ฉันวิ่งมาที่สะพานใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งสะพานนี้เป็สะพานที่บินผ่านตอนที่ฉันนั่งอยู่บนรถเหาะได้ของเซวียนหยวนเฉิน เป็สะพานที่มีทางเดินเข้าไปในเขตของมหาลัยแต่ด้านล่างสะพานเป็ท้องฟ้าที่แจ่มใส ฉันยืนอยู่ข้างบนนี้ยังรู้สึกว่าขาสั่นเลย บนผนังของสะพานนี้มีรูปภาพแขวนไว้เป็จำนวนมากเหมือนกับพวกรูปภาพนักวิทยาศาสตร์ที่แขวนอยู่ตามโรงเรียนฉันไม่รู้จักพวกเขาหรอกแต่ว่าก็หล่อทุกคนนะ
เมื่อฉันเดินไปถึงรูปภาพของของผู้หญิงคนหนึ่งฉันก็หยุดฝีเท้าลงโดยไม่รู้ตัวฉันรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หญิงในรูปภาพนี้มาก แถมยังมีความรู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูกผู้หญิงคนนี้มีผมตรงยาวสีดำใบหน้ารูปไข่ดวงตาสวยเป็ประกาย ถึงแม้จะไม่ได้ดูสวยมากเหมือนพี่สาวที่เพิ่งเห็นที่ห้องอาจารย์ใหญ่เมื่อก่อนหน้านี้แต่กลับทำให้คนมองเกิดความรู้สึกสบายใจ
ใครกันนะ
ที่นี่มีรูปภาพของผู้หญิงแขวนอยู่เป็จำนวนมากแค่มองดูก็รู้แล้วว่าเป็ดินแดนของเทพเป็ดินแดนที่สวยงามแต่มีเพียงภาพนี้ที่ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกผูกพันฉันยืนอยู่หน้ารูปภาพของเธอแล้วก็รู้สึกว่าไม่อยากจากไปไหนเพราะว่าสายตาของเธอเหมือนกับกำลังจ้องมองมาที่ฉันดวงตาคู่นั้นสวยมาก สายตานั้นอ่อนโยนมาก ทำให้ฉันอดที่จะคิดถึงคุณแม่ขึ้นมาไม่ได้
ฉันอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปัักับจี้ที่ใส่ไว้อีกครั้งทำไมพอมองรูปผู้หญิงคนนี้ฉันถึงได้คิดถึงคุณแม่ขึ้นมากันนะ คุณแม่ฉันก็ไม่ได้รูปร่างหน้าตาแบบนี้นี่หรือผู้หญิงคนนี้จะเป็ญาติของคุณแม่
ฉันมองไปที่ชื่อของเธอทันทีชื่อของคุณแม่นั้นธรรมดามากคุณแม่ชื่อว่าหวังผิงแต่ผู้หญิงในรูปนี้มีชื่อว่าเริ่นอิ่งนามสกุลก็ไม่เหมือนกันและผู้หญิงคนนี้ก็ดูสวยกว่าคุณแม่ของฉันมากมองดูก็รู้ว่าเป็เทพธิดา
ช่างมันเถอะอาจจะเป็เพราะว่าผู้หญิงคนนี้ดูดีล่ะมั้งฉันถึงมีความรู้สึกดีๆกับเธอ ฉันจะต้องรีบไปทำภารกิจแรกให้สำเร็จก่อน
ฉันเดินไปข้างหน้าต่อทันทีแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวฉันก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองรูปนั้นอีกครั้งไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกชอบผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากที่ฉันเดินออกมาจากสะพานนั้น ฉันก็เห็นกลุ่มอาคารที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าและรูปแบบของอาคารเหล่านี้ก็แตกต่างกันออกไปมีทั้งอาคารทรงสูงและอาคารทรงเตี้ยและอาคารทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ตั้งอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน
บางอาคารก็คล้ายกับบ้านพักตากอากาศบ้างก็เหมือนตึกเล็กๆสไตล์โบราณ บ้างก็เหมือนพระราชวังในแบบโรมัน บ้างก็เหมือนบ้านหลังเล็กๆ ในนิทานแล้วก็ยังมีอาคารคิตตี้สีชมพูหลังนั้นอีกน่ารักเกินไปแล้ว
โอ้โหแล้วยังมีไอรอนแมนสีแดงทั้งตัวนั้นอีก
ตรงนั้นก็ยังมีสไปเดอร์แมนด้วย
ประหลาดเกินไปแล้ว
และที่แปลกไปกว่านั้นคืออาคารพวกนี้ ใช่ฉันมองไม่ผิดแน่อาคารพวกนี้มันลอยอยู่กลางอากาศและพอยิ่งอยู่สูงขึ้นไปก็ยิ่งมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ อาคารทั้งหมดเรียงกันเป็รูปทรงพีระมิดอาคารเล็กๆแต่ละหลังที่อยู่ด้านล่างนั้นจะมีวงเวียนใหญ่เป็วงกลมเท่าที่ดูแล้วก็คือจะต้องบินขึ้นไป
ฉันเดินเข้าไปที่อาคารด้านล่างพวกนี้อย่างอึ้งๆอาคารที่อยู่ล่างสุดอยู่ห่างจากพื้นดินจนมองเห็นได้ว่ามีคนปักป้ายประกาศไว้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านหลังน้อยของพวกเราแต่คุณต้องเป็เผ่าปีศาจน้าาาา”
“สมาชิกเผ่าสัตว์น้ำอยู่ที่นี่น้าาาา”
“ถ้าอยากอยู่ที่นี่ก็งัดความสามารถของคุณออกมา”
“รับแต่คนสวย”
“...”
ดะ ดะ ดะเดี๋ยวนะ
ฉันเข้าใจแล้วว่าที่อาจารย์ใหญ่พูดว่าให้หาคนที่จะรับฉันเข้าที่พักนั่นมันหมายถึงอะไร
ที่แท้หอพักของที่นี่จะต้องมีรุ่นพี่มาต้อนรับรุ่นน้องตามแบบมหาลัยทั่วไปต้องมีคนมารับฉัน ฉันถึงจะเข้าไปอยู่ในหอพักได้
ตายแน่ๆ ฉันเป็แค่คนธรรมดานะหอพักพวกนั้นมันลอยอยู่กลางอากาศแบบนั้นต่อให้ฉันะโขึ้นไปก็ยังะโไม่ถึงเลย
เอ๊ะ! ดูเหมือนว่าฉันจะเจออยู่หลังหนึ่งนะ
ฉันยืนอยู่ตรงหอพักหลังที่อยู่ต่ำที่สุดมันตั้งอยู่ตรงกลางสภาพทรุดโทรมผิดปกติแต่ก็มีแค่หลังนี้ที่ตั้งอยู่บนพื้นดิน
หอพักที่เรียงกันอยู่้าเป็ทรงพีระมิดแต่หลังนี้อยู่บนพื้นและมีแค่หลังเดียวจึงทำให้หอพักหลังนี้ดูโดดเด่นสะดุดตา
เพราะว่าหอพักทุกหลังตั้งอยู่บนฟ้ามีแค่หลังนี้เท่านั้นที่อยู่บนพื้นดังนั้นก็เลยดูเหมือนว่าบ้านหลังนี้มีสวนขนาดใหญ่อยู่ในบริเวณบ้าน
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ต่อให้เสียค่าใช้จ่ายแพงแค่ไหนฉันก็ยอมต่อให้บ้านหลังนั้นจะเป็บ้านผีสิงฉันก็จะอยู่
ฉันก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูผุๆพังๆ นั่น
ถึงบ้านหลังนี้จะดูทรุดโทรมแต่ก็ดูสะอาดมากบริเวณรอบข้างก็ไม่มีป้ายประกาศต้อนรับติดไว้
ฉันเดินเข้าไปเคาะประตู “ปัง ปัง ปัง”
“มีใครอยู่ไหม”
“แอ๊ด...” ประตูเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาคู่หนึ่งโผล่ออกมา ฉันจำดวงตาคู่นั่นได้ทันที “ซืออีนั่ว!”
