“เ้าเด็กไร้ค่า ถอยไปนะ ใครเอาตั๋วเงินของเ้าไป กล้าดียังไงมาใส่ร้ายอาของเ้า!”
“ท่านย่า อะไรคือเด็กไร้ค่าหรือเ้าคะ?” อวิ๋นเจียวร้องไห้แสร้งทำเป็ไม่รู้เื่พลางพยายามขยับเข้าไปใกล้อวิ๋นเหมยเอ๋อร์
นางเห็นอวิ๋นเหมยเอ๋อร์พยายามหลบนาง ส่วนเถาซื่อก็ตั้งใจขวางกั้นระหว่างนางกับอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ ทำให้ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ในเวลาอันสั้น
“โง่จริงๆ เด็กไร้ค่าหมายถึงอะไรยังไม่รู้อีก พวกเ้าที่เป็ผู้หญิงโตขึ้นก็ต้องแต่งออกเรือน พอแต่งออกไปก็กลายเป็คนของตระกูลอื่น แถมยังต้องเตรียมสินสอดทองหมั้นไปด้วย มิใช่เด็กไร้ค่าแล้วคืออะไร?” อวิ๋นฉี่รุ่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ ยังบอกว่าตัวเองเป็เด็กสาวที่กลับมาจากเมืองหลวงอีก ไม่รู้เื่อะไรเอาเสียเลย!
เมื่อได้ยินดังนั้น อวิ๋นเจียวจึงแสร้งทำเป็ไม่ยอมแพ้แล้วเอ่ยถาม “เ้าพูดโกหก ท่านย่าเองก็เป็ผู้หญิง ท่านอาก็เป็ผู้หญิง ถ้าเช่นนั้นท่านย่าโง่หรือ ถึงได้ด่าตัวเองแบบนั้น?”
ไม่เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกว่าอะไร? ด่าคนอื่นก็ด่าไปเถิด ไยต้องลามมาถึงตัวเองด้วย
อวิ๋นฉี่รุ่ยยิ่งพูดยิ่งดื้อดึงขึ้นมา หลิ่วซื่อจะรั้งอย่างไรก็รั้งไม่อยู่ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้พูดผิด เขากระทืบเท้าแล้วพูดว่า “ท่านย่าเป็คนพูดเองต่างหาก ผู้หญิงล้วนเป็เด็กไร้ค่า เลี้ยงไปก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำ! ท่านย่ายังชอบด่าพี่หญิงสามว่าเป็เด็กไร้ค่า! แม่ข้าก็บอกว่าพี่หญิงรองกับพี่หญิงสามเป็เด็กไร้ค่า ตอนนี้เพิ่มเ้าเข้าไปอีกคน พวกเ้าล้วนเป็เด็กไร้ค่า!”
“เ้าพูดเหลวไหล ไม่ใช่ความหมายแบบนั้นแน่ๆ มิเช่นนั้นท่านย่าก็กำลังด่าตัวเองว่าเป็ยายแก่ไร้ค่า และท่านอาก็เป็อาไร้ค่าน่ะสิ!” สิ้นคำพูดของอวิ๋นเจียว ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูลต่างก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ แต่ต้องกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้
เถาซื่อโกรธจนตัวสั่น นางชี้หน้าด่าหลิ่วซื่อ “เ้ามันท่อนไม้หรือไง! ยืนเฉยอยู่ได้ยังไง? รีบพาเ้าเด็กเหลือขอนี่ไสหัวไปให้พ้นหน้า!”
