ศาลารับลม
คนทั้งสี่เพิ่งจะนั่งลงมู่ชิงหว่านพูดอย่างอดรนทนไม่ได้ “ศิษย์พี่หญิงหลัน รีบนำวัตถุดิบเทพที่ท่านเอามาออกมาดูเถิดเ้าค่ะ! ข้าได้ยินมาว่าวัตถุดิบของแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรานั้นเป็สิ่งที่หาได้ยากยิ่ง หากเป็วัตถุเทพที่มีคุณสมบัติชั้นเยี่ยมล้วนถูกส่งเข้าวังหลวงทั้งสิ้น ส่วนที่เหลือเ่าั้มีเพียงพ่อค้าวาณิชย์รายใหญ่เท่านั้นที่จะมีกำลังหาซื้อมาได้ อีกทั้งราคาสูงลิบลิ่วและขาดตลาด...”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวคิ้วกระตุก ที่แท้แคว้นเป่ยเยียนขาดแคลนวัตถุดิบเทพถึงเพียงนี้ นั่นหมายความว่า วัตถุดิบที่นางพบเห็นในท้องพระคลังของวังหลวงถือเป็วัตถุดิบเทพที่ดีที่สุดแล้ว ทว่านี่มันแตกต่างจากที่นางจินตนาการเอาไว้ไกลโยชน์กระมัง
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่พลันได้ยินเสียงของมู่ชิงหว่านพูดขึ้นมาอีกว่า “ใช่แล้ว ศิษย์พี่หญิงหลัน ท่านได้วัตถุดิบเทพนี้มาได้อย่างไรเ้าคะ”
“บิดาของข้ามักจะเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้กับคาราวานพ่อค้าวาณิชย์เสมอ โอกาสที่จะพบวัตถุดิบถือว่ายังเป็ไปได้มาก” หลันเยว่หรูพูดขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจหลายส่วน
มู่ชิงหว่านรำพึงรำพัน “มิเสียแรงที่สกุลหลันเป็หนึ่งในสี่ของพ่อค้าวาณิชย์รายใหญ่ของแคว้นเป่ยเยียน ยื่นมือออกไปแล้วย่อมไม่คว้าน้ำเหลว! ศิษย์พี่หญิงหลันรีบนำวัตถุดิบออกมาให้ข้าดูเถอะเ้าค่ะ ข้าแทบจะรอไม่ไหวแล้ว!”
หลันเยว่หรูยกมือเรียวขาวขึ้นมา แหวนไพลินสีน้ำเงินวงหนึ่งพลันปรากฏขึ้นบนนิ้วชี้ข้างซ้ายของนาง นางกดเพียงเบาๆ กล่องผ้าแพรสีแดงก็ปรากฏอยู่ตรงกลางโต๊ะ
เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึงมองด้วยความประหลาดใจ
มู่ชิงหว่านตวัดสายตาเ็ามาปราดหนึ่งและพูดดูแคลน “อย่างไรเล่า ไม่เคยเห็นมาก่อนกระมัง นี่เรียกแหวนสะสมสิ่งของ สามารถซ่อนสิ่งของชิ้นใหญ่ไว้ได้ พกพาติดตัวได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังไร้ซึ่งน้ำหนักอีกด้วย! แต่พูดเื่เหล่านี้กับเ้า เ้าก็คงไม่เข้าใจ นางกำนัลชาติกำเนิดต่ำต้อยเช่นเ้า เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้สิ่งของมีค่าเช่นนี้สักชิ้น!”
เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้าด้วยหมดคำพูด แม่ชีน้อยไม่ละทิ้งโอกาสที่จะดิสเครดิตนางเลยจริงๆ...
ทว่านางรู้สึกว่าแม้แหวนสะสมสิ่งของนี้จะเป็ของดี แต่กลับมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือแข็งแกร่งกว่าตนเอง ฝ่ายตรงข้ามอาจแย่งชิงแหวนสะสมสิ่งของไปจากมือเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นยังคงเป็ระบบของนางที่ดีกว่า มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ คนอื่นคิดจะแย่งก็แย่งไปไม่ได้!