ตาคู่นั่นเบิกกว้างขึ้นมาจากนั้นก็เปิดประตูออกและฉันก็เห็นผู้ชายอีกสามคนอยู่ในนั้น
เอ๊ะที่นี่มีแต่ผู้ชายเลยเหรอ
และผู้ชายที่อยู่ด้านหลังซืออีนั่วนั่นช่าง...ดูมีบุคลิกโดดเด่นจริงๆ
ร่างผอมสูงที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายสุดมีรูปร่างเพรียวยาวแต่สีหน้ากลับดูเหมือนคนที่เป็โรคโลหิตจางเรื้อรังดูไม่ดีเอาซะเลย แบบนั้นยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูหล่อน้อยลง สีตาคู่นั้นเป็สีซีดจางๆ ฉันเห็นพวกผีพวกตัวประหลาดมาเยอะจนฉันไม่รู้สึกสงสัยกับสีหน้าเขาแล้วละ
ที่หูของเขาใส่ต่างหูสีแดงทับทิมเอาไว้ทำให้ร่างของเขาทั้งร่างดูเหมือนจะมีสีแดงอยู่แค่สีเดียวในมือของเขาถือถุงเครื่องดื่มสีแดงไว้และเขากำลังดูดมันอยู่
ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาเป็ผู้ชายที่มีใบหน้าสีเขียว
เอ่อ...ผู้ชายในหอพักหลังนี้นี่ค่อยๆ ไล่ระดับสีกันไปเลยนะเนี่ย
ดวงตาสีทองคู่นั้นของเขาสวยมากแต่ผมบนหัวของเขากลับเป็สีเขียวยุ่งเหยิงเหมือนกับมีหญ้ายาวขึ้นบนหัวของเขาแถมยังดูเหมือนมีนกขึ้นไปทำรังบนหัวของเขาอีกต่างหาก
ถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะดูแปลกๆ แต่ดูไปแล้วก็ยังถือว่าหล่อมากหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรยังพอรับได้ ถ้ามองไปนานๆ ฉันว่าผู้ชายคนนี้ก็หล่อดี
คนสุดท้ายนี่ดูเป็ผู้ชายโหดเถื่อนมากเลยบนหน้ามีแต่หนวดเต็มไปหมด ขนคิ้วสองข้างก็หนาเป็ทางยาวลงมาดูไปก็เหมือนสุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์เลยยิ่งเพิ่มดวงตาสีฟ้านั่นเข้าไปด้วยยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่
ฉันมองหน้าเขาอยู่นานจนรู้สึกว่ามันดูเสียมารยาท
ฉันรีบเก็บสายตาแห่งความสงสัยนั้นไว้แล้วมองหน้าพวกเขา “เอ่อ ผู้ชายหมดเลยเหรอ” ทั้งสี่คนนั้นมองหน้าฉันอึ้งๆ
ทันใดนั้นผู้ชายที่ดูโหดเถื่อนคนนั้นก็ค่อยๆยกมือขึ้น “ฉะฉันเป็ผู้หญิง”
ทันทีที่เธอพูดจบคำสบถหยาบคายลอยเข้ามาในหัวฉันเป็หมื่นๆ คำแล้ว ตอนนี้ฉันแยกผู้ชายกับผู้หญิงในดินแดนเทพแห่งนี้ไม่ออกเลยจริงๆ
ฉันรู้สึกว่าเหงื่อเย็นๆ ไหลมาตามร่างกายสายลมพัดมารุนแรงทั้งอายทั้งทำตัวไม่ถูก
“พี่เสี่ยวหลัน นะ...นี่พี่รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่" ซืออีนั่วยังคงดูกลัวๆ อยู่สองมือนั้นดึงทึ้งผมตัวเองสายตาก็มองไปรอบๆ และพูดออกมาเบาๆ
