ภายในพระราชวังผลึกแก้ว ขณะที่คนอื่นๆ กำลังจ้องมองโลงศพธารา หนิงเทียนกลับดื่มด่ำความสุขในการเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้า
การปลูกแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณที่ห้าแตกต่างไปจากเส้นลมปราณสี่เส้นก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้หนิงเทียนค่อนข้างสับสน
การปลูกเส้นลมปราณครั้งแรก คือ การย่อแผนที่จิติญญาตามการเปลี่ยนแปลงทั้งเก้าของบงกชสีมรกต เพื่อบรรลุความก้าวหน้า
การปลูกเส้นที่สองคือต้นไม้แห้งเหี่ยว เส้นที่สามคือหญ้าต้นน้อย และเส้นที่สี่คือเถาวัลย์เขียว รวมเป็ดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์ ซึ่งสอดคล้องกับสี่สาขาหลักของเชื้อสายรากพฤกษา
แล้วเหตุใดการปลูกเส้นลมปราณที่ห้าจึงเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด? และเงาที่ปรากฏด้านนอกนั้นแปรเปลี่ยนเป็กระแสวงกลมได้อย่างไร?
สิ่งเหล่านี้อยู่นอกเหนือขอบเขตการฝึกฝนของเชื้อสายรากพฤกษา แม้น้ำจะเป็บ่อเกิดแห่งชีวิตและสัมพันธ์กับทุกสิ่ง แต่นี่กลับดูเป็สิ่งที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้
เมื่อลืมตาขึ้น หนิงเทียนก็เห็นโลงศพธาราและถูกดึงดูดทันที
สตรีในโลงปรากฏตัวอย่างช้าๆ ลวดลายน้ำบนโลงศพสั่นไหว พร้อมควบแน่นเป็ตัวอักษรหนึ่งตัว
จี้ชิว หลินหวา เฟิ่งจิ่วอี้ และคนอื่นๆ ต่างได้ยินเสียงเรียกของบางอย่าง แต่สิ่งที่หนิงเทียนได้ยินกลับเป็เสียงถอนหายใจ
สตรีในโลงศพยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
หนิงเทียนมีท่าทีหวาดกลัว ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น คนอีกแปดคนก็พุ่งตัววิ่งไปยังโลงศพธาราโดยพร้อมเพรียง
หนิงเทียนตะลึง พวกเขา้าทำอะไร?
ทั้งแปดคนปะทะพลังลงบนโลงศพธาราอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นก่อนจะกระเด็นออกไปพร้อมกัน และวินาทีถัดมา คนอื่นๆ ยกเว้นตี๋เยี่ยนจวินต่างก็เข้าล้อมหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว
“พวกเ้าจะทำอะไร?” หนิงเทียนสับสน
คนเหล่านี้ล้อมเขาด้วยเหตุใด?
เหมยเอ้าซงจากสำนักหานเทียนยิ้มอย่างน่ากลัวแล้วพูดว่า “พวกเราจะสังเวยเ้า”
หนิงเทียนยังคงไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคนเหล่านี้ ทันใดนั้นเสียงของตี๋เยี่ยนจวินก็ดังขึ้น
“โลงศพธาราต้องใช้เืบูชายัญจึงจะเปิดได้ มันซ่อนสิ่งสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่อยู่ภายใน พวกเขาคิดว่าเ้ามีระดับพลังต่ำสุด ก็ย่อมเป็เครื่องสังเวยที่ดีที่สุด”
หนิงเทียนหัวเราะด้วยความโกรธ “ที่แท้ก็คิดว่าข้ารังแกได้ง่ายสินะ?”
เหยียนเริ่นเฟิงแห่งโถงเพลิงทมิฬกล่าว “ในที่แห่งนี้มีคนเก้าคน เ้าเป็คนเดียวที่อยู่ขอบเขตจิตหยั่งลึก เ้าเชื่อฟังพวกเราจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นชีวิตของเ้าจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย”
หลินหวาจากสำนักร้อยอสูรเร่งเร้า “หยุดพูดเื่ไร้สาระเถอะ หากเ้า้าลงมือก็รีบหน่อย”
จี้ชิวกวาดตามองโดยรอบแล้วพูดอย่างใจเย็น “ใครจะเป็ผู้จบเื่นี้?”
เหมยเอ้าซงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะส่งเขาเอง เ้าหนู จงคุกเข่าลงแล้วตายเสียเถอะ!”
