ในเสี้ยวพริบตานั้นเองหลินเฮ่ายวนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลินหยางก็แข็งแกร่งขึ้นจนยากจะอธิบายได้
แต่พอผ่านไปครู่หนึ่งหลินเฮ่ายวนก็พลันกลับมาไร้พลังเหมือนเดิม เขามองมาที่หลินหยางอย่างเรียบสงบพร้อมกับกล่าวว่า
“หยางเอ๋อร์ต่อให้เ้ารู้เื่ราวเกี่ยวกับแม่เ้าไปตอนนี้มันก็ไม่มีความหมายอะไรหรอกแถมมันยังจะไปขัดขวางการฝึกวิชาของเ้าด้วยข้ารู้ว่าในตัวเ้ามีพลังปาฏิหาริย์บางอย่างที่ตัวข้าเองก็ดูไม่ออก ทักษะด้านการช่างของเ้าก็สูงส่งจนน่าใซึ่งมันดีแล้ว หยางเอ๋อร์ เ้าฟังพ่อนะสิ่งที่เ้าต้องทำในตอนนี้มีเพียงเื่เดียวเท่านั้น... นั่นก็คือต้องรีบฝึกวิชาเพื่อยกระดับความสามารถของเ้าไปให้ถึงจุดสูงสุดของระดับ‘โพ่ไห่’เมื่อถึงระดับนั้นแล้วเ้าจะได้รับความสามารถที่จะออกไปจาก ‘ภพเซวียนหยวน’ แห่งนี้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วพ่อจะเป็คนเล่าเื่ทั้งหมดให้เ้าฟังเอง”
สูงสุดของโพ่ไห่?
ออกไปจากภพเซวียนหยวน?
ถ้าเล่าให้คนธรรมดาฟังละก็พวกเขาคงจะคิดว่านี่เป็แค่ความฝันที่เลื่อนลอยดุจเทพนิยายแน่ๆแต่หลินเฮ่ายวนกลับพูดออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่งจริงจังและเต็มไปด้วยความคาดหวังที่มีต่อหลินหยาง
ความคิดของหลินหยางตอนนี้ค่อนข้างจะสับสนวุ่นวายถึงหลินเฮ่ายวนจะไม่ได้บอกอะไรให้ฟังมากก็ตาม แต่แค่นั้นก็มากพอที่จะทำเขาสามารถเดาได้หลายๆเื่แล้ว
ความรักที่แม่ของเขาเซี่ยอวี่เวยมีให้แก่หลินหยางนั้นมันมหาศาลดุจมหาสมุทรการที่นางถูกบีบจนต้องใช้วิธีแกล้งตายเพื่อตัดความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกทิ้งแบบนี้เื้ัจะต้องมีเหตุผลที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่แน่
ได้รับคำสั่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้มาอย่างนั้นหรือ?
หรือว่ากำลังหนีจากภัยอันตรายบางอย่างอยู่?
นี่ต่างหากสิ่งที่หลินหยางกังวลมากที่สุด
หลังจากที่ตั้งสติจัดการความคิดของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางแล้วก็ถามคำถามที่สำคัญที่สุดกลับไปอีกคำถามหนึ่ง “ท่านแม่กำลังเสี่ยงชีวิตอยู่หรือเปล่า?”
หลินเฮ่ายวนส่ายหัว “วางใจเถอะฝีมือระดับอวี่เวยแล้ว ทั้งเก้าภพนี้ไม่มีใครทำอะไรนางได้หรอกไม่อย่างนั้นพ่อจะยังทำตัวสบายๆ มายืนพูดคุยกับเ้าอยู่แบบนี้ได้หรือ... ถ้านางคิดจะไปละก็ไม่มีใครห้ามนางได้ ดีไม่ดี พวกเราสองพ่อลูกอาจจะเป็ฝ่ายที่ไปถ่วงนางแทนก็ได้...เหอะๆ...”
พอพูดถึงตรงนี้แล้วหลินเฮ่ายวนก็เริ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมาบ้าง เขายิ้มอ่อนๆ ออกมาทีหนึ่งแต่ในใจเขากลับกำลังบ่นออดๆ แอดๆ โดยไม่ได้พูดออกไปว่า
‘เด็กโง่ เ้าคิดหรือว่าเมื่อตอนนั้นพ่อจะทิ้งพวกเ้าสองแม่ลูกได้ลงคอน่ะ?ข้าต่างหากที่เป็ฝ่ายถูกอวี่เวยไล่ชกจนกระเด็นออกมานอกบ้านต่างหาก...แม่ของเ้าน่ะไม่ได้อ่อนโยนเหมือนที่เ้าคิดไว้หรอกนะ...’