ต่อมาหลันเยว่หรูเปิดกล่องผ้าแพรออก แสงสีแดงสดเปี่ยมกลิ่นอายวัตถุดิบเทพลอยออกมาจากในกล่องผ้าแพร เห็นเพียงในกล่องนั้นมีวัตถุดิบทั้งหมดห้าชนิด แบ่งเป็ ข้าวสาร ไข่ไก่ เห็ด พริกเขียว และยังมีผักกาดขาวต้นหนึ่ง ดูแล้วเป็วัตถุดิบเทพทั่วๆ ไปทว่ากลับเป็วัตถุดิบที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของเทพ!
มู่ชิงหว่านมองอยู่พักหนึ่งจนอิจฉา นางทอดถอนใจ “กลิ่นอายเทพเข้มข้นเหลือเกิน! ดูสีของพลังเทพสิเ้าคะ แม้จะเป็วัถุดิบเทพขั้นหนึ่ง แต่กลับรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายใกล้เคียงกับวัตถุดิบขั้นสองเป็อย่างมาก!”
หลันเยว่หรูได้ยินเช่นนั้น มุมปากจึงยกขึ้นเล็กน้อยอย่างลำพองใจ
ทว่าสายตานั้นพลันหันมาเห็นเฟิ่งเฉี่ยนที่ยืนส่ายหน้าอยู่ด้านข้าง สีหน้าของนางเ็าลง อุณหภูมิรอบกายพลันลดลงสิบกว่าองศา
มู่ชิงหว่านมองเห็นเช่นกัน นางจึงถลึงตาใส่เฟิ่งเฉี่ยนพร้อมกับะเิอารมณ์ออกมา“นี่ เ้าส่ายหน้า หมายความอย่างไรกัน ดูแคลนวัตถุดิบเทพของศิษย์พี่หญิงหลันใช่หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน นางส่ายหน้าชัดเจนเพียงนั้นหรือ
“ข้าส่ายหน้าของข้า เกี่ยวอันใดกับเ้า”
“ย่อมต้องเกี่ยวอยู่แล้ว!” มู่ชิงหว่านมีโทสะจนใบหูแดงก่ำ นางชี้มาที่เฟิ่งเฉี่ยน “พวกเราชื่นชมวัตถุดิบอยู่ที่นี่ เ้ากลับยืนส่ายหน้าอยู่ที่นั่น เ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราเช่นนั้นหรือ”
แววตาของหลันเยว่หรูคมปลาบพร้อมกล่าวว่า “แม่นางคิดว่าปัญหาอยู่ที่ใด เชิญพูดออกมาได้เลย!”
“้าให้ข้าพูดจริงๆ หรือ” เฟิ่งเฉี่ยนลำบากใจด้วยไม่ยินดีพูดข้อด้อยของผู้อื่น
สีหน้าของหลันเยว่หรูเด็ดขาด “ไม่กระไร แม่นางพูดตรงๆ เถิด!”
เฟิ่งเฉี่ยนลอบถอนใจ ดูท่าแล้วหากนางไม่พูดความจริง พวกนางย่อมไม่ละเว้นนางแน่
“ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะพูดตามตรง!” นางยื่นมือออกมาหยิบข้าวสารในกล่องผ้าแพรกำมือหนึ่งแล้วพูดว่า “พวกเ้าดูสิ แม้ข้าวสารเหล่านี้จะเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของเทพ แต่ตัวเมล็ดข้าวทั้งหยาบและเหี่ยวเฉา หากนำมันมาหุงจนสุกเป็ข้าวสวยรสชาติต้องแย่มากๆ!”
นางหยิบไข่ไก่ออกมาอีกหนึ่งใบ “แล้วดูไข่ไก่นี้ สีของเปลือกไข่ไม่สม่ำเสมอกัน ซ้ำยังมีแต้มด่าง แค่มองก็รู้ว่าเกิดจากโภชนาการทางอาหารที่ไม่ครบถ้วน อีกทั้งข้ากล้าพนันว่าไข่แดงที่อยู่ข้างในจะต้องมีสีค่อนข้างคล้ำ หากใช้ไข่ไก่ชนิดนี้มาผัดไข่หรือทำอาหาร ไม่ต้องกล่าวว่านอกจากสีสันไม่น่าดูแล้ว รสชาติจะต้องย่ำแย่อย่างที่สุด!”