ฉันที่เพิ่งจะได้สติก็มองเขาด้วยความรู้สึกมึนงงทำตัวไม่ถูก “ฉันก็ไม่รู้หรอกว่านายอยู่ที่นี่ฉันแค่มาหาหอพัก” พอสี่คนนั้นได้ยินว่าฉันมาหาหอพักสายตาก็เปล่งประกายขึ้นมาแม้แต่ซืออีนั่วก็ยังเงยหน้าขึ้นมามอง ฉันยิ้มแล้วมองพวกเขา “คือว่ามีแค่ที่นี่ที่อยู่บนพื้นพวกเธอ...เต็มใจให้ฉันอยู่ด้วยไหม”
ฉันมองพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแต่ว่าพวกกลับมองฉันด้วยสีหน้าที่เครียดหนักมากกว่าทันใดนั้นผู้หญิงที่มีขนปกคลุมไปทั่วร่างคนนั้นก็ะโขึ้นอย่างดีใจ “เต็มใจสิ เข้ามาเลย เข้ามาเลย”
“ใช่ ใช่ ใช่ เข้ามาเลย”
ทุกคนเข้ามารายล้อมฉันและพาฉันเข้าไปข้างในไม่ต้องบอกเลยว่า คึกคักกันขนาดไหน
ข้างในบ้านดูใหญ่กว่าสภาพที่เห็นจากข้างนอกพูดตามจริงก็คือที่เห็นข้างนอกนั่นดูเหมือนเป็แค่บ้านของเล่นเท่านั้นเองแต่ข้างในมันดูกว้างมากทางเข้าเป็ราวบันไดสวยงามใต้ราวบันไดเป็โซฟาวางอยู่เป็วงกลม บนโซฟามีสิ่งของวางกระจัดกระจายอยู่ดูเป็กลุ่มนักเรียนที่ไม่ค่อยเป็ระเบียบเท่าไร
แต่ว่า
ฉันชอบมาก
“พี่เสี่ยวหลันผมจะแนะนำให้พี่รู้จักกับพวกเขาก่อนนะ" ซืออีนั่วชี้ไปทางสามคนนั้นด้วยความตื่นเต้น
“นี่คือเจียงเหยี่ยนอยู่ตระกูล ‘เจียงเฉิน’ แล้วก็ยังมีตระกูล‘โฮ่วชิง’ ‘อิ๋งโกว’ ‘ฮั่นป๋า’ทั้งหมดนี้เป็กลุ่มตระกูลเดียวกัน พวกเขาเป็แวมไพร์ดูดเื”
“แวมไพร์” ฉันใเจียงเหยี่ยนรีบยกมือขึ้นมาอย่างไว “เธอสบายใจได้ฉันมีเืไว้กินแล้ว” เขารีบชูถุงเครื่องดื่มในมือขึ้นมาให้ตายเถอะที่แท้แล้วสิ่งนั้นมันคือเืงั้นเหรอ
“ใช่แล้วพี่เสี่ยวหลันสบายใจได้เขาไม่เที่ยวไปดูดเืใครซี้ซั้วแน่นอน”ซืออีนั่วรีบอธิบายเหมือนกลัวว่าฉันจะใจนเสียสติไปมากกว่านี้
“ที่นี่มีการควบคุมที่เข้มงวดมากถ้าเที่ยวดูดเืใครไปทั่วจะต้องถูกไล่ออก แล้วอีกอย่าง ขอแค่มีเืตุนไว้มากพอพวกเขาก็จะไม่เที่ยวไปดูดเืใคร” ฉันยืนมองพวกเขาตัวแข็งทื่อทุกคนพยักหน้าพร้อมกันดูจากสายตาที่มีความหวังของพวกเขาแล้ว ฉันััได้เลยว่าพวกเขาจริงใจและอยากให้ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยจริงๆ
“ไม่กัดคนจริงๆ ใช่ไหม” ฉันถามอีกครั้ง
เจียงเหยี่ยนก็พยักหน้าจริงจัง “ที่จริงแล้วเื่ที่ว่าเราดูดเืคนมันเป็เื่ที่คนธรรมดาพากันเข้าใจผิดไปเองยิ่งเป็แวมไพร์ชั้นสูงก็ยิ่งจะไม่ไปดูดเืตามอำเภอใจและฉันก็มีเืเก็บสำรองไว้มากพอเพราะงั้นฉันไม่ดูดเืเธอหรอก เธอสบายใจได้” เขามองฉันด้วยสีหน้าจริงจังและฉันก็ได้รู้อะไรเพิ่มมากขึ้น
ฉันหัวเราะขึ้นมา “ขอโทษที ฉันก็เป็แค่คนธรรมดานายอย่าคิดมากเลยนะ” ฉันผลักอกเขาเบาๆ เขาชะงักไปนิดก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความสบายใจฉันรีบอธิบายต่อ “ใครใช้ให้นายกวางเฉินอะไรนั่นจะมากัดฉันล่ะฉันก็ในะสิ”
