอง เขาแสร้งทำเป็ไม่สะทกสะท้านแล้วจงใจพูดเสียงดัง “หวายหนิง พี่เชื่อว่าเ้าเป็ผู้บริสุทธิ์ เ้าวางใจได้ ท่านพี่เก้าของเ้าจักต้องเรียกคืนความยุติธรรมให้เ้าอย่างแน่นอน”
น้ำตาขององค์หญิงหวายหนิงเกือบจะไหลลงมาอีกครั้งแล้ว นางก้มหน้าก้มตาและไม่้าจะมองไปที่จวินเย่าเฉิงอีกแล้ว
ผ่านไปไม่นานจู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงหัวเราะของหญิงสาวดังขึ้นมา ทุกคนหันไปมองจึงพบว่าผู้ที่มาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็ฉีฟู่ฟาง เพียงแต่ว่านางผิดปกติเป็อย่างยิ่ง
เส้มผมของนางกระเซอะกระเซิง การเดินเอียงซ้ายเอียงขวา ราวกับว่า…ราวกับว่าสติวิปลาส
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กและไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ ดูเหมือนว่าองค์หญิงหวายหนิงจะคิดอะไรออกบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าคิดต่อไป ใบหน้าของนางซีดเผือด ทันใดนั้นแม่ทัพใหญ่ฉีก็ได้ลุกขึ้นก้าวพรวดพราดไปด้านหน้า “ฟู่ฟาง เ้าเป็อะไรไป? ”
ฉีฟู่ฟางดูเหมือนถูกทำให้ใ นางรีบร้อนไปหลบอยู่ด้านหลังของหยาเว่ย “ไปให้พ้น! พวกเ้าล้วนเป็คนไม่ดี! พวกเ้าเป็พวกเดียวกันกับองค์หญิงหวายหนิง! พวกเ้า้าทำร้ายข้า ทำร้ายตระกูลฉี! ”
นี่…
บัดนี้ทุกคนล้วนตกตะลึงตาค้าง
์! คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉี…เป็บ้าไปแล้วหรือ?
ฉีอวี้ก็ได้พุ่งเข้ามาเช่นกัน “ท่านพี่ ท่านเป็อะไรไป? นี่คือท่านพ่อไง! ท่านจำท่านพ่อไม่ได้แล้วหรือ? ”
ฉีฟู่ฟางหวาดกลัวหนักกว่าเก่าจึงดึงหยาเว่ยเพื่อจะออกไป “รีบหนีเร็ว พวกเขาเป็คนขององค์หญิงหวายหนิง พวกเขาล้วนเป็คนขององค์หญิงหวายหนิง”
จวินจิ่วเฉินเกิดความประหลาดใจขึ้นเช่นกัน เขาถามน้ำเสียงเ็า “เกิดอะไรขึ้น? ”
หยาเว่ยรีบตอบกลับไป “ทูลเตี้ยนเซี่ย ในวันนั้นที่คุณหนูใหญ่ฉีถูกคุมตัวก็มีความผิดปกติเล็กน้อยแล้ว สองสามวันนี้นางไม่ได้พูดอะไรออกมา ข้าน้อยจึงไม่ได้สนใจ แต่เมื่อสักครู่นี้ที่ข้าน้อยไปพานางมาจู่ๆ นางก็เป็เช่นนี้ ภายในคุกไม่ว่าใครก็ตามที่ไปจับนาง นางก็จะบอกว่า…บอกว่า…”
น้ำเสียงจวินจิ่วเ็าขึ้น “บอกว่าอะไร? ”
หยาเว่ยจึงตอบกลับไปตามตรง “บอกว่าองค์หญิงหวายหนิง้าทำร้ายนางพ่ะย่ะค่ะ”
ทันใดนั้นแม่ทัพใหญ่ฉีก็ได้คุกเข่าโค้งหัวคำนับ “ปรักปรำ! ตระกูลฉีถูกปรักปรำ! จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ท่านจักต้องให้ความช่วยเหลือตระกูลฉีนะพ่ะย่ะค่ะ! ”
ฉีอวี้ก็ได้คุกเข่าลงเช่นกัน ทว่าเขากลับหันไปมององค์หญิงหวายหนิงด้วยสายตาจงเกลียดจงชัง “องค์หญิงหวายหนิง ข้านึกไม่ถึงเลยว่าพระองค์จะเป็คนเช่นนี้! พระองค์หน้าเนื้อใจเสือเลวทรามโยนความผิดให้คนอื่น! ตัวข้าฉีอวี้นับว่าตาบอดไปเสียแล้ว! ”
“ฮึกๆ…”
องค์หญิงหวายหนิงทนไม่ไหว จึงร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา “ข้าไม่ใช่ ข้าไม่ใช่! ท่านพี่อวี้ ท่านฟังข้าอธิบาย ข้าไม่ได้ตั้งใจ! ข้าไม่คิดว่าเื่ราวจะเปลี่ยนมาเป็เช่นนี้ ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายตระกูลฉี…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉีอวี้ตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนจะมีความดีใจตามมา “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย พระองค์ได้ยินหรือไม่! นางยอมรับแล้ว! นางยอมรับว่าเป็คนร้ายแล้ว! ”
เมื่อเห็นท่าทางดีอกดีใจของฉีอวี้ หัวใจขององค์หญิงหวายหนิงก็แตกสลาย นางร้องไห้พร้อมกับหันไปมองจวินจิ่วเฉิน “ท่านพี่จิ้งหวาง พวกท่านไม่ต้องไต่สวนแล้ว ข้ายอมรับผิด! ข้าเป็คนให้ท่านพี่ฟู่ฟางไปติดสินบนเฉินซานหยวนกับหลี่เก๋อฉุนเอง ข้าเป็คนมอบลิ่วตันซางลู่ให้แก่ท่านพี่ฟู่ฟาง ข้าคือผู้ที่กระทำเองทั้งหมด! ”
จวินจิ่วเฉินยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก จวินเย่าเฉิงก็แสร้งทำเป็ใมากก่อนจะยืนขึ้นจากที่ประทับ “หวายหนิง เ้าว่าอะไรนะ? ”