หลิ่วซื่อถูกด่าจนคอหด จึงได้แต่พาอวิ๋นฉี่รุ่ยจากไปอย่างเสียไม่ได้ แต่อวิ๋นฉี่รุ่ยไม่ยอมไปง่ายๆ เพราะเขาเห็นว่าในครัวมีแต่เนื้อเต็มไปหมด ดังนั้นเขาจึงสะบัดมือหลิ่วซื่อออก แล้ววิ่งหลบไปมาในลานบ้าน ทำเอาผู้เฒ่าอวิ๋นหน้าดำราวกับก้นหม้อ
ส่วนเฉาซื่อกับอวิ๋นโส่วเย่าสองสามีภรรยาต่างก็ทำหน้าบึ้งตึง บุตรสาวเป็ลูกที่พวกเขาคลอดออกมาแท้ๆ กลับถูกคนอื่นมาด่าทอเหยียดหยามต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ พวกเขาย่อมรู้สึกไม่พอใจ ไม่ต้องพูดถึงเถาซื่อ นางเป็แม่ของพวกเขา จะด่าอะไรมาก็ต้องยอมทน แต่ว่าหลิ่วซื่อเป็ใครกัน? นางมีสิทธิ์อะไรมาด่าว่าบุตรสาวของพวกเขา?
เถาซื่อมองอวิ๋นเจียวด้วยแววตาอาฆาต นางยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าอวิ๋นเจียว ส่วนอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็ฉวยโอกาสยื่นมือออกไปหมายจะหยิกอวิ๋นเจียว นังเด็กสารเลว! กล้าดียังไงมาด่านางว่าเป็อาหญิงไร้ค่า! แต่คำพูดนี้เป็คำพูดที่แม่ของนางพูดก่อน แถมยังเป็คนแรกที่โวยวาย นางจึงเถียงไม่ได้!
“ท่านแม่ เจียวเอ๋อร์ยังเด็ก!” ฟางซื่อเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปปกป้องอวิ๋นเจียว ในขณะเดียวกันสิ่งที่ทำให้อวิ๋นเจียวคาดไม่ถึงก็คือจ้าวซื่อก็พุ่งเข้ามาดึงเถาซื่อเอาไว้ ส่วนเฉาซื่อก็เข้ามาดึงอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ไว้เช่นกัน
เถาซื่อไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นางหันกลับไปกระชากผมจ้าวซื่อ ยกมือขึ้นตบตีไม่ยั้ง ในทันใดนั้นลานบ้านก็วุ่นวายขึ้นมาทันที สองพี่น้องอวิ๋นฉี่เยว่ย่อมไม่อาจทนเห็นคนอื่นมารังแกอวิ๋นเจียวได้ จึงพุ่งเข้าไปช่วยอีกแรง ด้านสองพี่น้องอวิ๋นฉี่ชิ่งเห็นเถาซื่อตบตีมารดาของตน ก็ทนดูเฉยไม่ได้เช่นกัน เพียงพริบตาเดียว ทุกอย่างก็กลายเป็ความโกลาหลไปหมดจนมองไม่เห็นอะไรแล้ว
ทว่าสำหรับอวิ๋นเจียวแล้ว นี่กลับเป็โอกาสอันดี นางคิดอยู่ว่าหากไม่มีความโกลาหลเช่นนี้ นางคงไม่สามารถลงมือได้ ในทันใดนั้นนางจึงรีบซื้อมีดคัตเตอร์จากระบบเถาเป่า อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสังเกตเห็น แอบกรีดเสื้อผ้าของอวิ๋นเหมยเอ๋อร์และเถาซื่อสองสามทีจากนั้นก็รีบโยนมีดคัตเตอร์เข้าไปในระบบรีไซเคิลของเถาเป่า
“พอได้แล้ว! หยุดได้แล้ว! ยังอับอายคนอื่นไม่พออีกหรือ! พวกเ้าทะเลาะกันแบบนี้ จะเอาชีวิตตาแก่อย่างข้าให้ตายเลยหรือยังไง!” ผู้เฒ่าอวิ๋นโกรธจนกระทืบเท้าแล้วตวาดเสียงดัง
