แม้จะกล่าวว่าตำแหน่งเจวี๋ยอย่างป๋อเจวี๋ยในเยว่ตูนั้นมีมากนักทว่าสำหรับจวนป๋อเจวี๋ยนั้นนับรวมได้เป็สามชั่วอายุคนมาจนถึงตอนนี้ทรัพย์สินอื่นๆ ในบ้านไม่ต้องเอ่ยถึงจากสิ่งปลูกสร้างทางเรือนนอกที่เห็นก็พออนุมานได้แม้ว่ากู้เจิงจะยังไม่ค่อยรู้เื่โลกภายนอกมากนักแต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็รู้ว่าไม่ใช่ทุกบ้านที่จะขุดทะเลสาบใหญ่ขนาดนี้ไว้กลางเรือนนอกและยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาคารเล็กๆ ที่สร้างขึ้นรอบๆ ทะเลสาบ
กู้เจิงเดินไปตามริมทะเลสาบด้วยความตื่นตาตื่นใจไปกับเรือนนอกของจวนกู้ที่โอ่อ่าสง่างามราวกับสวนโบราณแห่งซูโจวนางไม่กล้าลดละความสนใจ ตลอดทางก็จับตาดูความเคลื่อนไหวโดยรอบดูท่านางจะคิดมากไปจริงๆ อย่าว่าแต่บุรุษที่เรือนนอกเลยแม้แต่บ่าวรับใช้ก็น้อยนักที่จะเห็น มารดาน่าจะอยากพานางออกมาเดินเล่นด้วยใจจริง
ใส่เสื้อผ้าสวยๆ ทิวทัศน์งดงาม กอปรกับอากาศดีกู้เจิงจึงอารมณ์ดีมาก แต่เป็เพราะสายลมที่พัดมาทางทะเลสาบหนาวเย็นไปเสียหน่อยจึงกระชับเสื้อคลุมแล้วพูดว่า “ซู่เหนียงอากาศหนาวแล้ว เรากลับกันเถิด ครั้งหน้าค่อยมาชมดอกเบญจมาศก็ได้เ้าค่ะ”
“ใกล้ถึงแล้ว ใกล้ถึงแล้ว” หวังซู่เหนียงจูงมือกู้เจิงเดินไปข้างหน้าอย่างมีความสุข
“ซู่เหนียงเ้าคะ” ชุนหงที่ตามอยู่ด้านหลังชี้ไปที่เส้นทางลูกรังซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบพร้อมกับกล่าวว่า“ไม่ใช่ว่าดอกเบญจมาศปลูกอยู่ทางด้านนั้นหรือเ้าคะ?”
“ข้างหน้าก็มี” หวังซู่เหนียงลากกู้เจิงให้เดินเร็วขึ้น
กู้เจิงสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องก่อนจะได้ยินผู้เป็มารดากล่าวว่า “เจิงเอ๋อร์ อากาศร้อนขนาดนี้ รีบถอดเสื้อคลุมออกเถิด”
“ข้าไม่ร้อนเ้าค่ะ หนาวเสียมากกว่า”
“แม่บอกให้เ้าถอดออกก็ถอดออกเถอะน่า” หวังซู่เหนียงเข้ามาปลดเสื้อคลุมของกู้เจิงออกและกล่าวว่า “เจิงเอ๋อร์ แม่ทำเช่นนี้ก็เพื่อตัวเ้าเอง”
กู้เจิงเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นก่อนจะเห็นมารดาไร้ค่าผู้นี้รั้งเสื้อคลุมของนางลงแล้วผลักนางไปด้านหลังซึ่งเป็ทะเลสาบขนาดใหญ่
“ซู่เหนียง อ๊ะ มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน....” คำพูดต่อไปกู้เจิงยังพูดไม่ทันจบก็ถูกมารดาผลักลงไปในทะเลสาบแล้วทันทีที่ตกลงไปก็ได้ยินมารดาไร้ค่าผู้นั้นะโเสียงดัง “ช่วยด้วย ช่วยด้วย บุตรสาวข้าตกลงไปในทะเสลาบ”
ช่างเป็มารดาขายส่งจริงๆ นางไม่น่าออกมาเลย
กู้เจิงเติบโตมาในหมู่บ้านริมแม่น้ำย่อมต้องว่ายน้ำเป็ทั้งยังว่ายเก่งด้วย แต่ถูกผลักลงน้ำแบบไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้จึงสำลักน้ำไปหลายคำท่าทางดิ้นรนยังเหมือนคนจมน้ำจริงๆ
บุรุษที่นั่งอยู่ในศาลาที่ไกลอออกไปวิ่งมาหาหวังซู่เหนียงคุกเข่าต่อหน้าบุรุษผู้นั้นและขอร้องให้เขาช่วยกู้เจิงในสภาพร่ำไห้น้ำมูกน้ำตาไหล
เมื่อกู้เจิงปรับตัวเข้ากับน้ำได้แล้วก็คิดหาอะไรสักอย่างปีนป่ายขึ้นมาแต่มานึกขึ้นได้ว่าเ้าของร่างว่ายน้ำไม่เป็ดังนั้นจึงทำได้เพียงแสร้งเป็ดิ้นรนตะเกียกตะกายขึ้นจากผิวน้ำยามเห็นบุรุษที่วิ่งมาก็อยากจะจมน้ำตายจริงๆนางรู้แล้วว่ามารดาไร้ค่ามีแผนจะทำอะไร
ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?
