ได้ยินซู่เหนียงพูดกับท่านพ่อของนางที่โกรธจัดจนหน้าตาบิดเบี้ยวว่า“นายท่านเ้าคะ เจิงเอ๋อร์ตกน้ำ ดีที่ได้คุณชายท่านนี้ช่วยเหลือแต่บุรุษและสตรีไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันตอนนี้เจิงเอ๋อร์สามารถแต่งงานได้แค่กับคุณชายท่านนี้เท่านั้นแล้วเ้าค่ะ”
มุมปากนายหญิงเว่ยซื่อยกยิ้มเย็น เมื่อเห็นละครฉากนี้ก็เข้าใจแล้วว่าอนุชั้นต่ำผู้นี้มีจุดประสงค์อะไร ช่างไร้ยางอายจริงๆ
กู้หงหย่งไม่ได้โง่เขลาเมื่ออนุห้องข้างกล่าวเช่นนี้ก็รู้ถึงแผนการในใจนางเพราะนางเคยพูดถึงเื่นี้กับเขามาก่อนและถูกเขาปฏิเสธไปแต่คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีการไม่เลือกปฏิบัติเช่นนี้ สีหน้าของเขายิ่งดูไม่ได้สิบนิ้วล้วนสั่นเทาด้วยความโมโหโทโส และคงไม่ดีนักที่จะแสดงมันต่อหน้าใครอย่างไรเสียก็เป็เื่เน่าเฟะภายในบ้าน
กู้เจิงอยากจะแก้ต่างให้ตนเอง แต่ก็รู้ว่าคงไม่มีประโยชน์ในเวลานี้นางไม่มีสิทธิ์ที่จะพูด หลักฐานก่อนหน้าก็ยังอยู่ จะต้องไม่มีใครเชื่อนางแน่จึงพึมพำอย่างเคียดแค้นในใจว่า ‘์เคยให้อภัยกับใครบ้าง?[1]’ ‘์เคยให้อภัยกับใครบ้าง?’ ‘เป็ท่านแม่ไงเล่า’ ‘เป็ท่านแม่ไงเล่า’ ก็ยังไม่หายคับแค้นใจ มารดาขายส่งเอ๊ย
“เป็แผนการที่ดี แต่นางไม่คู่ควร” จู่ๆ องค์ชายห้าก็เอ่ยปากและมองนางที่ก้มหน้าคุกเข่าด้วยสายตาถากถาง
“องค์ องค์ชายห้าเพคะ” หวังซู่เหนียงรีบยิ้มเอาอกเอาใจ“แม้ว่าเจิงเอ๋อร์จะกำเนิดจากอนุภรรยา แต่ก็ถือเป็คุณหนูใหญ่แห่งจวนป๋อจะไม่คู่ควรได้อย่างไรเพคะ?”
“ก่อนหน้านี้พวกเ้าสองแม่ลูกวางแผนทำร้ายเราเราก็ไม่ได้ถือสาหาความนี่เพิ่งไม่กี่เดือนก็คิดจะหันไปจับที่ปรึกษาของเราแล้วอย่างนั้นหรือ? พวกเ้านี่ช่างบังอาจยิ่งนัก”
กู้หงหย่งกู่ร้องว่าแย่แล้วในใจ สีหน้าองค์ชายห้าเขียวคล้ำสายตาเป็ประกายด้วยเจตนาฆ่า ดูท่าจะโกรธแล้วจริงๆ กู้หงหย่งจึงรีบกล่าวว่า“เป็โชคร้ายของตระกูล ให้องค์ชายห้าต้องเห็นเื่น่าขันอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ก่อนจะเตะหวังซู่เหนียงทีหนึ่งด้วยความฉุนเฉียว “ยังคุกเข่าทำอะไรตรงนี้? รีบพากู้อวี๋ออกไป ช่างน่าอับอายขายขี้หน้าเสียจริง”
“ซู่เหนียง” กู้เจิงรีบไปพยุงมารดาที่ถูกเตะจนล้มอยู่ที่พื้นเห็นสีหน้าท่านแม่ซีดขาวและเ็ปจึงรู้ว่าที่ถูกเตะนั้นย่อมไม่เบาฉับพลันก็รู้สึกปวดใจ ถึงอย่างไรร่างนี้ก็เป็ของนางยิ่งไปกว่านั้นใน่ไม่กี่เดือนมานี้หวังซู่เหนียงก็ปฏิบัติต่อนางเป็อย่างดี