อวิ๋นเจียวบรรลุเป้าหมายแล้ว จึงแอบดึงแขนเสื้อของอวิ๋นฉี่ซานและอวิ๋นฉี่เยว่เบาๆ จากนั้นก็หลบไปอยู่ด้านหลังฟางซื่อให้ไกลจากเถาซื่อ
เถาซื่อถูกผู้เฒ่าอวิ๋นตวาดจนรู้สึกตัว ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลยังอยู่ที่นี่ด้วย! ทั้งหมดเป็เพราะยัยเด็กอวิ๋นเจียว ทำให้นางเสียสมาธิและพลั้งพลาดไป! ดังนั้นเถาซื่อจึงหยุดอาละวาด ส่วนอวิ๋นเหมยเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นก็หยุดตามไปด้วย
แต่หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไป สายตาที่มองไปยังเถาซื่อกับอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไป เสื้อนอกผ้าฝ้ายบางๆ ของทั้งสองคนขาดวิ่นจนหลุดลุ่ยจากบริเวณเอว เผยให้เห็นสิ่งของที่ถูกพันซ่อนอยู่รอบเอวของพวกนาง ตรงเอวของเถาซื่อผูกมัดผ้าปูเตียงเอาไว้ ส่วนอวิ๋นเหมยเอ๋อร์มีเสื้อผ้าหลายชุดของอวิ๋นเจียวพันรอบตัว พร้อมกับกล่องใส่เครื่องประดับอีกสองกล่อง
ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูลรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เมื่อครู่นี้พวกเขายังคิดว่าอวิ๋นโส่วจงและครอบครัวทำไม่ถูก แถมยังเอ่ยปากเข้าข้างเถาซื่อ ไม่คิดเลยว่าเพียงไม่นาน ความจริงนั้นราวกับฝ่ามือที่ตบลงบนใบหน้าของพวกเขาทั้งสองอย่างแรงจนเสียง ‘เพียะ เพียะ’ ดังก้องในใจ
ขณะนั้นอวิ๋นเหมยเอ๋อร์มองตามสายตาของทุกคน จึงก้มลงมองดู ทันใดนั้นก็ร้องเสียงหลงพร้อมกับะโตัวโหยง “อ๊ะ! เสื้อผ้าข้า ไอ้ตัวน่าตายคนไหนมันฉีกเสื้อผ้าข้า?”
เถาซื่อเห็นเสื้อนอกผ้าฝ้ายของตนเองขาดวิ่น ก็นึกเสียดายจนแทบขาดใจ ไม่ได้สนใจเลยว่าคนอื่นจะมองนางอย่างไร นางมองไปรอบๆ ด้วยแววตาดุร้าย ก่อนจะะโด่า “ใครมันช่างจิตใจโสมม กรีดเสื้อผ้าของข้า? ออกมาให้ข้าเห็นหน้าเดี๋ยวนี้! ข้าจะฆ่ามัน!”
อวิ๋นเจียวกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าตาใสซื่อพลางเอ่ยถาม “ท่านย่า หรือว่าตอนที่ท่านกับท่านอาแอบกรีดทำลายข้าวของของข้าอยู่ ไม่ทันระวังเผลอกรีดโดนเสื้อตัวเองขาดหรือเปล่าเ้าคะ? เมื่อกี้ทุกคนเบียดเสียดกัน อาจจะเผลอไปโดนก็ได้นะเ้าคะ?”
“พูดเพ้อเจ้อ! ยายเฒ่าอย่างข้าโง่หรือไง ถึงเอากรรไกรไปกรีดเสื้อผ้าตัวเอง?”
อวิ๋นเจียวคิดในใจ: ไม่โง่แล้วคืออะไร?
หลอกถามเื่ตั๋วเงินยี่สิบสองตำลึงจนเห็นธาตุแท้ของอาหญิง ตอนนี้ก็หลอกถามจนเห็นธาตุแท้ของย่าอีกคน!