กู้เจิงท่องพึมพำอยู่สองสามประโยคในใจ ‘แม่เป็ผู้ให้กำเนิด แม่เป็ผู้ให้กำเนิด’ ทว่าก็ไม่สามารถกดความโกรธเกรี้ยวในใจลงไปได้ เดี๋ยวก่อนนางดิ้นรนตะเกียกตะกายตั้งนานแล้วเหตุใดบุรุษผู้นั้นยังไม่ลงน้ำมาช่วยนางสักทีเล่า? แม้จะไม่ได้คาดหวังให้เขามาช่วย แต่จะมองดูเฉยๆ เช่นนี้ไม่มีความเป็คนหน่อยหรือ?
กู้เจิงจึงได้เพ่งมองบุรุษที่ท่านแม่ของนางถูกใจผู้นั้นเห็นเค้าหน้าไม่ชัดเจน แต่รู้สึกว่ายังเยาว์อยู่ เวลานี้เขาก็กำลังมองดูนางเช่นกัน
มันปกติอย่างนั้นหรือ? ถึงจะไม่อยากช่วยนางก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเฝ้าดูนางจมน้ำตายอย่างสงบเช่นนี้กระมัง? เป็คนจิตใจแบบไหนกัน?
ด้วยเหตุนี้หลังจากกู้เจิงดิ้นรนอยู่ในน้ำมาสักระยะหนึ่งก็ได้ยินบุรุษผู้นั้นกล่าวกับซู่เหนียงว่า“ฮูหยินท่านนี้ ดูเหมือนว่าบุตรสาวท่านจะว่ายน้ำเป็”
หวังซู่เหนียง “...”
กู้เจิง “...”
หวังซู่เหนียงมองไปยังบุตรสาวที่กำลังลอยอยู่กลางทะเลสาบอย่างงงงันเมื่อเห็นบุรุษหนุ่มจะจากไปแล้ว หวังซู่เหนียงก็ร้อนใจร่ำไห้อย่างใจจะขาด “คุณชาย ท่านเห็นคนจะตายจะไม่ช่วยได้อย่างไรขอร้องท่านได้โปรดช่วยบุตรสาวข้าด้วยเถิด”
บุรุษหนุ่มเมินเฉยต่อหวังซู่เหนียง หมุนตัวจะเดินจากไปสายตาเหลือบไปเห็นสตรีในทะเลสาบจมลงไปอย่างกะทันหันก็อดย่นหัวคิ้วไม่ได้
กู้เจิงคิดว่าบุรุษผู้นั้นมองความตั้งใจของซู่เหนียงออกแล้วเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เต็มใจที่จะช่วยนาง นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดทว่าในใจก็ขัดแย้งไม่สบายใจเสียอย่างนั้น
ไม่ไหว ในน้ำเย็นจริงๆ กู้เจิงกำลังคิดจะว่ายน้ำกลับไป แต่อยู่ๆ ต้นขาก็เป็ตะคริวขึ้น สำหรับเธอที่เคยเรียนว่ายน้ำเมื่อเกิดเหตุฉุกเสิ่นนั้นต้องรีบสูดหายใจเข้าให้เต็มปอดแล้วลงไปในน้ำเพื่อนวดบริเวณที่เป็ตะคริวส่วนมืออีกข้างดึงนิ้วเท้าไปทางด้านหลัง
กู้เจิงเริ่มจมลงไปทีละน้อย
บนฝั่ง ชุนหงซึ่งตระหนกใจนยืนตัวสั่นในตอนแรกเมื่อเห็นคุณหนูใหญ่จู่ๆก็จมหายไปในทะเลสาบ จึงปีนไต่ไปริมทะเลสาบร้องไห้เสียงดังแม้แต่ซู่เหนียงเองก็มึนงง
เมื่อชายหนุ่มเห็นสถานการณ์เป็เช่นนี้ก็ไม่ลังเลอีกที่จะะโลงทะเลสาบเพื่อไปช่วย
