มู่ชิงหว่านไม่ทำให้นางผิดหวังจริงๆ มุมปากของหลันเยว่หรูปรากฏให้เห็นความลำพองใจ
เฟิ่งเฉี่ยนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เหตุใดคนในยุคสมัยโบราณไม่ว่าเื่ใดล้วนชอบให้ผู้อื่นคุกเข่าอยู่ร่ำไปนะ
นางลุกขึ้นจากที่นั่งช้าๆ เอ่ยว่า “หากข้านำออกมาจะมีผลดีต่อข้าอย่างไรกัน”
มู่ชิงหว่านแค่นเสียงดูถูกขึ้นจมูก “เ้าอย่าเสแสร้งอีกเลย! เสแสร้งให้ผู้ใดดูกัน ทั้งๆ ที่เ้าไม่มีวัตถุดิบเทพอยู่ในมือ เ้าจะไปสรรหาวัตถุดิบมาจากที่ใด ข้าเตือนเ้าให้เ้าคุกเข่าลงขอขมาดีๆ จะดีกว่า! อย่างไรการคุกเข่าสำหรับคนต่ำต้อยเช่นเ้าก็เป็เื่ง่ายดายราวกับกินข้าว ไม่ได้ทำให้เนื้อหนังของเ้าหายไปสักหน่อย! ให้เ้าคุกเข่า แทบจะเป็การให้เ้าเอาเปรียบเสียด้วยซ้ำ!”
เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลง แววตาเย็นเยียบพาดผ่านไปครู่หนึ่ง นาทีนี้นางถูกทำให้มีโทสะแล้วจริงๆ
นางเกลียดที่สุดก็คือการถูกผู้อื่นหยามศักดิ์ศรี! ไม่ต้องกล่าวถึงว่านางมีฐานะเป็ถึงฮองเฮา ต่อให้นางเป็แค่ชาวบ้านธรรมดาสามัญหรือมดปลวกตัวหนึ่ง นางก็ไม่มีวันคุกเข่าให้ผู้อื่นง่ายๆ
เพราะศักดิ์ศรีตีราคาเป็เงินไม่ได้!
สีหน้าของเฟิ่งเฉี่ยนไม่ปรากฏให้เห็นอารมณ์ใดๆ ทว่าในใจกลับเดือดดาลราวกับทะเลคลั่ง
ทันใดนั้น นางยิ้มออกมา
รอยยิ้มนั้นงดงามตราตรึงใจผู้คนอย่างยิ่งยวด
มีเพียงคนที่รู้จักนางดีจึงจะรู้ว่า นางโมโหแล้วจริงๆ
ยิ่งนางยิ้มสว่างไสวเจิดจ้ามากเท่าใด ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น
“ไม่สู้พวกเรามาเดิมพันกันดีกว่า!” นางยิ้มละไมปานบุปผาเบ่งบาน “หากข้านำวัตถุดิบเทพออกมาไม่ได้ ข้ายินดียอมรับความปราชัยและจะคุกเข่าลงเพื่อขอขมาทันที แต่หากข้านำวัตถุดิบเทพออกมาได้ และวัตถุดิบเทพนั้นมีคุณสมบัติดีกว่าวัตถุดิบเทพของคุณหนูหลัน...”
“้าอย่างไร” มู่ชิงหว่านถาม
เฟิ่งเฉี่ยนชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากนั้นยิ่งเปี่ยมเสน่ห์ นางกล่าวว่า “ข้า้าให้เ้าทั้งสองคนคุกเข่าลงต่อหน้าข้าและโขกศีรษะให้ข้าสามครั้ง!”
มู่ชิงหว่านเงยหน้าขวับประสานสายตาเข้ากับแสงตาอันเยียบเย็นนิ่งลึกของนาง ในใจรู้สึกสั่นสะท้านอย่างหาสาเหตุไม่ได้
ทั้งๆ ที่นางเป็เพียงแค่นางกำนัลต่ำต้อยคนหนึ่ง ทว่าเหตุใดรัศมีที่แผ่ออกมาจากร่างของนางจึงได้รุนแรงเยี่ยงนี้ ในนาทีนั้นนางแทบจะเห็นเงาร่างของท่านพี่เช่อบนร่างของนางด้วยซ้ำ นั่นคือบุคลิกลักษณะบารมีของเชื้อพระวงศ์ที่มีติดตัวมาแต่กำเนิดโดยธรรมชาติ
ไม่ จะต้องเป็ความรู้สึกสับสนของนางเอง! นางจะพ่ายแพ้ให้แก่นางกำนัลชั้นต่ำคนหนึ่งได้อย่างไร นางจะต้องกำลังเสแสร้งอยู่แน่นอน ถูกต้อง จะต้องเป็เช่นนี้แน่!