หวังซู่เหนียงอดกลั้นต่อความเ็ปแล้วคลานไปคุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายห้ากล่าวทั้งน้ำตาว่า “ฝ่าาทรงปรักปรำหม่อมฉันแล้วเพคะ เจิงเอ๋อร์ว่ายน้ำไม่เป็ทะเลสาบนี้ก็ลึกนัก อากาศยังหนาวเย็นเช่นนี้ จะกล้าจงใจตกลงไปได้อย่างไรกันเพคะตอนนี้ได้คุณชายท่านนี้ช่วยไว้ ทั้งสองคนได้แตะเนื้อต้องตัวกันแล้วหากเขาไม่แต่งกับเจิงเอ๋อร์แล้วหลังจากนี้จะให้เจิงเอ๋อร์เป็ผู้เป็คนได้อย่างไรเพคะ”
กู้หงหย่งเห็นอนุต่ำต้อยของตนผู้นี้กำลังร้องขออภัยโทษจากองค์ชายห้าในใจก็แทบอยากจะเตะนางให้ตายสักทีหนึ่ง
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องเป็ผู้เป็คนแล้ว” องค์ชายห้าพูดเบาๆ
กู้เจิงเงยหน้ามองเขาทันทีทันใดมองลึกเข้าไปในแก้วตาสีนิลคู่นั้นที่สะท้อนถึงความรังเกียจจนกระทั่งอยากจะฆ่านางให้ตายโดยไว
องค์ชายห้า้าฆ่านางอย่างนั้นหรือ? หากเกิดสองเื่ในทำนองเดียวกัน กู้เจิงย่อมเข้าใจได้ทว่าเื้ัเจตนาฆ่านี้ นางรับรู้ได้ถึงความเกลียดชังองค์ชายห้าเกลียดนางที่ตรงไหนกัน?
เพราะประโยคนี้ขององค์ชายห้า สายตาคนตระกูลกู้จึงจับจ้องมาที่เขา
“อย่างไร กู้ป๋อเจวี๋ยเ้าไม่เต็มใจหรือ?” องค์ชายห้าเหลือบสายตาไปมองกู้หงหย่งสายตานั้นทำให้ผู้คนต่างเริ่มเย็นวาบที่สันหลัง
“องค์ชายห้าโปรดวางใจหม่อมฉันจะไม่แต่งกับที่ปรึกษาของพระองค์เพคะ”กู้เจิงยืนขึ้นและมองตรงไปยังองค์ชายห้า แววตาเยือกเย็นแต่แน่วแน่“หม่อมฉันไม่ทันระวังตกลงไปในทะเลสาบที่ปรึกษาของพระองค์ช่วยหม่อมฉันนั่นก็ด้วยเหตุจำเป็ จุดนี้หม่อมฉันเข้าใจเพคะ”
หวังซู่เหนียงใที่ได้ฟังบุตรสาวกล่าวเช่นนั้นเป็การยากนักกว่านางจะได้ข่าวว่าที่ปรึกษาผู้นี้ได้รับความไว้วางใจและความโปรดปรานจากองค์ชายห้าอีกทั้งยังไม่ได้ตบแต่งภรรยา นางนำเื่นี้ไปพูดกับกู้หงหย่งไม่คิดว่ากู้หงหย่งจะปฏิเสธตามตรง และยังบอกว่าช่างคิดเพ้อฝันเสียจริงดังนั้นจึงคิดหาหนทางได้ทางหนึ่งนางคิดมาตลอดว่าภายภาคหน้าองค์ชายห้าจะต้องมีอนาคตอันรุ่งโรจน์เป็แน่วันข้างหน้าที่ปรึกษาที่ติดตามเขาก็ต้องได้เป็ขุนนางใหญ่ในเมื่อเจิงเอ๋อร์แต่งกับองค์ชายห้าไม่สำเร็จเช่นนั้นหากแต่งกับที่ปรึกษาผู้นั้นก็นับว่าไม่เลว
องค์ชายห้าแค่นยิ้มเสียงเย็น “โอกาสดีเช่นนี้เ้าจะปล่อยผ่านอย่างนั้นหรือ?”