อากาศหนาวเย็นท่วมท้น กลิ่นอายสังหารชัดเจนอยู่ในทุกอณูอากาศ
เหมยเอ้าซงแสดงสีหน้าเยาะเย้ย เสาน้ำแข็งปรากฏขึ้นข้างกายเขา ทำให้อุณหภูมิทั่วพระราชวังผลึกแก้วดิ่งลงอย่างรวดเร็วราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
หนิงเทียนขมวดคิ้วแน่น เสาน้ำแข็งทั้งเก้าลอยรอบร่างเหมยเอ้าซง เสาแต่ละต้นหมุนวนและสั่นะเื พร้อมปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
นี่คือการรวมตัวของขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า คนผู้นี้ฝึกฝนวิชาน้ำแข็ง ทั้งยังมีร่างเสวียนหานที่ทรงพลัง และเป็หนึ่งในผู้ที่เก่งที่สุดในบรรดาเก้าคนอย่างแน่นอน
หนิงเทียนรู้สึกถึงวิกฤตอย่างรุนแรง การเผชิญหน้าของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้ากับขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้านั้นมีความแตกต่างที่มากเกินไป
ตี๋เยี่ยนจวินสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้เขาอยู่ขอบเขตผนึกดาราขั้นสี่และมีพละกำลังห้าหมื่นจิน ถ้าเขาต้องปะทะกับเหมยเอ้าซง เขาย่อมแพ้อย่างราบคาบแน่นอน
สีหน้าของหลินหวา เฟิ่งจิ่วอี้ เจียงจิ้งปัว และหยางิอวี่ล้วนมืดมน แม้พวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า แต่พวกเขาก็ไม่อาจต่อกรกับเหมยเอ้าซงได้ นั่นเพราะพวกเขาคือจื๋อซิว ขณะที่เหมยเอ้าซงคือหยวนซิว
ลมหนาวโหมกระหน่ำใส่ร่างของหนิงเทียน ลิ่มน้ำแข็งพุ่งขึ้นจากพื้น ส่งผลให้หนิงเทียนต้องล่าถอยอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขารู้ว่าหากถูกแช่แข็งจะต้องตายทันที
เหยียนเริ่นเฟิงพูดพลางหัวเราะออกมา “หลบหรือ? ไร้ประโยชน์”
จี้ชิวกล่าวว่า “อย่างน้อยการรับรู้ของเขาก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง แม้ความเป็จริงจะไม่มีผลใดๆ เลยก็ตาม”
เหมยเอ้าซงแสดงท่าทีราวแมวเตรียมจับหนู ก่อนจะเอ่ยเยาะเย้ย “ด้วยระดับของเ้า การดิ้นรนจะมีประโยชน์หรือ? ข้าแนะนำให้เ้าคุกเข่าเสีย เช่นนี้จะทรมานน้อยลง ปกติข้าไม่ชอบปลิดชีวิตใคร แต่หากเ้าบังคับข้าให้ต้องลงมือ เ้าจะต้องตายตาไม่หลับ!”
น้ำเสียงเยือกเย็นเต็มไปด้วยการเสียดสี เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับหนิงเทียน ทั้งยังดูถูกราวกับมองมดปลวกตัวจ้อย ซึ่งทำให้หนิงเทียนไม่พอใจอย่างยิ่ง
ดูถูกข้าเช่นนี้ คิดว่าข้ารังแกง่ายนักหรือ?
ดวงตาของหนิงเทียนเต็มไปด้วยความโกรธ ความคิดของเขากำลังปั่นป่วนไปด้วยมาตรการตอบโต้
“ไม่ยอมคุกเข่าหรือ? เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าเลย!” เหมยเอ้าซงไม่ให้เวลาหนิงเทียนได้ตัดสินใจ มดตัวหนึ่งในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้า เพียงดีดนิ้วเขาก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้แล้ว
ลมหนาวกัดกร่อนแผ่กระจายไปทั่วทุกมุมของพระราชวังผลึกแก้ว มวลอากาศเย็นะเืแฝงไปด้วยรูปแบบทางจิติญญาที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้อากาศก่อตัวเป็ก้อนน้ำแข็งแล้วบีบอัดพื้นที่รอบร่างหนิงเทียน
“เ้าคิดว่าเขาจะอยู่ได้นานเพียงใด?”