“กวางเฉินจะกัดเธองั้นเหรอ!” สายตาเจียงเหยี่ยนดูใมาก คนอื่นที่เหลือมองมาทางเจียงเหยี่ยนทันทีเจียงเหยี่ยนขมวดคิ้วมองหน้าฉันอย่างจริงจัง
“อืม...อาจจะเป็เพราะว่าเธอยังเป็คนที่มีชีวิตอยู่ก็ได้” เขาพูดขึ้นมาอย่างอายๆ ฉันมองเขาด้วยใจที่สั่นกลัว
นี่น้องชายนายคงไม่คิดว่าฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วนายจะมากัดฉันตอนไหนก็ได้หรอกนะ
เจียงเหยี่ยนไม่กล้ามองหน้าฉันอีกเขากะพริบตาปริบๆจากนั้นหันกลับไปดูดเืต่อเงียบๆ “อึก อึก อึก อึก”
บรรยากาศรอบข้างเงียบขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว
ซืออีนั่วมองเจียงเหยี่ยนอย่างกลัวๆ และเขาก็เป็คนที่ทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ขึ้นมาทันที“นี่คือชิงิเป็ั” เขาชี้ไปที่ผู้ชายหน้าเขียวอมม่วงคนนั้น
“ั!” ฉันมองไปที่ชิงิ มิน่าล่ะถึงได้ดูมีสีสันเต็มตัวเยอะซะขนาดนั้น
เขายกมือขึ้นโบกให้ฉันเบาๆ และเอ่ยทักทาย “หวัดดี” และก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก
ฉันยกมือทักทายเขากลับไป “หวัดดี”
เขายิ้มเป็การแสยะยิ้มที่ทำให้คนมองรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที
“ส่วนนี่คือเหมาเหมา” ซืออีนั่วชี้ไปที่สาวน้อยคนนั้น “เป็มนุษย์หมาป่า”
“มนุษย์หมาป่า!" ฉันใตาโตขึ้นมาอีกครั้งรู้สึกหงุดหงิดตัวเองขึ้นมา และรีบขอโทษเธอทันที “ขอโทษ ขอโทษ คือฉันเพิ่งมาเลยยังไม่ค่อยรู้อะไรมาก”
แต่เหมาเหมาไม่ได้ใส่ใจกลับยิ้มออกมาอย่างร่าเริง “ไม่เป็ไรแค่เธอเต็มใจมาอยู่กับพวกเรา พวกเราก็ดีใจมากแล้วแต่ก่อนไม่เคยมีใครเต็มใจที่จะมาอยู่กับพวกเราหรอกเพราะว่าพวกเรา...” เหมาเหมาก้มหน้าลงด้วยความเศร้าเสียใจทันใดนั้นเจียงเหยี่ยน ชิงิ รวมถึงซืออีนั่วต่างก็ก้มหน้าลงกันหมด “พวกเรามันไร้ความสามารถ...เฮ้อ”
บรรยากาศเงียบลงทันทีและฉันต้องทำให้พวกเขากลับมาสดใสเหมือนเดิมฉันยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ไร้ความสามารถแล้วยังไงล่ะฉันก็สอบเข้ามหาลัยได้คะแนนต่ำสุดเหมือนกันแถมยังต่ำสุดในโรงเรียนอีกด้วยฮ่าฮ่าฮ่า แต่ลองคิดในทางกลับกันดูฉันก็เก่งมากเลยใช่ไหมล่ะ”
พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองฉันอย่างอึ้งอึ้ง
“หลังจากนี้ฉันจะเป็คนช่วยสอนพื้นฐานทุกอย่างให้พวกเธอเองไม่เป็ไรนะฉันเป็คนคิดบวก ถ้าคนอื่นดูถูกฉัน ฉันก็ต้องคิดว่าตัวเองเก่งไว้ก่อนสิถูกไหม” ฉันยิ้มจนตาหยีมองหน้าทุกคนประสานมือไว้ข้างหลังแต่ในใจกลับกำลังร้องไห้อยู่เซี่ยเสี่ยวหลันเธอมันเป็ตัวซวยที่ทำให้ทุกที่ตกต่ำลงต่างหากล่ะ