มู่ชิงหว่านยิ่งคิดยิ่งโกรธแค้น นางพ่นลมหายใจขึ้นจมูก “ได้ เดิมพันก็เดิมพัน ใครกลัวเล่า ขอเพียงเ้าสามารถนำวัตถุดิบเทพออกมาชิ้นหนึ่ง ข้าจะโขกศีรษะดังๆ ให้เ้าครั้งหนึ่ง นำออกมากี่ชิ้นก็โขกศีรษะเท่านั้น! ข้าไม่เชื่อว่าเ้าจะมีความสามารถแปลงวัตถุดิบออกมาได้”
หลันเยว่หรูััได้ถึงความไม่ชอบมาพากลจึงรีบเอ่ยวาจายั้งยั้งนางทันที “ศิษย์น้องชิงหว่าน อย่าวู่วาม!”
มู่ชิงหว่านไม่ฟังเสียงค้านใดๆ นางสะบัดแขนพูดว่า “ศิษย์พี่หญิงหลัน ท่านไม่เชื่อข้าหรือเ้าคะ นางไม่มีวัตถุดิบเทพในมือ นางเพียงแต่เสแสร้งแกล้งทำ ท่านตรองดูสิเ้าคะ นางเป็เพียงนางกำนัลนางหนึ่งด้วยฐานะของนางจะมีวัตถุดิบเทพที่มีค่าเช่นนี้อยู่ในได้อย่างไร หรือต่อให้นางมีจริงๆ คุณสมบัติคงไม่ได้ดีอันใด”
หลันเยว่หรูครุ่นคิด คำพูดของมู่ชิงหว่านมีเหตุผลหลายส่วน เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบเทพเหล่านี้ บิดาของนางเสียแรงไปไม่ใช่น้อย อีกทั้งราคาแต่ละชิ้นไม่ได้สามัญเลย นางซึ่งเป็นางกำนัลคนหนึ่ง จะมีลู่ทางหามาซึ่งวัตถุดิบเทพได้หรือ เช่นนั้นนางนำเงินจากที่ใดมาซื้อสิ่งของเหล่านี้
นางยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเสแสร้งจอมปลอม จุดประสงค์ก็เพื่อแหกตาและข่มขู่พวกนาง เพื่อหาโอกาสเอาตัวรอด และนางไม่อาจปล่อยให้สมปรารถนาได้
ในเมื่ออยากเดิมพัน เช่นนั้นก็เดิมพันกับนางก็แล้วกัน ให้นางได้ลิ้มรสของความพ่ายแพ้ชนิดไม่เหลือกระทั่งกางเกงตัวใน
“ได้ พวกเราเดิมพันกับเ้า”
มู่ชิงเซียวมองคนทั้งสามกลับไปกลับมา คิ้วเรียวนั้นขมวดแน่น “พวกเ้าเลอะเลือนเกินไปแล้ว! เหตุใดต้องทำร้ายกันเช่นนี้เพื่อเื่เล็กๆ น้อยๆ ด้วยเล่า เชื่อฟังคำของข้า ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามเดิมพันทั้งสิ้น!”
“พี่รอง เื่นี้ท่านอย่าเข้ามาแทรกเลยเ้าค่ะ พวกเราตัดสินใจเดิมพันกับนางแน่นอน!” มู่ชิงหว่านยืนกรานหนักแน่น
มู่ชิงเซียวไม่อาจทำอะไรได้ ได้แต่มองไปทางเฟิ่งเฉี่ยนด้วยความหวัง “แม่นางเฟิง...”
ใครเล่าจะรู้ว่าเฟิ่งเฉี่ยนกลับเอ่ยแทรกขัดคำพูดของเขาทันควัน “คุณชายมู่ ไม่ใช่ข้าอยากหลีกหนีปัญหา ที่จริงแล้วเป็เพราะพวกนางรังแกกันเกินไป! ดังนั้นครั้งนี้เกรงว่าจำต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้ว ข้าไม่อาจฟังคำของท่าน!”