“อย่างมากก็คงตายด้วยน้ำมือของเหมยเอ้าซงภายในหนึ่งเค่อ”
“หนึ่งเค่อหรือ? เ้าประเมินเขาสูงไปแล้ว”
ผู้มองดูเหตุการณ์หลายคนแสดงสีหน้าดูถูกดูแคลน นอกจากตี๋เยี่ยนจวินที่ยังคงนิ่งเงียบแล้ว ในที่นี้ก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจหนิงเทียนเลย
เหมยเอ้าซงยืนเอามือไพล่หลังด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง เสาน้ำแข็งรอบกายยังคงหมุนวนพร้อมดูดกลืนพลังรอบด้านอย่างน่าสะพรึงกลัว และพวกมันกำลังเข้ามาใกล้หนิงเทียน
ใบมีดสีแดงปิดกั้นทางออกของพระราชวังผลึกแก้ว หลินหวา เฟิ่งจิ่วอี้ เจียงจิ้งปัว และหยางิอวี่ต่างเข้ากีดขวางเส้นทางหลบหนีของหนิงเทียน ทำให้เขาไม่มีที่หลบซ่อนอีกต่อไป
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ หนิงเทียนก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากังวล ตี๋เยี่ยนจวินเบี่ยงหน้าหนีด้วยไม่อาจทนมองได้ และเขาเชื่อว่าหนิงเทียนไม่รอดแล้ว ส่วนเหมยเอ้าซงก็ภูมิใจอย่างยิ่ง เสาพลังรอบร่างก่อตัวเป็วงแหวนจนไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ ทว่าเขากลับบดขยี้คู่ต่อสู้ของตนได้ ซึ่งถือเป็ความได้เปรียบอย่างชัดเจน
ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก จิติญญาการต่อสู้ของหนิงเทียนพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง แต่สีหน้าของเขากลับสงบนิ่ง ราวกับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
หลังจากใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ พลันดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์รอบร่างหนิงเทียนก็แกว่งไกว กระแสน้ำหมุนเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พร้อมดูดกลืนพลังิญญาแห่งฟ้าดินด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งช่วยให้ร่างกายของเขามีพลังเต็มเปี่ยม
“เ้ามดปลวกตัวจ้อย!” ใบหน้าของเหมยเอ้าซงเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เสาน้ำแข็งของเหมยเอ้าซงหมุนวนอย่างแ่เบา ห้วงอากาศโดยรอบบิดเบี้ยว พลังฉีกกระชากเข้าทำลายกระแสน้ำวนรอบกายหนิงเทียนจนเขาต้องถอยไปสองสามก้าว และเสื้อผ้าของเขาก็ถูกแช่แข็งก่อนจะสลายกลายเป็ผุยผง
หนิงเทียนใมาก ขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้านั้นน่ากลัวจริงๆ แม้หนิงเทียนจะมีกายาสุวรรณะนิรันดร์ ทว่าการเผชิญหน้ากันก็ยังเป็เื่ที่ยากลำบาก
ดอกบัวบานสะพรั่งใต้เท้าของหนิงเทียน ทหาริญญาหมุนตัวและเต้นรำ ซึ่งช่วยให้เขากำจัดความหนาวเย็นและสามารถหลบหนีภายในพื้นที่จำกัดได้สำเร็จ
ใน่เวลาที่สำคัญ หนิงเทียนล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้แบบเผชิญหน้า เขาหยิบพู่กันิญญาหลากสีออกมาแล้วใช้ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ทันที
เมื่อหนิงเทียนหมุนข้อมือวาดบางสิ่ง พู่กันิญญาหลากสีก็ปลดปล่อยพลังิญญา ทำให้ปลายพู่กันเปล่งประกายด้วยแสงแห่งจิติญญา จากนั้นเขาก็ดึงภาพเถาวัลย์เขียวออกมา ซึ่งมันค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็เถาวัลย์ั์ในหลุมั์
การวาดิญญาของทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์เข้าสู่ระดับสามแล้ว เถาวัลย์เขียวที่เขาวาดจึงมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับอสูริญญาระดับสาม ทั้งยังทรงพลังเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญขอบเขตผนึกดารา
เถาวัลย์เขียวซึ่งมีกิ่งก้านเก้าสายถูกรวมเข้ากับทักษะเก้าร่างเถาวัลย์ัของหนิงเทียน ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น เถาวัลย์ก็ลอยไปรอบๆ และพุ่งเข้าหาเหมยเอ้าซง
เหมยเอ้าซงคาดไม่ถึงกับการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันเช่นนี้ และดวงตาของเขาก็ฉายแววประหลาดใจ
“จิตรกรจิติญญา? แต่น่าเสียดายที่ระดับของเ้ายังต่ำเกินไป”
เถาวัลย์กลายเป็หอกและพุ่งเจาะเสาน้ำแข็งรอบร่างเหมยเอ้าซงจนเกิดเสียงดังปัง ทำให้ร่างกายของเขาสั่นอย่างโกรธจัด
ทันทีที่เขาตำหนิหนิงเทียนเื่ระดับที่ต่ำต้อย เขาก็ถูกเถาวัลย์ทิ่มแทง นี่ไม่ใช่การตบหน้าอย่างไม่ปิดบังหรือ?