ถึงแม้ภายในใจของเขาจะกำลังบ่นออกมาอย่างนั้นก็ตามแต่สีหน้าที่แสดงออกมาอยู่นั้นกลับดูปกติสุดๆ
“เอาละ หยางเอ๋อร์เื่ที่พ่อบอกได้ก็บอกไปหมดแล้ว ถ้าเ้าอยากรู้มากกว่านี้ละก็พ่อก็ยังยืนยันคำเดิม ฝึกฝนไปให้ถึงระดับโพ่ไห่ก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่...”
ฟู่...
หลินหยางสงบใจลงได้แล้ว
แค่รู้ว่าแม่เขาไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายก็พอแล้วส่วนเหตุผลที่ท่านจากไปจะต้องเป็เื่ใหญ่มากแน่ตัวตนของเซี่ยอวี่เวยจะต้องเป็อะไรที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เขาจะจินตนาการถึงแน่
แต่ทั้งหมดนั่นยังเป็เื่ที่ห่างไกลกับตัวเขาในตอนนี้อยู่
..................................
ภายในคฤหาสน์ไท่เหอในค่ำคืนนี้ส่องสว่างจากแสงของโคมไฟตลอดคืนจนถึงตอนเช้า
หลินหยางได้พูดคุยกับหลินเฮ่ายวนหลายเื่มากแต่ส่วนใหญ่จะเป็หลินเฮ่ายวนที่เป็ฝ่ายพูดแล้วหลินหยางเป็คนนั่งฟังเสียมากกว่า
หลินหยางพบว่า พ่อของเขาในตอนที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าเหล่าขุนนางข้าราชการนั้นค่อนข้างจะเป็คนที่พูดเก่ง ระดับหนึ่งเลย ขนาดเื่เล็กๆ เขายังสามารถเอามาเป็หัวข้อในการพูดได้ไม่หยุดไม่หย่อน
ซึ่ง่หลังๆ นั้น หลินหยางได้ฟังทั้งเื่เล็กเื่ใหญ่จำนวนมากที่เกิดขึ้นใน่หลายปีมานี้จนมึนไปหมดพอถึง่ฟ้าสาง ทั้งสองคนก็ตัดสินใจจะกินของว่างกันหลินเฮ๋ายวนถามคำถามหลินหยางต่อไม่หยุดว่า
“เ้าจะใส่พริกในเกี๊ยวไหม?”
“เอาเปรี้ยวเยอะหน่อยหรือน้อยหน่อยดี?”
“ลืมถามเลยว่าเ้าชอบกินไส้อะไรอวี่เวยเมื่อก่อนจะชอบกินไส้ผักผัดไข่มาก แล้วเ้าเล่า?”
โอ๊ยยย!
หลินหยางพลันเปลี่ยนใจไม่อยู่กินของว่างด้วยแล้วใครจะรู้ว่าองค์จักรพรรดิผู้น่าเกรงขามคนนั้นตอนที่เป็พ่อคนจะน่ารำคาญได้มากขนาดนี้
น่ารำคาญกว่าหั่วเอ๋อร์อีกนะนี่
ด้วยเหตุนี้เอง...
ถึงแม้ว่าหลินหยางจะได้ตำแหน่งเ้าชายกลับคืนมาแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังเลือกที่จะกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเวินแทนอยู่ดี
ตอนที่เขาเคาะประตูคฤหาสน์นั้นพ่อบ้านสูงอายุอย่างเวินชงที่เป็คนมาเปิดประตูนั้น ได้ฟังวีรกรรมที่องค์ชายหลินหยางได้สร้างไว้ในพระราชวังแล้วพอได้เจอหลินหยางก็เลยตื่นเต้นมากจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี
“ผู้าุโหลิน เอ๊ยไม่ไม่ไม่ องค์ชายหลิน ท่านไม่ได้พักอยู่ที่พระราชวังหรือ?”
“เกี๊ยวไม่อร่อย...เอ๊ย ไม่ พ่อบ้านหลินไม่ต้องไปรบกวนพวกท่านประมุขหรอก เดี๋ยวข้าเข้าไปพักผ่อนเอง”
“ได้ เอ๊ะ? ทำไมหั่วเอ๋อร์ไม่ได้กลับมากับท่านด้วยเล่า”
“มันคงได้พ่อใหม่ในพระราชวังแล้ว...”