ผู้เฒ่าอวิ๋นโกรธจัด “ยังไม่หุบปากกันอีกหรือ? วันๆ ไม่ทำการทำงานกันสักอย่าง เอาแต่สร้างเื่น่าอับอายขายหน้า! ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าให้หมด!” คราวนี้ผู้เฒ่าอวิ๋นโกรธจริงๆ เถาซื่อก็ไม่กล้าโวยวายต่อ อวิ๋นเหมยเอ๋อร์เองก็ใ จึงรีบเดินหนีตามเถาซื่อออกไปอย่างรู้งาน
ทว่าอวิ๋นโส่วจงกลับมองด้วยสายตาเ็า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นะเื “ช้าก่อน วางของของเจียวเอ๋อร์ลง!”
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์กับเถาซื่อแกะผ้าคาดเอวที่มัดสิ่งของเอาไว้อย่างไม่เต็มใจนัก แล้วขว้างมันลงกับพื้นอย่างขุ่นเคือง หลังจากโยนของลงพื้นแล้ว อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็ร้องไห้วิ่งออกไป ส่วนเถาซื่อก็พึมพำด่าทอก่อนจะรีบเดินตามออกไปอย่างรวดเร็ว
ผู้เฒ่าอวิ๋นถอนหายใจ มองอวิ๋นโส่วจงด้วยแววตาสลด “เ้ารอง แม่กับน้องสาวของเ้าไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่เห็นแก่เงินทองเล็กๆ น้อยๆ พวกเ้าอย่าเก็บมาใส่ใจเลย”
อวิ๋นโส่วจงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “ท่านพ่อ หากอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ยังเป็เช่นนี้ ใครจะกล้าแต่งนางเข้าบ้าน?”
ผู้เฒ่าอวิ๋นถูกคำพูดของอวิ๋นโส่วจงทำให้พูดไม่ออก และรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจลึกๆ โทษลูกชายที่ไม่ยอมรักษาหน้ากัน ทั้งยังโทษฟางซื่อกับอวิ๋นเจียวที่ต้องทำให้เื่บานปลาย ไม่ยอมปิดประตูคุยกันเองภายในครอบครัว “ช่างเถอะ เ้าจากบ้านไปนาน ในใจ... ไม่มีพวกเขา ข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะพูดแล้ว”
คำพูดของผู้เฒ่าอวิ๋นไม่เพียงแต่ทำให้อวิ๋นโส่วจงรู้สึกเ็า แม้แต่อวิ๋นโส่วกวงก็เงยหน้าขึ้นมองผู้เฒ่าอวิ๋นด้วยแววตาไม่อยากเชื่อเช่นกัน ต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูล กลับพูดใส่น้องรองเช่นนี้ คำพูดนี้ช่างบาดลึกนัก ถึงกับกล่าวว่าในใจของลูกชายไม่มีแม่ ไม่มีน้องสาว!
อวิ๋นโส่วกวงรีบแก้ต่างให้อวิ๋นโส่วจงอย่างตะกุกตะกัก “ท่านพ่อ... น้องรองก็แค่เป็ห่วงเหมยเอ๋อร์ เหมยเอ๋อร์ทำแบบนี้ก็ไม่ถูกต้องนัก”
ได้ยินดังนั้น ในใจของอวิ๋นโส่วจงก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง ตอนที่พี่ชายของเขาถูกใส่ร้ายยังไม่เคยคิดจะเถียงท่านพ่อเลยสักคำมิใช่หรือ?
“ท่านพ่อ วันนี้ต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูล ข้าจะพูดให้ชัดเจนไปเลย ตอนที่อยู่บ้านเก่า ข้าสัญญากับท่านแล้วว่าทุกปีจะมอบเงินเลี้ยงดูให้ท่านสิบตำลึงเงิน โดยจะมอบให้ในวันตรุษจีน เดิมทีข้าตั้งใจว่าอีกสองสามวันจะมอบเงินสิบตำลึงของปีนี้ให้ท่าน แต่ไม่คิดเลยว่าท่านแม่จะให้เ้าสี่แอบเอารถม้าที่ข้านำกลับมาไปขาย รถม้าสองคันนี้ เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะขายแล้วเอาเงินไปซื้อที่ดินทำกิน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แต่ตอนนี้...”