เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มบางๆ “เ้าได้สิทธิ์นั้นทันที!”
พ่าบ! ไข่ไก่ออกมาอีกฟองหนึ่ง! และเป็วัตุดิบเทพขั้นสี่!
สีหน้าของมู่ชิงหว่านเปลี่ยนจากสีม่วงกลายเป็สีดำ ทว่ายังคงปากแข็งดังเดิม “แค่ไข่ไก่สองฟองหรือ เลิศเลอตรงไหน”
พ่าบ! ไข่ไก่ออกมาอีกหนึ่งฟอง!
“ไม่...แค่ไข่ไก่สามฟองหรือ”
พ่าบ! พ่าบ! พ่าบ! ไข่ไก่ออกมาอีกสามฟองติดๆ กัน!
ในลำคอของมู่ชิงหว่านอึกอัก เกือบจะกระอักเืออกมาคำหนึ่ง
เ้า เ้า...เ้ายังไม่ยอมเลิกราใช่หรือไม่
นางทายถูกแล้ว ยังไม่ยอมเลิกราจริงๆ เพราะนี่เป็เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น!
เจ็ดฟอง แปดฟอง เก้าฟอง สิบฟอง...
บนโต๊ะหินเต็มไปด้วยไข่ไก่กองโตขึ้นเรื่อยๆ!
กองหนึ่ง สองกอง สามกอง สี่กอง...
ข้าวสารกองรวมกันเป็ูเา!
ที่ยากจะทำให้คนยอมรับได้ที่สุดก็คือ วัตถุดิบเทพทั้งหมดล้วนเป็วัตถุดิบเทพขั้นสี่!
หางตาของมู่ชิงหว่านกระตุกถี่ๆ จนแทบจะเป็ตะคริว ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว ั์ตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมานอกเบ้า
นี่มันะเืใจเกินไปแล้วนะ!
ที่ไหนใช่การตบหน้า เป็การลงโทษที่โหดร้ายอย่างที่สุด!
มู่ชิงหว่านรู้สึกเพียงเบื้องหน้ากลายเป็สีดำ นางวิงเวียนศีรษะขณะกุมหน้าอกของตนและนั่งลงบนเก้าอี้ หายใจก็ยังติดขัด
หลันเยว่หรูมีสีหน้าย่ำแย่กว่านางเป็ร้อยเท่า ดำเสียจนแทบจะหยดน้ำหมึกออกมาได้! นางกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือของตน เจ็บจนไร้ความรู้สึก
สมควรตาย ไฉนจึงกลายเป็แบบนี้ไปได้
นางมีความเป็มาอย่างไรกันแน่ ถึงกับสามารถนำวัตถุดิบเทพขั้นสี่ออกมามากมายและง่ายดายเช่นนี้ ราวกับไม่ต้องใช้เงินอย่างไรอย่างนั้น!
นี่...นี่มันช่างน่าโมโหนัก!
เมื่อหวนคิดถึงคำพูดของนางก่อนหน้านี้ ที่กล่าวว่าไม่ใช่เื่ง่ายกว่าสกุลหลันจะได้วัตถุดิบเทพเหล่านี้มา แต่ผู้อื่นคว้าลมคว้าอากาศก็โยนออกมากองโต อีกทั้งยังเป็วัตถุดิบที่สูงกว่าสามขั้น...นี่ไม่ใช่การตบหน้าสกุลหลันอย่างไร้ปราณีหรอกหรือ
น่าแค้นใจ! น่าแค้นใจเหลือเกิน!
สีหน้าของนางที่แสดงออกมานั้นสงบนิ่ง นางพยายามควบคุมความวู่วามที่กระอักออกมาเป็เือย่างสุดฤทธิ์ แต่ร่างกายของนางกลับไม่ฟัง มันเริ่มสั่นเทิ้มควบคุมไม่ได้
มู่ชิงเซียวเริ่มแรกคือตกตะลึง ต่อมาก็เหลือเชื่อและปากอ้าตาค้าง สุดท้ายกลายเป็ชาไปทั้งตัว มีเพียง์ที่รู้ว่าหัวใจของเขาเพิ่งจะผ่านประสบการณ์อันใดมา คำพูดนับพันนับหมื่นกลายเป็เสียงทอดถอนใจและเสียงหัวเราะเบาๆ
เขาส่ายหน้า ดูแล้วเขาเองยังคงประเมินแม่นางเฟิงท่านนี้ต่ำไป นางเพียงแต่ไม่ค่อยพูดจาเท่านั้นเอง แต่เมื่อพูดแล้วทำให้คนถึงกับตะลึงพรึงเพริด!