หลินหยางตอบกลับไปแบบส่งๆจากนั้นก็ขอตัวกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องการช่างของตัวเอง
ในที่สุดเขาก็สามารถชำระหนี้แค้นที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตได้แล้วหลังจากนี้เป็ต้นไป หลินหยางจำเป็ต้องมากำหนดเป้าหมายของตัวเองใหม่อีกครั้ง
ตามแผนการเดิมของหลินหยางนั้นเขาคิดจะพาทั้งอาณาจักรชูอวิ๋น ตระกูลเวินและเ้าน้องชายจากราชอาณาจักรโล่ยื่ออย่างจ้าวเหวินชางให้รุ่งเรืองขึ้นมาจนกลายเป็ผู้มีอำนาจสูงสุดในทวีปชี่อู่แห่งนี้ก่อนจากนั้นค่อยค้นหาวิธีออกไปจากภพภูมิแห่งนี้เพื่อมุ่งไปสู่ภพภูมิใหม่ที่มีระดับสูงกว่านี้
แต่ดูท่าทางเขาคงจะต้องเร่งรัดแผนการให้เร็วขึ้นกว่านี้อีก
จากการพูดคุยกับพ่อของเขาเมื่อคืนก่อนนั้นเขาได้ทราบความจริงที่ว่าแม่ของเขา เซี่ยอวี่เวย นั้น ได้ออกไปจากภพภูมินี้แล้วนั่นคือบุคคลที่สำคัญมากที่สุดและเขารักมากที่สุดในชีวิตแล้วเพื่อที่จะตามหาร่องรอยของนาง หลินหยางจำเป็ที่จะต้องหาวิธีที่ใช้เวลาน้อยที่สุดในการยกระดับความสามารถของตัวเองให้ไปถึงระดับ“โพ่ไห่”
ระดับโพ่ไห่นั้นเป็เหมือนตำนานของทวีปชี่อู่จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครเห็นยอดฝีมือระดับโพ่ไห่ปรากฏตัวขึ้นในทวีปชี่อู่แห่งนี้เลย
สำหรับหลินหยางแล้วอย่าว่าแต่ชีไห่เลย แค่ระดับอวิ้นหลิงก็เป็ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เขารู้สึกปวดหัวแล้ว
อธิบายง่ายๆ ก็คือระดับอวิ้นหลิงเป็ระดับที่จะนำเอาเส้นชี่ไห่ มาขยายใหญ่จนถึงขีดสุดอีกทั้งยังต้องััวิถีแห่งธรรมชาติเพื่อตามหารูปแบบพลังที่เหมาะสมกับตัวเองให้เจอด้วยจากนั้นจึงค่อยสร้างหลิงไทขึ้นมาจากข้างในจุดชี่ไห่ของร่างกาย
ซึ่งวิธีการตามหารูปแบบพลังของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วยไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถสร้างหลิงไทขึ้นได้ในเวลาสั้นๆขั้นตอนนี้ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเท่านั้น
ส่วนหลินหยางที่เป็ผู้สืบทอดของจักรพรรดิฟ้าหลีหั่วแถมยังเคยลั่นวาจาไว้ด้วยว่าจะก้าวข้ามจักรพรรดิฟ้าหลีหั่วไปให้ได้หลิงไทของเขาย่อมแตกต่างจากคนทั่วไปอยู่แล้ว
หลิงไทของตัวจักรพรรดิฟ้านั้นถูกเรียกว่าหั่วหลิงเซิ่งไท ซึ่งเป็หลิงไทแบบพิเศษที่นอกจากจะต้องมีร่างสถิตเพลิงอัคคีแล้วยังต้องใช้ “เพลิงศักดิ์สิทธิ์แบบพิเศษ” ด้วย
มันเป็เพลิงศักดิ์สิทธิ์แบบพิเศษที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติทั้งอุณหภูมิและพลังลึกลับที่แฝงอยู่ในเปลวเพลิงแบบนั้นมันแข็งแกร่งทรงพลังมากจนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาทาบไม่ติด
ในความทรงจำของจักรพรรดิฟ้านั้นในโลกนี้มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์แบบพิเศษอยู่ทั้งหมดสามสิบหกแบบแต่ละแบบก็ล้วนมีพลังที่แตกต่างกัน แต่เกรงว่าต่อให้เป็เพลิงศักดิ์สิทธิ์แบบพิเศษที่ระดับต่ำสุดก็ไม่น่าจะหาได้ในภพภูมิระดับต่ำแบบทวีปชี่อู่แห่งนี้
ดังนั้นนี่จึงกลายเป็โจทย์ยากในการสร้างหลิงไทของหลินหยางแล้ว
หากคิดจะแข็งแกรงเทียบเท่ากับตัวตนอันทรงพลังแบบจักรพรรดิฟ้าแล้วขั้นตอนการยกระดับความสามารถเป็ระดับอวิ้นหลิงนั้นจะต้องเลือกแบบที่แข็งแกร่งมากที่สุดและสมบูรณ์มากที่สุดด้วยจะสร้างหลิงไทขึ้นมาแบบมั่วๆ ไม่ได้เด็ดขาด
แล้วหลินหยางจะไปค้นหาเพลิงศักดิ์สิทธิ์แบบพิเศษเพื่อสร้างหลิงไทได้จากไหนเล่า?