จี้ชิว เหยียนเริ่นเฟิง หลินหวา และคนอื่นๆ ต่างประหลาดใจ ก่อนจะจ้องมองพู่กันิญญาหลากสีในมือของหนิงเทียน โดยเฉพาะหยางิอวี่จากสำนักั์พฤกษา ผู้หวังจะคว้าพู่กันิญญานี้และกลายเป็จิตรกรจิติญญา
ใบหน้าของตี๋เยี่ยนจวินเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ เขาไม่คาดคิดว่านอกจากหนิงเทียนจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งแล้ว จะยังมีความสามารถเช่นนี้ด้วย
จิตรกรจิติญญาเป็ผู้ที่พิเศษสำหรับเชื้อสายจื๋อซิว หลังจากฝึกฝนจนถึงระดับสูงสุดแล้ว อีกฝ่ายจะสามารถท้าทายปรมาจารย์ผู้อยู่เบื้องบนสูงสุดได้ อีกทั้งจิตรกรจิติญญาหนึ่งคนสามารถยกกองทัพ เพื่อทลายูเาและบุกรุกฐานที่มั่นได้
ว่ากันว่าหยวนซิวและซิงซิวก็มีจิตรกรจิติญญาซึ่งหายากไม่แพ้กัน และมีแนวทางการฝึกที่แตกต่างกัน
หลังจากหนิงเทียนดึงเถาวัลย์เขียวออกมา พู่กันิญญาในมือของเขาก็ยังคงสั่นไหว แสงบนปลายพู่กันกะพริบระรัว และอินทรีั์ที่ทรงพลังและดุร้ายตัวหนึ่งก็ถูกดึงออกมาจากห้วงอากาศ
อินทรีั์คำรามเสียงดัง ก่อนจะกางปีก เหยียดกรงเล็บ แล้วโฉบเข้าหาเหมยเอ้าซง
“ไปให้พ้น!” เหมยเอ้าซงคำรามด้วยแรงอารมณ์ น้ำแข็งรอบกายแปรเปลี่ยนเป็โล่ เพื่อต้านทานการโจมตีของอินทรีั์
ทางด้านเถาวัลย์เขียวก็แสดงความกล้าหาญ ด้วยการพัฒนากิ่งก้านทั้งเก้าเป็การโจมตีที่น่าหวาดหวั่นเก้าครั้ง พร้อมเข้าปะทะเหมยเอ้าซง
หนิงเทียนยังคงแสดงทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ต่อไป ซึ่งยามนี้ก็มีอสูรเพลิงปรากฏในพระราชวังผลึกแก้วอีกตนแล้ว
ใบหน้าของเหมยเอ้าซงขุ่นเคือง เขาพูดด้วยความโกรธว่า “พวกเ้าจะยืนรอความตายหรือไร? เหตุใดถึงไม่รีบสังหารเ้าเด็กนี่? หากเขาดึงอสูริญญาระดับสามออกมาอีก พวกเ้าก็อาจจะหนีไม่รอดแล้ว!”
เมื่อจี้ชิว เหยียนเริ่นเฟิง หลินหวา และคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป และรีบเข้าโจมตีหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของหนิงเทียนฉายแววโกรธขึ้ง พร้ะเบ็งเสียงว่า “พวกเ้าคิดจะเป็ศัตรูกับข้าจริงๆ หรือ?”