หลันเยว่หรูที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของนาง สีหน้าเยียบเย็นลงเรื่อยๆ “ลักษณะของวัตถุดิบขึ้นอยู่กับกลิ่นอายเทพที่แฝงอยู่ในตัววัตถุดิบ ส่วนเื่ที่เ้าพูดถึงรสชาติ ให้ไปทานอาหารที่ทำจากวัตถุดิบทั่วไปเป็ใช้ได้ เหตุใดต้องหากล่าวโทษไข่แดงที่อยู่ในไข่ไก่ เหตุใดต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บด้วยเล่า”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเบาๆ “ความหมายของเ้า หากเปลือกไม้รากไม้สามารถเพิ่มพลังเทพได้ เ้าก็จะไปกัดแทะเปลือกไม้รากไม้เช่นนั้นหรือ”
หลันเยว่หรูมีสีหน้าแข็งค้าง นางพูดเสียงเย็น “ไฉนจะทำไม่ได้เล่า พวกเราเป็คนฝึกยุทธ์ การพัฒนาความสามารถล้วนเป็เื่หลัก มีเพียงคนธรรมดาสามัญเท่านั้นที่จะตะกละอาหารเลิศรส”
เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้า “คุณสมบัติของวัตถุดิบไม่ดีก็คือไม่ดี เหตุใดเ้าต้องดื้อดึงบีบให้คุณชายมู่กินวัตถุดิบเทพคุณสมบัติด้อยที่เ้านำมาด้วยเล่า”
“เ้า...” ต่อให้หลันเยว่หรูได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็อย่างดีั้แ่ยังเยาว์ เวลานี้กลับถูกยั่วโทสะเสียแล้ว เมื่อสักครู่เพิ่งจะกล่าวว่าการที่สกุลหลันได้วัตถุดิบนี้มามิใช่เื่ง่าย เวลานี้กลับกล่าวว่าวัตถุดิบเทพที่นางนำมาคุณสมบัติไม่ดี นี่มิใช่การตบหน้านาง ตบหน้าสกุลหลันหรือ
นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!
หลันเยว่หรูสูดลมหายเข้าเฮือกหนึ่ง หลังจากพยายามควบคุมสติอารมณ์แล้วจึงพูดเสียงเย็น “ฟังจากน้ำเสียงแม่นางแล้ว คาดว่าคงมีวัตถุดิบเทพที่ดีกว่าของข้าแน่นอน ไม่สู้นำออกมาให้พวกเราเปรียบเทียบสักหน่อย จะได้ให้พวกเราทำความรู้จักวัตถุดิบคุณสมบัติชั้นเยี่ยม!”
ชิงมู่หว่านหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง “ฮ่าๆ ให้นางนำวัตถุดิบเทพออกมาหรือเ้าคะ อย่าล้อเล่น! หากนางสามารถนำวัตถุดิบเทพออกมาได้ ให้ตัดศีรษะของข้ามาเตะแทนลูกหนังได้เลย!”