“พวกเ้า...” มู่ชิงเซียวรู้สึกปวดหัวจี๊ด
มู่ชิงหว่านเอ่ยวาจากดดัน “ไม่ต้องพูดมาก รีบนำวัตถุดิบเทพออกมา!”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่มีท่าทีลนลาน ท่ามกลางสายตาของคนทั้งสาม นางยื่นมือขวาออกมาคว้ากลางอากาศแล้วกำไว้แน่นในอุ้งมือ จากนั้นค่อยๆ พลิกกำปั้นกลับมา “ตอนนี้ วัตถุดิบเทพอยู่ในมือของข้า”
มู่ชิงหว่านและหลันเยว่หรูตกตะลึง พวกนางประสานสายตากันแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน
คาดเดาได้แต่แรกแล้วว่านางจงใจเสแสร้ง เวลานี้ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป นางคือสิบแปดมงกุฎ
“พอแล้ว ข้าคร้านจะเสียเวลากับเ้าอีก ในเมื่อเต็มใจเดิมพันก็ต้องยอมรับความปราชัยด้วย เ้ารีบคุกเข่าขอขมาเถอะ!” มู่ชิงหว่านพูด
เฟิ่งเฉี่ยนกลับคลี่ยิ้มบางๆ “ใครบอกว่าข้าแพ้กัน”
มู่ชิงหว่านถากถาง “มาถึงเวลานี้แล้วเ้ายังไม่ยอมรับความจริงอีก ได้ เช่นนั้นก็แบมือออกมา ให้พวกเราเห็นวัตถุดิบเทพที่เ้าพูดถึงว่ามีหน้าตาอย่างไร”
“เ้าได้สิทธิ์นั้นทันที!” เฟิ่งเฉี่ยนค่อยๆ แบมือออก ลำแสงสีฟ้าเข้มที่แผ่กระจายออกมาจากวัตถุดิบเทพลอดร่องนิ้วของนางออกมา จากสีอ่อนไปหาสีเข้ม จากมากไปหาน้อย เมื่อฝ่ามือของนางกางออกทั้งหมด กลิ่นอายของวัตถุดิบเทพแผ่กระจายออกมาอย่างเข้มข้น!
หากเมื่อสักครู่กล่าวว่าวัตถุดิบของหลันเยว่หรูส่งกลิ่นอายเทพออกมา ทำให้ผู้คนรู้สึกคล้ายมีมืออันอบอุ่นข้างหนึ่งลูบไล้ผ่านใบหน้า อุ่นๆ นุ่มๆ ส่งผลให้หัวใจคนคันยุบยิบ เช่นนั้นกลิ่นอายเทพของวัตถุดิบเทพที่เฟิ่งเฉี่ยนนำออกมานั้นกลับทำให้ผู้คนรู้สึกคล้ายมีมืออ่อนนุ่มข้างหนึ่งกำลังแนบชิดใบหน้า ลูบไล้ผิวพรรณบนใบหน้าไปทุกอณู ส่งผลให้คนตกอยู่ในความเคลิบเคลิ้มหลงใหล ยากจะถอนตัวออกมาได้
เป็ประสบการณ์ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว!
เมื่อมองวัตถุดิบเทพในมือนางอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง ข้าวสารแต่ละเม็ดแทบจะเรืองแสงและอวบอิ่มอุดมสมบูรณ์ เป็วัตถุดิบเทพที่มีคุณสมบัติชั้นเยี่ยมอย่างแท้จริง!
“วัตถุดิบเทพขั้น...ขั้นสี่หรือ!”
สีหน้าของมู่ชิงหว่านและหลันเยว่หรูแปรเปลี่ยนมีสีสันอย่างยิ่งยวด ประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาวเผือด ประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวเขียวคล้ำ คล้ายจานผสมสีที่พลิกคว่ำคะมำหงาย
นาง...นางมีวัตถุดิบเทพจริงๆ! อีกทั้งเป็วัตถุดิบเทพขั้นสี่ เป็วัตถุดิบที่อยู่ห่างชั้นขึ้นไปถึงสามระดับ แพ้หลุดรุ่ย!
ที่ทำให้มู่ชิงหว่านยากจะรับได้ก็คือ นางเพียงแค่คว้ามือออกมาแบบส่งๆ ก็ได้ข้าวสารมากำหนึ่ง นั่นไม่ได้หมายความว่าบนตัวนางยังมีสิ่งของมีค่าเฉกเช่นแหวนสะสมของอีกชิ้นหรอกหรือ
นางเพิ่งจะหัวเราะเย้ยหยันอีกฝ่าย กล่าวหาว่านางที่มีฐานะต้อยต่ำเช่นนางกำนัล เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่อาจวัตถุดิบที่มีค่าเทียบเท่าหัวเมืองเมืองหนึ่งได้ ทว่าเวลานี้ความจริงได้ปรากฏอยู่เบื้องหน้า นางพลันรู้สึกปวดแสบปวดร้อนใบหน้าราวกับเพิ่งจะถูกคนตบอย่างแรงสักสองฉาด!