กู้เจิงที่เริ่มคลายจากอาการตะคริวกำลังจะแหวกว่ายขึ้นไปก็เห็นใครบางคนะโลงมาในทะเลสาบ เป็บุรุษหนุ่มวัยประมาณสิบแปดสิบเก้าเค้าหน้างดงามแจ่มชัดท่ามกลางแสงสะท้อนในน้ำริมฝีปากที่ดูเหมือนเยาะเย้ยนั้นทำให้คนมองแล้วขัดใจยิ่ง
เขาจับมือนางแล้วดึงขึ้นไปข้างบนเมื่อโผล่พ้นน้ำก็นำนางส่งให้หวังซู่เหนียงกับชุนหงช่วยดึงขึ้นไปส่วนตนเองก็ะโขึ้นมา
ที่แท้ก็เป็วรยุทธเช่นนี้ กู้หงหย่งมาแล้ว นายหญิงเว่ยซื่อกู้อิ๋ง กู้เหยา น้องสองกู้เจิ้งชินก็มาแล้ว ยังมีองค์ชายห้าจ้าวหยวนเช่อผู้ซึ่งทำให้ตรงสะโพกกู้เจิงยังปวดตึงอยู่ก็มา
“ฉางหวาย (ฉายานาม) เ้าไม่เป็อะไรใช่ไหม?” จ้าวหยวนเช่อเห็นกู้เจิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเสิ่นเยี่ยนเปียกโชกทันใดนั้นในดวงตาก็เกิดอารมณ์กรุ่นโกรธ เหตุใดจึงเป็สตรีผู้นี้อีกแล้ว
“ไม่เป็ไรพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยองค์ชายห้าที่ทรงห่วงใย” เสิ่นเยี่ยนเอ่ยอย่างเฉยชา ก่อนจะรับเสื้อคลุมมาสวมทับ
สีหน้าคนตระกูลกู้ย่ำแย่มากพวกเขาล้วนไม่อยากให้บุตรสาวอนุปรากฏตัวต่อหน้าองค์ชายห้าไม่คิดว่าไม่เพียงแต่พบเห็นเข้า บุตรีอนุภรรยายังตกน้ำและถูกช่วยขึ้นมาโดยที่ปรึกษาเสิ่นเยี่ยนที่องค์ชายห้าให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
อยู่ดีๆ จะตกน้ำได้อย่างไร?
ยังดีๆ อยู่แท้ๆ เหตุใดจึงถูกที่ปรึกษาช่วยขึ้นมาได้เล่า?
กู้เจิงสวมเสื้อคลุมที่ชุนหงส่งให้นางคิดอาศัย่ที่ทุกคนมึนงงรีบลากหวังซู่เหนียงจากไปทว่าหวังซู่เหนียงกลับคุกเข่าตรงหน้ากู้หงหย่งและร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง “นายท่าน ท่านต้องตัดสินเื่นี้ให้แก่เจิงเอ๋อร์นะเ้าคะ”
ตัดสินอะไรกัน? กู้เจิงปวดเศียรเวียนเกล้าร่างกายก็เย็นจนสั่น นางรีบดึงหวังซู่เหนียงขึ้นเพื่อผละไป “ซู่เหนียง เรากลับเรือนก่อนเถิดเ้าค่ะ”
“เจิงเอ๋อร์ ไม่้าความบริสุทธิ์ของเ้าแล้วหรือ?” หวังซู่เหนียงออกแรงดึงกลับกู้เจิงจึงถูกนางดึงจนซวนเซคุกเข่าลงเบื้องหน้ากู้หงหย่ง
ความบริสุทธิ์อะไร? ความบริสุทธิ์ของนางยังอยู่ดีไม่ใช่หรือ? กู้เจิงจำต้องเล่นละครน้ำเน่าตามน้ำไปอย่างช่วยไม่ได้และที่น่ารำคาญไปกว่านั้นคือแรงของนางยังสู้หวังซู่เหนียงไม่ได้