ตอนนี้ข้ากระจ่างแจ้งแล้วว่าเหตุใดฝ่าาจึงได้ส่งนางมาจวนสกุลมู่เพื่อรักษาท่านปู่ หรืออาจเป็เพราะนางเป็คนมีความอดทนอดกลั้น ไม่แสดงความสามารถออกมาเท่านั้นเอง! ขอเพียงแค่คิดว่านางจะต้องมีวิธีการรักษาท่านปู่ให้หายดี ดวงตาสว่างสดใสของเขาก็พลันเปล่งประกายขึ้นมามีชีวิตชีวาและดึงดูดสายตา
เฟิ่งเฉี่ยนกวาดตามองผ่านใบหน้าของมู่ชิงหว่านและหลันเยว่หรูช้าๆ ริมฝีปากแดงดังผลอิงนั้นยกขึ้นเล็กน้อย คิ้วงามนั้นเฉียงขึ้น พูดเสียงกังวานใส “เห็นพอแล้วกระมัง พวกเ้าเริ่มโขกศีรษะได้เลย!”
ทันทีที่มู่ชิงหว่านและหลันเยว่หรูได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะกระอักเืสดๆ ออกมาทันที!
มองวัตถุดิบเทพที่อยู่บนโต๊ะกองมหึมา นับก็ยังนับไม่ถ้วน หากทำตามข้อตกลงที่ได้ทำไว้ก่อนหน้านี้จริงๆ วัตถุดิบเทพชิ้นหนึ่งโขกศีรษะดังๆ หนึ่งครั้ง นางต้องโขกศีรษะจนแตกเป็แน่แท้ ไม่แน่ว่าวันนี้อาจต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่!
ทำอย่างไรดี
สีหน้าของมู่ชิงหว่านพลันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาราวกับนั่งอยู่บนพรมเข็ม ั์ตาของนางกลอกไปมาเมื่อลุกขึ้นกะทันหันและกล่าวว่า “ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามารดาสั่งให้ข้าฝึกยุทธ์ให้ดี ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ไม่พูดกับพวกท่านแล้ว ข้าไปก่อน”
ช่างไร้ความละอาย นางถึงกับหลบเลี่ยงเอาตัวรอดไปเช่นนี้
หลังจากวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว นางพลันนึกอะไรขึ้นได้จึงหันมาร้องะโ “ศิษย์พี่หญิงหลัน ท่านมิใช่ต้องขอคำชี้แนะจากมารดาข้าหรือเ้าคะ ยังไม่รีบมาอีก มารดาไม่ชอบคนมาสายที่สุด!”
สีหน้าเ็าของหลันเยว่หรูแดงก่ำ แม้จะรู้สึกว่าทำเช่นนี้เป็เื่น่าไม่อาย แต่หากยังรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปมีเพียงยิ่งทำให้คนรู้สึกประดักประเดิด! หลังจากมองซ้ายมองขวาเพื่อประเมินสถานการณ์แล้ว นางจึงลุกขึ้นรับคำโดยไม่กล้าสบตาผู้ใด “อ้อ มาแล้ว”
นางไม่แม้แต่จะกล่าวอำลามู่ชิงเซียว นางหมุนตัวรีบเดินออกจากศาลารับลม เงาร่างด้านหลังของนางดูแล้วอเนจอนาถอยู่บ้าง
หลังจากมองส่งคนทั้งสองหายลับตาไปอย่างรวดเร็ว มุมปากของเฟิ่งเฉี่ยนยกขึ้นเล็กน้อย นางมิได้คิดจะไล่ล่าตามไปสังหาร หยุดเมื่อพอสมควร อีกทั้งอยู่ในเรือนผู้อื่น นางยังคงต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี อบรมสั่งสอนคนทั้งสองเป็พอ
มู่ชิงเซียวอ่านความในใจนางออกทะลุปรุโปร่งอย่างรวดเร็ว จึงประสานมือเป็หมัดแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณแม่นางที่ยั้งไมตรี ข้าขออภัยแทนน้องสาวทั้งสองด้วย หวังว่าท่านจะเป็ผู้ใหญ่ใจกว้างไม่ถือสาพวกนาง”
“วางใจ ข้ามิใช่คนใจคอคับแคบ!” เฟิ่งเฉี่ยนแย้มยิ้มและกวาดเอาวัตถุดิบเทพบนโต๊ะกลับมา
มู่ชิงเซียวมองท่าทางของนาง ในแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยกำลังคิดจะอ้าปากถามไถ่ แต่สุดท้ายยังคงยับยั้งตนเองเอาไว้
หากนางยินดี นางย่อมบอกความจริงด้วยตนเอง เหตุใดเขาต้องไปฝืนใจผู้อื่นเล่า
เฟิ่งเฉี่ยนััได้ถึงความคิดของเขา จึงได้แต่ลอบละอายใจ นางเองไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แต่นางลำบากใจที่จะเอ่ยถึงเื่ที่มาของวัตถุดิบเทพ!
หลังจากมู่ชิงหว่านและหลันเยว่หรูออกไปจากศาลาอย่างรีบร้อน ในใจยังคงรู้สึกไม่ยินยอม
โดยเฉพาะมู่ชิงหว่าน ั้แ่เล็กจนโตชีวิตของนางราบรื่นมาโดยตลอด หลังจากนางได้พบกับเฟิ่งเฉี่ยน นางราวกับถูกคุณไสยก็ไม่ปาน ทุกอย่างติดขัดไปหมด เฟิ่งเฉี่ยนเป็ดาวหายนะในชีวิตของนางอย่างแท้จริง!
“ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจจริงๆ! นางเป็แค่นางกำนัลคนหนึ่ง เหตุใดจึงมีวัตถุดิบเทพมากมายเช่นนี้ อีกทั้งล้วนเป็วัตถุดิบเทพขั้นสี่ทั้งสิ้น ช่างเหลือเชื่อ! เพียงคิดถึงสีหน้าลำพองใจของนางในเวลานั้น ข้าก็แทบจะกล้ำกลืนโทสะนี้ลงไปไม่ได้!” มู่ชิงหว่านพูดอย่างโกรธแค้น
แม้สีหน้าของหลันเยว่หรูจะดูเรียบเฉย ทว่าั์ตาสีดำของนางแทบจะถูกกลืนกินด้วยไฟแห่งโทสะ
นางเป็คุณหนูใหญ่แห่งสกุลหลัน เป็ศิษย์ที่มีความโดดเด่นของสำนักศึกษาเทียนหง เป็ธิดาจากสรวง์ เคยต้องถูกดูิ่ถึงขั้นนี้ที่ไหนกัน สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกย่ำแย่ไปยิ่งกว่านั้นก็คือสายตาที่ศิษย์พี่ชิงเซียวมองนาง แค้นนี้นางกล้ำกลืนไม่ลงเช่นกัน
ความเยียบเย็นพาดผ่านแววตาของนาง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดแผนการร้ายได้ “ศิษย์น้องชิงหว่าน หรือเ้าไม่ประหลาดใจเลยว่านางได้วัตถุดิบเทพมากมายเช่นนั้นมาจากที่ใด เท่าที่ข้ารู้มา วัตถุดิบเทพที่ดีที่สุดในแคว้นเป่ยเยียนล้วนอยู่ในวังหลวง และมีไว้เพื่อให้ฝ่าาเสวยเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น นางเป็เพียงนางกำนัลเล็กๆ คนหนึ่ง จะได้วัตถุดิบเทพเหล่านี้มาได้อย่างไร อีกทั้งจำนวนมากมายมหาศาลเช่นนี้”
“ศิษย์พี่หญิงหลัน ความหมายของท่านคือ...นางขโมยมาหรือ นางขโมยวัตถุดิบเทพของวังหลวง” มู่ชิงหว่านถูกคำพูดนั้นทำให้ตื่นตัว ดวงตาของนางทอประกาย “ดียิ่ง ข้าว่าเหตุใดนางจึงต้องทำให้ตัวเองกลายเป็คนขี้ริ้ว ที่แท้ก็เพราะทำเื่พบหน้าผู้คนไม่ได้ เพื่อปิดบังอำพรางหน้าตาของตน ถูกต้อง เช่นนี้ถูกต้องแล้ว ทั้งหมดล้วนอธิบายได้!”
มู่ชิงหว่านยิ่งคิดยิ่งเข้าเค้า “น่ารังเกียจเหลือเกิน! เสียแรงที่ท่านพี่เช่อเชื่อใจนางถึงเพียงนี้ มอบหน้าที่สำคัญเช่นนี้ให้นาง นางกลับกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ขโมยวัตถุดิบเทพของท่านพี่เช่อ ข้าจะต้องนำเื่นี้ไปบอกกับท่านพี่เช่อ ให้ท่านพี่เช่อลงโทษนาง!”
เมื่อเห็นว่านางคิดตามหมากที่ตนวางเอาไว้ หลันเยว่หรูลอบยกยิ้มกระหยิ่ม “ฝ่าาทรงมีราชกิจมากมาย ไม่แน่ว่าจะมีเวลามาใส่ใจเื่เล็กเช่นนี้ ต่อให้ฝ่าาทรงทราบ รอให้พระองค์มีเวลาลงมาจัดการ เกรงว่านางจะหนีไปแล้ว ไม่รู้จะไปตามที่ใด”
“เช่นนั้นทำอย่างไรเล่า หรือปล่อยนางไว้เช่นนั้น” มู่ชิงหว่านร้อนใจ
หลันเยว่หรูกล่าวเนิบๆ “เ้าลืมไปแล้วหรือว่าพี่ชายของข้าทำอะไร?”
“พี่ชายของท่านหรือ หลินห่ายเฟิง” มู่ชิงหว่านดวงตาเป็ประกายเมื่อเชื่อมโยงเื่ราวได้ “ใช่แล้ว เหตุใดข้าจึงลืมว่าพี่ชายของท่านเป็มือปราบของศาลาว่าการเมืองมู่หยาง ทำหน้าที่จับโจรขโมยโดยเฉพาะ ตามตัวเขามาเป็เื่ถูกต้องแล้ว!”
แววตาของหลันเยว่หรูคมปลาบ “พรุ่งนี้เช้าตรู่ ข้าจะให้พี่ชายของข้ามาจวนสกุลมู่สักเที่ยว เปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของนางต่อหน้าทุกคน!”