นางยังยกมือทำท่าตัดคอ แล้วเงยหน้าขึ้นหัวเราะ
หลันเยว่หรูหัวเราะเสียงเย็น ทว่ากลับกล่าววาจาบีบคั้น “ในเมื่อแม่นางเฟิงพูดจามีเหตุผลเช่นนี้ ย่อมมีวัตถุดิบเทพอยู่ในมืออยู่แล้ว! แม่นางเฟิง เ้าอย่าได้ถ่อมตัวอีกเลย รีบนำวัตถุดิบเทพออกมาให้พวกเรายลโฉมกันเถอะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนหลุบตาลงต่ำ ตกอยู่ในห้วงความคิด
มู่ชิงหว่านเห็นเช่นนั้นจึงหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดังขึ้นอีก “ฮ่าๆๆ...ดูเถิด นางไม่มีวัตถุดิบเทพอันใดทั้งสิ้น ยังเสแสร้งแกล้งทำอีก! ศิษย์พี่หญิงหลัน นางก็แค่อิจฉาริษยาท่านที่ท่านมีวัตถุดิบเทพ ดังนั้นจึงจงใจพูดจาทำลายท่าน ท่านไม่จำเป็ต้องแยแสนาง! ทว่านางสบประมาทท่านเช่นนี้เป็การกระทำที่ไม่ให้เกียรติต่อท่านและสกุลหลัน! ท่านจะปล่อยนางไปง่ายๆ ไม่ได้นะเ้าคะ ต้องให้นางคุกเข่าขอขมาต่อหน้าท่าน”
มู่ชิงเซียวคาดไม่ถึงว่าเื่ราวจะบานปลายถึงเพียงนี้ จึงรีบส่งเสียงไกล่เกลี่ย “ทุกท่าน ก็แค่เื่น่าขันเื่หนึ่ง อย่าไปจริงจังนักเลย! น้องหญิงสาม เ้าอย่าได้เอ่ยวาจาบีบคั้นคนเช่นนี้อีก!”
มู่ชิงหว่านกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ “พี่รอง เหตุใดท่านจึงเอาแต่ปกป้องนาง คงมิใช่เพราะท่านชอบนางเข้ากระมัง”
ใบหน้าคมสันของมู่ชิงเซียวแดงก่ำ ถลึงตาใส่มู่ชิงหว่าน “อย่าพูดจาเหลวไหล!”
ทว่าปฏิกิริยาของมู่ชิงเซียวล้วนทิ่มแทงบาดลึกจิตใจของหลันเยว่หรู!
นางหลุบตาลงเล็กน้อย ในแววตาฉาบไปด้วยรังสีสังหาร เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งมุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยและเอ่ยวาจาประนีประนอม “ศิษย์พี่ชิงเซียวกล่าวถูกต้อง ก็แค่เื่น่าขันเท่านั้นเอง ข้ากลับเห็นเป็เื่จริงจังเกินไป!”
นางหันมาพูดกับมู่ชิงหว่าน “ศิษย์น้องหญิงชิงหว่าน พวกเราอย่าได้สร้างความลำบากใจให้แม่นางเฟิงเลย นางออกมาจากวังหลวงย่อมต้องได้รู้ได้เห็นอะไรมากกว่าพวกเรา พวกเราอาจจะเป็กบในกะลาเห็นของไร้ประโยชน์เป็สิ่งของล้ำค่าก็ได้!”
ดูจากภายนอกแล้วคำพูดของนางคล้ายกำลังพยายามไกล่เกลี่ยให้คนสงบลง แต่ที่จริงล้วนแต่เป็การลอบโจมตีทั้งสิ้น เพราะนางรู้นิสัยของศิษย์พี่ชิงเซียวมากเกินไป นางซึ่งเป็คนชอบเอาชนะคนหนึ่ง ไฉนเลยจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้ง่ายๆ ยอมรับว่าความรู้ของตนสู้นางกำนัลคนหนึ่งก็ยังไม่ได้หรือ
ปรากฏว่ามู่ชิงหว่านะเิโทสะออกมาทันที นางะโลุกพรวดจากที่นั่ง ชี้จมูกเฟิ่งเฉี่ยนพร้อมด่าทอ “ความรู้ของข้าสู้นางไม่ได้หรือ ช่างเป็เช่นแผ่นกระเบื้องที่ตกลงมาจาก์โดยแท้! เ้าคนแซ่เฟิง วันนี้เลือกเอา นำเอาวัตถุดิบเทพออกมาพิสูจน์ว่าวัตถุดิบเทพของเ้าดีกว่าของศิษย์พี่หญิงหลัน หรือไม่ก็คุกเข่าลงขอขมาเดี๋ยวนี้ บอกว่าเ้าผิดไปแล้ว บอกว่าเ้ากำลังพูดจาเหลวไหล!”