นอกจากปัญหาข้อนี้แล้วยังมีอีกเื่ที่กวนใจหลินหยางอยู่
นั่นก็คือผู้ที่อยู่เื้ัวิชานอกรีตอันแสนชั่วร้ายที่ซ่างกวันหงและหลินไป๋ชวนใช้
หลินหยางดูออกนานแล้วว่าทั้งสองคนนี้เป็ศิษย์จากสำนักเดียวกันซึ่งการที่สามารถบงการคนระดับซ่างกวันหงที่เป็ถึงประมุขของตระกูลใหญ่แห่งราชอาณาจักรโล่ยื่อได้นั้นจะต้องเป็อะไรบางอย่างที่ทรงอำนาจมากอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอนเกรงว่าอาจจะแข็งแกร่งเทียบเท่าหรือมากกว่าราชอาณาจักรโล่ยื่อเลยก็เป็ได้
ในความทรงจำของจักรพรรดิฟ้าหลีหั่วนั้นในหลายๆ ภพภูมิมักจะมีองค์กรที่เหล่ายอดฝีมือหลายๆ คนมารวมตัวกันซึ่งเราเรียกมันว่าลัทธิ โดยลัทธิเหล่านี้มักจะเป็ตัวตนที่มีอำนาจพอๆ กับอาณาจักรหรืออาจจะเหนือกว่าก็เป็ได้
ดูท่าทางแล้วเื้ัของพวกซ่างกวันหงและหลินไป๋ชวนนั้นอาจจะมีลัทธิที่ทรงอำนาจที่คอยฝึกสอนพลังนอกรีตนั้นอยู่ก็เป็ได้
และคำถามก็คือการที่หลินไป๋ชวนและซ่างกวันหงวางแผนโจมตีอาณาจักรชูอวิ๋นแบบนี้ เป็ความ้าของพวกมันสองคนเองรึเปล่า? หรือว่าจะเป็พวกลัทธิที่คอยบงการอยู่เื้ั?
และถ้าพวกลัทธิเป็ผู้บงการละก็เหตุใดพวกมันที่ทรงพลังอำนาจขนาดนั้นจึงเล็งเป้ามาที่อาณาจักรเล็กๆ อย่างอาณาจักรชูอวิ๋นเล่าแล้วทำไมต้องใช้ลูกน้องของตัวเองออกหน้าแทนด้วย?
หลินหยางรู้จักพวกผู้มีอำนาจของทวีปชี่อู่แห่งนี้น้อยเกินไปหลังจากนี้ถ้ามีโอกาสคงต้องไปนั่งคุยกับพ่อเขาเื่นี้หน่อยแล้ว
นอกจากนี้หลินหยางยังเป็ห่วงสมาคมการค้าตระกูลจ้าวแห่งราชอาณาจักรโล่ยื่ออยู่
นั่นคืออีกตัวช่วยหนึ่งที่หลินหยางเตรียมไว้ให้กับตระกูลเวินหลังจากนี้ไปถ้าตระกูลเวินร่วมมือกับสมาคมการค้าตระกูลจ้าวภายใต้การสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรการค้าใต้หล้าแล้วองค์กรทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานก็จะถือกำเนิดขึ้นได้แน่นอน
แต่ตอนนี้หลินหยางยังถูกจับตามองจากเ้าหญิงผู้เลอโฉมแห่งราชอาณาจักรโล่ยื่อเซียวเซียง และเถ้าแก่ดาวม่วงแห่งพันธมิตรการค้าใต้หล้า จีหยูยี่หลังจากนี้หลินหยางอาจจะต้องเข้าไปพัวพันกับทั้งสองคนก็เป็ได้
แล้วยังมีเื่ลัทธิอะไรนั่นอีก ทำให้หลินหยางที่แม้ว่าจะไม่มีหนี้แค้นอะไรหลงเหลืออยู่แล้วก็ตามแต่เขาก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่าแรงกดดันของเขานั้นไม่ได้ลดน้อยลงไปกว่าเดิมเลยแม้แต่น้อย
การจะตามหาแม่ของเขาก็ยังบีบให้หลินหยางต้องรีบหาไฟศักดิ์สิทธิ์แบบพิเศษเพื่อนำมาสร้างหลิงไทเพื่อยกระดับความสามารถของตัวเองขึ้นเป็ระดับอวิ้นหลิงอีก
เฮ้อ...
หลินหยางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เื่ที่ต้องคิดเยอะเกินไปตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยดีกว่า
อย่างน้อยในตอนที่ยังไม่ได้ข่าวของเพลิงแบบพิเศษนี้เขาก็ยังสามารถใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ ร้อยชีพจรผนึกเทพในการฝึกฝนเพื่อยกระดับความสามารถของตัวเองในตอนนี้ไปให้ถึงจุดสูงสุดของระดับอวิ้นหลิง
เมื่อถึงตอนนั้นแล้วพลังกายภาพของเขาก็จะพุ่งไปอยู่ที่ประมาณสองหมื่นชั่งเมื่อสวมใส่ชุดเกราะราชันเหล็กขาว จะสามารถะเิพลังออกมาได้ในระดับที่เทียบเท่ากับระดับอวิ้นหลิงขั้นท้ายเลยทีเดียว
แถมเขายังมีขนนกอัคคีของปี้ฟังอยู่ด้วย
เอ้อ พอพูดถึงเื่นี้แล้ว...
ไอ้เ้าหั่วเอ๋อร์่นี้ดูคึกเป็พิเศษแฮะถึงกับอยู่กินของว่างที่พระราชวังคนเดียวไม่ยอมกลับบ้านแบบนี้ดูท่าทางมันคงถูกขุนจนอ้วนตุ้ยแล้วแน่ๆ
ภายในดวงตาของหลินหยางพลันเปล่งประกาย...ไก่ที่ถูกเลี้ยงจนอ้วนแล้วก็ต้องเอามา ฆ่า สิ!
ครั้งนี้เขาคงต้องไปดึงขนมันออกมาอีกสามเส้นเป็อย่างต่ำแล้ว
หึหึหี!!
แต่อยู่ๆ หลินหยางก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้สึกกังวลขึ้นอย่างมาก แต่ไม่นานนักมันก็หายไป
เราคงจะคิดมากไปเองกระมัง...
หลังจากจัดการความคิดทั้งหมดเสร็จแล้วหลินหยางก็ค่อยๆ หลับตาลง
หลินหยางเก็บตัวอยู่ในนั้นประมาณสามวัน
ซึ่ง่สามวันนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเื่ของการต่อสู้ในงานราตรีมากเท่าไรนักเป็เพราะหลินเฮ่ายวนและพวกของสื่อซือิคอยชี้นำและจัดการอยู่จากเื้ัข่าวลือต่างๆ ที่แพร่ออกไปนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน จากนั้นก็ค่อยๆ เงียบหายไป
วันต่อมาหลินเฮ่ายวนได้ส่งคนมาเชิญหลินหยางไปร่วมรับประทานอาหารที่พระราชวัง แต่ก็ถูกปฏิเสธไป
เวินติ่งเทียนในตอนนั้นก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะสถานะของหลินหยางได้เปลี่ยนไปแล้วปล่อยให้เขาอยู่แต่ที่นี่มันก็ดูจะไม่ใช่เื่สักเท่าไร
เขาที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนแล้วสามารถดูออกได้ไม่ยากว่าระหว่างหลินหยางและหลินเฮ่ายวนทั้งสองคนนั้นมีบางอย่างที่ผิดปกติแต่เขาที่เป็คนนอกก็รู้สึกว่าไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายอะไร ต่อให้อยากจะเข้าไปยุ่งหลินหยางก็กำลังเก็บตัวอยู่ ไม่มีท่าทีที่จะออกมานอกห้องเลยแม้แต่น้อย
ทว่าในวันที่สามก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนตระกูลเวินจากแดนไกล
่บ่ายของวันนั้นเวินติ่งเทียนที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ในห้องเมฆาร่วงโรยอยู่นั้นพอได้ยินชื่อของผู้ที่มาเยี่ยมแล้ว มือที่กำลังถือถ้วยชาอยู่ก็กะตุกขึ้นมาทันทีอย่างที่ไม่อาจห้ามได้
กลุ่มพันธมิรการค้าใต้หล้า - เถ้าแก่ระดับดาวม่วงจีหยูยี่