“ผู้น้อยไม่เข้าใจว่าองค์ชายห้ากำลังพูดถึงอะไรเพคะเพียงแต่คุณชายท่านนี้”กู้เจิงมองไปยังบุรุษหนุ่มที่ช่วยนางไว้ทั้งยังยืนอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเฉยเมยโดยตลอดยามขึ้นมาจากทะเลสาบไม่มีเวลามานึกถึงเขา นับประสาอะไรกับการใส่ใจเวลานี้นางถึงได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาอย่างชัดเจนเมื่อครู่ที่อยู่ในน้ำมองปราดเดียวก็รู้สึกแค่ว่าเป็บุรุษหนุ่มรูปงามหมดจดผู้หนึ่งน่าจะเกี่ยวกับแสงสะท้อนในน้ำถึงทำให้นางเกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้
นี่คือบุรุษหนุ่มวัยประมาณยี่สิบผู้หนึ่ง ดวงตาลึกล้ำ จมูกโด่งตรงประหนึ่งเส้นสันกรามที่ตัดผ่านทำให้ยามเขาขบเม้มริมฝีปากยังดูเ็ารูปร่างของเขาผอมเพรียวแต่สูงยิ่ง บนใบหน้าปรากฏความเคร่งขรึมซึ่งช่างห่างไกลจากคำว่ารูปงามหมดจดจริงๆกู้เจิงนึกถึงความเย้ยหยันผ่านมุมปากที่ยกยิ้มตอนอยู่ใต้น้ำเมื่อครู่คงเป็เพราะเขามองทะลุความคิดของซู่เหนียงนานแล้ว“คุณชายท่านนี้ต้องถูกบีบบังคับให้แต่งงานเพราะช่วยผุ้น้อยนี่ช่างไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเพคะ อีกอย่าง ผู้น้อยยังอยากอยู่กับซู่เหนียงอีกสักสองสามปีจึงยังไม่อยากแต่งงานเพคะ”
ได้ยินบุตรีอนุภรรยาเอ่ยเช่นนี้ กู้หงหย่งก็โล่งใจและไม่ว่าคำพูดนี้จะจริงหรือเท็จ ทว่าอย่างน้อยก็ยังสามารถปลอบโยนเขาได้ในเวลานี้เขายิ้มให้องค์ชายห้าแล้วกล่าวว่า“องค์ชายห้า นี่น่าจะเป็การเข้าใจผิดพ่ะย่ะค่ะ วันนี้ต้องขอบคุณคุณชายเสิ่นยิ่งนักที่ได้ช่วยอวี๋เอ๋อร์ไว้วันหน้าข้าจะจัดเตรียมของขวัญมีค่าถึงประตูเลยทีเดียว”
“เข้าใจผิดหรือ?” จ้าวหยวนเช่อยิ้มเย็น
เห็นท่าทีของจ้าวหยวนเช่อเป็เช่นนี้ กู้เจิงก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อตนเมื่อนึกถึงแผนการของตนเองเมื่อหลายวันก่อน กู้เจิงจึง ‘ตุบ’คุกเข่าลงตรงหน้ากู้หงหย่งและเว่ยซื่อ“ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกอยากกลับไปบ้านเกิดที่ซ่านเฉิงพร้อมกับซู่เหนียงเ้าค่ะนับแต่นี้ไป นอกจากเทศกาลหรือวันสำคัญลูกจะไม่กลับมาที่เยว่ตูอีกเ้าค่ะ”
“อะไรนะ?” กู้หงหย่งและเว่ยซื่อรวมถึงหวังซื่อ ทั้งสามคนต่างตะลึงงันเป็เสียงเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ทั้งเว่ยซื่อและกู้หงหย่งต่างก็อยากส่งสองแม่ลูกสกุลหวังกลับไปบ้านเกิดนานแล้วทว่าหวังซื่อนั้นต่อให้เป็ตายอย่างไรก็ไม่ยอม ยังหน้าด้านหน้าทนอยู่มาจนถึงตอนนี้บัดนี้กำลังอยู่ใน่หัวเลี้ยวหัวต่อแต่กลับพูดว่า้ากลับไปบ้านเกิดที่ซ่านเจียง ซ้ำยังจะไม่กลับมาเยว่ตูอีก
ที่หวังซื่อแปลกใจคือไม่อยากจะเชื่อว่าบุตรสาวจะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมานางต่อสู้กับเว่ยซื่อในจวนกู้มาครึ่งชีวิต เมื่อเห็นว่าการต่อสู้กำลังจะชนะ จู่ๆบุตรสาวก็บอกว่า้ากลับไปอยู่บ้านเกิด ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะไม่กลับมาเยว่ตูอีก
--------------------------------------------------------------------
[1] ์เคยให้อภัยกับใครบ้าง มาจากประโยคที่ว่า ‘ไม่ว่าดีหรือชั่วจะได้รับผลตอบสนอง ธรรมชาติย่อมโคจรตามวัฏจักรหากไม่เชื่อก็เงยหน้าขึ้น ์เคยให้อภัยกับใครบ้าง’ เป็ภาษาในโลกออนไลน์ปรากฏตัวครั้งแรกในละครโทรทัศน์เื่ลั่วอิงเสีย เมื่อปี ค.ศ.1971