ดวงตาใสสะอาดของมู่ชิงเซียวเปล่งประกายเล็กน้อย คิ้วที่ขมวดไว้ค่อยๆ คลายตัวออกพลางลอบพรูลมหายใจออกมา
เมื่อสักครู่เขาแทบจะปาดเหงื่อแทนเฟิ่งเฉี่ยน ยังคิดว่าหากนางนำวัตถุดิบเทพออกมาไม่ได้ เขาควรช่วยหาทางลงให้นางอย่างไรดี ในเมื่อนางเป็คนที่ฝ่าาส่งมา หากฉีกหน้านางแล้วเื่รู้ไปถึงพระเนตรพระกรรณ ยังคงเป็เื่ไม่เหมาะสมอยู่นั่นเอง
แน่นอนว่าในใจลึกๆ ของเขาไม่ปรารถนาให้นางต้องเสียหน้าต่อหน้าผู้คน หากช่วยได้เขาย่อมช่วยนาง
ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า ความกังวลใจของเขาเป็เื่ไม่จำเป็ นางไม่เพียงแต่มีวัตถุดิบเทพอยู่ในมือ วัตถุดิบเทพในมือของนางยังมีคุณภาพชั้นเยี่ยมปานนี้ นางชนะขาดลอย! ยามนี้ที่เขาต้องกังวลมากกว่าก็คือน้องสาวของเขาเอง คำพูดที่ได้กล่าวออกไป กลายเป็ว่าขโมยไก่ไม่สำเร็จซ้ำยังต้องเสียข้าวสารอีกเล่า! นิสัยหุนหันพลันแล่นของน้องสาว ช่างทำให้ต้องเป็ห่วงจริงๆ!
เวลานี้สีหน้ามู่ชิงหว่านเขียวคล้ำ!
นางพูดอย่างไม่ยินยอม “ก็แค่ข้าวสารไม่กี่เม็ด มีอะไรให้ต้องภาคภูมิใจ หากมีปัญญาก็เอาวัตถุดิบอย่างอื่นออกมาอีกสิ!”
เฟิ่งเฉี่ยนถอนใจเบาๆ “ดูท่าแล้วหากเ้าไม่เห็นแม่น้ำเหลืองก็ยังไม่ยอมถอดใจ! ได้สิ ข้าส่งเสริมเ้า!”
พูดแล้วมือขวาของนางก็คว้าอากาศอีกครั้ง ในมือพลันปรากฏไข่ไก่ฟองหนึ่ง
กลิ่นอายเทพสีน้ำเงินเข้มพลันโอบล้อมไข่ไก่ฟองนั้น ทั้งเข้มข้นและทรงพลัง! ยิ่งหายากไปกว่านั้นก็คือ ไข่ไก่ฟองนั้นทั้งฟองใหญ่และขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาแทบจะแวววับสะท้อนแสงได้ ไม่มีแต้มด่างหรือรอยร้าวแม้สักกระผีก ช่างเป็เช่นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง!
มู่ชิงหว่านมีสีหน้าแข็งค้างจากนั้นกลายเป็สีม่วงในทันที!
ข้า้าให้เ้านำวัตถุดิบเทพอย่างอื่นออกมา เ้าก็เอาออกมาได้จริงๆ หรือ! อีกทั้งเป็วัตถุดิบเทพขั้นสี่เหมือนกัน...
เ้าจงใจจะเป็ปรปักษ์กับข้ากระมัง
ร่างบอบบางของนางสั่นเทิ้มราวกับตะแกรง สีหน้าดำราวกับก้นหม้อ “มีปัญญา...มีปัญญาเ้าก็นำออกมาอีกสิ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เ้ายังสามารถพกพาคลังวัตถุดิบเทพติดตัวออกมาได้ด้วย”
น่าเสียดายที่นางทายถูกแล้ว! เฟิ่งเฉี่ยนสามารถพกพาเสบียงวัตถุดิบเทพเคลื่อนที่ออกมาด้วยจริงๆ!