เหยียนเริ่นเฟิงพูดอย่างเหยียดหยาม “เ้าหนู เ้าคิดว่าตนเองสามารถท้าทายพวกเราได้เพียงเพราะเ้าเป็จิตรกรจิติญญาหรือ? หากเ้ายังรู้จักประมาณตนก็จงมอบพู่กันิญญามาแล้วคุกเข่าลงเสีย มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ข้าจะช่วยให้เ้าตายอย่างไม่เ็ป”
หยางิอวี่เอ่ยว่า “หนิงเทียนจงมอบพู่กันิญญามาให้ข้า! แล้วข้าจะให้เ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป”
จี้ชิวกล่าว “ส่วนพู่กันิญญาของเ้ามา แล้วข้าจะปกป้องเ้าจากความตาย”
ผู้คนเหล่านี้ล้วนปราศจากมนุษยธรรม พวกเขาคิดเพียงแต่จะหาวิธีเอาเปรียบผู้อื่น
หนิงเทียนหัวเราะลั่น ความบ้าคลั่งและกลิ่นอายสังหารเผยออกมาจากแววตา เขาหมุนพู่กันิญญาในมือ โดยมีดอกบัวใต้ฝ่าเท้าคอยช่วยเหลือยามต่อสู้และยามหลบหนีอย่างสิ้นหวัง
ศัตรูที่ทรงพลังทั้งหกต่างปิดล้อมเขาในเวลาเดียวกัน หนิงเทียนไม่มีโอกาสหนี แต่เขาก็ไม่คิดยอมแพ้ กายาสุวรรณะนิรันดร์ของเขาเคลื่อนไหวสู่จุดสูงสุด เยาเยาทหาริญญาก็ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายมวลสารหลายครั้งเพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ส่วนตี๋เยี่ยนจวินก็ไม่ได้กระทำสิ่งใด เขาไม่สามารถช่วยหนิงเทียนได้ และเขาก็ไม่้าฝังตัวเองที่นี่ ดังนั้น เขาจึงยังนิ่งเงียบต่อไป
หนิงเทียนเข้าปะทะแบบหนึ่งต่อเจ็ด แม้จะได้ความช่วยเหลือจากเถาวัลย์เขียว อินทรีั์ และอสูรเพลิง แต่เขาก็ยังถูกโจมตีจนกระอักเืและาเ็สาหัส ยามนี้จึงทำได้เพียงหลบเลี่ยงอย่างน่าอนาถ
ในบรรดาศัตรูทั้งเจ็ด หยวนซิวอย่างเหยียนเริ่นเฟิงและเหมยเอ้าซงเป็ผู้ทรงพลังมากที่สุด ตามด้วยจี้ชิวจากสำนักซิงซิว
ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ถูกขัดจังหวะหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะการปกป้องจากกายาสุวรรณะนิรันดร์ หนิงเทียนคงตายด้วยน้ำมือของศัตรูไปนานแล้ว
ใน่วิกฤตของชีวิตและความตาย หนิงเทียนตัดสินใจใช้น้ำเต้าเจ็ดสีโจมตีทันที คนแรกที่รับผลกระทบคือหลินหวาจากสำนักร้อยอสูร ร่างของเขาแตกสลายไปครึ่งหนึ่ง และลอยกระแทกกำแพงจนเกิดเสียงคำรามลั่น
ดวงตาของหนิงเทียนแดงก่ำ หยดน้ำในเส้นลมปราณที่ห้าหมุนวนพร้อมปลดปล่อยพลังแห่งชีวิต ช่วยให้อาการาเ็ของเขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หนิงเทียนประหลาดใจอย่างยิ่ง ที่แท้แหล่งกำเนิดของชีวิตก็มีหน้าที่อันน่าอัศจรรย์เช่นนี้
ด้วยความแตกต่างอย่างมากด้านขอบเขต หนิงเทียนจึงไม่กล้าประจันหน้ากับศัตรูโดยตรง และใช้น้ำเต้าเจ็ดสีผลักอีกฝ่ายออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังถือโอกาสใช้ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์เพื่อดึงอสูรจำนวนมากออกมา
“อาวุธิญญา!” เจียงจิ้งปัวจากโถงมัจฉาัเรียกใช้สมบัติของตน ทั่วร่างเปล่งประกายด้วยแสงสีฟ้าที่แผ่พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัว ห้วงอากาศล้วนแตกร้าวทุกทิศทาง จนหนิงเทียนััได้ถึงความตายที่กำลังมาเยือน
เฟิงจิ่วอี้แห่งนิกายวิหคเหินรีบล่าถอยพร้อมร้องว่า “มุกเงือกมรกต!”
ทันใดนั้นสีหน้าของจี้ชิวก็เปลี่ยนไป เหยียนเริ่นเฟิงเองก็หลีกเลี่ยงมัน นั่นเพราะพวกเขาล้วนััได้ถึงความพรั่นพรึงของไข่มุกเม็ดนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้